สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปนักเที่ยวทุกท่านนะครับ

วันนี้ได้มีโอกาศมาเขียนกระทู้รีวิว เป็นกระทู้แรกเลย (ฮ่าๆ)
อย่างแรกก็ต้องออกตัวขออภัยเนื้อหาที่จะเขียนก่อนเลยนะครับ ทั้งรูปภาพ และคำบรรยาย คงไม่สวยงามตาน่าพิศมัยเท่าไหร่นัก แฮะๆ
(ต้องใช้ความอดทนๆดูกันนีสสนุงนะครับ)
มาๆเริ่มกันเลยดีกว่า ..
หลังจากเคยได้ยินมานาน "อช.เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด" ความรู้สึกของผมคำว่า"เกาะเสม็ด"นี่ ไม่ต้องพูดถึง ทั้งคุ้นเคยและรีวิว เพียบ
แต่กับ"เขาแหลมหญ้า" ทำไมรู้สึกนึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง และผมก็คิดว่าคนอีกไม่น้อยก็ไม่ค่อยรู้จัก และหารีวิวไม่ค่อยเจอ 555
แต่หลังจากที่ได้นั่งดูรีวิว (อันมีอยู่น้อยนิด) ความรู้สึกหลังจากเห็นปุ๊บ..!!! คือบับ.. (เฮ้ยมันใช่มาก)
โมเม้นนี้เลยที่ต้องการ ในวันหยุดอันแสนสั้นของมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกผม
ประกอบด้วย เขาแหลมหญ้านี้ก็อยู่ไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ สักเท่าไหร่นัก
เลยตกลงปลงใจมาที่นี่ทันทีทันใดเลยครับ
-เริ่มจากการเดินทางครับ สะดวกสบายเลย รถตู้ข้างเซ็นจูรี่เลยครับ ชื่อวิน BH แจ้งกับคนขายตั๋วได้เลยครับ บอกว่าจะไปเขาแหลมหญ้า พี่เค้าจะวนไปส่งถึงหน้าอุทยานเลยครับ

ค่ารถก็ 200 บาทถ้วน ส่วนเวลาการเดินทางก็ประมาณ 2ครึ่ง ถึง 3 ชั่วโมงครับ
หลังจากหลับๆ ตื่นๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถมาจอดที่หน้าอ๊อฟฟิศของรถตู้ครับ
แล้วก็จะมีพนักงานมาขายตั๋วรอบกลับให้เราเลย โดยให้จ่ายเงินไว้เลย ตอนกลับก็โทรมาแจ้งพี่เค้า ก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมงครับ
พี่เค้าก็จะเอารถไปรับถึงหน้าอุทยานเลยครับ
บลา บลา บลา

หลังจากทุกคนจองตั๋วและจ่ายเงินกันเรียบร้อย รถตู้ก็มาส่งเราถึงหน้าอุทยานแล้วครับ
โดยจะต้องเสียค่าเข้าอุทยานด้านหน้าเลยครับ ราคาก็อยู่ที่
ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท
เด็กคนละ 20 บาท
(พี่พนง.ใจดี ลดให้เหลือคนละ 20 ด้วยครับ อิอิ

แล้วเราก็เดินขึ้นมาจากด้านหน้าครับ จะเจอที่ทำการอุทยานครับ ส่วนนี้จะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จองห้องพัก จองเต้นท์ที่นี่ครับ
เดี๋ยวเราจะเริ่มมาเดินตาม เส้นทางศึกษาธรรมชาติกันนะครับ
ระยะทางประมาณ 1,100 เมตร ถือว่าใช้ได้ครับ ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก
แบ่งออกเป็นสถานหลักๆ 9 สถานีครับ
ลักษณะทางเดินก็จะเป็นทางขึ้นเขาครับ ทางเดินก็สะดวกดีไม่ทุลักทุเลมาก ทางขึ้นช่วงแรกจะเป็นบรรได ที่ทางอช. เทปูนไว้เป็นขึ้นอย่างดีครับ
ซึ่งหลักจากขึ้นไปได้นิดนึง จะเจอกับจุดชมวิวเล็กๆ มองไปจะเห็นท่าเทียบเรือเขาแหลมหญ้าครับ
ไม่ได้ไกลจากสายตามาก วิวกำลังพอดี (เห็นหอคอยแลนด์มาร์กด้วยนะ^^)
หลักจากแวะชมวิวพอหายเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติต่อครับ
นี่คืออุโมงค์ต้นไม้ครับ ก็ตามชื่อเลย เกิดขึ้นจากปลายของต้นไม้โน้มลงเข้าหากัน ข้างในก็เย็นสบายครับ
เดิน... เดิน... เดิน.. แล้วก็เดิน...
ระหว่างเดินก็ภาวนานะ ขอให้ไม่มีตัวอะไรออกมาทักทาย 555
สักพักเราก็จะมาโพล่ บริเวณแหลมหญ้าแล้วครับ

