ไปเจอบทความนี้มา เลยนำมาให้ได้อ่านวิเคราะห์กันครับ.

"ข้อความและความคิดเห็นของผมยกไปไว้ที่ความเห็นข้างล่างนะครับ"
ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีก่อน อาหารที่เรารับประทานนั้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก พืชพรรณที่เจริญเติบโตตามธรรมชาตินั้นอุดมสมบูรณ์
แม้แต่แอปเปิ้ลธรรมดายังแบ่งชนิดได้หลายร้อยสายพันธุ์ แต่ในปัจจุบันมันกลับถูก “ควบคุม” จนเลือนหายไป
ในปี 1905 มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “The Apples of New York” ที่ถูกตีพิมพ์ขึ้นเพื่อรวบรวมสายพันธุ์ต่างๆ ของลูกแอปเปิ้ล ซึ่งมีมากมายหลายร้อยชนิด แตกต่างกันทั้งขนาด สี และรูปร่าง
หนึ่งในนั้นคือแอปเปิ้ลพันธุ์โปรดของ Thomas Jefferson ประธานาธิบดีคนที่ 3 แห่งสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า “Esopus Spitzenburg”
เนื่องจากว่าเมื่อ 110 ปีที่แล้ว การเกษตรกรรมยังไม่ถูกควบคุม ความเจริญไม่ได้เข้าไปถึงทุกพื้นที่ สวนแอปเปิ้ลขนาดใหญ่ที่มุ่งแต่จำหน่ายลูกแอปเปิ้ลให้ได้เยอะๆ ก็ยังมีไม่มาก กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนเกิดขึ้นจากสองมือ
แต่รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันแอปเปิ้ลนับพันชนิดที่เคยมีนั้น ได้ “หายไป” จนเกือบหมด เพราะว่าความแตกต่างหลากหลายของผลผลิตทางการเกษตรถูกควบคุมด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและการอุตสาหกรรม
ปัจจุบันแอปเปิ้ลที่วางจำหน่ายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดกว่า 90% นั้นมีอยู่แค่ 15 สายพันธุ์เท่านั้น และที่ได้รับความนิยมมากจนชินตาคือ แอปเปิ้ลรสหวานผลสีแดง
นอกจากแอปเปิ้ลแล้ว ผลผลิตทางการเกษตรบนโลกเราได้หายไปจากเมื่อ 100 ปีก่อนถึง 75% เกษตรกรหันมาปลูกพืชชนิดเดียวกันที่ขายได้ดีที่สุดเพียง 12 ชนิด เนื่องจากคนส่วนมากก็รับประทานแต่มันฝรั่ง ข้าว ข้าวโพด และธัญพืช
ความสำคัญก็คือ ถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายโลกของเราก็จะมีแต่อาหารที่น่าเบื่อ ผลไม้แต่ละชนิดก็อาจจะมีเพียงสายพันธุ์เดียว และนอกจากมันอาจจะทำให้สารอาหารที่เราได้รับลดน้อยลงไปแล้ว การมีให้ “เลือก” อย่างหลากหลายย่อมดีกว่าการจำใจต้องรับประทานอะไรบางอย่างซ้ำๆ
ย้อนกลับไปในอดีต เกษตรกรที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันจะมีการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ส่งผลให้แต่ละฟาร์มมีผักผลไม้ที่หลากหลาย แต่ในปัจจุบัน ผลผลิตเกือบทั้งหมดถูกควบคุมโดยบริษัทใหญ่ พวกเขาปลูกผักผลไม้ชนิดเดียว และควบคุมผักผลไม้ให้มีขนาด รูปร่าง สีสัน และสายพันธุ์ตามที่ต้องการเท่านั้น
แต่ความหวังยังไม่เลือนหายไป
เกษตรกรและผู้รักธรรมชาติหลายคนได้หันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ มีการจัดตั้งกลุ่ม The Lexicon of Sustainability ขึ้น พวกเขาจะพบปะพูดคุย ถกปัญหา และ “แลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์” กัน เกษตรกรหลายพันคนยังคนยืนหยัดที่จะทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง พวกเขามีอิสระและยินดีที่จะแบ่งปันผลผลิต มีการจัดตั้ง “ธนาคารเมล็ดพันธุ์” เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ของตนเองกับเกษตรกรคนอื่นๆ

ในวันข้างหน้า ถ้าหากมีจำนวนของเกษตรกรผู้พึ่งพิงตนเองที่หันมาสนใจเรื่องของ “ความหลากหลาย” ของผลผลิตมากขึ้น อาหารการกินบนโลกของเราอาจจะกลับไปอุดมสมบูรณ์และมีให้เลือกอย่างมากมายอีกครั้ง
ขอบคุณบทความจากเวปไซต์.
