สวัสดีค่าาาาา เราเองงงงงงงงง เราไหนนน นั่นแหละ เราเอง
ก่อนอื่นเลย เราไม่ tag ห้องใดๆนะคะ
เราขออาศัยพื้นที้พันทิพเล่าเรื่องการผจญภัยของเรา
ซึ่งมันคงจะเรียกว่ารีวิวไม่ได้ ข้อมูลอะไรเราไม่แน่นเลย
เราถ่ายรูปตามความรู้สึกของเรา ซึ่งก็ไม่ได้มีเทคนิคหรือสวยอะไร
เราไปในที่ๆเราอยากไป ไม่ตามกระแส ไม่ตามใคร ตามใจตัวเอง
ถ้าไม่ชอบที่เราทำ เราเป็น เราแนะนำให้อย่าดู จะได้ไม่เสียสุขภาพจิต
แต่ถ้าการเข้ามาอ่าน แล้วเอาไปด่าว่าเรา มันเป็นความสุขของคุณ เราก็ยินดีค่ะ
สำหรับใคร ที่ชอบอ่านที่เราเขียน งั้นก็ป่ะ ไปเที่ยวด้วยกันเลยยย เริ่ม!!
21-08-15
ตี1 กว่าแล้ว กระเป๋ายังจัดไม่เสร็จเลย นั่งคิดว่าต้องเอาอะไรบ้าง
ให้มันน้อยและเบาที่สุด แต่ต้องเต็ม งงป่ะล่ะ ฮ่าๆ
จัดเสร็จก็นอนพักสักแป๊บ ตื่นขึ้นมาตี 3 ครึ่ง เพื่ออาบน้ำแต่งตัว
ตี5 ตรงเพื่อนร่วมทริปโทรมา บอกถึงคอนโดเราแล้ว เดี๋ยวนั่งtaxi ไปพร้อมกัน
เราบินคนละไฟท์ เพราะจองตั๋วไม่พร้อมกัน แต่เวลาถึงก็ไล่เลี่ยกัน
เพื่อนเราบอกว่าทริปนี้ มี4 คน ซึ่งเรารู้จักแค่เพื่อนเราคนเดียว
แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็รู้จักกันเองแหละ

เราถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 8 โมงเช้า (แอร์เอเชีย)
นั่งเล่นรอเพื่อนแป๊ปนึง นางก็ถึง พร้อมเพื่อนร่วมทริปอีกคน
พี่โป้ด ซึ่งตลอดทั้งทริป เราเรียกชื่อพี่เค้าไม่ถูกเลย ฮ่าๆๆ
เมื่อครบทั้งสามคนแล้วก็โทรตามรถเช่า เพื่อจะไปหาพี่อีกคน
รถมาถึง เช็คสภาพรถรอบคัน ถ่ายสำเนาบัตร เซ็นเอกสารครบ
เราก็เดินทางไปหาพี่ออน สาวเชียงใหม่ เพื่อนร่วมทริปอีกคน ที่น่าจะรู้ทางดีที่สุด!!
งมทางไปหาพี่ออนจนเจอ พี่ออนเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ด้วยค่ะ

ทานรองท้องไปก่อน แล้วค่อยไปหาอาหารเมืองทานกัน พี่ออนกล่าว
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางสู่แม่แตง
เราไม่รอช้ากันค่ะ รีบไป เผื่อเวลาไว้ เวลาหลง @|!\$|€\??!
ขับมาสักพักเราก็เจอร้านอาหารข้าวแฝ่

ข้าวแฝ่ แปลว่า กาแฟค่ะ เพี้ยนมาจากคำว่า coffee
ในสมัยรัชกาลที่3 คนไทยพูด coffee ไม่ได้ เลยเป็น ข้าวแฝ่ ข้าวแฝ่

ที่บ่อปลาตรงนี้ มีปลาสุภาพตัวอ้วนด้วยนะ ตัวใหญ่กว่าเอวเราอีก
เราเลือกนั่งกันท่ีศาลาค่ะ ได้อารมณ์ดี งุงิ

