ณ ดวงดาวฮาล่า อันเป็นถิ่นที่อยู่ของจักรวรรดิครี เผ่าพันธุ์ฮิวแมนนอยที่มีร่างกายเป็นสีฟ้า หากแต่มีพลังกายสูงส่งในระดับเดียวกับชาวแอสการ์เดี้ยน และอารยธรรมรวมถึงวิทยาการที่ล้ำสมัยมากมายกว่ามนุษย์โลกหลายร้อยเท่า
และแน่นอนว่าทุกเผ่าพันธุ์มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งก็มีชาวครีส่วนนึงที่รักสงบ และไม่ต้องการรุกรานอาณาจักรอื่นๆในจักรวาล หากแต่ชาวครีส่วนนึงก็มักนิยมทำศึกสงครามรุกรานเค้าไปทั่ว
หลายพันปีที่แล้ว ขณะที่มนุษย์ยังมีอารยธรรมและความเจริญน้อยยิ่งนัก ชาวครีกลุ่มนิยมทำศึกสงครามก็เดินทางมายังโลกมนุษย์ เกิดเป็นตำนานปรัมปราในหมู่มนุษย์ที่พบเห็นการมาเยือนของชาวครีครั้งนั้นว่า ชาวครีนั้นคือ Blue Angel หรือ เทวทูตผู้มีร่างกายสีฟ้า
หากแต่การมาเยือนของชาวครีครั้งนั้นมีจุดหมาย นั่นก็เพื่อทดลองเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์โลก และนำมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเหล่านั้นไปเป็นทาสนักรบ (Slave Warriors ) และใช้ทาสนักรบเหล่านี้เพื่อสู้รบกับอาณาจักรบนดวงดาวอื่นๆในจักรวาลทั้งหลายนั่นเอง
โดยที่ชาวครีคัดเลือกมนุษย์มาจากหลากหลายเชื้อชาติไปทั่วทั้งโลก ทั้งชาวเอเชีย ชาวยุโรป ชาวอาฟริกัน โดยกลุ่มมนุษย์ที่ถูกคัดเลือกมานั้น ล้วนแล้วแต่ต้องผ่านอุปกรณ์ที่ชาวครีสร้างขึ้นมาคือ Diviner
และถ้ามีมนุษย์ผู้อื่นที่ไม่ได้ถูกดีไวเนอร์เลือก และมาจับหรือสัมผัสดีไวเนอร์ สสารในตัวมนุษย์ผู้นั้นจะแปรเปลี่ยนคล้ายดินหรือหินร่วนๆ และตายในทันที
ชาวครีสร้างวิหารไว้บนโลก (โปรตุเกสปัจจุบัน) และกระบวนการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์นี้ มนุษย์เหล่านั้นต้องถือดีไวเนอร์เข้าไปยังวิหารแห่งนี้ ซึ่งจะกลับออกมาโดยถูกเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอแบบก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการ ทำให้เกิดมีพลังต่างๆที่เป็นแบบสุ่ม แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง มนุษย์ที่ถูกดีไวเนอร์เลือก และเข้าไปในวิหาร จึงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ชาวครีเห็นแม้แต่ผู้เดียว
ชาวครีที่รักสงบนั้นล่วงรู้ถึงการทดลองนี้ จึงต่อต้านและประนามชาวครีกลุ่มบ้าสงครามนี้ด้วยว่า เป็นการทดลองที่อันตรายยิ่ง ชาวครีบ้าสงครามกลุ่มนี้จึงจากโลกมนุษย์ไป โดยทิ้งดีไวเนอร์และวิหารไว้ที่โลกแห่งนี้ ครีที่รักสงบนั้นทำการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยไว้ด้วยที่วิหาร ว่าถ้ามีผู้มนุษย์คนใดเข้าไปในวิหารแห่งนี้เพื่อปลุกพลังอีก เครื่องเตือนนี้จะส่งสัญญาณกลับไปที่ดาวฮาล่าทันที เพื่อที่ครีฝ่ายรักสงบจะมากำจัดมนุษย์ผู้นั้นที่ถูกปลุกพลัง
