เรื่องนี้เกิดเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
หากจะพูดถึงของใช้ในบ้าน ที่เราคุ้นเคยกันดีและต้องใช้กันอยู่ทุกวัน
ของใช้ที่เราใช้ทุกเช้า เพื่อดูความเรียบร้อย ว่าเราพร้อมสำหรับออกไปข้างนอกหรือยัง
สิ่งนั้นคือ กระจก ครับ
กระจกแล้วมันยังไงล่ะ ??
ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้จะสอบไล่ ม.6 เทอมสุดท้าย
เพื่อนกับผม เวลาว่างก็ชอบคุยกัน เตะฟุตบอลกัน เพราะว่างเหลือเกินตามสไตล์
อยู่ดีๆ สันต์ ก็เล่าเรื่องที่เค้าเจอสิ่งแปลกๆ ในบ้านขึ้นมา
สันต์ : เบิร์ดเชื่อเรื่องผีปะ ??
ผม : กุไม่เชื่อเรื่องผี เล่ามา กุก็ไม่กลัวหรอก ไม่ได้กินกุหรอก
สันต์ : ฟังก่อนดิ กุว่าที่บ้านกุมีผีว่ะ กุเห็น
ผม : เห็นยังไงวะ เป็นควัน เป็นตัว หรืออะไร เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
สันต์ : ไม่ได้เป็นควัน เป็นตัว แต่กุเห็นแค่แวบเดียว พอกุหันกลับไปก็ไม่อยู่แล้ว
ผม : ยังไงวะ งง ผู้ชายผู้หญิงล่ะ ใช่ผู้หญิงผมยาวนุ่งสไบสีเขียวปะ
สันต์ : นั่นผีตานีแล้ว

ไม่ใช่
ผม : แล้วมันตัวไรหว่า เล่ามาให้จบๆ สั้นๆ เข้าใจง่ายๆ
สันต์ : บ้านกุมีกระจก โต๊ะเครื่องแป้งใช่ปะ กุอาบน้ำเสร็จก็มาแต่งตัวหน้ากระจกนี้ทุกวัน ส่วนข้างหลังโต๊ะ เป็นเตียงที่หัวเตียงมีกระจกอันเล็กตั้งโต๊ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับกระจกพอดี
กุก็กำลังปะแป้งอยู่ กุดันเหลือบไปเห็นในกระจกอันเล็ก สะท้อนเหมือนมีคนอยู่ข้างหลังกุอะ แต่ในกระจกใหญ่ไม่มีนะ
พอกุมองเห็นได้ 3 วิ มันวิ่งหายไปจากในกระจกเล็ก กุก็หันหลังกลับไปดูทันที
เชีย....!! กุนี่เย็นไปถึงคอหอยเลย
กุก็ลองไปหยิบกระจกตั้งโต๊ะมา แล้วพยายามมองสิ่งต่างๆรอบบ้าน ผ่านกระจกใหญ่แต่มองไม่เห็นว่ะ
ผม : ..... แต่งเรื่องนี้ คิดนานไหม
สันต์ : เชี่ย กุพูดเรื่องจริง
ผม : เออ

เราก็เรียนจบแยกย้ายกันไป ผ่านไป 1 ปี
ผมก็ไปเข้า มหาวิทยาลัยปี 1
ส่วนสันต์ เอนท์ไม่ติดเลย รอสอบใหม่อีกปีนึง
วันนึง สันต์ ก็โทรมาคุยเล่น
