อ่านแล้ว อย่าด่าเราโง่นะคะ เราพลาดแล้ว รบกวนเพื่อนๆช่วยหาทางออกให้ทีค่ะ
6 พฤษภาคม 2558
เรื่องมีอยู่ว่านุช(นามสมมุติ)โทรมายืมเงิน เนื่องจากแม่ของนุช (นามสมมุติ) เสียชีวิต เราจึงสงสารมาก แต่เรากับนุชรู้จักกันจากเพื่อนหลายๆต่อ รู้จักกันแบบผิวเผิน แต่เรามี facebook นุช เห็นนุชลงภาพแม่ป่วยโคม่ามากๆ เราเห็นแล้วน้ำตาไหลเลย นุชโทรมายืมเงินเรา ให้เราโอนให้โดยให้เหตุผลว่าค่ารักษาพยาบาลไม่พอ ต้องสำรองจ่าย ถ้าได้เงินจากประกันจะคืนให้ทันที นุชยืมเรา 25,000฿ เราจึงโอนให้ เราตกอยู่ในสถานการณ์นั้น เราสงสารและทนเห็นไม่ได้จริงๆ เราจึงยอมให้ยืมไปโดยไม่ไตร่ตรอง หลังจากนั้นเราก็ติดต่อนุชตลอด พูดคุยกันปกติ
10 พฤษภาคม 2558
นุชโทรมาบอกเราว่า แม่เสียแล้ว เราจึงตกใจและนุชร้องให้ฟูมฟาย เราอยู่กรุงเทพด้วยจึงได้เพียงแค่โทรถามไถ่ นุชก็เศร้าและไว้อาลัยเต็ม facebook เราสงสารมาก เราปลอบใจนุชตลอด และเย็นวันนั้นนุชบอก ขอยืมเงินอีกได้ไหม ก้อนสุดท้ายแล้ว ค่าทำศพแม่ ค่าออกจาก รพ. ค่าอื่นๆ ยืมไป 45,000฿ เนื่องจากต้องนำศพไปทำพิธีที่ จ.ชัยภูมิ
เราจึงรีบโอนเพราะสงสารนุชมาก แต่เราก็โง่รอบ 2 ไม่ไต่ตรอง
15 พฤษภาคม 2558
เราคุยกับนุชเรื่องคืนเงิน นุชบอกว่ารอเงินประกันสังคมแม่ออกจะคืนให้เป็นเงิน 70,000฿ เลย เราจึงถามว่านานแค่ไหน เพราะมันคือเงินเก็บเรา นุชบอกว่าสิ้นเดือน พฤษภาคม เราก็โอเค
31 พฤษภาคม 2558
เราโทรหานุช ติดต่อนุช ถามทุกคนที่พอตามนุชได้ นางหายอย่างไร้ร่องรอย นุชกำลังหนีเรา และเราไม่รู้จักแม้แต่บ้านนุช เราตามไม่เจอ เราเสียใจมาก เพราะเราทำอะไรนุชไม่ได้เลย เราโง่มาก
5 มิถุนายน 2558
เราสืบชื่อ เบอร์โทรศัพท์ facebook จนทราบว่านางทำงานที่ .......... ร้านอาหาร จ.สมุทรปรการ เราจึงตามไปกินร้านนั้น เราต้องการจะไปพบนุชที่บ้านของนุช พอเราไปถึงร้านอาหาร เราขอประวัติกับที่ทำงานแล้วเราก็ตามไปที่บ้านนุช อยู่เขต วัดแค สมุทรปราการ พอไปถึงบ้านของนุช เป็นบ้านที่ไม่มีเลขที่ เป็นห้องเช่าไม้เล็กๆ มีพ่อแม่ของนุชอยู่ เราตกใจมากๆที่เห็นแม่ของนุช เราไปกับเพื่อนคนนึงเราอายุ20 ปี เราแค่จะไปคุยไม่ใช่ทำร้าย แต่พอเราเจอแม่ของนุช เราเล่าทุกอย่างให้ฟัง แม่นุชบอกว่าเค้าแค่เข้า รพ ไม่ได้เสียชีวิต ส่วนเงินค่ารักษา เถ้าแก่ออกให้ เค้าตัดหางปล่อยวัดนุชนานแล้ว เราบอกแม่นุชว่าเราอยากเจอนุชเพื่อคุย เราไม่ได้จะทำร้าย แต่ช่วยทำสัญญากู้ยืมเงินคืนเราได้ไหม เดือนละ 1000฿ ก็ยังดี เพื่อเป็นหลักประกันว่านุชจะคืนเงินเราจริงๆ แม่นุชบอกไม่รู้นุชอยู่ไหน