ชาวครีกลุ่มรักสงบรู้ว่า ถ้าหากมนุษย์ถูกปลุกพลังและก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการแล้ว ชาวครีอาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะมนุษย์ผู้ถูกปลุกพลังจะมีสเกลพลังที่ไม่ชัดเจนแน่นอนว่าจะมากน้อยเพียงใด ชาวครีจึงทิ้งอาวุธพันธุกรรมอย่างนึงเอาไว้บนโลกด้วย ซึ่งอาวุธชิ้นนี้มีไว้เพื่อกำจัดมนุษย์ผู้ถูกปลุกพลัง และสิ่งนั้นก็คือ Monolith
แต่ชาวครีทั้งกลุ่มบ้าสงครามและกลุ่มรักสงบนั้นคิดผิดทั้งหมด การทดลองครั้งนั้นได้ผลอย่างดียิ่ง มนุษย์ผู้ถูกปลุกพลังเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มีพลังที่หลากหลายแปลกประหลาด แต่มนุษย์กลุ่มนี้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่รวมกลุ่มกัน และปิดบังพลังมิให้ชาวครีหรือมนุษย์ปกติได้รับรู้ และตั้งกฏของกลุ่มไว้ มิให้ผู้ใดในกลุ่มฝ่าฝนกฎเหล่านั้นที่ตั้งขึ้น เพราะจะนำไปสู่ความหายนะของเผ่าพันธุ์กลุ่มนี้นั่นเอง หนึ่งในกฎเหล็กของกลุ่มก็คือ ห้ามมิให้คนในกลุ่มคนใดเข้าไปยังวิหารชาวครีอีกเป็นอันขาด และพวกเขาก็เรียกเผ่าพันธุ์ตนเองว่า INHUMANS
วิธีปลุกพลัง แบบที่ 1
-ผู้ถูกเลือกเอาดีไวเนอร์ไปวางไว้ยังแท่นหินในวิหารครี
-ดีไวเนอร์แตกตัวออกเอง และเผยให้เห็นเทอริเก้นคริสตัล
-เทอริเก้นคริสตัลจะแตกตัวออกเอง จนเกิดเป็นเทอริเก้นมิส
-ผู้ถูกเลือก จะอาบเทอริเกนมิสที่อัดใส่ และเกิดการฟักตัวอยู่ในหิน เรียกว่า เทอริเจเนซิส
-ผู้ถูกเลือกออกมาจากเทอริเจเนซิส และกลายเป็นอินฮิวแมนสมบูรณ์ (พลังแตกต่างกันไป)
อินฮิวแมนถ่ายทอดดีเอ็นเอของผู้ถูกเลือกผ่านยุคผ่านสมัยเรื่อยมาทางสายเลือดของตน นั่นหมายความว่า ลูกหลานเหลนโหลนของอินฮิวแมนกลุ่มแรก ล้วนแล้วแต่ได้รับดีเอ็นเอผู้ถูกเลือก หากแต่จะได้รับการถูกปลุกพลังแบบสุ่ม แปลว่า ถ้ามีลูก 4 คน อาจจะได้รับการปลุกพลังเป็นอินฮิวแมนเพียงคนเดียว เป็นต้น และ1ใน4ผู้ที่ไม่สามารถถูกปลุกพลังได้ ถ้าให้กำเนิดลูกขึ้นมาอีก ลูกผู้นั้นก็อาจจะได้รับการปลุกพลังเป็นอินฮิวแมนก็เป็นได้ นี่คือความไม่แน่นอนของการเป็นอินฮิวแมนทางสายเลือดนั่นเอง
ผ่านมานับร้อยนับพันปี บรรพบุรุษอินฮิวแมนทำแค่เพียงส่งดีไวเนอร์ผ่านจากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดมาเรื่อยๆ ให้เก็บไว้กับตระกูลตนเอง และบอกเล่าเรื่องราวนี้สืบทอดมาด้วย นั่นจึงทำให้ไม่มีอินฮิวแมนเกิดขึ้นอีกมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้ถูกปลุกพลังขึ้นโดยมิได้ตั้งใจ (ไม่ได้เข้าไปในวิหารนะ) แต่พวกพ้องสายเลือดผู้สืบทอดคนอื่นๆที่รับรู้ก็จะมาช่วยเหลือ เพราะเมื่อใดที่มีอินฮิวแมนกำเนิดใหม่ ดีไวเนอร์จะส่งสัญญาณเรืองแสงไปทุกชิ้นบนโลกนั่นเอง
