ภรรยาทำถูกแล้วใช่ไหมที่ตัดผมออกจากครอบครัวเธอ

กระทู้คำถาม
ภรรยาอายุ 34 ผมอายุ 27 ผมแต่งงานกับเธอมา 2 ปี เรามีลูกด้วยกัน คนแรกลูกสาวติดภรรยาอายุ 8 ปี คนที่สองลูกชายอายุ 1.10 ปี

ภรรยาเงินเดือน 19000
ผมเงินเดือน 15000

เมื่อ 2 ปีก่อน
ผมได้เข้ามาใช้ชีวิตบ้านภรรยาเนื่องจากตั้งครรภ์ลูกชายโดยไม่ตั้งใจ เธออยู่กับพ่อ แม่ และลูกสาว
นั้นคือจุดเริ่มต้น
เราอยู่กินกันมาเรื่อยๆจนวันนึงภรรยาบอกอยากสร้างบ้านใหม่ในที่ดินตนเอง ผมก็ถามไปว่าหนี้สินเรายังเยอะทั้งคู่จะรับผิดชอบไหวเหรอ? ไหนจะลูกอีก?

เธอบอกว่าถ้ากู้สร้างบ้านก็จะเผื่อเงินส่วนต่างไป เราเอาหนี้มารวมไว้ในบ้าน
แล้วช่วยกันผ่อนที่เดียวไหม? ผมก็ลังเลอยู่นานเพราะมันหนี้ก้อนใหญ่
แต่เพื่ออนาคตลูก เพราะบ้านหลังเก่ามันผุแล้วเนื่องจากเป็นบ้านไม้ อายุก็มาก
กว่าเธอแน่นอน 40 ปีขึ้นไป ผมก็เลยตอบตกลง

เธอทำเรื่องกู้ 2.1 ล้าน แต่สร้างบ้านจริง 1.3-1.5 ล้าน (เธอกู้คนเดียวผ่านเพราะเธอเป็นพนักงานราชการ)
ทำไมถึงไม่กู้ร่วม เพราะเพียงภรรยาก็ผ่านแล้ว และไม่เคยหวังทรัพย์สมบัติใดๆจากเธอ

เราเริ่มสร้างบ้าน1 มี.ค.58 ทำงานประจำหาเงินจนถึง 30 พ.ค.58 เป็นวันที่ผมทำงานวันสุดท้ายเนื่องจากถึงจุดอิ่มตัว และปัญหาสะสม
และอยากมีเวลาอยู่กับลูก และอยากเปลี่ยนงาน งานเดิมเข้างาน 08.30-19.30 หยุดได้อาทิตย์ละวัน แต่ไม่ใช่หยุดทุกวันอาทิตย์
เนื่องจากเป็นงานบริการ สงกรานต์ต้องแบ่งกันหยุด แต่ก็ไม่ค่อยได้หยุด สิ้นปี-ปีใหม่ ไม่ได้หยุด ทำงานมา 4 ปี
ภรรยาเป็นพนักงานราชการ ซึ่งแน่นอนหยุดทุก ส-อา,นักขัติต่างๆ

ผมออกงานภรรยาก็ไม่สนับสนุน แต่ผมอธิบายเหตุผลและบอกอยากค้าขาย หลังจากผมออกงานแล้ว เรานั่งคุยกันว่าจะขายอะไรดี? ภรรยาเสนอน้ำ
ผมบอกเธอว่าทำไม่เป็นนะ ภรรยาบอกหาสูตรในกูเกิ้ลสิ ผมถามจะไปขายที่ไหนหล่ะ? ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีข้อมูลพวกนี้เลย มานั่งปรึกษากันสุดท้าย
ผมเลือกขายกางเกงในชายเนื่องจากน้าขายอยู่ที่จังหวัดตาก จึงมีที่ปรึกษาซึ่งภรรยาก็ไม่สนับสนุนมากนัก แต่ในเมื่อผมเลือกแล้วก็ช่วยๆกันไป
เราช่วยกันซื้อเต้นพับได้ อุกปรณ์ต่างๆสำหรับการขาย สินค้าคือ บอคเซอร์ กางเกงในชาย จากเงินสำรองที่เหลือไปประมาณ 30000

