ขอเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นเรื่องเลยนะคะ
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีเซลล์ขายบัตรเครดิต 2 คน เป็นผู้หญิง 1 คนตัวสูงขาว ชื่ออ้อ พลอยลภัสและอีกคนเป็นผู้ชาย (คล้ายจะไม่แมน) ตัวไม่สูง ชื่อเอก เกียรติพันธ์ ได้เข้ามาทำการขายบัตรเครดิตให้พนักงานในบริษัทโดยอ้างว่าติดต่อทางผอ. ทางผู้บริหารแล้ว (เราเพิ่งมารู้วันนี้เองว่าทางบริษัทไม่รู้เรื่องเลย ฝ่ายบุคคลไม่มีใครทราบว่ามีการติดต่อเข้ามา) พอเขาบอกติดต่อทางบริษัทแล้วเราจึงเกิดความไว้ใจเพราะโดยปกติแล้วบริษัทเราไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาขายของแน่นอน เราจึงคิดว่าเขาคงทำเรื่องติดต่อผ่านผู้บริหารแล้วจึงไว้ใจและทำการตกลงสมัครบัตรกับเขา
โดยตอนแรกเราคิดจะไปทำบัตรของธนาคารหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่ามีเซลล์เข้ามาจึงคิดว่าก็สะดวกดีไม่ต้องไปติดต่อเอง พอตกลงจะทำเท่านั้นแหละค่ะ ธนาคารอื่นที่เรายังไม่มีบัตรเขาก็กรอกรายละเอียดลงให้หมด โดยทำเป็นขอความเห็นใจจากเราและคนอื่นๆที่โดนเหมือนกัน อ้างว่าเพิ่งลาคลอดมา 3 เดือนขาดรายได้ ช่วยทำหน่อย ไม่ใช้ก็ไม่เป็นไรแค่ถือบัตรไว้ 7 เดือน ให้ช่วยเขาหน่อย ขอร้องจนแทบจะกราบอยู่แล้ว เราก็เลยช่วยทำเพราะก็คิดแค่ว่าไม่ใช้ค่อยปิดทีหลังไม่ได้เดือดร้อนอะไร มาแจ๊กพ็อตแตกเอาใบสุดท้าย คือ KTC Pround นี่แหละ พูดถึงเป็นใบสุดท้ายขอร้องเราบอกตัวนี้ได้ค่าคอมเยอะช่วยทำที แต่บัตรนี้มันมีเงินโอนเข้าบัญชีซึ่งก็รู้กันอยู่ค่ะว่าคิดดอกเบี้ยรายวัน เราจึงบอกเขาว่าเราไม่เอา แต่เขาก็พยายามพูดหว่านล้อมขอให้ช่วยทำเพราะได้ค่าคอมเยอะ ต้องการเงินงั้นงี้ขาดรายได้ไป 3 เดือน ทำแล้วไม่มีปัญหาเขาจะจัดการเคลียร์ดอกธนาคารทั้งหมดให้
เราจึงตกลงทำเพราะสงสาร ช่วยได้ก็ช่วย แต่พอถึงเวลากลับไม่เป็นแบบนั้นสิคะ หลังตกลงทำบัตรนางทั้ง 2 ก็หายเข้ากลีบเมฆจนบัตรอนุมัติเงินโอนเข้ามาก็ไม่ติดต่อมา เราต้องติดต่อไปเองทุกครั้ง (แต่นางกล้าพูดนะว่านางมืออาชีพ ทำงานมาไม่เคยมีปัญหา แต่ที่บริษัทเรามีปัญหาทั้งบริษัทได้แล้ว) จนวันนี้มันสิ้นเดือนแล้วเราคิดว่าเขาควรจะมาเคลียร์เงินได้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมา จึงติดต่อไปเองทางเซลล์ผู้ชาย เราด้วยความโมโหก็ใส่ไม่ยั้งอ่ะค่ะ ถามเรื่องเมื่อไหร่จะจัดการ แล้วทำไมไม่คิดติดต่อลูกค้าบ้างเลยหรือ ต้องให้ลูกค้าติดต่อเองตลอด แล้วก็มีปัญหาเรื่องของแจกที่นางทั้ง 2 ไม่ได้ชี้แจงอะไรกับเราหรือคนอื่นๆที่ถามเลยว่าบัตรต้องผ่านกี่ธนาคารถึงได้ของ เราก็พูดเรื่องนี้ด้วยเพราะต้องการให้เขารู้ความไม่เป็นมืออาชีพของตัวเอง พี่ที่ทำงานกับเรา 2 คน โทรไปผู้หญิงตอบ 5 ธนาคาร ผู้ชายตอบ 3 ธนาคาร (มืออาชีพมาก) พอเราพูดเรื่องนี้นางเซลล์ผู้ชายบอกว่า "น้องถ้าน้องอยากได้ของจากพี่น้องต้องพูดกับพี่ดีๆ" คือเงิบมาก ที่โทรไปนี่ต้องการให้เคลียร์กับทาง KTC Pround แต่กลับกลายเป็นเหมือนนางมีบุญคุณกับเรา เราต้องพูดดีๆกับนาง ทั้งๆที่เราเดือดร้อนเพราะพวกนางป่ะ อารมณ์เหมือนให้คนยืมเงินแล้วไม่คืนจนต้องไปอ้อนวอนขอเงินตัวเองคืนอ่ะค่ะ