เราเลยบอกว่าเราเดือดร้อนนะ เราขอถ่ายบัตร ปชช. พ่อแม่ ได้ไหม (เราจะไปสืบหานุชต่อ) หลังจากถ่ายบัตร ปชช ของพ่อแม่นุช นามสกุลของพ่อแม่และนุช 3 คนไม่เหมือนกัน เราจึงถาม แม่นุชบอกว่า นุชเป็นลูกของพี่สาวเค้าท้องมาทิ้งไว้ ไม่ใช่ลูกแท้ๆ เราตกใจมากๆ พ่อแม่นุชก้มกราบเรา บอกว่าอย่าทำอะไรลูกเค้าเลย เค้ารักลูกเค้า เราบอกเราไม่ทำหรอก เราใจเย็นนะ สรุปเราก็หานุชไม่เจอ พบแต่พ่อแม่เลี้ยงและการสร้างเรื่องโกหก
6 มิถุนายน 2558
นุชโทรมาหาเราแต่เช้า บอกว่าจะทำสัญญาชดใช้หนี้ เพราะนุชรู้ว่าเราไปบ้านจึงกลัวเราจะทำร้ายพ่อแม่นุช นุชเลยรีบทำตามข้อตกลงเรา สรุปว่าเราได้นัดนุชทำสัญญากันที่ ห้างสรรพสินค้าย่าน พระประแดง
10 มิถุนายน 2558
วันทำสัญญา นุชบอกว่าไม่มีใครเราตู้มเดียว 70,000฿ เราจึงขอว่า เดือน กรกฎาคม 2558 ขอยอด 15,000฿ ก่อนได้ไหม หลังจากนั้นค่อยเดือนละ 1,000฿ นุชบอกโอเค เราจึงทำสัญญาเตรียมเอกสารมานั่งคุยกันดีๆ เราไม่คิดดอกเบี้ยสักบาท
เราขอสรุปใจความในสัญญานะ
-นุชยืมเงินเรา วันนที่...70,000฿ ได้รับเงินครบ จะใช้คืนก่อน 15,000฿ ก่อน 10 กค. 2558 โดยมีผู้ค้ำชื่อ.... ถ้าผิดนัดประการใด ฟ้องร้องได้ตามสัญญา เราปริ้นแบบฟอร์มมาจากในเนต คาดว่าถูกต้อง หลังจากทำสัญญาเสร็จ ทุกอย่างเรียบร้อยดี
เอกสารที่เรามีของนุช
-บัตร ปชช นุช /ผู้ค้ำ
-สำเนาทะเบียนบ้าน นุช /ผู้ค้ำ
-ลายนิ้วมือ นุช / ผู้ค้ำ
-เลขบัญชี นุช
_____________________________
10 กรกฎาคม 2558
นุชเบี้ยวเราอีกแล้วจ้า เราของขึ้นมาก เราใจดีขนาดนี้ นางมีเงินนะแต่นางไม่พยายามจะคืนเรา
เราเลยปรึกษาทนาย ทนายบอกส่งจดหมายเตือนก่อน แน่นอนค่ะ เงียบมากกกก -------- เราเลยคิดว่าจะทำไงดี
3 กันยายน 2558
จนถึงวันนี้เรารู้แล้ว นางอยู่ไหน บ้านใคร ใช้ชีวิตยังไง เราอยากจะไปกะทืบนางด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เราอยากได้คือเงิน ไม่ใช่ความสะใจ เราจึงอยู่นิ่งๆแล้วคิดิและปรึกษาทนายอาสา เราเลยคิดว่า เราจะจู่โจมเข้าไปหานาง และทำสัญญาฉบับไหม่และเขียนเฃียนเลยว่านางติดเงิน 70,000฿ จะคืนภายในวันนี้ๆ.... ถ้าไม่คืนก็เล่นกฎหมาย นางยอมเซ็น 100% ค่ะ นางไม่สนอะไรเลย และเราจะบุกไปบ้านนาง ให้แม่นางเป็นผู้ค้ำด้วยค่ะ เพราะแม่นางมีงานทำ
เราจึงอยากจะถามว่า
-เราควรทำยังไงกับนาง
-เราควรเอาอะไรมาเป้นหลักประกัน
-เราควรใช้กฎหมายหรือกำลัง
เราเครียดมาก เราใจดีไปจริงๆ เราแค่อยากได้เงินคืน เรื่องเวลาไม่สำคัญ แต่มันคือเงินเก็บก้อนสุดท้าย
เพื่อนๆพี่ๆรบกวนช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ
เสียโง่โดนเพื่อนหลอกเงิน 70,000 บาท ช่วยด้วยค่ะ
6 พฤษภาคม 2558
เรื่องมีอยู่ว่านุช(นามสมมุติ)โทรมายืมเงิน เนื่องจากแม่ของนุช (นามสมมุติ) เสียชีวิต เราจึงสงสารมาก แต่เรากับนุชรู้จักกันจากเพื่อนหลายๆต่อ รู้จักกันแบบผิวเผิน แต่เรามี facebook นุช เห็นนุชลงภาพแม่ป่วยโคม่ามากๆ เราเห็นแล้วน้ำตาไหลเลย นุชโทรมายืมเงินเรา ให้เราโอนให้โดยให้เหตุผลว่าค่ารักษาพยาบาลไม่พอ ต้องสำรองจ่าย ถ้าได้เงินจากประกันจะคืนให้ทันที นุชยืมเรา 25,000฿ เราจึงโอนให้ เราตกอยู่ในสถานการณ์นั้น เราสงสารและทนเห็นไม่ได้จริงๆ เราจึงยอมให้ยืมไปโดยไม่ไตร่ตรอง หลังจากนั้นเราก็ติดต่อนุชตลอด พูดคุยกันปกติ
10 พฤษภาคม 2558
นุชโทรมาบอกเราว่า แม่เสียแล้ว เราจึงตกใจและนุชร้องให้ฟูมฟาย เราอยู่กรุงเทพด้วยจึงได้เพียงแค่โทรถามไถ่ นุชก็เศร้าและไว้อาลัยเต็ม facebook เราสงสารมาก เราปลอบใจนุชตลอด และเย็นวันนั้นนุชบอก ขอยืมเงินอีกได้ไหม ก้อนสุดท้ายแล้ว ค่าทำศพแม่ ค่าออกจาก รพ. ค่าอื่นๆ ยืมไป 45,000฿ เนื่องจากต้องนำศพไปทำพิธีที่ จ.ชัยภูมิ
เราจึงรีบโอนเพราะสงสารนุชมาก แต่เราก็โง่รอบ 2 ไม่ไต่ตรอง
15 พฤษภาคม 2558
เราคุยกับนุชเรื่องคืนเงิน นุชบอกว่ารอเงินประกันสังคมแม่ออกจะคืนให้เป็นเงิน 70,000฿ เลย เราจึงถามว่านานแค่ไหน เพราะมันคือเงินเก็บเรา นุชบอกว่าสิ้นเดือน พฤษภาคม เราก็โอเค
31 พฤษภาคม 2558
เราโทรหานุช ติดต่อนุช ถามทุกคนที่พอตามนุชได้ นางหายอย่างไร้ร่องรอย นุชกำลังหนีเรา และเราไม่รู้จักแม้แต่บ้านนุช เราตามไม่เจอ เราเสียใจมาก เพราะเราทำอะไรนุชไม่ได้เลย เราโง่มาก
5 มิถุนายน 2558
เราสืบชื่อ เบอร์โทรศัพท์ facebook จนทราบว่านางทำงานที่ .......... ร้านอาหาร จ.สมุทรปรการ เราจึงตามไปกินร้านนั้น เราต้องการจะไปพบนุชที่บ้านของนุช พอเราไปถึงร้านอาหาร เราขอประวัติกับที่ทำงานแล้วเราก็ตามไปที่บ้านนุช อยู่เขต วัดแค สมุทรปราการ พอไปถึงบ้านของนุช เป็นบ้านที่ไม่มีเลขที่ เป็นห้องเช่าไม้เล็กๆ มีพ่อแม่ของนุชอยู่ เราตกใจมากๆที่เห็นแม่ของนุช เราไปกับเพื่อนคนนึงเราอายุ20 ปี เราแค่จะไปคุยไม่ใช่ทำร้าย แต่พอเราเจอแม่ของนุช เราเล่าทุกอย่างให้ฟัง แม่นุชบอกว่าเค้าแค่เข้า รพ ไม่ได้เสียชีวิต ส่วนเงินค่ารักษา เถ้าแก่ออกให้ เค้าตัดหางปล่อยวัดนุชนานแล้ว เราบอกแม่นุชว่าเราอยากเจอนุชเพื่อคุย เราไม่ได้จะทำร้าย แต่ช่วยทำสัญญากู้ยืมเงินคืนเราได้ไหม เดือนละ 1000฿ ก็ยังดี เพื่อเป็นหลักประกันว่านุชจะคืนเงินเราจริงๆ แม่นุชบอกไม่รู้นุชอยู่ไหน เราเลยบอกว่าเราเดือดร้อนนะ เราขอถ่ายบัตร ปชช. พ่อแม่ ได้ไหม (เราจะไปสืบหานุชต่อ) หลังจากถ่ายบัตร ปชช ของพ่อแม่นุช นามสกุลของพ่อแม่และนุช 3 คนไม่เหมือนกัน เราจึงถาม แม่นุชบอกว่า นุชเป็นลูกของพี่สาวเค้าท้องมาทิ้งไว้ ไม่ใช่ลูกแท้ๆ เราตกใจมากๆ พ่อแม่นุชก้มกราบเรา บอกว่าอย่าทำอะไรลูกเค้าเลย เค้ารักลูกเค้า เราบอกเราไม่ทำหรอก เราใจเย็นนะ สรุปเราก็หานุชไม่เจอ พบแต่พ่อแม่เลี้ยงและการสร้างเรื่องโกหก
6 มิถุนายน 2558
นุชโทรมาหาเราแต่เช้า บอกว่าจะทำสัญญาชดใช้หนี้ เพราะนุชรู้ว่าเราไปบ้านจึงกลัวเราจะทำร้ายพ่อแม่นุช นุชเลยรีบทำตามข้อตกลงเรา สรุปว่าเราได้นัดนุชทำสัญญากันที่ ห้างสรรพสินค้าย่าน พระประแดง
10 มิถุนายน 2558
วันทำสัญญา นุชบอกว่าไม่มีใครเราตู้มเดียว 70,000฿ เราจึงขอว่า เดือน กรกฎาคม 2558 ขอยอด 15,000฿ ก่อนได้ไหม หลังจากนั้นค่อยเดือนละ 1,000฿ นุชบอกโอเค เราจึงทำสัญญาเตรียมเอกสารมานั่งคุยกันดีๆ เราไม่คิดดอกเบี้ยสักบาท
เราขอสรุปใจความในสัญญานะ
-นุชยืมเงินเรา วันนที่...70,000฿ ได้รับเงินครบ จะใช้คืนก่อน 15,000฿ ก่อน 10 กค. 2558 โดยมีผู้ค้ำชื่อ.... ถ้าผิดนัดประการใด ฟ้องร้องได้ตามสัญญา เราปริ้นแบบฟอร์มมาจากในเนต คาดว่าถูกต้อง หลังจากทำสัญญาเสร็จ ทุกอย่างเรียบร้อยดี
เอกสารที่เรามีของนุช
-บัตร ปชช นุช /ผู้ค้ำ
-สำเนาทะเบียนบ้าน นุช /ผู้ค้ำ
-ลายนิ้วมือ นุช / ผู้ค้ำ
-เลขบัญชี นุช
_____________________________
10 กรกฎาคม 2558
นุชเบี้ยวเราอีกแล้วจ้า เราของขึ้นมาก เราใจดีขนาดนี้ นางมีเงินนะแต่นางไม่พยายามจะคืนเรา
เราเลยปรึกษาทนาย ทนายบอกส่งจดหมายเตือนก่อน แน่นอนค่ะ เงียบมากกกก -------- เราเลยคิดว่าจะทำไงดี
3 กันยายน 2558
จนถึงวันนี้เรารู้แล้ว นางอยู่ไหน บ้านใคร ใช้ชีวิตยังไง เราอยากจะไปกะทืบนางด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เราอยากได้คือเงิน ไม่ใช่ความสะใจ เราจึงอยู่นิ่งๆแล้วคิดิและปรึกษาทนายอาสา เราเลยคิดว่า เราจะจู่โจมเข้าไปหานาง และทำสัญญาฉบับไหม่และเขียนเฃียนเลยว่านางติดเงิน 70,000฿ จะคืนภายในวันนี้ๆ.... ถ้าไม่คืนก็เล่นกฎหมาย นางยอมเซ็น 100% ค่ะ นางไม่สนอะไรเลย และเราจะบุกไปบ้านนาง ให้แม่นางเป็นผู้ค้ำด้วยค่ะ เพราะแม่นางมีงานทำ
เราจึงอยากจะถามว่า
-เราควรทำยังไงกับนาง
-เราควรเอาอะไรมาเป้นหลักประกัน
-เราควรใช้กฎหมายหรือกำลัง
เราเครียดมาก เราใจดีไปจริงๆ เราแค่อยากได้เงินคืน เรื่องเวลาไม่สำคัญ แต่มันคือเงินเก็บก้อนสุดท้าย
เพื่อนๆพี่ๆรบกวนช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