ฝึกงานต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างครับ

ไม่เกี่ยงงานครับ ฝึกงานหลายๆ คนพูดกันว่า ได้แต่ยกน้ำให้แขก ถ่ายเอกสาร รับโทรศัพท์ แบบโอเปอร์เรเตอร์ เตรียมความรู้อย่างไร ก็ฝึกที่ไหน ตำแหน่งอะไร ก็ควรเตรียมความรู้เกี่ยวกับที่นั่น และตำแหน่งที่ทำ เห็นว่ายื่นไปหลายที่ พี่คงบอกได้เท่านี้ และอย่าคาดหวังว่าจะไ้ดฝึกในสิ่งที่อยากทำจริงๆ ฝึกงานกับรายการโทรทัศน์ อาจอยากเขียนบท ได้ทำจริง อาจเป็นหิ้วของให้แขกรับเชิญ จะให้โทร.ตามแขกรับเชิญเค้ายังไม่ให้โทร.เลยครับ คือที่ๆ เค้ารักษาชื่อเสียงอย่างยิ่ง เค้าถือว่าการติดต่อกับบุคคลภายนอกต้องทำไปนามองค์กร ต้องรับผิดชอบได้ในระดับหนึ่งตามหน้าที่ตนเอง สมมติ พูดให้แขกรับเชิญฟังไม่รู้เรื่อง แล้วถ้าเค้าบ่น หรือเอาไปบอกต่อ เราห้ามเค้าไม่ได้นะครับ นั่นเท่ากับเสียชื่อเสียงองค์กรนะครับ

งานโฆษณาที่อยากทำ ยื่นฝึกตำแหน่งไหนล่ะครับ มีตั้งแต่ออกแบบ กราฟฟิค ตั้งค่าโฆษณาด้วยเครื่องมือออนไลน์ (ซึ่งคงเสี่ยงถ้าให้เด็กฝึกงานทำ) เขียนสคริปต์งานคอนเท้นท์ มาร์เก็ตติ้ง หาข้อมูลดิบ สรุปงานข้อมูล โหเยอะนะ บอกแต่ว่าเรียนดิจิตอล มีเดีย ไม่ได้บอกว่าที่เรียนมาถนัดอะไร เด็กที่เคยมาฝึกกับพี่เรียนด้านคอมฯ เราก็คิดว่าแอดวานซ์กว่าเราแน่ ปรากฏว่าไม่ได้เลย งงเลยเรา เลยกลายเป็นให้หาข้อมูล หาไม่ได้อีก จับประเด็นไม่ได้ ให้จับประเด็นสำคัญด้วย พ่อคุณหาวิทยานิพนธ์มาให้ทั้งเล่ม แล้วถามอะไรตามโจทย์ที่ให้หา ก็ตอบไม่ได้อีก

ปรับทัศนคติครับ เตรียมตัวพบโลกการทำงานจริง ที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตนเอง ความสามารถ การเรียนรู้ ปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานให้ได้ เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรให้ได้

ตั้งใจตอบนะครับ เพราะเห็นว่าตั้งใจถาม เพียงแต่รายละเอียดชีวิตจริง บอกเจาะจงยากนะครับ แต่ละที่ม่เหมือนกันแน่นอน แม้ว่าตอนคุยกันอาจบอกเราว่าต้องทำนี้ๆๆๆ นั่นคนรับเข้างานคุย พอทำจริง เจอหัวหน้างาน ก็คนละคนแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำอะไรได้แค่ไหนนะ

พี่มีเด็กฝึกงานมานับ 10 คน ที่ดีๆ มีอยู่ประมาณ 20% เอง นี่ประสบการณ์จริงนะครับ ไม่ได้พูดให้กลัวแต่อย่างใด บางคนเก่ง แต่ทำงานไม่ได้ก็มี ที่ว่าเอาวิทยานิพนธ์มาทั้งเล่มนั่นสอบได้เหรียญทองนะครับ บางคนให้งานไป แอบไปร้องไห้ก็มี คือทำไม่ได้แต่ไม่มาปรึกษา ทั้งที่พี่ไม่ได้น่ากลัวอะไรและบอกทุกครั้งว่ามีไรให้มาถาม อือ ชีวิตจริงครับ