เราโมโหมาเลยตัดสายไป ทางผู้หญิงจึงติดต่อกลับมา 2 คนนี้จะชอบโยนความผิดกันเองไปมา เจอกับตัวเลยรู้ โทรมาก็พูดอวยตัวเองอ่ะค่ะบอกว่าเป็นมืออาชีพ กล้ามากอ่ะ มาว่าทางเราว่าพูดเกินความจริง (โดนมากับตัวเองมันเกินความจริงตรงไหน) เราโมโหขี้เกียจจะคุยด้วยอ่ะ เป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ แถไม่รับผิด ขอโทษแบบไม่จริงใจ เราเลยบอกแค่ว่าไปเคลียร์ KTC Pround ให้เราให้เรียบร้อยเราไม่อยากคุยกับพวกคุณไม่ต้องโทรมาอีก ไปจัดการเรื่องบัตรนี้ให้เรียบร้อยซะ แล้วเราก็วางไป
วันนี้เราได้โทรร้องเรียนกับทางธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นหนึ่งในบัตรที่ผ่านและส่งมา ขอบคุณทางธนาคารที่รับเรื่องไว้และให้คำแนะนำเราว่าควรจะทำอย่างไร แต่กลับกันทางกรุงไทยเราโทรไปร้องเรียนเขากลับบอกว่าเป็นเซลล์ที่เป็น out source ไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ เราเลยถามกลับไปว่าคุณรับคน out source มาทำงานโดยไม่มีข้อมูล ลูกค้าไม่สามารถร้องเรียนอะไรกับคนพวกนี้ได้แล้วมันจะปลอดภัยหรอ เขาก็ได้แต่เงียบแล้วขอข้อมูลชื่อกับเบอร์โทรศัพท์เซลล์คนนั้นไป ซึ่งเราไม่คิดว่าเขาจะจัดการอะไรได้จริงๆ เพราะ 1 ในเซลล์ที่มาขายทำงานที่กรุงไทย เป็นไปได้หรือที่ทางธนาคารจะหาข้อมูลไม่ได้
สุดท้ายนี้เราแค่อยากจะมาเตือนว่าถ้าใครเจอคน 2 คนนี้เขามาขายบัตรเครดิต อย่าไปทำนะคะ คนที่ทำไปแล้วถ้าธนาคารยังไม่ติดต่อมาให้รีบยกเลิกเรื่องนะคะ อย่าปล่อยให้ 2 คนนี้เข้ามาในบริษัทสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกเลย เรื่องเงินกับทางบัตร KTC Pround เราก็คิดว่าต้องไปเคลียร์เองเรากลัวเขาไม่ไปเคลียร์ให้มาก ไม่อยากเสียประวัติ รู้สึกแย่จริงๆ บอกให้เราเก็บเงินไว้ก่อนอย่าเพิ่งคืนหมดเพราะเขาจะไม่ได้ค่าคอมเราก็ยอมช่วย แต่พอถึงเวลาจะจ่ายเงินเหมือนจะต้องไปขอร้องอ้อนวอน ระวังตัวกันด้วยนะคะทุกคน อย่าหลงเชื่อคนนพวกนี้ อย่าไปสงสารใครเพราะเราอาจเดือดร้อนเอง
ปล.แท็กกฎหมายเผื่อมีผู้รู้มาช่วยให้ความรู้เราว่าเราสามารถทำอะไรได้อีกบ้างค่ะ บ่นมายาวมากถ้าอ่านแล้วงงๆเราขอโทษด้วยจริงๆค่ะ เราเล่าเรื่องไม่เก่งวนไปวนมา แต่เราอยากเห็นการจัดการอย่างจริงจังและเด็ดขาดกับเซลล์ประเภทนี้จริงๆค่ะ เขาควรได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ตอนนี้ยังโมโหอยู่เลย เครียดจนปวดหัว
