สวัสดีค่ะ เริ่มเลยแล้วกันนะคะ เราเป็นบุคลากรทางการแพทย์สาขาหนึ่ง เรามีโอกาสได้รักษาคนไข้คนนึง เป็นผู้ป่วยชายไทยอายุ 28 ปี มีอาการปวดแขนและข้อมือด้านนอกทั้งสองข้าง เนื่องจากปั่นจักรยาน เราก็เจอคนไข้ รักษาตามปกติ
อาทิตย์แรก >> ทุกอย่างปกติ ไม่ได้คิดอะไร
อาทิตย์ที่สอง >> ในการรักษาแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้เจลในการรักษา เราก็กำลังรักษาอยู่ ซักพักแขนคนไข้เริ่มเลอะ เราก็จะลุกไปเอาผ้ารองมาใหม่
เรา : เดี๋ยวไปเอาผ้ารองมาให้ใหม่นะคะ
คนไข้ : อ่อ ไม่เป็นไร ยังใช้ได้อยุ่ เสียดาย (เราประทับใจคนไข้ตรงนี้นะ ดูเป็นผู้ชายรักโลก)
ซักพัก
เรา : คนไข้ค่ะ นั่งสบายมั๊ย ดูเกร็งๆๆๆนะคะ
คนไข้ : ไม่หรอกครับ ผมโอเค เอาที่คุณถนัดดีกว่า เพราะคุณเป็นคนรักษา
เรา : อ่อ….ถนัดค่ะ (ในใจคิด อือหือ….ดูเป็นคนเอใจเค้ามาใส่ใจเราดีนะ น่ารักจรุง)
ต่อมาคนไข้ถามว่า
คนไข้ : มีหนังสือเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแนะนำมั๊ยครับ
เรา : มีค่ะ เด่วหาให้นะคะ
**** เราก็หาให้คนไข้ คนไข้ถ่ายรูปไปเรียบร้อย
อาทิตย์ที่สาม >> ด้วยความที่ประทับใจคนไข้อยู่แล้ว เลยบอกหัวหน้าว่า เดี๋ยวหนูรักษาคนนี้ให้เองคะ
ระหว่างรักษา
เรา : เป็นไงคะ วันนี้ อาการดีขึ้นมั๊ยค่ะ
คนไข้ : ดีขึ้นครับ จะหายแล้วครับ
(คิดในใจ เฮ่อ หายแล้วก็ไม่มาแล้วสินะ ไม่เป็นไรๆๆๆๆ)
เรา : แล้วหนังสือที่แนะนำไปหาเจอมั๊ยคะ??? (เช็คดูน่ะ ว่าที่เค้าใส่ใจกับสิ่งที่เราพูดมั๊ย)
คนไข้ : อ่อ ไปหาดูแล้วครับ แต่บางร้านหนังสือบางร้านก็ไม่มี หมดแล้ว กะว่าจะสั่งออนไลน์ครับ
(เราดีใจนะ ที่คนไข้สนใจในสิ่งที่เราพูด ไม่ใช่เพื่อใคร ก็เพื่อตัวคนไข้เอง)
คนไข้ : คนรักษาที่มาวันเสาร์- อาทิตย์เนี่ย ปกติทำงานอยู่ที่นี่อยู่แล้วหรือเปล่าครับ
เรา : (แน่ๆๆๆๆๆ แอบถามป่ะเนี่ย มโนเยอะ) อ่อ….เปล่าค่ะ คนรักษาวัยเสาร์ อาทิตย์จะเป็น part-time ค่ะ
พอคนไข้กลับบ้านก็คิดว่าคงไม่เจอกันอีกนานหรือไม่ก็ไม่เจอเลยก็ได้ เพราะคนไข้มาเดือนละครั้ง ส่วนเราจะได้มาตรงกับคนไข้รึเปล่าก็ไม่รู้
ด้วยความที่ปลื้มคนไข้ เราเลยจำชื่อคนไข้มาหาข้อมูลในกูเกิ้ล ก็เจอนะ เจอว่า เค้าทำงานไร จบอะไร หาไปหามาเจอเฟสบุค ดีใจที่เจอส่องไปส่องมา เอ้า…..น้องสาวคนไข้เป็นเพื่อนของเรานิหว่า โอ้โห…อะไรจะบังเอิญขนาดน้านนน แต่ก็ไม่ได้ทำไรนะ เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า ซื้อหนังสือให้เลย เราก็ จะดีหรอ ดูมากไปป่าว เพื่อนบอกว่า ไม่หรอก ซื้อไปเลยกลัวไร เราก็เลยไปสั่งหนังสือให้ แล้วฝากไว้ที่ทำงานเผื่อคนไข้มารักษาได้รับหนังสือไปเลย เราเลยเอาเบอร์จากแฟ้มประวัติ SMS ไปบอกคนไข้ว่า พอดีไปเดินร้านหนังสือแล้วเจอเล่มนี้เลยซื้อมาฝาก ส่ง SMS ไป คนไข้เงียบนะ เราก็แอบเฟลนิดๆ พอวันรุ่งขึ้นเรากำลังทำงานอยู่ เฮ้ย!!!!! คนไข้โทรหา ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว ไม่กล้ารับเลยปล่อยไป (ขอหนูทำใจแป๊บนึงนะคะ คนไข้) วันรุ่งขึ้นเราเลยตัดสินใจโทรกลับ