น้ำใบบัวบก ส้มบอกว่า เธอควรดื่มนะ มันแก้ช้ำใน ค่ะเพื่อน ขอบคุณค่ะ

ชุดออเดิร์ฟเมือง มาขนาดไหนก็เหลือเท่าเดิม
ร้านนี้อาจเหมาะกับการดื่มกาแฟมากกว่าทานอาหารนะคะ แฮร่
ข้าวซอยไก่ค่ะ รสชาติดีทีเดียว (ชื่อข้าวซอยทศกัณฐ์ อยู่นิมมานก็มีนะคะ)
ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ก็ควรค่าแก่การเดินทางกันต่อค่ะ
ส้มแม่สาวรักสัตว์ นางบอกว่ายังไงซะ ทริปนี้กูต้องเห็นช้าง
มุ่งหน้าสู่ปางช้างกันเลยค่าา ขับรถตาม google maps ยังหลงค่ะ ฮ่าๆ
และแล้วก็รู้ ว่าคนที่... ม่ายยยช่ายยย และแล้วเราก็ถึงปางช้าง

ปางช้างแม่ตะมาน (อากาศร้อนมากๆค่ะ) ทัวร์ลงเยอะมากอะ
เราลงไปสอบถามค่าเข้าชม และกิจกรรมต่างๆนานา
ได้ความมาว่า ค่าเข้าชมการแสดงและถ่ายรูปช้าง 300 บาท
ค่าขี่ช้าง 500 บาท บลา บลา บลา แต่มีเป็นแพ็คเกจรวม จะถูกกว่า คือ 1,500 บาท
เราตกลงกันว่า ไม่เอาอะ เสียดายเงิน เดี๋ยวเดินไปดูช้างที่โรงเลี้ยง
แล้วเนียนๆถ่ายรูปเอาก็แล้วกันเนาะ (งก)

ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า

ช้างกูอยู่ไหนนนนน (ขอบคุณหมวกสวยๆจากร้าน hihatbynichcha IG tie in แฮร่)

เพื่อนส้ม นางน่ารัก และชอบเพ้อ ทริปนี้ก็มากันแบบเบลอๆ

ตีเนียนจริงๆค่ะ ขอควาญช้างถ่าย (อย่าเข้าใกล้ช้างโดยไม่มีควาญนะคะ อันตราย)

ได้เวลาโชว์ช้างแล้วค่ะ ยาจกอย่างเราๆ ก็แอบดูห่างๆกันสิคะ รออะไร ฮ่าๆ
พอโชว์เสร็จแล้ว ควาญช้างก็ต้องพาช้างมาพักที่โรงเลี้ยงค่ะ (เดินผ่านเราซะด้วย)
ไม่รอช้าค่ะ เดินฉับฉับไปหาควาญช้างที่จูงน้องช้างเดินมา
พี่คะๆ หนูขอถ่ายรูปคู่กับลูกช้างได้มั้ยคะ
พี่ควาญก็ใจดีจังให้ค่ะ เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว เราเลยถามต่อ พี่คะๆ ขอขี่ช้างได้มั้ยคะ

แอร๊ยยยยย คือพี่ควาญใจดีมากค่ะ ให้ทั้งถ่ายรูปและขึ้นขี่
งานนี้บอกได้เลยว่าคุ้มเรา ฮ่าๆ
(บางคนก็คงคิดว่า ถ้าไม่สวยจะได้ฟรีมั้ย จะเจอคนใจดีมั้ย
แต่เราว่า คนที่ยิ้ม คนที่เป็นมิตร พูดจาดีน่ารัก ใครๆก็อยากเข้าใกล้ค่ะ(เราไม่น่ารักกับทุกคนหรอกนะ)
ลองยิ้มดูนะคะ แล้วคุณอาจจะได้จะเจอในสิ่งที่ไม่เคยได้
รอยยิ้มและคำขอบคุณมันไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย ยิ้มเถอะค่ะ)

ช้างที่นี่ มี 5 ขาหลายตัวเลยแหละค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ปางช้างแม่ตะมาน มีนั่งเกวียนด้วยนะคะ (แต่เราไม่ได้นั่งน้าาา ไม่กล้าขอ)
ถ่ายรูปจนจุใจแล้ว ก็ได้เวลาไปต่อค่ะ
จากปางช้าง เราเลือกจะไปวัดถ้ำเชียงดาวกันค่ะ