สันต์ : เป็นไงบ้าง
ผม : กุสบายดี ล่ะ ไม่ติดต่อกันเลย นึกไงโทรมาวะ รุ้เบอร์มือถือกุได้ไงวะ แม่กุพึ่งให้มา
สันต์ : กุสบายดี
ผม : เรียนไหนอะ ไว้นัดเจอไปกินข้าวกัน
สันต์ : กุไม่ได้เรียนต่อ ซิ่วอยู่ สอบใหม่ สอบไม่ได้ว่ะ มาเจอกันได้เปล่าวันนี้ กุมีเรื่องอยากคุย
ผม : ไม่ได้เลยกุมีเรียน วันอื่นได้ปะ เดี๋ยวนัดกันอีกที
สันต์ : เออ ไม่เป็นไร เบิร์ดจำเรื่องกระจก ที่กุเล่าได้ปะ กุรู้แล้วว่ามันคืออะไร
ผม : กระจกผี ไม่ได้แต่งขึ้นมาหลอกกุเหรอ
สันต์ : วันนี้กุเห็นชัดเลย ปกติกุมอง มันก็หลบไปจากหางตา แต่วันนี้มันไม่หนีไปไหนเลย
ผม : ตกลงมันตัวอะไรวะ
สันต์ : ไม่มีอะไร แค่นี้ละกัน กุจะโทรชวนแก็งค์เด็กดอน มาเล่นวินนิ่งกัน
ผม : เออ โชคดี
2 วันต่อมา เพื่อนตอน ม.6 โทรหาผม
เพื่อน : ไอเบิร์ดมืงรู้ยัง ไอสันต์มันตายแล้ว

ผม : อะไรวะ ฟังไม่ชัด อำกันปะเนี่ย
เพื่อน : อำเชี่ยอะไร เค้ารู้กันทั่ว มืงจะมางานศพมันเปล่า วัดแถวดอนเมือง มาช่วยงานมันหน่อย
ผม : เออๆ เย็นนี้เดี๋ยวไปเลย
สันต์ตายเพราะ ผูกคอตาย ตำรวจบอกประเด็นมีหลายประเด็น บ้างก็ว่าสอบไม่ติดเลยฆ่าตัวตาย บ้างก็ว่าอกหักจากแฟน บ้างก็ว่าติดหนี้พนันบอล
ผม : ผมก็เลยสงสัยเรื่องที่สันต์พูดว่าเค้าเห็นอะไรในกระจก ผมจึงได้ทดลองดูหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไร
บางทีอาจเป็นเฉพาะ คนที่กำลังจะตายเท่านั้น ถึงได้เห็นสิ่งนั้นก็เป็นไปได้
เรื่องเล่าเกี่ยวกับของใช้ในบ้าน
หากจะพูดถึงของใช้ในบ้าน ที่เราคุ้นเคยกันดีและต้องใช้กันอยู่ทุกวัน
ของใช้ที่เราใช้ทุกเช้า เพื่อดูความเรียบร้อย ว่าเราพร้อมสำหรับออกไปข้างนอกหรือยัง
สิ่งนั้นคือ กระจก ครับ
กระจกแล้วมันยังไงล่ะ ??
ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้จะสอบไล่ ม.6 เทอมสุดท้าย
เพื่อนกับผม เวลาว่างก็ชอบคุยกัน เตะฟุตบอลกัน เพราะว่างเหลือเกินตามสไตล์
อยู่ดีๆ สันต์ ก็เล่าเรื่องที่เค้าเจอสิ่งแปลกๆ ในบ้านขึ้นมา
สันต์ : เบิร์ดเชื่อเรื่องผีปะ ??