ค.ศ. 1945 ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะมาถึงจุดจบ ในประเทศออสเตรียขณะนั้น หน่วยทหารย่อยหน่วยนึงของกองทัพนาซีนำโดยผู้พันชมิธที่มีชื่อว่า ไฮดร้า ก็นำกองกำลังส่วนนึงนำโดยผู้พันไรฮาร์ตมือขวาของผู้พันชมิธ มากวาดต้อนและจับกุมชาวจีนอพยพในหมู่บ้านเล็กๆที่ออสเตรีย เพื่อทดลองบางอย่าง
ไรฮาร์ตนั้นชอบศึกษาตำนานเทพปกรฌัมปรัมปราเฉกเช่นชมิธ จึงล่วงรู้สิ่งที่ประว้ติศาสตร์ซ่อนเร้นไว้มากมาย หนึ่งในตำนานนั้นก็คือ Blue Angel หรือ เทวทูตผู้มีร่างกายสีฟ้า ซึ่งเป็นชาวครีนั่นเอง
ไรฮาร์ตแกะรอยตำนานนั้นมาจนถึงที่นี่ และพบว่าชาวจีนกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับเทวทูตผู้มีร่างกายสีฟ้า จึงคิดจะจับกุมมารีดข้อมูล ซึ่งสิ่งที่ไรฮาร์ตค้นพบในหมู่บ้านชาวจีนที่ออสเตรียก็คือ ดีไวเนอร์ แหล่งกำเนิดพลังของฮินฮิวแมน แต่ไรฮาร์ตไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงเรียกมันว่า โอเบลิสก์ (แปลว่าแท่งเหล็กแหลมโบราณ)
แต่สิ่งที่พิเศษที่ทำให้ไรฮาร์ตตะลึงก็คือ ใครจับต้องแท่งดีไวเนอร์หรือโอเบลิสก์นี้ ล้วนแล้วแต่แข็งเป็นหิน และสลายกลายเป็นขี้เถ้าตายลงไปทุกคน ไรฮาร์ตจึงเกิดความสนใจอย่างมาก และรู้ว่าต้องมีชาวจีนในหมู่บ้านนี้สักคนที่จับโอเบลิสก์แล้วไม่ตาย ไรฮาร์ตจึงกวาดต้อนชาวจีนในหมู่บ้านมาสัมผัสโอเบลิสก์ทีละคน แต่ผลก็คือ ตายไปทีละคน ทีละคน..ซึ่งในที่สุด ก็มีหญิงสาวชาวจีนผู้นึงที่สัมผัสโอเบลิสก์แล้วไม่เป็นอันตราย หญิงชาวจีนผู้นั้นก็คือ เจียหยิง ไรฮาร์ตจึงคิดจะจับเจียหยิงมาผ่าชิ้นส่วนควักอวัยวะเพื่อทดลอง
佳颖 (Jiaying)
แต่ไรฮาร์ตก็ต้องเลิกล้มไปก่อน เพราะไรฮาร์ตได้ข่าวว่า ขณะนี้กองทัพนาซีพ่ายแพ้สงครามแล้ว ผู้พันชมิธหรือเร้ดสกัลล์ก็ถูกกัปตันอเมริกากำจัดไปด้วย หน่วยไฮดร้าหนีตายกันไปทั่วยุโรป ซึ่งไรฮาร์ตก็ต้องรีบหนีด้วยเช่นกัน จึงจับเจียหยิงไปขังไว้ก่อน เพราะยังไม่มีเวลาผ่าทดลอง และไรฮาร์ตก็รีบสั่งลูกน้องขนทุกอย่างเพื่อหนี
แต่ก็สายไปแล้ว เอเจ้นคาร์เตอร์นำหน่วยฮาวลิ่งคอมมาโดของกัปตันอเมริกาบุกมาที่ออสเตรีย และจับกุมไรฮาร์ตได้ทัน และจับไรฮาร์ตไปขังคุกลับของ SSR ที่ชื่อว่าThe rat