http://www.upworthy.com/100-years-ago-people-were-eating-things-that-most-of-us-will-never-taste-so-what-happened?c=ufb3#open-search
http://www.meekhao.com/foods/varieties-of-food-in-past
http://youtu.be/edu9lfgMt28
100ปีก่อน มนุษย์ชาติมีอาหารหลากหลายรสชาติ แต่ตอนนี้มันกลับหายไป!!! น่าเสียดายนะครับ
"ข้อความและความคิดเห็นของผมยกไปไว้ที่ความเห็นข้างล่างนะครับ"
ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีก่อน อาหารที่เรารับประทานนั้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก พืชพรรณที่เจริญเติบโตตามธรรมชาตินั้นอุดมสมบูรณ์
แม้แต่แอปเปิ้ลธรรมดายังแบ่งชนิดได้หลายร้อยสายพันธุ์ แต่ในปัจจุบันมันกลับถูก “ควบคุม” จนเลือนหายไป
ในปี 1905 มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “The Apples of New York” ที่ถูกตีพิมพ์ขึ้นเพื่อรวบรวมสายพันธุ์ต่างๆ ของลูกแอปเปิ้ล ซึ่งมีมากมายหลายร้อยชนิด แตกต่างกันทั้งขนาด สี และรูปร่าง
หนึ่งในนั้นคือแอปเปิ้ลพันธุ์โปรดของ Thomas Jefferson ประธานาธิบดีคนที่ 3 แห่งสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า “Esopus Spitzenburg”
เนื่องจากว่าเมื่อ 110 ปีที่แล้ว การเกษตรกรรมยังไม่ถูกควบคุม ความเจริญไม่ได้เข้าไปถึงทุกพื้นที่ สวนแอปเปิ้ลขนาดใหญ่ที่มุ่งแต่จำหน่ายลูกแอปเปิ้ลให้ได้เยอะๆ ก็ยังมีไม่มาก กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนเกิดขึ้นจากสองมือ
แต่รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันแอปเปิ้ลนับพันชนิดที่เคยมีนั้น ได้ “หายไป” จนเกือบหมด เพราะว่าความแตกต่างหลากหลายของผลผลิตทางการเกษตรถูกควบคุมด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและการอุตสาหกรรม
ปัจจุบันแอปเปิ้ลที่วางจำหน่ายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดกว่า 90% นั้นมีอยู่แค่ 15 สายพันธุ์เท่านั้น และที่ได้รับความนิยมมากจนชินตาคือ แอปเปิ้ลรสหวานผลสีแดง
นอกจากแอปเปิ้ลแล้ว ผลผลิตทางการเกษตรบนโลกเราได้หายไปจากเมื่อ 100 ปีก่อนถึง 75% เกษตรกรหันมาปลูกพืชชนิดเดียวกันที่ขายได้ดีที่สุดเพียง 12 ชนิด เนื่องจากคนส่วนมากก็รับประทานแต่มันฝรั่ง ข้าว ข้าวโพด และธัญพืช
ความสำคัญก็คือ ถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายโลกของเราก็จะมีแต่อาหารที่น่าเบื่อ ผลไม้แต่ละชนิดก็อาจจะมีเพียงสายพันธุ์เดียว และนอกจากมันอาจจะทำให้สารอาหารที่เราได้รับลดน้อยลงไปแล้ว การมีให้ “เลือก” อย่างหลากหลายย่อมดีกว่าการจำใจต้องรับประทานอะไรบางอย่างซ้ำๆ
ย้อนกลับไปในอดีต เกษตรกรที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันจะมีการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ส่งผลให้แต่ละฟาร์มมีผักผลไม้ที่หลากหลาย แต่ในปัจจุบัน ผลผลิตเกือบทั้งหมดถูกควบคุมโดยบริษัทใหญ่ พวกเขาปลูกผักผลไม้ชนิดเดียว และควบคุมผักผลไม้ให้มีขนาด รูปร่าง สีสัน และสายพันธุ์ตามที่ต้องการเท่านั้น
แต่ความหวังยังไม่เลือนหายไป
เกษตรกรและผู้รักธรรมชาติหลายคนได้หันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ มีการจัดตั้งกลุ่ม The Lexicon of Sustainability ขึ้น พวกเขาจะพบปะพูดคุย ถกปัญหา และ “แลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์” กัน เกษตรกรหลายพันคนยังคนยืนหยัดที่จะทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง พวกเขามีอิสระและยินดีที่จะแบ่งปันผลผลิต มีการจัดตั้ง “ธนาคารเมล็ดพันธุ์” เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ของตนเองกับเกษตรกรคนอื่นๆ
ในวันข้างหน้า ถ้าหากมีจำนวนของเกษตรกรผู้พึ่งพิงตนเองที่หันมาสนใจเรื่องของ “ความหลากหลาย” ของผลผลิตมากขึ้น อาหารการกินบนโลกของเราอาจจะกลับไปอุดมสมบูรณ์และมีให้เลือกอย่างมากมายอีกครั้ง
ขอบคุณบทความจากเวปไซต์.
http://www.upworthy.com/100-years-ago-people-were-eating-things-that-most-of-us-will-never-taste-so-what-happened?c=ufb3#open-search
http://www.meekhao.com/foods/varieties-of-food-in-past
http://youtu.be/edu9lfgMt28