บริเวณนี้แหละครับที่เราอุตส่าดั้นด้นมาจนถึง เพื่อมารับลมทะเลให้เต็มปอด

และก็ไม่ผิดหวังครับ ลักษณะของทุ่งหญ้า บนเนินเขาที่เบื้องล่างเป็นทะเล

ขอบอกว่าบรรยากาศแบบนี้แหละครับ ที่ผมรอคอย
(แหม่.. น้ำนี่มันหน้ากระโดดตู้ม!! ลงไปว่ายเป็นนางเงือกซะจริง อิอิ)
ท่ามกลางอ้อมกอดของสายลมที่เย็นสบาย กับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบกับแนวหินข้างล่าง
ทำเอาพวกเรานี่ไม่อยากกลับกรุงเทพกันเลยทีเดียว

ขอนั่งสูดบรรยากาศดีๆแบบนี้สักพักนะครับ

"ไปทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก" แคปชั่นนี้มันช่างเข้ากับบรรยากาศนี้ซะเหลือเกิน

(คนโสดอย่างเราก็ต้องหนีร้อน ไปหาลมครับ ฮ่าๆ)

อ่อ ลืมบอกไปครับ บริเวณนี้ลมแรงมากนะครับ ผมนี่กระเจิดกระเจิงไม่เป็นทรงเลย

ใส่หมวกก็ระวังปลิวนะครับ

จากตรงนี้เราจะเดินลงไปอีกฝั่งนึง ก็คือทิศที่เป็นท่าเทียบเรือ ด้านล่างนั้นจะเป็นแหลม คล้ายๆแหลมพรหมเทพ(ความคิดผมนะ) 555 (เหมือนตรงไหน)

เดินตามมาครับ
แล้วเราก็ถึงป้ายแลนด์มาร์กครับ คุณค่าที่คุณคู่ควร (ควรถ่าย

)

มีมุมเจ๋งๆให้ถ่ายรูปเยอะมาก

ที่นี่บรรยากาศเหมาะกับการนั่งชิลมากครับ

ลมก็แรงมากด้วยครับ ละอองคลื่นนี่ทำให้เปียกได้เลยนะ ฮ่าๆๆๆ

จากตรงนี้เดียวเราก็จะเดินลัดแนวหินไปเรื่อยๆครับ ทางจะไปบรรจบกับท่าเทียบเรือที่เรามองเห็นจากจุดชมวิวตรงจุดแรกนะครับ
ระหว่างทางก็จะมีสะพานเป็นระยะๆ สลับกับแนวหินเล็กบ้างสูงบ้างครับ
เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ สุดท้ายเราก็จะมาถึง หอยคอ หอคอย แลนด์มาร์กของเรานั่นเองครับ
บริเวณส่วนนี้คนจะเยอะครับ เพราะบางคนที่ไม่ได้เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ก็นิยมมาถ่ายรูปกันบริเวณนี้ครับ
บรรยากาศดีครับ ลมแรงเวอร์ๆ

สร้างแลนด์มาร์ก ตึ้ง!! (เสียงเกมเศรษฐี) พี่เค้าสบายใจมาก ลงหลักปักฐานกันเลยทีเดียว...

อันนี้ไม่รู้คืออะไร กลายเป็นแลนด์มาร์กไปแล้ว ฮ่าๆ

อีกฝั่งนึงที่เราเห็นจะเป็นพื้นที่ของโรงแรม ระยองรีสอร์ทครับ
มีหาดทรายด้วย (แต่ไม่แน่ใจว่าให้คนภายนอกเดินไปได้ป่าว)

วันๆนึง ชีวิตคนเราเจออะไรมากมาย ได้หลบมาหยุดพัก หยุดคิดเรื่องราวต่างๆบ้างดีนะครับ

หาเวลาชาร์ตแบตให้ตัวเอง . .

ลองหยุดใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ..

ลองค่อยๆคิด

ค่อยๆทำ.. ค่อยๆมอง ..