ซึ่งเอเจ้นท์คาร์เตอร์ก็ยึดสิ่งของทุกอย่างของไรฮาร์ต และนำไปเก็บไว้ที่ฐานลับของหน่วย SSR ด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ แท่งดีไวเนอร์นั่นเอง และเอเจ้นท์คาร์เตอร์ก็ระบุว่าดีไวเนอร์คือ #084 (084 คือ entirely unknown object หมายความว่าอันตราย และหาที่มาไม่ได้ ซึ่งรวมทั้งคนและสิ่งของ)
เอเจ้นท์คาร์เตอร์ปลดปล่อยชาวจีนที่ถูกไฮดร้ากักขังไปทั้งหมด รวมถึงเจียหยิงด้วย เจียหยิงจึงออกค้นหาตนเองนับตั้งแต่นั้น ในที่สุดเจียหยิงก็ค้นพบวิธีปลุกพลังอินฮิวแมนโดยการสกัดเอาแท่งคริสตัลซึ่งซ่อนอยู่ภายในดีไวเนอร์ออกมา โดยมีขั้นตอนดังนี้
วิธีปลุกพลัง แบบที่ 2
-นำดีไวเนอร์มาสกัดเทอริเก้นคริสตัลออกมา
-ทำให้เทอริเก้นคริสตัลแตกเอง จนเกิดเป็นเทอริเก้นมิส
-ผู้ถูกเลือก จะอาบเทอริเกนมิสที่อัดใส่ และเกิดการฟักตัวอยู่ในหิน เรียกว่า เทอริเจเนซิส
-ผู้ถูกเลือกออกมาจากเทอริเจเนซิส และกลายเป็นอินฮิวแมนสมบูรณ์ (พลังแตกต่างกันไป)
เจียหยิงจึงเริ่มก่อตั้งสถานที่แห่งนึงซึ่งอยู่บนภูเขาอันห่างไกลในจีน เพื่อเป็นที่พักพิงและฝึกฝนของพวกพ้องอินฮิวแมน ก่อนที่เธอและอินฮิวแมนรุ่นแรกๆที่เธอช่วยปลุกพลังจะเริ่มสืบเสาะหาสายเลือดผู้ถูกเลือกไปทั่วโลก เพราะที่ผ่านมาสายเลือดผู้ถูกเลือกไม่เคยรวมกลุ่มกันจริงจังเลย เจียหยิงจึงเป็นคนแรกในรอบหลายพันปีที่คิดรวมกลุ่มผู้ถูกเลือก และพามาอยู่ที่อาฟเตอร์ไลฟ์เพื่อปลุกพลังและฝึกควบคุม เมื่อควบคุมพลังได้ดี จึงจะให้กลับไปใช้ชีวิตปกติ และเจียหยิงเรียกที่แห่งนี้ว่า อาฟเตอร์ไลฟ์
เรื่องราวเจาะจง INHUMANS กับความเป็นมานับพันปี by หลวงจีนหอไตร
และแน่นอนว่าทุกเผ่าพันธุ์มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งก็มีชาวครีส่วนนึงที่รักสงบ และไม่ต้องการรุกรานอาณาจักรอื่นๆในจักรวาล หากแต่ชาวครีส่วนนึงก็มักนิยมทำศึกสงครามรุกรานเค้าไปทั่ว
หลายพันปีที่แล้ว ขณะที่มนุษย์ยังมีอารยธรรมและความเจริญน้อยยิ่งนัก ชาวครีกลุ่มนิยมทำศึกสงครามก็เดินทางมายังโลกมนุษย์ เกิดเป็นตำนานปรัมปราในหมู่มนุษย์ที่พบเห็นการมาเยือนของชาวครีครั้งนั้นว่า ชาวครีนั้นคือ Blue Angel หรือ เทวทูตผู้มีร่างกายสีฟ้า
หากแต่การมาเยือนของชาวครีครั้งนั้นมีจุดหมาย นั่นก็เพื่อทดลองเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์โลก และนำมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเหล่านั้นไปเป็นทาสนักรบ (Slave Warriors ) และใช้ทาสนักรบเหล่านี้เพื่อสู้รบกับอาณาจักรบนดวงดาวอื่นๆในจักรวาลทั้งหลายนั่นเอง
โดยที่ชาวครีคัดเลือกมนุษย์มาจากหลากหลายเชื้อชาติไปทั่วทั้งโลก ทั้งชาวเอเชีย ชาวยุโรป ชาวอาฟริกัน โดยกลุ่มมนุษย์ที่ถูกคัดเลือกมานั้น ล้วนแล้วแต่ต้องผ่านอุปกรณ์ที่ชาวครีสร้างขึ้นมาคือ Diviner