เตือนภัย!! บัตรเครดิต KTC Pround และการขายบัตรหลายธนาคารพร้อมกัน
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีเซลล์ขายบัตรเครดิต 2 คน เป็นผู้หญิง 1 คนตัวสูงขาว ชื่ออ้อ พลอยลภัสและอีกคนเป็นผู้ชาย (คล้ายจะไม่แมน) ตัวไม่สูง ชื่อเอก เกียรติพันธ์ ได้เข้ามาทำการขายบัตรเครดิตให้พนักงานในบริษัทโดยอ้างว่าติดต่อทางผอ. ทางผู้บริหารแล้ว (เราเพิ่งมารู้วันนี้เองว่าทางบริษัทไม่รู้เรื่องเลย ฝ่ายบุคคลไม่มีใครทราบว่ามีการติดต่อเข้ามา) พอเขาบอกติดต่อทางบริษัทแล้วเราจึงเกิดความไว้ใจเพราะโดยปกติแล้วบริษัทเราไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาขายของแน่นอน เราจึงคิดว่าเขาคงทำเรื่องติดต่อผ่านผู้บริหารแล้วจึงไว้ใจและทำการตกลงสมัครบัตรกับเขา
โดยตอนแรกเราคิดจะไปทำบัตรของธนาคารหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่ามีเซลล์เข้ามาจึงคิดว่าก็สะดวกดีไม่ต้องไปติดต่อเอง พอตกลงจะทำเท่านั้นแหละค่ะ ธนาคารอื่นที่เรายังไม่มีบัตรเขาก็กรอกรายละเอียดลงให้หมด โดยทำเป็นขอความเห็นใจจากเราและคนอื่นๆที่โดนเหมือนกัน อ้างว่าเพิ่งลาคลอดมา 3 เดือนขาดรายได้ ช่วยทำหน่อย ไม่ใช้ก็ไม่เป็นไรแค่ถือบัตรไว้ 7 เดือน ให้ช่วยเขาหน่อย ขอร้องจนแทบจะกราบอยู่แล้ว เราก็เลยช่วยทำเพราะก็คิดแค่ว่าไม่ใช้ค่อยปิดทีหลังไม่ได้เดือดร้อนอะไร มาแจ๊กพ็อตแตกเอาใบสุดท้าย คือ KTC Pround นี่แหละ พูดถึงเป็นใบสุดท้ายขอร้องเราบอกตัวนี้ได้ค่าคอมเยอะช่วยทำที แต่บัตรนี้มันมีเงินโอนเข้าบัญชีซึ่งก็รู้กันอยู่ค่ะว่าคิดดอกเบี้ยรายวัน เราจึงบอกเขาว่าเราไม่เอา แต่เขาก็พยายามพูดหว่านล้อมขอให้ช่วยทำเพราะได้ค่าคอมเยอะ ต้องการเงินงั้นงี้ขาดรายได้ไป 3 เดือน ทำแล้วไม่มีปัญหาเขาจะจัดการเคลียร์ดอกธนาคารทั้งหมดให้
เราจึงตกลงทำเพราะสงสาร ช่วยได้ก็ช่วย แต่พอถึงเวลากลับไม่เป็นแบบนั้นสิคะ หลังตกลงทำบัตรนางทั้ง 2 ก็หายเข้ากลีบเมฆจนบัตรอนุมัติเงินโอนเข้ามาก็ไม่ติดต่อมา เราต้องติดต่อไปเองทุกครั้ง (แต่นางกล้าพูดนะว่านางมืออาชีพ ทำงานมาไม่เคยมีปัญหา แต่ที่บริษัทเรามีปัญหาทั้งบริษัทได้แล้ว) จนวันนี้มันสิ้นเดือนแล้วเราคิดว่าเขาควรจะมาเคลียร์เงินได้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมา จึงติดต่อไปเองทางเซลล์ผู้ชาย เราด้วยความโมโหก็ใส่ไม่ยั้งอ่ะค่ะ ถามเรื่องเมื่อไหร่จะจัดการ แล้วทำไมไม่คิดติดต่อลูกค้าบ้างเลยหรือ ต้องให้ลูกค้าติดต่อเองตลอด แล้วก็มีปัญหาเรื่องของแจกที่นางทั้ง 2 ไม่ได้ชี้แจงอะไรกับเราหรือคนอื่นๆที่ถามเลยว่าบัตรต้องผ่านกี่ธนาคารถึงได้ของ เราก็พูดเรื่องนี้ด้วยเพราะต้องการให้เขารู้ความไม่เป็นมืออาชีพของตัวเอง พี่ที่ทำงานกับเรา 2 คน โทรไปผู้หญิงตอบ 5 ธนาคาร ผู้ชายตอบ 3 ธนาคาร (มืออาชีพมาก) พอเราพูดเรื่องนี้นางเซลล์ผู้ชายบอกว่า "น้องถ้าน้องอยากได้ของจากพี่น้องต้องพูดกับพี่ดีๆ" คือเงิบมาก ที่โทรไปนี่ต้องการให้เคลียร์กับทาง KTC Pround แต่กลับกลายเป็นเหมือนนางมีบุญคุณกับเรา เราต้องพูดดีๆกับนาง ทั้งๆที่เราเดือดร้อนเพราะพวกนางป่ะ อารมณ์เหมือนให้คนยืมเงินแล้วไม่คืนจนต้องไปอ้อนวอนขอเงินตัวเองคืนอ่ะค่ะ