เรา : ฮัลโหล ค่ะ
คนไข้ : ฮัลโหลครับ
เรา : ใครเอ่ย (แกล้งฟอร์มไปงั้นเหละ)
คนไข้ : น้องที่เคยรักษาผมใช่มั๊ยครับ ที่ซื้อหนังสือไว้ให้
เรา : ใช่ค่ะ
คนไข้ : ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่อุตส่าห์ซื้อหนังสือมาให้
เรา : ไม่เป็นไรค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ (ไม่ใช่ไรหรอกค่ะ….ทำตัวไม่ถูก)
เราเลยไปคุยกับเพื่อนที่รู้จักกับน้องสาวคนไข้ เพื่อนบอกว่า คนไข้ยังไม่มีแฟน เราตกใจเลยนะ โห….แปลกจัง แล้วเธอก็จัดการเล่าให้น้องสาวคนไข้ฟังเล้วว่า เราแอบปิ๊ง (ป่านนี้คงรู้แล้ว) แล้วเพื่อนบอกว่า แอดไลน์ ทักไปเลย เราก็ เอาวะ…เอาไงเอากัน เลยส่งสติ๊กเกอร์ไป คนไข้ก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับมานะ เราอยากถามว่า
1. เราควรจะทักไปไหม มันดูเกินไปรึป่าว เพราะเราต้องทำงานภายใต้จรรยาบรรณของวิชาชีพ
2. ตามที่เราเล่ามา เพื่อนๆคิดว่าคนไข้แอบมีหวั่นไหวอะไรกะเราบ้างมั๊ย เนื่องจากคนไข้เป็นคนถามคำตอบคำ เราเลยดูไม่ออก 555
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆเลยนะคะ
เเอบปิ๊งคนไข้ ทำไงดีหว่า
อาทิตย์แรก >> ทุกอย่างปกติ ไม่ได้คิดอะไร
อาทิตย์ที่สอง >> ในการรักษาแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้เจลในการรักษา เราก็กำลังรักษาอยู่ ซักพักแขนคนไข้เริ่มเลอะ เราก็จะลุกไปเอาผ้ารองมาใหม่
เรา : เดี๋ยวไปเอาผ้ารองมาให้ใหม่นะคะ
คนไข้ : อ่อ ไม่เป็นไร ยังใช้ได้อยุ่ เสียดาย (เราประทับใจคนไข้ตรงนี้นะ ดูเป็นผู้ชายรักโลก)
ซักพัก
เรา : คนไข้ค่ะ นั่งสบายมั๊ย ดูเกร็งๆๆๆนะคะ
คนไข้ : ไม่หรอกครับ ผมโอเค เอาที่คุณถนัดดีกว่า เพราะคุณเป็นคนรักษา
เรา : อ่อ….ถนัดค่ะ (ในใจคิด อือหือ….ดูเป็นคนเอใจเค้ามาใส่ใจเราดีนะ น่ารักจรุง)
ต่อมาคนไข้ถามว่า
คนไข้ : มีหนังสือเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแนะนำมั๊ยครับ
เรา : มีค่ะ เด่วหาให้นะคะ
**** เราก็หาให้คนไข้ คนไข้ถ่ายรูปไปเรียบร้อย
อาทิตย์ที่สาม >> ด้วยความที่ประทับใจคนไข้อยู่แล้ว เลยบอกหัวหน้าว่า เดี๋ยวหนูรักษาคนนี้ให้เองคะ
ระหว่างรักษา
เรา : เป็นไงคะ วันนี้ อาการดีขึ้นมั๊ยค่ะ
คนไข้ : ดีขึ้นครับ จะหายแล้วครับ
(คิดในใจ เฮ่อ หายแล้วก็ไม่มาแล้วสินะ ไม่เป็นไรๆๆๆๆ)
เรา : แล้วหนังสือที่แนะนำไปหาเจอมั๊ยคะ??? (เช็คดูน่ะ ว่าที่เค้าใส่ใจกับสิ่งที่เราพูดมั๊ย)