และถ้ามีมนุษย์ผู้อื่นที่ไม่ได้ถูกดีไวเนอร์เลือก และมาจับหรือสัมผัสดีไวเนอร์ สสารในตัวมนุษย์ผู้นั้นจะแปรเปลี่ยนคล้ายดินหรือหินร่วนๆ และตายในทันที
ชาวครีสร้างวิหารไว้บนโลก (โปรตุเกสปัจจุบัน) และกระบวนการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์นี้ มนุษย์เหล่านั้นต้องถือดีไวเนอร์เข้าไปยังวิหารแห่งนี้ ซึ่งจะกลับออกมาโดยถูกเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอแบบก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการ ทำให้เกิดมีพลังต่างๆที่เป็นแบบสุ่ม แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง มนุษย์ที่ถูกดีไวเนอร์เลือก และเข้าไปในวิหาร จึงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ชาวครีเห็นแม้แต่ผู้เดียว
ชาวครีที่รักสงบนั้นล่วงรู้ถึงการทดลองนี้ จึงต่อต้านและประนามชาวครีกลุ่มบ้าสงครามนี้ด้วยว่า เป็นการทดลองที่อันตรายยิ่ง ชาวครีบ้าสงครามกลุ่มนี้จึงจากโลกมนุษย์ไป โดยทิ้งดีไวเนอร์และวิหารไว้ที่โลกแห่งนี้ ครีที่รักสงบนั้นทำการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยไว้ด้วยที่วิหาร ว่าถ้ามีผู้มนุษย์คนใดเข้าไปในวิหารแห่งนี้เพื่อปลุกพลังอีก เครื่องเตือนนี้จะส่งสัญญาณกลับไปที่ดาวฮาล่าทันที เพื่อที่ครีฝ่ายรักสงบจะมากำจัดมนุษย์ผู้นั้นที่ถูกปลุกพลัง
ชาวครีกลุ่มรักสงบรู้ว่า ถ้าหากมนุษย์ถูกปลุกพลังและก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการแล้ว ชาวครีอาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะมนุษย์ผู้ถูกปลุกพลังจะมีสเกลพลังที่ไม่ชัดเจนแน่นอนว่าจะมากน้อยเพียงใด ชาวครีจึงทิ้งอาวุธพันธุกรรมอย่างนึงเอาไว้บนโลกด้วย ซึ่งอาวุธชิ้นนี้มีไว้เพื่อกำจัดมนุษย์ผู้ถูกปลุกพลัง และสิ่งนั้นก็คือ Monolith
แต่ชาวครีทั้งกลุ่มบ้าสงครามและกลุ่มรักสงบนั้นคิดผิดทั้งหมด การทดลองครั้งนั้นได้ผลอย่างดียิ่ง มนุษย์ผู้ถูกปลุกพลังเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มีพลังที่หลากหลายแปลกประหลาด แต่มนุษย์กลุ่มนี้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่รวมกลุ่มกัน และปิดบังพลังมิให้ชาวครีหรือมนุษย์ปกติได้รับรู้ และตั้งกฏของกลุ่มไว้ มิให้ผู้ใดในกลุ่มฝ่าฝนกฎเหล่านั้นที่ตั้งขึ้น เพราะจะนำไปสู่ความหายนะของเผ่าพันธุ์กลุ่มนี้นั่นเอง หนึ่งในกฎเหล็กของกลุ่มก็คือ ห้ามมิให้คนในกลุ่มคนใดเข้าไปยังวิหารชาวครีอีกเป็นอันขาด และพวกเขาก็เรียกเผ่าพันธุ์ตนเองว่า INHUMANS
วิธีปลุกพลัง แบบที่ 1
-ผู้ถูกเลือกเอาดีไวเนอร์ไปวางไว้ยังแท่นหินในวิหารครี