เราโมโหมาเลยตัดสายไป ทางผู้หญิงจึงติดต่อกลับมา 2 คนนี้จะชอบโยนความผิดกันเองไปมา เจอกับตัวเลยรู้ โทรมาก็พูดอวยตัวเองอ่ะค่ะบอกว่าเป็นมืออาชีพ กล้ามากอ่ะ มาว่าทางเราว่าพูดเกินความจริง (โดนมากับตัวเองมันเกินความจริงตรงไหน) เราโมโหขี้เกียจจะคุยด้วยอ่ะ เป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ แถไม่รับผิด ขอโทษแบบไม่จริงใจ เราเลยบอกแค่ว่าไปเคลียร์ KTC Pround ให้เราให้เรียบร้อยเราไม่อยากคุยกับพวกคุณไม่ต้องโทรมาอีก ไปจัดการเรื่องบัตรนี้ให้เรียบร้อยซะ แล้วเราก็วางไป
วันนี้เราได้โทรร้องเรียนกับทางธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นหนึ่งในบัตรที่ผ่านและส่งมา ขอบคุณทางธนาคารที่รับเรื่องไว้และให้คำแนะนำเราว่าควรจะทำอย่างไร แต่กลับกันทางกรุงไทยเราโทรไปร้องเรียนเขากลับบอกว่าเป็นเซลล์ที่เป็น out source ไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ เราเลยถามกลับไปว่าคุณรับคน out source มาทำงานโดยไม่มีข้อมูล ลูกค้าไม่สามารถร้องเรียนอะไรกับคนพวกนี้ได้แล้วมันจะปลอดภัยหรอ เขาก็ได้แต่เงียบแล้วขอข้อมูลชื่อกับเบอร์โทรศัพท์เซลล์คนนั้นไป ซึ่งเราไม่คิดว่าเขาจะจัดการอะไรได้จริงๆ เพราะ 1 ในเซลล์ที่มาขายทำงานที่กรุงไทย เป็นไปได้หรือที่ทางธนาคารจะหาข้อมูลไม่ได้
สุดท้ายนี้เราแค่อยากจะมาเตือนว่าถ้าใครเจอคน 2 คนนี้เขามาขายบัตรเครดิต อย่าไปทำนะคะ คนที่ทำไปแล้วถ้าธนาคารยังไม่ติดต่อมาให้รีบยกเลิกเรื่องนะคะ อย่าปล่อยให้ 2 คนนี้เข้ามาในบริษัทสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกเลย เรื่องเงินกับทางบัตร KTC Pround เราก็คิดว่าต้องไปเคลียร์เองเรากลัวเขาไม่ไปเคลียร์ให้มาก ไม่อยากเสียประวัติ รู้สึกแย่จริงๆ บอกให้เราเก็บเงินไว้ก่อนอย่าเพิ่งคืนหมดเพราะเขาจะไม่ได้ค่าคอมเราก็ยอมช่วย แต่พอถึงเวลาจะจ่ายเงินเหมือนจะต้องไปขอร้องอ้อนวอน ระวังตัวกันด้วยนะคะทุกคน อย่าหลงเชื่อคนนพวกนี้ อย่าไปสงสารใครเพราะเราอาจเดือดร้อนเอง
ปล.แท็กกฎหมายเผื่อมีผู้รู้มาช่วยให้ความรู้เราว่าเราสามารถทำอะไรได้อีกบ้างค่ะ บ่นมายาวมากถ้าอ่านแล้วงงๆเราขอโทษด้วยจริงๆค่ะ เราเล่าเรื่องไม่เก่งวนไปวนมา แต่เราอยากเห็นการจัดการอย่างจริงจังและเด็ดขาดกับเซลล์ประเภทนี้จริงๆค่ะ เขาควรได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ตอนนี้ยังโมโหอยู่เลย เครียดจนปวดหัว