คนไข้ : อ่อ ไปหาดูแล้วครับ แต่บางร้านหนังสือบางร้านก็ไม่มี หมดแล้ว กะว่าจะสั่งออนไลน์ครับ
(เราดีใจนะ ที่คนไข้สนใจในสิ่งที่เราพูด ไม่ใช่เพื่อใคร ก็เพื่อตัวคนไข้เอง)
คนไข้ : คนรักษาที่มาวันเสาร์- อาทิตย์เนี่ย ปกติทำงานอยู่ที่นี่อยู่แล้วหรือเปล่าครับ
เรา : (แน่ๆๆๆๆๆ แอบถามป่ะเนี่ย มโนเยอะ) อ่อ….เปล่าค่ะ คนรักษาวัยเสาร์ อาทิตย์จะเป็น part-time ค่ะ
พอคนไข้กลับบ้านก็คิดว่าคงไม่เจอกันอีกนานหรือไม่ก็ไม่เจอเลยก็ได้ เพราะคนไข้มาเดือนละครั้ง ส่วนเราจะได้มาตรงกับคนไข้รึเปล่าก็ไม่รู้
ด้วยความที่ปลื้มคนไข้ เราเลยจำชื่อคนไข้มาหาข้อมูลในกูเกิ้ล ก็เจอนะ เจอว่า เค้าทำงานไร จบอะไร หาไปหามาเจอเฟสบุค ดีใจที่เจอส่องไปส่องมา เอ้า…..น้องสาวคนไข้เป็นเพื่อนของเรานิหว่า โอ้โห…อะไรจะบังเอิญขนาดน้านนน แต่ก็ไม่ได้ทำไรนะ เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า ซื้อหนังสือให้เลย เราก็ จะดีหรอ ดูมากไปป่าว เพื่อนบอกว่า ไม่หรอก ซื้อไปเลยกลัวไร เราก็เลยไปสั่งหนังสือให้ แล้วฝากไว้ที่ทำงานเผื่อคนไข้มารักษาได้รับหนังสือไปเลย เราเลยเอาเบอร์จากแฟ้มประวัติ SMS ไปบอกคนไข้ว่า พอดีไปเดินร้านหนังสือแล้วเจอเล่มนี้เลยซื้อมาฝาก ส่ง SMS ไป คนไข้เงียบนะ เราก็แอบเฟลนิดๆ พอวันรุ่งขึ้นเรากำลังทำงานอยู่ เฮ้ย!!!!! คนไข้โทรหา ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว ไม่กล้ารับเลยปล่อยไป (ขอหนูทำใจแป๊บนึงนะคะ คนไข้) วันรุ่งขึ้นเราเลยตัดสินใจโทรกลับ
เรา : ฮัลโหล ค่ะ
คนไข้ : ฮัลโหลครับ
เรา : ใครเอ่ย (แกล้งฟอร์มไปงั้นเหละ)
คนไข้ : น้องที่เคยรักษาผมใช่มั๊ยครับ ที่ซื้อหนังสือไว้ให้
เรา : ใช่ค่ะ
คนไข้ : ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่อุตส่าห์ซื้อหนังสือมาให้
เรา : ไม่เป็นไรค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ (ไม่ใช่ไรหรอกค่ะ….ทำตัวไม่ถูก)
เราเลยไปคุยกับเพื่อนที่รู้จักกับน้องสาวคนไข้ เพื่อนบอกว่า คนไข้ยังไม่มีแฟน เราตกใจเลยนะ โห….แปลกจัง แล้วเธอก็จัดการเล่าให้น้องสาวคนไข้ฟังเล้วว่า เราแอบปิ๊ง (ป่านนี้คงรู้แล้ว) แล้วเพื่อนบอกว่า แอดไลน์ ทักไปเลย เราก็ เอาวะ…เอาไงเอากัน เลยส่งสติ๊กเกอร์ไป คนไข้ก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับมานะ เราอยากถามว่า
1. เราควรจะทักไปไหม มันดูเกินไปรึป่าว เพราะเราต้องทำงานภายใต้จรรยาบรรณของวิชาชีพ
2. ตามที่เราเล่ามา เพื่อนๆคิดว่าคนไข้แอบมีหวั่นไหวอะไรกะเราบ้างมั๊ย เนื่องจากคนไข้เป็นคนถามคำตอบคำ เราเลยดูไม่ออก 555
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆเลยนะคะ