เห็นด้วยหรือไม่?? นักวิชาการ เสนอออก กม.เปิดทางวิจัย “กัญชา” ใช้ทางการแพทย์ ชี้ มีสรรพคุณหลายอย่าง ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้

     




นักวิชาการ เสนอออก กม.เปิดทางวิจัย “กัญชา” ใช้ทางการแพทย์ ชี้
ปลูกกัญชาเป็นภูมิปัญญาไทย มีสรรพคุณหลายอย่าง ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้

นักวิชาการชี้ ออกกฎหมายเปิดโอกาสทำฟาร์มกัญชาเพื่องานวิจัยทางการแพทย์ ชี้ ปลูกกัญชา
เป็นภูมิปัญญาไทย มีสรรพคุณหลายอย่าง ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ อย. ชี้ ยังไม่มีการเสนอที่ประชุมยา
เสพติด ให้ใช้กัญชาอย่างเสรี ระบุใบกระท่อมที่เคยเสนอก็ยังไร้ความคืบหน้า

      ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้าโครงการสาธิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร โรงพยาบาล
เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวถึงข้อเสนอการเปิดให้ใช้กัญชาอย่างเสรีในไทย ว่า
กัญชาจัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มาก และประเทศไทยก็ใช้กันมานานในรูปแบบตำรับยา
แต่เมื่อถูกกำหนดว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์อีก ซึ่งน่าเสียดาย ทั้งที่
การปลูกกัญชาถือเป็นภูมิปัญญาไทย อย่างน้ำมันกัญชา หลายรัฐของสหรัฐอเมริกา มีการศึกษาว่า
ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ แม้ในไทยจะยังไม่มีงานวิจัย แต่มีรายงานหลายชิ้นบอกว่า มีประสิทธิภาพเรื่อง
ลดอาการปวด อาการทางสมอง จิตประสาท อาการสั่นในผู้ป่วยพาร์กินสัน หากเปิดทางให้สามารถ
วิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์จะมีประโยชน์มาก โดยควรมีกฎหมายในการเปิดโอกาสให้
ปลูกกัญชา อาจทำเป็นฟาร์มกัญชาสำหรับทางการแพทย์ในการศึกษาวิจัย โดยมีการควบคุมและ
ให้มีการวิจัยว่า ประโยชน์ทางการแพทย์มีอะไรบ้าง เพื่อเทียบเคียงกับต่างประเทศที่มีการศึกษาอยู่
ดีกว่าปล่อยทิ้ง ซึ่งน่าเสียดาย
     
      “หากกัญชายังเป็นยาเสพติด นักวิจัยก็ศึกษาไม่ได้ ใบกระท่อมก็เช่นกัน มีการศึกษาในต่าง
ประเทศว่าลดอาการปวดได้ดี หากมีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังก็จะทำให้ประเทศไทย ใช้ประโยชน์
จากพวกนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะหากไม่เปิดทางให้นักวิจัยมีอิสระในการศึกษา ผลการศึกษาก็
จะออกมาไม่ได้” ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว
     
      ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หากจะเปิดเสรีกัญชาในทันทีคงจะไม่ได้ เพราะถือเป็นยาเสพติด แต่ควรมี
การศึกษาเพิ่มเติม หากสามารถนำมาใช้ทางยาได้และมีประโยชน์ที่ชัดเจนก็ควรจะอนุญาตให้มีงาน
วิจัยและทำให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงยา เพราะข้อมูลจากต่างประเทศ พบว่า มีข้อมูลวิชาการที่สำคัญหลาย
อย่าง โดยเฉพาะช่วยรักษาโรคที่ค่อนข้างร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง ภูมิแพ้ เป็นต้น หากได้ประโยชน์
จริงก็ไม่ควรที่จะปิดกั้นผู้ป่วย และควรจะมีการอนุญาตให้เปิดศึกษาวิจัย และทดลองในคนไทยให้มี
กฎระเบียบ เพราะกัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 คือ ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นติดมาก รวมถึงให้หน่วย
ราชการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ไม่ควรเก็บเรื่องนี้ไว้เฉย ๆ แล้วทำให้
ผู้ป่วยเสียโอกาสต่อการเข้าถึงการรักษา และหากศึกษาแล้วว่าไม่ติดมากมาย หรือสามารถใช้ได้
ภายในควรเรือน ก็ควรมีข้อกำหนดกติกาที่ชัดเจน
     
      นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า พืชที่ถูกจัดเป็น
ยาเสพติดมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)โดย อย. ทั้งสำนักงานคณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงมหาดไทย โดยอยู่ภายใต้การทำงาน
ของ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งมีคณะกรรมการยาเสพติดฯ ทำงาน และมีคณะ
อนุกรรมการต่าง ๆ โดยที่ผ่านมามีประเด็นเรื่องใบกระท่อม แต่ก็ยังไม่มีข้อเสนอใด ๆ คืบหน้าเรื่องนี้
ดังนั้น ในเรื่องกัญชาก็ยังไม่มีการพูดถึงในการประชุมยาเสพติด แต่ทั้งหมดก็ต้องอยู่ที่นโยบายเป็น
หลัก แต่ขณะนี้ยังไม่มี
cr.http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000098698&Keyword=%e0%ca%c3%d5
----------------------------------------------------------------------

เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มีความเห็นอย่างกับการเปิดให้ใช้ “กัญชา” ทางการแพทย์บ้าง มาคุยกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่