27 พฤศจิกายน 2552
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 1
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลจากท่าเรือแหลมฉบัง และเกิดเหตุอีกครั้ง วันที่ 26 พ.ย. สารเคมีรั่วไหลภายในการท่าเรือแหลมฉบังปะทุระลอกสองกลางดึก ชาวบ้าน นักเรียน สูดดมวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ถูกหามส่งโรงพยาบาลระนาว สวดยับการท่าเรือฯประกาศเตือนภัยช้าจนพากันหนีไม่ทัน พบมีผู้เสียชีวิต 2 ราย แต่การท่าเรือฯปฏิเสธไม่เกี่ยวกับสารพิษ ขณะที่จังหวัดสั่งจุดเกิดเหตุและพื้นที่โดยรอบเป็นเขตอันตรายแล้ว
ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือ บี 3 ภายในการท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เมื่อบ่ายวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา สารเคมีฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้าง จนการท่าเรือแหลมฉบังต้องสั่งอพยพพนักงานและผู้ประกอบการบริเวณใกล้เคียงรัศมีให้ออก ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากสารพิษมีกลิ่นฉุนมาก หากสูดดมเป็นเวลานานจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และคลื่นไส้ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางแก้ไขโดยระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำดับการฟุ้งกระจายของสารเคมีที่รั่วไหลเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงควบคุมสถานการณ์ได้ และประกาศกลับสู่สภาวะปกติในเวลาต่อมานั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สารเคมีอันตรายที่อยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์เจ้าปัญหาเกิดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้สารพิษฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ประกอบกับมีลมกระโชกแรงพัดหอบเอาสารพิษเข้าหมู่บ้านชาวประมงแหลมฉบัง ชาวบ้านร่วม 200 หลังคาเรือน รวมทั้งพระลูกวัดวัดแหลมฉบังเก่ามีอาการหน้ามืดเป็นลม หายใจไม่ออก ทางการท่าเรือแหลมฉบังต้องประกาศให้ชาวบ้านเร่งอพยพออกจากหมู่บ้านโดยด่วน เนื่องจากปริมาณสารเคมีที่ฟุ้งกระจายอยู่ในระดับที่อันตรายมาก
ทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือนภัย ชาวบ้านพากัน จูงลูกจูงหลานหนีตายออกจากบ้านกลางดึกด้วยความโกลาหล ใครมีรถก็ขับรถหนีตายออกไป ใครไม่มีรถก็แจ้งขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา นำรถมารับออกจากหมู่บ้านกันอย่างทุลักทุเล โดยพากันไปพักพิงชั่วคราวที่โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 2 ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กม. ขณะเดียวกันทาง รพ.อ่าวอุดม ระดมแพทย์ พยาบาล ตั้งศูนย์ให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยจากการสูดสารพิษเข้าไปทำให้เกิดอาการแสบตา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หายใจติดขัด และเป็นลมล้มพับกันระนาว.......
Bangsaen of the Dead [บางแสนแห่งความตาย]
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 1
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลจากท่าเรือแหลมฉบัง และเกิดเหตุอีกครั้ง วันที่ 26 พ.ย. สารเคมีรั่วไหลภายในการท่าเรือแหลมฉบังปะทุระลอกสองกลางดึก ชาวบ้าน นักเรียน สูดดมวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ถูกหามส่งโรงพยาบาลระนาว สวดยับการท่าเรือฯประกาศเตือนภัยช้าจนพากันหนีไม่ทัน พบมีผู้เสียชีวิต 2 ราย แต่การท่าเรือฯปฏิเสธไม่เกี่ยวกับสารพิษ ขณะที่จังหวัดสั่งจุดเกิดเหตุและพื้นที่โดยรอบเป็นเขตอันตรายแล้ว
ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือ บี 3 ภายในการท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เมื่อบ่ายวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา สารเคมีฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้าง จนการท่าเรือแหลมฉบังต้องสั่งอพยพพนักงานและผู้ประกอบการบริเวณใกล้เคียงรัศมีให้ออก ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากสารพิษมีกลิ่นฉุนมาก หากสูดดมเป็นเวลานานจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และคลื่นไส้ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางแก้ไขโดยระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำดับการฟุ้งกระจายของสารเคมีที่รั่วไหลเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงควบคุมสถานการณ์ได้ และประกาศกลับสู่สภาวะปกติในเวลาต่อมานั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สารเคมีอันตรายที่อยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์เจ้าปัญหาเกิดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้สารพิษฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ประกอบกับมีลมกระโชกแรงพัดหอบเอาสารพิษเข้าหมู่บ้านชาวประมงแหลมฉบัง ชาวบ้านร่วม 200 หลังคาเรือน รวมทั้งพระลูกวัดวัดแหลมฉบังเก่ามีอาการหน้ามืดเป็นลม หายใจไม่ออก ทางการท่าเรือแหลมฉบังต้องประกาศให้ชาวบ้านเร่งอพยพออกจากหมู่บ้านโดยด่วน เนื่องจากปริมาณสารเคมีที่ฟุ้งกระจายอยู่ในระดับที่อันตรายมาก
ทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือนภัย ชาวบ้านพากัน จูงลูกจูงหลานหนีตายออกจากบ้านกลางดึกด้วยความโกลาหล ใครมีรถก็ขับรถหนีตายออกไป ใครไม่มีรถก็แจ้งขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา นำรถมารับออกจากหมู่บ้านกันอย่างทุลักทุเล โดยพากันไปพักพิงชั่วคราวที่โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 2 ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กม. ขณะเดียวกันทาง รพ.อ่าวอุดม ระดมแพทย์ พยาบาล ตั้งศูนย์ให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยจากการสูดสารพิษเข้าไปทำให้เกิดอาการแสบตา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หายใจติดขัด และเป็นลมล้มพับกันระนาว.......