-ดีไวเนอร์แตกตัวออกเอง และเผยให้เห็นเทอริเก้นคริสตัล
-เทอริเก้นคริสตัลจะแตกตัวออกเอง จนเกิดเป็นเทอริเก้นมิส
-ผู้ถูกเลือก จะอาบเทอริเกนมิสที่อัดใส่ และเกิดการฟักตัวอยู่ในหิน เรียกว่า เทอริเจเนซิส
-ผู้ถูกเลือกออกมาจากเทอริเจเนซิส และกลายเป็นอินฮิวแมนสมบูรณ์ (พลังแตกต่างกันไป)
อินฮิวแมนถ่ายทอดดีเอ็นเอของผู้ถูกเลือกผ่านยุคผ่านสมัยเรื่อยมาทางสายเลือดของตน นั่นหมายความว่า ลูกหลานเหลนโหลนของอินฮิวแมนกลุ่มแรก ล้วนแล้วแต่ได้รับดีเอ็นเอผู้ถูกเลือก หากแต่จะได้รับการถูกปลุกพลังแบบสุ่ม แปลว่า ถ้ามีลูก 4 คน อาจจะได้รับการปลุกพลังเป็นอินฮิวแมนเพียงคนเดียว เป็นต้น และ1ใน4ผู้ที่ไม่สามารถถูกปลุกพลังได้ ถ้าให้กำเนิดลูกขึ้นมาอีก ลูกผู้นั้นก็อาจจะได้รับการปลุกพลังเป็นอินฮิวแมนก็เป็นได้ นี่คือความไม่แน่นอนของการเป็นอินฮิวแมนทางสายเลือดนั่นเอง
ผ่านมานับร้อยนับพันปี บรรพบุรุษอินฮิวแมนทำแค่เพียงส่งดีไวเนอร์ผ่านจากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดมาเรื่อยๆ ให้เก็บไว้กับตระกูลตนเอง และบอกเล่าเรื่องราวนี้สืบทอดมาด้วย นั่นจึงทำให้ไม่มีอินฮิวแมนเกิดขึ้นอีกมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้ถูกปลุกพลังขึ้นโดยมิได้ตั้งใจ (ไม่ได้เข้าไปในวิหารนะ) แต่พวกพ้องสายเลือดผู้สืบทอดคนอื่นๆที่รับรู้ก็จะมาช่วยเหลือ เพราะเมื่อใดที่มีอินฮิวแมนกำเนิดใหม่ ดีไวเนอร์จะส่งสัญญาณเรืองแสงไปทุกชิ้นบนโลกนั่นเอง
ค.ศ. 1945 ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะมาถึงจุดจบ ในประเทศออสเตรียขณะนั้น หน่วยทหารย่อยหน่วยนึงของกองทัพนาซีนำโดยผู้พันชมิธที่มีชื่อว่า ไฮดร้า ก็นำกองกำลังส่วนนึงนำโดยผู้พันไรฮาร์ตมือขวาของผู้พันชมิธ มากวาดต้อนและจับกุมชาวจีนอพยพในหมู่บ้านเล็กๆที่ออสเตรีย เพื่อทดลองบางอย่าง
ไรฮาร์ตนั้นชอบศึกษาตำนานเทพปกรฌัมปรัมปราเฉกเช่นชมิธ จึงล่วงรู้สิ่งที่ประว้ติศาสตร์ซ่อนเร้นไว้มากมาย หนึ่งในตำนานนั้นก็คือ Blue Angel หรือ เทวทูตผู้มีร่างกายสีฟ้า ซึ่งเป็นชาวครีนั่นเอง
ไรฮาร์ตแกะรอยตำนานนั้นมาจนถึงที่นี่ และพบว่าชาวจีนกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับเทวทูตผู้มีร่างกายสีฟ้า จึงคิดจะจับกุมมารีดข้อมูล ซึ่งสิ่งที่ไรฮาร์ตค้นพบในหมู่บ้านชาวจีนที่ออสเตรียก็คือ ดีไวเนอร์ แหล่งกำเนิดพลังของฮินฮิวแมน แต่ไรฮาร์ตไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงเรียกมันว่า โอเบลิสก์ (แปลว่าแท่งเหล็กแหลมโบราณ)