ผมเริ่มขายของ 12 ก.ค.58 ซึ่งกินเวลาไปเป็นเดือนเนื่องจากรอบ๊อคเซอร์ที่เครดิตเซลล์มาก่อนแต่ของได้ช้ามาก
12 ส.ค.58 ผ่านไปหนึ่งเดือนได้แค่ 7306 บาท จากเดิมได้เดือน 15000 ผมก็ทะเลาะเรื่องเงินกับภรรยา ผมขอโอกาสเธอ และออกสมัครงาน
เนื่องจากดู ศก. แล้วไม่รอดแน่นอน
12 ก.ย.58 ที่จะถึงนี้คือเดือนที่ 2 ได้เงิน 12470 บาท ก่อนหน้าที่เธอจะไล่ผมออกจากบ้าน เรานั่งปรึกษากันว่าจะหาวิธีไหนให้ได้เงินเพิ่ม ซึ่งพี่สะใภ้จะเซ้งร้านขายของชำใต้หอพัก เหตุผลคือแม่จะไปเก็บลำใยซึ่งมีสวนอยู่ไม่มีใครเฝ้าร้าน จ้างคนเฝ้าก็ไม่คุ้ม ผมก็ไปดูสถานที่แล้ว
มานั่งคุยกับภรรยาว่าผมไม่เอาเหตุผลคือร้านไม่ได้ติดถนนใหญ่ หอพักมี 20 กว่าห้อง ลูกค้าจรน้อยมาก กำไรมาจากพวกเหล้าเบียร์ ซึ่งคงขายให้
ลูกค้าประจำ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ 2 เครื่องต้อง เฝ้าตั้งแต่ 05.00 ถึง 22.00 ซึ่งผมไม่อยากเอาเวลาไปอยู่ร้านทั้งวันภรรยาผมเค้าไปนั่งดูพี่
สะใภ้ขายแล้วบอกว่าคนเยอะดีนะ ผมก็ตอบไปว่าถ้าเราเกิดขายไม่ดีหล่ะ?ทำไง?ค่าเช่า+ค่าไฟ 5000/เดือน ค่าเซ้ง 50000 เก็บเงินไว้ดีกว่า เพราะผมกำลังหางาน แต่ดูเธอแล้วเธอไม่พอใจผมเอามากๆ ไม่คุยกับผมเป็นอาทิตย์ ซึ่งเข้าใจว่าคงหักหน้าเธอที่คุยกับพี่สะใภ้ไว้

ที่ผมปฏิเสษเพราะมันต้องเอาเงินมาลงทุนอีกก้อนซึ่งมันก็ไม่น้อย เราทะเลาะกันเรื่องเงินอยู่ และมีความเสี่ยงที่จะขายไม่ได้เหมือนพี่สะใภ้ เนื่องจาก
กำไรมาจากเหล้า เบียร์ซึ่งพี่สะใภ้แต่งตัวเห็นร่องนมขาย เราคิดว่าถ้าเรารับช่วงต่อลูกค้าคงหาย เพราะคนเฝ้าร้านคือเราซึ่งเป็นผู้ชาย

สุดท้ายเราก็ง่อนแง่น อยู่ด้วยกันก็เหมือนไม่อยู่ ไม่คุยกัน จนเธอเอ่ยปากว่าให้เราไปอยู่กับแม่ ผมก็ถามย้ำเธอแล้วว่าคิดดีแล้วใช่ไหม? เธอบอกดีแล้ว
ผมจึงออกจากบ้านเธอวันที่ 3 ก.ย.58 เก็บของทั้งหมดมาอยู่กับแม่ ซึ่งผมก็มารู้ทีหลังว่าเธอพูดกับแม่ผมไว้ก่อนหน้าแล้วแต่แม่ไม่บอกผม
เธอพูดกับแม่ว่า ถ้าผมยังอยู่เงินเธอก็จะหมด แต่ถ้าผมไม่อยู่เงินก้อนที่เหลือก็สามารถเลี้ยงครอบครัวเธอได้ ซึ่งพอผมได้ยินแม่บอกก็สะอึก
จริงๆถ้าเธอคุยกับผมแล้วบอกว่าให้ผมกลับมาหาลู่ทางขายของทางนี้กับแม่มันจะดีกว่าไหม? แต่เธอไม่เคยพูดกับผมเลย แต่กลับตัดสินใจตัดผมออก
คนที่รับกรรมก็คือลูก

ซึ่งผมมานั่งทบทวนตัวเองว่าเราคงทำดีไม่พอ ไม่ทำตามที่ภรรยาอยากให้เป็น ในเมื่อความเห็นไม่ตรงกัน มันก็ไม่มีความสุข
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
กว่าจะมาถึงจุดที่เขาว่าคุณ  เขาคงพูดอย่างอื่นมาเยอะแล้ว
แต่คุณเคยฟังเขาบ้างไหม?  คุณไม่เคยให้ความสำคัญกับเขา
คุณเอาแต่ใจไม่ยอมรับฟังเธอ   แต่พอตัวเองล้มมากลับอยากให้เธอฟังคุณ
อย่าลืมนะว่าคุณมีลูกกับเธอ  แค่ตัวคุณเองยังไม่รอด  ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่เธอหมด เธอเครียดกว่าคุณอีก
วันนี้ คงต้องพิสูจน์ตัวเองหละ  ว่าเป็นแบบที่เขาพูดหรือเปล่า  ขอให้โชคดีค่ะ

อ้อ..ศักดิ์ศรีที่แท้จริงของความเป็นลูกผู้ชาย คือการปกป้องเลี้ยงดูลูกเมียนะคะ
ความคิดเห็นที่ 14
คุณ เกาะเค้ากิน จริงๆครับ         แค่คำพูดทำรับไม่ได้