ค่อยๆรู้สึก..
ชีวิตน่าจะดี๊ดีนะครับ

วันหยุดเวลามักเดินเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวก็จะหมดวันละครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามกันจนจบ(มั้ง) 555

เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาศก็อย่าลืมไปเที่ยวกันนะครับ
ปล.ที่ีนี่สวยจริงๆ (สวยกว่าที่ผมเอามารีวิวให้ดูอีก 555)
ปล.2 ข้อให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขกับการท่องเที่ยวกันนะครับ
ไปเช้าเย็นกลับ รับลมที่ "เขาแหลมหญ้า"
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปนักเที่ยวทุกท่านนะครับ
วันนี้ได้มีโอกาศมาเขียนกระทู้รีวิว เป็นกระทู้แรกเลย (ฮ่าๆ)
อย่างแรกก็ต้องออกตัวขออภัยเนื้อหาที่จะเขียนก่อนเลยนะครับ ทั้งรูปภาพ และคำบรรยาย คงไม่สวยงามตาน่าพิศมัยเท่าไหร่นัก แฮะๆ
(ต้องใช้ความอดทนๆดูกันนีสสนุงนะครับ)
มาๆเริ่มกันเลยดีกว่า ..
หลังจากเคยได้ยินมานาน "อช.เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด" ความรู้สึกของผมคำว่า"เกาะเสม็ด"นี่ ไม่ต้องพูดถึง ทั้งคุ้นเคยและรีวิว เพียบ
แต่กับ"เขาแหลมหญ้า" ทำไมรู้สึกนึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง และผมก็คิดว่าคนอีกไม่น้อยก็ไม่ค่อยรู้จัก และหารีวิวไม่ค่อยเจอ 555
แต่หลังจากที่ได้นั่งดูรีวิว (อันมีอยู่น้อยนิด) ความรู้สึกหลังจากเห็นปุ๊บ..!!! คือบับ.. (เฮ้ยมันใช่มาก)
โมเม้นนี้เลยที่ต้องการ ในวันหยุดอันแสนสั้นของมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกผม
ประกอบด้วย เขาแหลมหญ้านี้ก็อยู่ไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ สักเท่าไหร่นัก
เลยตกลงปลงใจมาที่นี่ทันทีทันใดเลยครับ
-เริ่มจากการเดินทางครับ สะดวกสบายเลย รถตู้ข้างเซ็นจูรี่เลยครับ ชื่อวิน BH แจ้งกับคนขายตั๋วได้เลยครับ บอกว่าจะไปเขาแหลมหญ้า พี่เค้าจะวนไปส่งถึงหน้าอุทยานเลยครับ
ค่ารถก็ 200 บาทถ้วน ส่วนเวลาการเดินทางก็ประมาณ 2ครึ่ง ถึง 3 ชั่วโมงครับ
หลังจากหลับๆ ตื่นๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถมาจอดที่หน้าอ๊อฟฟิศของรถตู้ครับ
แล้วก็จะมีพนักงานมาขายตั๋วรอบกลับให้เราเลย โดยให้จ่ายเงินไว้เลย ตอนกลับก็โทรมาแจ้งพี่เค้า ก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมงครับ
พี่เค้าก็จะเอารถไปรับถึงหน้าอุทยานเลยครับ
บลา บลา บลา
หลังจากทุกคนจองตั๋วและจ่ายเงินกันเรียบร้อย รถตู้ก็มาส่งเราถึงหน้าอุทยานแล้วครับ
โดยจะต้องเสียค่าเข้าอุทยานด้านหน้าเลยครับ ราคาก็อยู่ที่
ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท
เด็กคนละ 20 บาท
(พี่พนง.ใจดี ลดให้เหลือคนละ 20 ด้วยครับ อิอิ
แล้วเราก็เดินขึ้นมาจากด้านหน้าครับ จะเจอที่ทำการอุทยานครับ ส่วนนี้จะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จองห้องพัก จองเต้นท์ที่นี่ครับ
เดี๋ยวเราจะเริ่มมาเดินตาม เส้นทางศึกษาธรรมชาติกันนะครับ
ระยะทางประมาณ 1,100 เมตร ถือว่าใช้ได้ครับ ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก
แบ่งออกเป็นสถานหลักๆ 9 สถานีครับ
ลักษณะทางเดินก็จะเป็นทางขึ้นเขาครับ ทางเดินก็สะดวกดีไม่ทุลักทุเลมาก ทางขึ้นช่วงแรกจะเป็นบรรได ที่ทางอช. เทปูนไว้เป็นขึ้นอย่างดีครับ
ซึ่งหลักจากขึ้นไปได้นิดนึง จะเจอกับจุดชมวิวเล็กๆ มองไปจะเห็นท่าเทียบเรือเขาแหลมหญ้าครับ
