ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่ายืม Log in พี่ชายมานะคะ เราเป็นน้องสาวซึ่งประสบกับโรคอะไรไม่ทราบ เป็นมา 3 ปีครึ่งแล้ว หมอยังไม่สามารถหาได้ว่าเป็นโรคอะไร เพราะรักษาอยู่นานมากแต่ก็ยังไม่หายเสียที ประกอบกับเราเป็นกำลังหลักของบ้าน เราไม่สามารถลาออกจากงานได้ ทำงานไป ลาป่วยไปเรื่อยๆ จนที่ทำงานเริ่มมีความกังวลกับสภาพร่างกายของเรา ว่าจะทำงานได้หรือไม่
ประวัติโรค 3 ปี ครึง
เริ่มจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วเดือนกุมภาพันธ์ เราเป็นโรคเครียดที่ทำให้คอตึงปกติ ที่คนส่วนใหญ่เป็นกัน เราจึงตัดสินใจไปหาหมอจิตแพทย์ที่เราหา เพราะเราอยากหายมากๆ คืนแรกที่เรากินยาเข้าไป พอตื่นขึ้นมา เรารู้สึกว่าความรู้สึกในการรับรู้เรื่องกลิ่น เรื่องง่วง เรื่องหิว ของเราหายไปเลย เราตกใจมากๆ เราจึงไปหาหมอศัลยกรรมประสาท เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณหมอฟัง และทำ CT SCAN คุณหมอบอกว่ามันไม่มีหรอกโรคแบบนั้น เราได้ยาซึมเศร้ามา พอกินเข้าไปอาการหนักกว่าเดิม มึนทั้งวัน เบลอ พอเลิกกินรู้สึกปกติดี แต่ความรู้สึกที่เคยรู้สึกก็ยังไม่กลับมา และเรามั่นใจว่าเราไม่เป็นโรคซึมเศร้าแน่นอน เพราะเราร่าเริงดี แต่มีเรื่องเครียดบ้าง และหมอจิตแพทย์ก็ยืนยันว่าเราไม่ได้ซึมเศร้าแต่อย่างใด อ้อ ต้องบอกเพิ่มเติมว่าอาการที่หนักที่สุดคือ ตั้งแต่เราไม่รู้สึกง่วงเลย นั่นหมายถึง เราไม่สามารถนอนได้เลย เป็นเวลา 3 เดือน ที่นอนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคิดมากแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ ที่คอด้านซ้ายเหมือนมีอะไรมาดึงให้ตึงอยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถนอนได้เลย ขนาดหมอให้ยานอนหลับมา ยังไม่รู้ง่วงเลย นอนไม่ได้เหมือนเดิม นึกดูว่าวันต่อมาที่ต้องทำงานจะเป็นยังไง เบลอ มึน เดินแทบไม่ได้ เพราะมึนมากถึงมากที่สุด หลังจากนั้น จึงเลิกกินยานอนหลับ เพราะไม่ช่วยอะไร หนำซ้ำ ทำให้วันต่อมาที่ทำงานแย่ที่สุด บางวันตอนเช้ามักจะมีอาการตึงจน จขกท. หายใจไม่ออกจนต้องคลื่นไส้ วันที่จขกท. นอนได้คือ วันที่ร่างกายรับไม่ไหวแล้ว จึงสลบหลับไป วันที่หลับได้ จะเป็นวันที่ดีใจมาก เมื่อตื่นขึ้นมา ก็กลับมากระตือรือร้นทำงานต่อไป ในใจเราก็คิดว่าที่เราเป็นทั้งหมดนี้น่าจะเป็นเพราะโรคเครียด ที่จุดเริ่มต้นของเรา เราจึงไปนั่งสมาธิก่อนนอน แต่ละคืนหลับได้บ้าง หลับไม่ได้บ้าง ใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้จนเราเริ่มปลง ว่าถ้าเรานั่งสมาธิไปเรื่อยๆ เราก็คงหายไปเอง แต่ความตึงที่คอด้านซ้าย ไม่เคยหายไปเลยตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้ที่ จขกท.เขียน
หมอคนต่อมาที่จขกท. ไปหาคือ เวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อทำกายภาพบำบัดเกี่ยวกับคอที่ตึง ทำอยู่เป็น 10 ทีพร้อมทั้งหมอให้ยาแก้เครียดมาให้ด้วย จึงทำให้เราสามารถนอนได้ ตามปกติ แต่อาการที่เรารู้สึกได้คือ เหมือนยาทำให้เราตื้อๆ เฉยๆ แต่ความตึงที่มีอยู่ที่คอ ก็ยังอยู่เหมือนเดิม มันไม่ได้ทำให้ตึงน้อยลงเลย เมื่อตึงแต่ละครั้ง ทำให้เราเหงื่อตก ทุกครั้ง เหมือนเราเจ็บอะไรมากๆ ข้างใน จนเหงื่อตก ซึ่งเหงื่อตกบ่อย จนเราคิดว่าเป็นที่มาที่ทำให้เราเริ่มผมร่วงตั้งแต่นั้นมา ไม่แน่ใจว่าผสมเครียดด้วยหรือเปล่า แต่ใครจะะเครียดจะได้ตลอดเวลา รวมถึงเวลาที่ไปเที่ยว อยู่กับเพื่อน ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่คอด้านซ้ายก็ตึงอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหายเลย หนำซำ้ ปกติถ้าเครียดเมื่อเราออกกำลังกาย มักจะหายทุกครั้ง แต่กลายเป็นว่าทำให้คอที่เคยตึง ตึงเข้าไปอีก จนต้องคลื่นไส้เวลาออกกำลังกาย ตรงนี้ทำให้ จขกท. ไม่กล้าออกกำลังกาย ซึ่งตรงข้ามกับที่ทุกคนแนะนำว่าให้ออกกำลังกาย
หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน เพื่อนสนิทแนะนำให้ไปหาหมออายุรกรรมประสาทที่เก่ง หมอฟังเราแล้ว ให้ยา zyprexa มาซึ่งปกติจะให้กับคนซึมเศร้า เมื่อเรากิน เราสามารถนอนได้ แต่ความตึงที่คอด้านซ้ายไม่เคยหายไปเลย ยาทำให้ตื้อๆ เท่านั้น พอไม่ได้กิน ก็กลับมานอนไม่ได้เหมือนเดิม เพราะคอตึง เราไม่อยากติดยาซึมเศร้า เราจึงเลิกกิน
แล้วกลับไปเวชศาสตร์ฟื้นฟูเหมือนเดิม ฝังเข็ม ตอนนั้นน่าจะเป็นมาประมาณ 2 ปีแล้ว ใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดทุกอย่างที่ รพ. มี ความตึงคอด้านซ้ายไม่เคยหายหรือน้อยลงเลย คราวนี้ จขกท. บอกว่าอยาก MRI กระดูกคอ เพื่อดูความผิดปกติ แต่ผลออกมา คือ มีกระดูกคอเสื่อมนิดหน่อย ไม่มีผลให้เป็นอะไรหนักได้ จขกท. จึงตัดสินใจกลับไปหาหมอจิตแพทย์ที่เดิม แต่เปลี่ยนหมอ เพราะคิดว่าจุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจากแผนกนี้ คิดว่าหมอคนใหม่น่าจะช่วยให้หายได้ หมอคนใหม่ฟังอาการของเราแล้วให้ยาแก้เครียดมาอีก ซึ่งเคยกินแล้ว ตั้งแต่ตอนหาหมอเวชศาสตร์ฟื้นฟูครั้งแรก กินแร้ว ก็ทำให้ตื้อๆ เหมือนเดิม แต่ทำให้นอนได้ทุกวัน เราก็ ok อย่างน้อยก็นอนได้ พอกินมาเรื่อยๆ จขกท. รู้สึกว่าคอที่ตึงด้านซ้าย ไม่เคยหายไปเลย
จขกท. จึงกลับไปเวชศาสตร์ฟื้นฟูอีกเป็นครั้งที่ 3 คราวนี้หมอฟังเราแล้ว จึงพบว่ากายภาพไปไม่ช่วยอะไร อาจเป็นโรคเกี่ยวกับ Facet Joint หรือเปล่า จึงส่งต่อไปที่แผนก Spine เพื่อให้ฉีดยาชาเข้า Facet Joint หรือกระดูกคอนั่นเอง แต่เมื่อฉีดแล้ว ความรู้สึกของ จขกท. ที่มีความตึงที่คอด้านซ้ายก็ไม่เคยหายไป สรุปแล้วไม่ใช่ Facet Joint
เมื่อไม่นานมานี้ จขกท. เริ่มสังเกตว่าความตึงนั้นมันอยู่ใกล้ๆ คางด้านซ้าย จึงคิดเอาเองว่าอาจเป็นโรคข้อต่อขากรรไกรหรือโรค TMD หรือเปล่า เพราะจากที่อ่านในเนต ก็ดูมีอาการคล้ายๆ เลย จึงไปหาหมอฟัน หมอฟัน ฟันธง เลยว่าใช่แน่ๆ ให้ไปถอนฟันคุด แล้วค่อยมาใส่ splint
บอกจริงๆ เลย ว่าจากที่หาหมอมาเยอะมาก รู้สึกว่ามั่วอยู่เหมือนกัน เพราะ จขกท. หาทางออกไม่ได้จริงๆ เริ่มไม่มั่นใจว่าใช่ TMD หรือเปล่า หรือหมอมั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ จขกท. คงต้องลองเสี่ยงดู เพราะไม่มีอะไรจะเสีย อยากหายมากๆ
จนถึงตอนนี้หน้าตาของ จขกท. โทรมมาก ผมร่วงจนใกล้ล้าน เพราะทนทุกข์ทรมานกับโรคนี้มา 3 ปีครึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ ผมร่วงไม่เคยร่วงเยอะขนาดนี้มาก่อน ปกติเป็นคนผมหนามากๆ ชีวิตประจำวันของ จขกท. แย่มาก แค่ไปทำงานได้ก็ดีมากแล้ว ไม่นับถึงไปเที่ยว เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่นๆ จขกท. แทบต้องอดทนทำตลอด ทรมานมากๆ ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
เพื่อนๆ ผู้มีความรู้ช่วยแนะนำหน่อยว่า จขกท. ควรทำยังไงต่อไปดี ควรหาหมอฟันต่อไป หรือไปหาหมอที่ไหนดี เพื่อให้คำตอบได้
ขอบคุณมากค่ะ
โรคอะไรไม่ทราบ เป็นมา 3 ปีครึ่ง ยังไม่มีวี่แววหาย
ประวัติโรค 3 ปี ครึง
เริ่มจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วเดือนกุมภาพันธ์ เราเป็นโรคเครียดที่ทำให้คอตึงปกติ ที่คนส่วนใหญ่เป็นกัน เราจึงตัดสินใจไปหาหมอจิตแพทย์ที่เราหา เพราะเราอยากหายมากๆ คืนแรกที่เรากินยาเข้าไป พอตื่นขึ้นมา เรารู้สึกว่าความรู้สึกในการรับรู้เรื่องกลิ่น เรื่องง่วง เรื่องหิว ของเราหายไปเลย เราตกใจมากๆ เราจึงไปหาหมอศัลยกรรมประสาท เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณหมอฟัง และทำ CT SCAN คุณหมอบอกว่ามันไม่มีหรอกโรคแบบนั้น เราได้ยาซึมเศร้ามา พอกินเข้าไปอาการหนักกว่าเดิม มึนทั้งวัน เบลอ พอเลิกกินรู้สึกปกติดี แต่ความรู้สึกที่เคยรู้สึกก็ยังไม่กลับมา และเรามั่นใจว่าเราไม่เป็นโรคซึมเศร้าแน่นอน เพราะเราร่าเริงดี แต่มีเรื่องเครียดบ้าง และหมอจิตแพทย์ก็ยืนยันว่าเราไม่ได้ซึมเศร้าแต่อย่างใด อ้อ ต้องบอกเพิ่มเติมว่าอาการที่หนักที่สุดคือ ตั้งแต่เราไม่รู้สึกง่วงเลย นั่นหมายถึง เราไม่สามารถนอนได้เลย เป็นเวลา 3 เดือน