มองแฟนคุณบ้าง     ทั้งลูก ทั้งคุณ  ทั้งพ่อแม่เค้า  ทั้งบ้านที่ต้องผ่อน    ............................  คุณนี่ภาระจริงๆ     สงสารผู้ ญ ครับ
ความคิดเห็นที่ 83
เรามาตอบในฐานะที่อดีตสามีเราเหมือนคุณเลย อ่านเหมือนอ่านเรื่องของตัวเอง และเราก็เลิกกันไม่ให้เค้ากลับมาอีก
       เพราะอะไรรู้ไหม เราคบเค้ามาได้ 6 ปี มีแต่คำว่าอดทนตลอด
    เค้าทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบคุณ คิดการใหญ่ แต่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เราเตือนเค้าแล้วว่า เงินสำรองเรามีพอแค่ใช้จ่ายเวลาฉุกเฉิน เราไม่พร้อมที่จะลงทุน เพราะถ้าผิดพลาดมาเราไม่ได้ล้มบนฟูก รายจ่ายทุกอย่างยังคงเดิม แต่รายรับมันผันผวนตลอด ลูกก็โตขึ้นทุกวัน เราก็แก่ขึ้นทุกวัน เวลาที่จะเอามาเสี่ยงล้อเล่นกับชีวิตมันน้อยแล้ว ถ้าเค้าตัวคนเดียวจะใช้ชีวิตเสี่ยงแค่ไหนก็ทำไป เราเคยลาออกแบบหุนหันพลันแล่นเมื่ออายุวัยรุ่น พอเรามีครอบครัว มีลูก เราต้องทำยังไงก็ได้เพื่อให้ลูกอยู่ได้ เราอดไม่เป็นไร แต่เราไม่ยอมให้ลูกอด เราคิดในหัวทุกวันจนสมองจะระเบิด ว่ารายได้ของเราก้อนนี้ เงินเดือนก้อนนี้จะบริหารยังไงให้มันลงตัว มองคนข้างกายก็มัวแต่วาดวิมานในกระดาษ ว่าลงทุนอันนั้นจะได้เท่านั้นเท่านี้ คือ เงินเราทั้งกดบัตร เงินสำรอง เอาไปลงทุนกับอะไรที่มันไม่งอกเงย ต้องรอๆๆ แล้วปากท้องกี่ปากล่ะมันรอได้ไหม เราเคยขอร้องแฟนเราว่า เดี๋ยวเราทำงานนอกบ้านเอง เธอทำงานบ้านอยู่ดูแลบ้านนี่แระ ทิ้งเงินไว้ให้เค้าใช้วันละ 100 เงินเดือนยังพอเหลือเก็บบ้าง แต่ก็รั้นพอลงทุน กำไรก็ไม่มี หนี้ก็มา พอเราเครียด เราก็อยากระบาย พูดดีก็แล้ว ปะเหลาะก็แล้ว ด่าก็แล้ว เตือนก็แล้ว คือ ฟางเส้นสุดท้ายอยู่ที่ลูก บอกตัวเองตลอดว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยเค้ายังรักลูก ดูแลลูก เราทนไหว เราเก่ง เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ทุกครั้งที่เราพูดเรื่องเงิน แจงรายละเอียดที่ต้องจ่ายหนี้สินให้ฟัง ฟังๆอยู่หลับไปเฉย บางทีตาดูทีวีจนจับใจความที่เราเล่าให้ฟังไม่ได้ คือ เราลำบากก็พออดทน แต่เธอไม่คิดจะปลอบใจ เป็นกำลังใจ เชื่อกัน ช่วยกันประหยัด กอดเราบ้างก็ได้ มันทุกข์ หัวหน้าครอบครัว คำนี้มันยิ่งใหญ่ พอเรายกบทบาทนี้ให้กลายเป็นคุณนำพาลูกเมียดิ่งเหวลึกไปทุกที เรายอมเป็นหัวหน้าครอบครัวเองก็ได้ เธอก็รั้นไม่ยอมฟัง คือ รายจ่ายมาทุกวัน ปากท้องต้องกินทุกวัน เรารอไม่ได้หรอก ชีวิตเรากับลูกต้องเดินต่อ เราเป็นแม่ 2 มือเราต้องประคับประคองชีวิตลูก จะให้เราอุ้มลูกมือนึง อุ้มเธอมือนึง เอาเป้ภาระหนี้สินสะพายไว้เต็มบ่า คิดบ้างไหมว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำ เราคบกันไม่ใช่เพราะเงิน เพราะตลอดเวลาที่อยู่กันมาไม่มีคำว่าสบาย ทุกคืนต้องคิดว่าเดือนนี้จะจัดการยังไง เธอไปแอบออกรถมอไซด์มา สุดท้ายภาระผ่อนก็ตกอยู่ที่เรา แล้วหนี้ที่ทำงานแล้วขาดทุนของเธออีก เกือบ 2 แสน แล้วมันก็ไปจากชีวิตเรา ไปตัวเปล่าๆ เหลือหนี้สินบานเบอะให้ใช้จ่าย บางทีเห็นคนเงินเดือน 9000 ช่วยกันทำงาน 2 คนผัวเมีย แล้วนึกอิจฉา ทำไมเราเงินเดือนขนาดนี้ ความสุขส่วนตัวไม่เคยมี ทำอะไรนึกถึงลูกผัวก่อน ซื้อโทรศัพท์ให้ก็ไม่เคยรักษา ซิ้อดีที่สุดคือเครื่องแรก เดินแล้วลื่นเอาโทรศัพท์รองมือไว้หน้าจอแตก นอกจากนั้น อีก 4 เครื่องภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ขนาดซัมซุงฮีโร่ก็ไม่เหลือ เสื้อผ้าใส่แล้วไม่เคยเข้าตะกร้าทิ้งเกลื่อนกลาด เรากลับจากทำงานมาก็เหนื่อยแล้ว ต้องมาเก็บกวาด เค้ามีหน้าที่แค่ทิ้งขยะ เราใส่ถุงดำก็ไม่เคยเอาไปทิ้ง จนต้องเอาถุงไปตั้งขวางประตูบ้านถึงเอาไปทิ้งได้ พูดจาก็ไม่ดี หยาบคาย กินแล้วก็นอน ทำอะไรก็มัวแต่รอเวลา คุณก็เหมือนกัน คุณสมัครงานแล้วคัณจะมัวนั่งรองานอยู่เหรอ งานรับจ้างรายวันทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน ให้มันได้เงิน โอกาสไม่ได้หล่นจากฟ้ามันต้องแสวงหา อย่ามัวมานั่งปรัชญากับชีวิตอะไรให้มันมากนัก ศักดิ์ศรีมีไปก็เท่านั้นถ้าเป็นคนทำอะไรไม่รู้จักคิด ไม่จัดความสำคัญว่าอะไรสำคัญ ควรทำก่อนทำหลัง ให้แต่คนอื่นวิ่งตามเวลาของตัวเอง โลกมันหมุนทุกวัน มันไม่เคยหยุดรอใคร ออกไปว่ายน้ำกลางทะเล รอเผื่อเรือจะมารับ ดันทุรังทำไม่คิด เพราะอยู่บนฝั่งก็รอได้เหมือนกัน ว่ายออกทะเลสะเปะสะปะ คิดเหรอว่าโอกาสเจอเรือมันจะเยอะ เรื่องบางเรื่องรอบนฝั่งก็ไม่ต่างกันหรอก มันก็รอเหมือนกันแต่เสี่ยงน้อยกว่า เราเป็นภรรยากับลูกคุณ เราก็ไม่โง่และบ้าพอออกไปว่ายออกทะเลเรื่อยเปื่อยรอเรือมารับหรอก ยังไงเรือสักลำก็ต้องเข้าฝั่ง มามัวเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง สนใจแต่ตัวเอง อยู่คนเดียวเถอะนะ ---
ความคิดเห็นที่ 16
เพราะคุณสองคนไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก
คุณพูดเองว่าคุณสองคนบำบัดความใคร่กัน2ปี
ถ้าไม่มีลูกก็คงเลิกกันไปแล้ว และที่ต้องแต่งานก็เพราะมีลูก
คุณไม่พร้อมจะมีครอบครัว ไม่พร้อมจะร่วมชีวิตกับใคร
พอแต่งงานมาคุณก็ไม่ฟังอีกฝ่ายนึกอยากจะทำอะไรก็ทำไม่นึกถึงผลที่จะตามมา
เสี่ยงตายดาบหน้าในสถานการณ์ครอบครัวที่กำลังจะชักหน้าไม่ถึงหลัง