ไม่ได้ไกลจากสายตามาก วิวกำลังพอดี (เห็นหอคอยแลนด์มาร์กด้วยนะ^^)
หลักจากแวะชมวิวพอหายเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติต่อครับ
นี่คืออุโมงค์ต้นไม้ครับ ก็ตามชื่อเลย เกิดขึ้นจากปลายของต้นไม้โน้มลงเข้าหากัน ข้างในก็เย็นสบายครับ
เดิน... เดิน... เดิน.. แล้วก็เดิน...
ระหว่างเดินก็ภาวนานะ ขอให้ไม่มีตัวอะไรออกมาทักทาย 555
สักพักเราก็จะมาโพล่ บริเวณแหลมหญ้าแล้วครับ
บริเวณนี้แหละครับที่เราอุตส่าดั้นด้นมาจนถึง เพื่อมารับลมทะเลให้เต็มปอด
และก็ไม่ผิดหวังครับ ลักษณะของทุ่งหญ้า บนเนินเขาที่เบื้องล่างเป็นทะเล
ขอบอกว่าบรรยากาศแบบนี้แหละครับ ที่ผมรอคอย
(แหม่.. น้ำนี่มันหน้ากระโดดตู้ม!! ลงไปว่ายเป็นนางเงือกซะจริง อิอิ)
ท่ามกลางอ้อมกอดของสายลมที่เย็นสบาย กับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบกับแนวหินข้างล่าง
ทำเอาพวกเรานี่ไม่อยากกลับกรุงเทพกันเลยทีเดียว
ขอนั่งสูดบรรยากาศดีๆแบบนี้สักพักนะครับ
"ไปทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก" แคปชั่นนี้มันช่างเข้ากับบรรยากาศนี้ซะเหลือเกิน
(คนโสดอย่างเราก็ต้องหนีร้อน ไปหาลมครับ ฮ่าๆ)
อ่อ ลืมบอกไปครับ บริเวณนี้ลมแรงมากนะครับ ผมนี่กระเจิดกระเจิงไม่เป็นทรงเลย
จากตรงนี้เราจะเดินลงไปอีกฝั่งนึง ก็คือทิศที่เป็นท่าเทียบเรือ ด้านล่างนั้นจะเป็นแหลม คล้ายๆแหลมพรหมเทพ(ความคิดผมนะ) 555 (เหมือนตรงไหน)
เดินตามมาครับ
แล้วเราก็ถึงป้ายแลนด์มาร์กครับ คุณค่าที่คุณคู่ควร (ควรถ่าย
มีมุมเจ๋งๆให้ถ่ายรูปเยอะมาก
ที่นี่บรรยากาศเหมาะกับการนั่งชิลมากครับ
ลมก็แรงมากด้วยครับ ละอองคลื่นนี่ทำให้เปียกได้เลยนะ ฮ่าๆๆๆ
จากตรงนี้เดียวเราก็จะเดินลัดแนวหินไปเรื่อยๆครับ ทางจะไปบรรจบกับท่าเทียบเรือที่เรามองเห็นจากจุดชมวิวตรงจุดแรกนะครับ
ระหว่างทางก็จะมีสะพานเป็นระยะๆ สลับกับแนวหินเล็กบ้างสูงบ้างครับ
เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ สุดท้ายเราก็จะมาถึง หอยคอ หอคอย แลนด์มาร์กของเรานั่นเองครับ
บริเวณส่วนนี้คนจะเยอะครับ เพราะบางคนที่ไม่ได้เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ก็นิยมมาถ่ายรูปกันบริเวณนี้ครับ
บรรยากาศดีครับ ลมแรงเวอร์ๆ
สร้างแลนด์มาร์ก ตึ้ง!! (เสียงเกมเศรษฐี) พี่เค้าสบายใจมาก ลงหลักปักฐานกันเลยทีเดียว...
อันนี้ไม่รู้คืออะไร กลายเป็นแลนด์มาร์กไปแล้ว ฮ่าๆ
อีกฝั่งนึงที่เราเห็นจะเป็นพื้นที่ของโรงแรม ระยองรีสอร์ทครับ
มีหาดทรายด้วย (แต่ไม่แน่ใจว่าให้คนภายนอกเดินไปได้ป่าว)
วันๆนึง ชีวิตคนเราเจออะไรมากมาย ได้หลบมาหยุดพัก หยุดคิดเรื่องราวต่างๆบ้างดีนะครับ
หาเวลาชาร์ตแบตให้ตัวเอง . .
ลองหยุดใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ..
ลองค่อยๆคิด
ค่อยๆทำ.. ค่อยๆมอง ..
ค่อยๆรู้สึก..
ชีวิตน่าจะดี๊ดีนะครับ
วันหยุดเวลามักเดินเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวก็จะหมดวันละครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามกันจนจบ(มั้ง) 555
เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาศก็อย่าลืมไปเที่ยวกันนะครับ
ปล.ที่ีนี่สวยจริงๆ (สวยกว่าที่ผมเอามารีวิวให้ดูอีก 555)
ปล.2 ข้อให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขกับการท่องเที่ยวกันนะครับ