โรงพยาบาลนี้สนับสนุนนมแม่(จริงหรือ)

โรงพยาบาลนี้สนับสนุนนมแม่(จริงหรือ)
(ข้อมูลจาก มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย www.facebook.com/thaibf)

เคยได้ยินโรงพยาบาลไหนกล่าวว่า 'โรงพยาบาลเราไม่สนับสนุนนมแม่' ไหมคะ
เท่าที่ได้ยินมา ร้อยทั้งร้อย จะอ้างว่าตนสนับสนุนนมแม่ค่ะ แต่นโยบายและวิธีปฏิบัติงานจะเป็นตัวบอกเราโรงพยาบาลนั้นสนับสนุนนมแม่จริงหรือไม่
องค์การอนามัยโลกได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานของโรงพยาบาลตาม'บันได 10 ขั้นสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่' ดังนี้

1. มีนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นลายลักษณ์อักษรที่สามารถสื่อสารกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกคนได้เป็นประจำ (บางโรงพยาบาลบุคลากรต้องการช่วยให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ได้แต่ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญก็ลำบาก)
2. ฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกคนให้มีทักษะเพื่อนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติ
3. ชี้แจงให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนทราบถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
4. ช่วยให้แม่เริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด
5. แสดงให้แม่เห็นวิธีการให้นมที่ถูกต้องและคงสภาพการหลั่งน้ำนมแม้ว่าแม่ลูกต้องแยกจากกัน
6. ไม่ให้น้ำอาหารและเครื่องดื่มอื่นใดแก่ทารกนอกจากมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
7. ให้แม่ลูกอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ควรแยกกันเกิน 2 ชั่วโมง
8. สนับสนุนให้ลูกดูดนมบ่อยครั้งตามต้องการ ถ้านอนนานเกิน 2-3 ชั่วโมงต้องปลุกมาดูดนม
9. ไม่ให้ลูกดูดจุกนมยางและหัวนมปลอม และแม่ต้องรับทราบความเสี่ยงในการให้นมขวด
10. ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกลุ่มสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และส่งแม่ไปติดต่อกับกลุ่มดังกล่าวเมื่ออกจากโรงพยาบาล

นอกจากนั้นแล้ว มีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เรียกกันว่า 'หลักเกณฑ์สากลว่าด้วยการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก'(ประมาณกฎหมายห้ามโฆษณานมผงค่ะ คนในวงการเรียกว่าCode มาจากภาษาอังกฤษว่า. International Code of Marketing of Breast-milk Substitutes) ใจความสำคัญของCODE มีอยู่ว่า

1. ห้ามโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าทุกรูปแบบแก่สาธารณชน
2. ห้ามแจกตัวอย่างสินค้าและของขวัญฟรีแก่แม่ทั้งทางตรงและทางอ้อม
3. ห้ามพนักงานการตลาดติดต่อหญิงตั้งครรภ์แม่และครอบครัว
4. ห้ามใช้สถานบริการสาธารณสุขเป็นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้ารวมทั้งห้ามการบริจาคสินค้าฟรีหรือจำหน่ายในราคาถูก
5. ห้ามให้ของขวัญหรือตัวอย่างสินค้าแก่บุคลากรสาธารณสุข. และบุคลากรสาธารณสุขไม่แจกสินค้าเหล่านี้ต่อไปให้แม่
6. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการให้อาหารทารกเหล่านี้จะทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากกรมอนามัน และต้องอธิบายประโยชน์และคุณค่าของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ค่าใช้จ่ายและอันตรายจากการใช้จุกนมปลอม
7. ข้อมูลต่างๆที่ให้แก่บุคลากรสาธารณสุขจะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และเป็นจริง
8. ฉลากไม่แสดงรูปภาพของทารกหรือข้อความที่ชักจูงให้ใช้สินค้า
9. บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กควรปฎิบัติตามCODE

คุณแม่ตั้งครรภ์ลองศึกษาดูนะคะว่าโรงพยาบาลที่ตนเองจะไปคลอดมีนโยบายบันไดสิบขั้นเหล่านี้หรือไม่ ถ้าหากว่าไม่มี. ก็ใช่ว่าจะให้นมลูกไม่ได้ แต่คุณแม่ต้องเตรียมตัวตั้งรับกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติของโรงพยาบาล. โดยศึกษากลไกการหลั่งน้ำนม. การเอาลูกเข้าเต้า. เตรียมหัวนม ทำความเข้าใจว่าการดูดนมของลูกในเดือนแรกจะดูดบ่อยและนานมากตามธรรมชาติ เข้าใจว่าถึงไม่มีนมก็ต้องให้ลูกดูดโดยไม่ควรให้ดูดจุกนม เข้าใจว่านมน้อยในตอนแรกคลอดเป็นเรื่องธรรมชาติ เข้าใจว่าเด็กปกติที่คลอดมาแข็งแรงสามารถที่จะน้ำหนักตัวลดได้เนื่องจากสะสมพลังงานมากมากตอนอยู่ในท้อง เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาหากลูกติดจุกนมขวด ฯลฯ(เรื่องเหล่านี้โรงพยาบาลที่สนับสนุนนมแม่จะบอกเรา)

ส่วนเรื่องCODEนม หลายๆคนอ่านแล้วนึกว่าเป็นเรื่องที่เกินไป แค่ตกแต่งด้วยโลโก้จะทำให้เลี้ยงด้วยนมผงเชียวหรือ แต่ประเทศที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้อย่างเคร่งครัดจะเห็นเลยว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะต่างกันมาก. บางประเทศฉลากนมทุกยี่ห้อจะทำแบบเดียวกันหมด โรงพยาบาลที่เคร่งครัดจะไม่ยอมให้บริษัทนมมาจัดบูธ จัดอีเวนท์. ตกแต่งโรงพยาบาลด้วยโลโก้นม และแจกนมแก่เด็กแรกคลอดแต่อย่างใด. การโฆษณาไม่ได้หมายถึงการประกาศสรรพคุณเท่านั้นแต่เป็นการทำให้คนจดจำ ทำให้คนรู้สึกดีๆกับตัวสินค้าฯลฯ

การคลอดลูกในโรงพยาบาลที่ไม่สนับสนุนนมแม่ อาจทำให้เริ่มต้นให้นมได้ไม่ดีและมีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของคุณแม่เมื่อกลับไปบ้าน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถให้นมได้เลย โรงพยาบาลที่สนับสนุนนมแม่อย่างแท้จริงมีอยู่เพียงน้อยนิด คุณแม่ต้องไม่ประมาทปล่อยให้บุคลากรทางการแพทย์แนะนำแต่ฝ่ายเดียว โดยคุณแม่สามารถขอคำปรึกษาจากคลินิกนมแม่ หรือหาข้อมูลอื่นๆจากแหล่งที่เชื่อถือได้(ไม่ใช่เว็บไซต์หรือฮอตไลน์ของบริษัทนมผง) เพื่อที่คุณแม่จะสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างมั่นใจค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่