ความคิดของตัวคุณเองน่ากลัวที่สุด คิดติดลบตั่งแต่แรกที่ว่าภรรยาคุณคิดยังไงถึงปล่อยให้ท้อง
ทั้งๆที่เคยมีลูกมาแล้ว พอมาวันนี้ครอบครัวแตกเพราะตัวคุณเองมีส่วนอย่างมาก
คุณก็มาพร่ำรำพรรณว่าเค้าว่าคุณเกาะเค้ากิน
มองจากมุมคนนอกที่เห็นได้จากคุณสองคนไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก
ไม่ผิดหรอกที่อีกฝ่ายจะคิดแบบนั่น เพราะตัวคุณเองเค้าตือนอะไรก็ไม่ฟัง ดันทุรัง
เป็นภาระให้เค้าอย่างเห็นได้ชัดซึ่งถ้าคนรักกันอาจไม่คิดอย่างนี้เพราะเค้าคงรับฟังกันและกัน
ตัดสินใจร่วมกันเพื่อสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว

ตอนนี้จขกทควรรีบหางานทำและรับผิดชอบตัวเองและช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องลูกเมื่อสามารถทำได้
อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายแบ่งรับทุกอย่างเพียงลำพังเนิ่นนานเกินไปถึงไม่สามารถแบ่งเบาภาระเรื่องบ้านได้
ขอให้ระลึกถึงลูกก็พอ ทำดีที่สุดเพื่อลูกตัวเองนั่นหละค่ะ
ส่วนเรื่องภรรยาจขกทเองอายุน้อยกว่าเค้า7ปีแต่งงานกันเพราะสถานการณ์บังคับ
เค้าคงคิดว่าฝากชีวิตไว้กับจขกทไม่ได้หละค่ะเค้าถึงตัดสินใจแบบนั้น ถ้าเปลี่ยนใจเค้าไม่ได้ก็ต้องปล่อยเค้าไปค่ะ
จขกทเองก็รู้ว่าผิดยอมรับผลกระทบจากการตัดสินใจที่ดันทุรังของตัวเองแล้วเดินหน้าต่อไปค่ะ
ความเป็นสามีภรรยาอาจจบลงแต่อย่าให้ความเป็นพ่อลูกจบไปด้วย

ปล.เราอ่านจากกระทู้ก่อนของจขกทก่อนจะเม้นค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
นี่แหละครับที่เขาบอกว่า ความรักกินไม่ได้ ปัญหาเรื่องเงินเข้ามาทางประตูเมื่อไหร่ ความรักก็บินออกทางหน้าต่างเมื่อนั้น

เรื่องของเรื่อง คุณดันดื้อดันทำสิ่งที่ ภรรยาคุณไม่เห็นด้วยแต่แรก เป็นคุณเองแหละ ที่ไม่ให้ความสำคัญของคำว่าสามีภรรยา ที่จะคิดจะทำอะไรก็ต้องร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน ต่อให้คุณขายเสื้อผ้าเจ๊งแบบนี้เด๊ะเลย แต่เกิดจากความยินยอมพร้อมใจตกลงกันแต่แรกกับภรรยา จุดจบจะไม่เป็นแบบนี้นะ

ดังนั้น ที่เธอตัดคุณออกจากชีวิตคงไม่ใช่เพราะผลประโยชน์อย่างเดียว นั่นส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือการดื้อดึงไม่ฟังกันและไม่สามารถรับผลที่ตามมาเองได้ต้องไปเดือดร้อนถึงภรรยาด้วยมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่