แต่สิ่งที่พิเศษที่ทำให้ไรฮาร์ตตะลึงก็คือ ใครจับต้องแท่งดีไวเนอร์หรือโอเบลิสก์นี้ ล้วนแล้วแต่แข็งเป็นหิน และสลายกลายเป็นขี้เถ้าตายลงไปทุกคน ไรฮาร์ตจึงเกิดความสนใจอย่างมาก และรู้ว่าต้องมีชาวจีนในหมู่บ้านนี้สักคนที่จับโอเบลิสก์แล้วไม่ตาย ไรฮาร์ตจึงกวาดต้อนชาวจีนในหมู่บ้านมาสัมผัสโอเบลิสก์ทีละคน แต่ผลก็คือ ตายไปทีละคน ทีละคน..ซึ่งในที่สุด ก็มีหญิงสาวชาวจีนผู้นึงที่สัมผัสโอเบลิสก์แล้วไม่เป็นอันตราย หญิงชาวจีนผู้นั้นก็คือ เจียหยิง ไรฮาร์ตจึงคิดจะจับเจียหยิงมาผ่าชิ้นส่วนควักอวัยวะเพื่อทดลอง
佳颖 (Jiaying)
แต่ไรฮาร์ตก็ต้องเลิกล้มไปก่อน เพราะไรฮาร์ตได้ข่าวว่า ขณะนี้กองทัพนาซีพ่ายแพ้สงครามแล้ว ผู้พันชมิธหรือเร้ดสกัลล์ก็ถูกกัปตันอเมริกากำจัดไปด้วย หน่วยไฮดร้าหนีตายกันไปทั่วยุโรป ซึ่งไรฮาร์ตก็ต้องรีบหนีด้วยเช่นกัน จึงจับเจียหยิงไปขังไว้ก่อน เพราะยังไม่มีเวลาผ่าทดลอง และไรฮาร์ตก็รีบสั่งลูกน้องขนทุกอย่างเพื่อหนี
แต่ก็สายไปแล้ว เอเจ้นคาร์เตอร์นำหน่วยฮาวลิ่งคอมมาโดของกัปตันอเมริกาบุกมาที่ออสเตรีย และจับกุมไรฮาร์ตได้ทัน และจับไรฮาร์ตไปขังคุกลับของ SSR ที่ชื่อว่าThe rat
ซึ่งเอเจ้นท์คาร์เตอร์ก็ยึดสิ่งของทุกอย่างของไรฮาร์ต และนำไปเก็บไว้ที่ฐานลับของหน่วย SSR ด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ แท่งดีไวเนอร์นั่นเอง และเอเจ้นท์คาร์เตอร์ก็ระบุว่าดีไวเนอร์คือ #084 (084 คือ entirely unknown object หมายความว่าอันตราย และหาที่มาไม่ได้ ซึ่งรวมทั้งคนและสิ่งของ)
เอเจ้นท์คาร์เตอร์ปลดปล่อยชาวจีนที่ถูกไฮดร้ากักขังไปทั้งหมด รวมถึงเจียหยิงด้วย เจียหยิงจึงออกค้นหาตนเองนับตั้งแต่นั้น ในที่สุดเจียหยิงก็ค้นพบวิธีปลุกพลังอินฮิวแมนโดยการสกัดเอาแท่งคริสตัลซึ่งซ่อนอยู่ภายในดีไวเนอร์ออกมา โดยมีขั้นตอนดังนี้
วิธีปลุกพลัง แบบที่ 2
-นำดีไวเนอร์มาสกัดเทอริเก้นคริสตัลออกมา
-ทำให้เทอริเก้นคริสตัลแตกเอง จนเกิดเป็นเทอริเก้นมิส
-ผู้ถูกเลือก จะอาบเทอริเกนมิสที่อัดใส่ และเกิดการฟักตัวอยู่ในหิน เรียกว่า เทอริเจเนซิส
-ผู้ถูกเลือกออกมาจากเทอริเจเนซิส และกลายเป็นอินฮิวแมนสมบูรณ์ (พลังแตกต่างกันไป)
เจียหยิงจึงเริ่มก่อตั้งสถานที่แห่งนึงซึ่งอยู่บนภูเขาอันห่างไกลในจีน เพื่อเป็นที่พักพิงและฝึกฝนของพวกพ้องอินฮิวแมน ก่อนที่เธอและอินฮิวแมนรุ่นแรกๆที่เธอช่วยปลุกพลังจะเริ่มสืบเสาะหาสายเลือดผู้ถูกเลือกไปทั่วโลก เพราะที่ผ่านมาสายเลือดผู้ถูกเลือกไม่เคยรวมกลุ่มกันจริงจังเลย เจียหยิงจึงเป็นคนแรกในรอบหลายพันปีที่คิดรวมกลุ่มผู้ถูกเลือก และพามาอยู่ที่อาฟเตอร์ไลฟ์เพื่อปลุกพลังและฝึกควบคุม เมื่อควบคุมพลังได้ดี จึงจะให้กลับไปใช้ชีวิตปกติ และเจียหยิงเรียกที่แห่งนี้ว่า อาฟเตอร์ไลฟ์