ผม : กุไม่เชื่อเรื่องผี เล่ามา กุก็ไม่กลัวหรอก ไม่ได้กินกุหรอก
สันต์ : ฟังก่อนดิ กุว่าที่บ้านกุมีผีว่ะ กุเห็น
ผม : เห็นยังไงวะ เป็นควัน เป็นตัว หรืออะไร เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
สันต์ : ไม่ได้เป็นควัน เป็นตัว แต่กุเห็นแค่แวบเดียว พอกุหันกลับไปก็ไม่อยู่แล้ว
ผม : ยังไงวะ งง ผู้ชายผู้หญิงล่ะ ใช่ผู้หญิงผมยาวนุ่งสไบสีเขียวปะ
สันต์ : นั่นผีตานีแล้ว
ผม : แล้วมันตัวไรหว่า เล่ามาให้จบๆ สั้นๆ เข้าใจง่ายๆ
สันต์ : บ้านกุมีกระจก โต๊ะเครื่องแป้งใช่ปะ กุอาบน้ำเสร็จก็มาแต่งตัวหน้ากระจกนี้ทุกวัน ส่วนข้างหลังโต๊ะ เป็นเตียงที่หัวเตียงมีกระจกอันเล็กตั้งโต๊ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับกระจกพอดี
กุก็กำลังปะแป้งอยู่ กุดันเหลือบไปเห็นในกระจกอันเล็ก สะท้อนเหมือนมีคนอยู่ข้างหลังกุอะ แต่ในกระจกใหญ่ไม่มีนะ
พอกุมองเห็นได้ 3 วิ มันวิ่งหายไปจากในกระจกเล็ก กุก็หันหลังกลับไปดูทันที
เชีย....!! กุนี่เย็นไปถึงคอหอยเลย
กุก็ลองไปหยิบกระจกตั้งโต๊ะมา แล้วพยายามมองสิ่งต่างๆรอบบ้าน ผ่านกระจกใหญ่แต่มองไม่เห็นว่ะ
ผม : ..... แต่งเรื่องนี้ คิดนานไหม
สันต์ : เชี่ย กุพูดเรื่องจริง
ผม : เออ
เราก็เรียนจบแยกย้ายกันไป ผ่านไป 1 ปี
ผมก็ไปเข้า มหาวิทยาลัยปี 1
ส่วนสันต์ เอนท์ไม่ติดเลย รอสอบใหม่อีกปีนึง
วันนึง สันต์ ก็โทรมาคุยเล่น
สันต์ : เป็นไงบ้าง
ผม : กุสบายดี ล่ะ ไม่ติดต่อกันเลย นึกไงโทรมาวะ รุ้เบอร์มือถือกุได้ไงวะ แม่กุพึ่งให้มา
สันต์ : กุสบายดี
ผม : เรียนไหนอะ ไว้นัดเจอไปกินข้าวกัน
สันต์ : กุไม่ได้เรียนต่อ ซิ่วอยู่ สอบใหม่ สอบไม่ได้ว่ะ มาเจอกันได้เปล่าวันนี้ กุมีเรื่องอยากคุย
ผม : ไม่ได้เลยกุมีเรียน วันอื่นได้ปะ เดี๋ยวนัดกันอีกที
สันต์ : เออ ไม่เป็นไร เบิร์ดจำเรื่องกระจก ที่กุเล่าได้ปะ กุรู้แล้วว่ามันคืออะไร
ผม : กระจกผี ไม่ได้แต่งขึ้นมาหลอกกุเหรอ
สันต์ : วันนี้กุเห็นชัดเลย ปกติกุมอง มันก็หลบไปจากหางตา แต่วันนี้มันไม่หนีไปไหนเลย
ผม : ตกลงมันตัวอะไรวะ
สันต์ : ไม่มีอะไร แค่นี้ละกัน กุจะโทรชวนแก็งค์เด็กดอน มาเล่นวินนิ่งกัน
ผม : เออ โชคดี
2 วันต่อมา เพื่อนตอน ม.6 โทรหาผม
เพื่อน : ไอเบิร์ดมืงรู้ยัง ไอสันต์มันตายแล้ว
ผม : อะไรวะ ฟังไม่ชัด อำกันปะเนี่ย
เพื่อน : อำเชี่ยอะไร เค้ารู้กันทั่ว มืงจะมางานศพมันเปล่า วัดแถวดอนเมือง มาช่วยงานมันหน่อย
ผม : เออๆ เย็นนี้เดี๋ยวไปเลย
สันต์ตายเพราะ ผูกคอตาย ตำรวจบอกประเด็นมีหลายประเด็น บ้างก็ว่าสอบไม่ติดเลยฆ่าตัวตาย บ้างก็ว่าอกหักจากแฟน บ้างก็ว่าติดหนี้พนันบอล
ผม : ผมก็เลยสงสัยเรื่องที่สันต์พูดว่าเค้าเห็นอะไรในกระจก ผมจึงได้ทดลองดูหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไร
บางทีอาจเป็นเฉพาะ คนที่กำลังจะตายเท่านั้น ถึงได้เห็นสิ่งนั้นก็เป็นไปได้