ที่นอนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคิดมากแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ ที่คอด้านซ้ายเหมือนมีอะไรมาดึงให้ตึงอยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถนอนได้เลย ขนาดหมอให้ยานอนหลับมา ยังไม่รู้ง่วงเลย นอนไม่ได้เหมือนเดิม นึกดูว่าวันต่อมาที่ต้องทำงานจะเป็นยังไง เบลอ มึน เดินแทบไม่ได้ เพราะมึนมากถึงมากที่สุด หลังจากนั้น จึงเลิกกินยานอนหลับ เพราะไม่ช่วยอะไร หนำซ้ำ ทำให้วันต่อมาที่ทำงานแย่ที่สุด บางวันตอนเช้ามักจะมีอาการตึงจน จขกท. หายใจไม่ออกจนต้องคลื่นไส้ วันที่จขกท. นอนได้คือ วันที่ร่างกายรับไม่ไหวแล้ว จึงสลบหลับไป วันที่หลับได้ จะเป็นวันที่ดีใจมาก เมื่อตื่นขึ้นมา ก็กลับมากระตือรือร้นทำงานต่อไป ในใจเราก็คิดว่าที่เราเป็นทั้งหมดนี้น่าจะเป็นเพราะโรคเครียด ที่จุดเริ่มต้นของเรา เราจึงไปนั่งสมาธิก่อนนอน แต่ละคืนหลับได้บ้าง หลับไม่ได้บ้าง ใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้จนเราเริ่มปลง ว่าถ้าเรานั่งสมาธิไปเรื่อยๆ เราก็คงหายไปเอง แต่ความตึงที่คอด้านซ้าย ไม่เคยหายไปเลยตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้ที่ จขกท.เขียน
หมอคนต่อมาที่จขกท. ไปหาคือ เวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อทำกายภาพบำบัดเกี่ยวกับคอที่ตึง ทำอยู่เป็น 10 ทีพร้อมทั้งหมอให้ยาแก้เครียดมาให้ด้วย จึงทำให้เราสามารถนอนได้ ตามปกติ แต่อาการที่เรารู้สึกได้คือ เหมือนยาทำให้เราตื้อๆ เฉยๆ แต่ความตึงที่มีอยู่ที่คอ ก็ยังอยู่เหมือนเดิม มันไม่ได้ทำให้ตึงน้อยลงเลย เมื่อตึงแต่ละครั้ง ทำให้เราเหงื่อตก ทุกครั้ง เหมือนเราเจ็บอะไรมากๆ ข้างใน จนเหงื่อตก ซึ่งเหงื่อตกบ่อย จนเราคิดว่าเป็นที่มาที่ทำให้เราเริ่มผมร่วงตั้งแต่นั้นมา ไม่แน่ใจว่าผสมเครียดด้วยหรือเปล่า แต่ใครจะะเครียดจะได้ตลอดเวลา รวมถึงเวลาที่ไปเที่ยว อยู่กับเพื่อน ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่คอด้านซ้ายก็ตึงอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหายเลย หนำซำ้ ปกติถ้าเครียดเมื่อเราออกกำลังกาย มักจะหายทุกครั้ง แต่กลายเป็นว่าทำให้คอที่เคยตึง ตึงเข้าไปอีก จนต้องคลื่นไส้เวลาออกกำลังกาย ตรงนี้ทำให้ จขกท. ไม่กล้าออกกำลังกาย ซึ่งตรงข้ามกับที่ทุกคนแนะนำว่าให้ออกกำลังกาย
หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน เพื่อนสนิทแนะนำให้ไปหาหมออายุรกรรมประสาทที่เก่ง หมอฟังเราแล้ว ให้ยา zyprexa มาซึ่งปกติจะให้กับคนซึมเศร้า เมื่อเรากิน เราสามารถนอนได้ แต่ความตึงที่คอด้านซ้ายไม่เคยหายไปเลย ยาทำให้ตื้อๆ เท่านั้น พอไม่ได้กิน ก็กลับมานอนไม่ได้เหมือนเดิม เพราะคอตึง เราไม่อยากติดยาซึมเศร้า เราจึงเลิกกิน
แล้วกลับไปเวชศาสตร์ฟื้นฟูเหมือนเดิม ฝังเข็ม ตอนนั้นน่าจะเป็นมาประมาณ 2 ปีแล้ว ใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดทุกอย่างที่ รพ. มี ความตึงคอด้านซ้ายไม่เคยหายหรือน้อยลงเลย คราวนี้ จขกท. บอกว่าอยาก MRI กระดูกคอ เพื่อดูความผิดปกติ แต่ผลออกมา คือ มีกระดูกคอเสื่อมนิดหน่อย ไม่มีผลให้เป็นอะไรหนักได้ จขกท. จึงตัดสินใจกลับไปหาหมอจิตแพทย์ที่เดิม แต่เปลี่ยนหมอ เพราะคิดว่าจุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจากแผนกนี้ คิดว่าหมอคนใหม่น่าจะช่วยให้หายได้ หมอคนใหม่ฟังอาการของเราแล้วให้ยาแก้เครียดมาอีก ซึ่งเคยกินแล้ว ตั้งแต่ตอนหาหมอเวชศาสตร์ฟื้นฟูครั้งแรก กินแร้ว ก็ทำให้ตื้อๆ เหมือนเดิม แต่ทำให้นอนได้ทุกวัน เราก็ ok อย่างน้อยก็นอนได้ พอกินมาเรื่อยๆ จขกท. รู้สึกว่าคอที่ตึงด้านซ้าย ไม่เคยหายไปเลย
จขกท. จึงกลับไปเวชศาสตร์ฟื้นฟูอีกเป็นครั้งที่ 3 คราวนี้หมอฟังเราแล้ว จึงพบว่ากายภาพไปไม่ช่วยอะไร อาจเป็นโรคเกี่ยวกับ Facet Joint หรือเปล่า จึงส่งต่อไปที่แผนก Spine เพื่อให้ฉีดยาชาเข้า Facet Joint หรือกระดูกคอนั่นเอง แต่เมื่อฉีดแล้ว ความรู้สึกของ จขกท. ที่มีความตึงที่คอด้านซ้ายก็ไม่เคยหายไป สรุปแล้วไม่ใช่ Facet Joint
เมื่อไม่นานมานี้ จขกท. เริ่มสังเกตว่าความตึงนั้นมันอยู่ใกล้ๆ คางด้านซ้าย จึงคิดเอาเองว่าอาจเป็นโรคข้อต่อขากรรไกรหรือโรค TMD หรือเปล่า เพราะจากที่อ่านในเนต ก็ดูมีอาการคล้ายๆ เลย จึงไปหาหมอฟัน หมอฟัน ฟันธง เลยว่าใช่แน่ๆ ให้ไปถอนฟันคุด แล้วค่อยมาใส่ splint
บอกจริงๆ เลย ว่าจากที่หาหมอมาเยอะมาก รู้สึกว่ามั่วอยู่เหมือนกัน เพราะ จขกท. หาทางออกไม่ได้จริงๆ เริ่มไม่มั่นใจว่าใช่ TMD หรือเปล่า หรือหมอมั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ จขกท. คงต้องลองเสี่ยงดู เพราะไม่มีอะไรจะเสีย อยากหายมากๆ
จนถึงตอนนี้หน้าตาของ จขกท. โทรมมาก ผมร่วงจนใกล้ล้าน เพราะทนทุกข์ทรมานกับโรคนี้มา 3 ปีครึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ ผมร่วงไม่เคยร่วงเยอะขนาดนี้มาก่อน ปกติเป็นคนผมหนามากๆ ชีวิตประจำวันของ จขกท. แย่มาก แค่ไปทำงานได้ก็ดีมากแล้ว ไม่นับถึงไปเที่ยว เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่นๆ จขกท. แทบต้องอดทนทำตลอด ทรมานมากๆ ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
เพื่อนๆ ผู้มีความรู้ช่วยแนะนำหน่อยว่า จขกท. ควรทำยังไงต่อไปดี ควรหาหมอฟันต่อไป หรือไปหาหมอที่ไหนดี เพื่อให้คำตอบได้
ขอบคุณมากค่ะ