ภาพแรกที่เห็นหลังลงจากรถค่ะ

ระหว่างทางเดินไปวัดถ้ำเชียงดาวค่ะ คือเขียวว เขียวแบบเขียวจริงๆ

ความรักมีอยู่ในทุกๆที่ สามารถหาได้จากทุกคน แค่เราเปิดใจ (หราาาา)

เมื่อเดินเข้ามาบริเวณวัด ก็จะเจอศาลาอยู่ด้านซ้ายมือค่ะ
มีกลุ่มแม่บ้าน นั่งสานตะกร้าอยู่

มอสขึ้นที่ม้าหินอ่อน เราชอบนะ เคยเอาไม้บรรทัดแงะมาเลี้ยงในกระถาด

น้ำที่ไหลมาจากถ้ำเชียงดาวค่ะ สีฟ้าสวยมากกกก ใสมากกก

น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา

ว่าไงหมาวัด นายจะเอาอะไรอีก ขนมก็กินไปแล้วไง

ได้เวลาเข้าถ้ำกันแล้วค่าาาาา ค่าเข้าคนละ 20 บาทค่ะ

ทางขึ้นถ้ำเชียงดาวค่ะ
เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำ จะเจอทางแยกค่ะ มีไกด์แม่บ้านอยู่ตรงนั้น
ตรงทางแยก จะมีทางไปแบบปกติ กับอีกทางที่ต้องใช้ตะเกียงค่ะ
เค้าบอกว่าจะสวยและแปลกกว่าทางปกติ ซึ่งก็ต้องเสียค่าตะเกียงค่ะ
เราเลือกไปทางที่สวยกว่า ไหนๆก็มาแล้วนี่เนาะ
ตามพี่ไกด์แม่บ้านไปกันเลยค่าาา (ค่าตะเกียง 100 บาทให้ทางวัดค่ะ)

ดอกบัวตูมค่ะ

ดอกบัวบานค่ะ

ค้างคาวในถ้ำค่ะ ส่งเสียงเป็นระยะๆ
พี่ไกด์แนะนำไปตลอดทางและปล่อยมุขตลอด
อย่างเช่นตอนจะลงบันได
"ลงช้าๆ เรียกบันได ลงไวไวเรียกสไลเดอร์"
ตอนที่จะบอกให้ก้มต่ำ หลบหิน
"หินก้อนนี้ชื่อ ขวานฟ้าหน้าดำ แต่ถ้าตำอาจทำให้หน้ามืด"

เราเดินเป็นคนสุดท้ายของขบวนค่ะ ในถ้ำมืดและค่อนข้างลื่น
ทำให้ต้องระวังและก้มมองพื้นอยู่ตลอดเวลา
ช่วงก่อนที่จะถึงทางออก เราเห็นพระพุทธรูปมรกต เราก็ยกมือไหว้
เดินไป ก้มมองพื้นไป เฮ้ยยยยยย อะไรวะ
ลักษณะเป็นลูกกลมๆ มีประกายวิบวับ สีเขียวๆใสๆ
ในใจนี่คิด เจอของดีเข้าใหัแล้วมั้ยล่ะ
รีบก้มหยิบ กะจะเอาไปอวดเพื่อนๆทันทีเลยค่ะ
ของดีจริงๆครัชพี่น้อง ลูกอมอมแล้ว เหนียวติดมือผมเลยครัช น้ำตาจะไหล
เล่าให้เพื่อนๆพี่ๆฟังก็มีแต่คนหัวเราะและสมน้ำหน้า ฮ่าๆ
หลังจากออกจากถ้ำแล้ว ก็กระหายน้ำค่ะ
ด้วยความตาดีของพี่ออน เราเลยเจอร้านริมน้ำ

พี่ออนคะๆ โบอยากได้รูปเผลอๆ ตอนโบกำลังถ่ายรูปอะค่ะ

พี่ออนจัดให้ค่ะ กำลังถ่ายรูปทีน

มีปลาด้วยนะคะ มาตอดเท้า เหมือนสปาปลาเลยค่ะ

น้ำเย็นมากๆ แค่เอาเท้าจุ่มก็สดชื่นขึ้นมามากเลยแหละค่ะ
นั่งพักแป๊บๆ ก็ได้เวลาไปต่อกันแล้ว
แต่เดี๋ยวมาต่อนะคะ พิมพ์ข้อความได้ไม่เกิน 10,000 ตัวอักษร แฮร่
[CR] ทริปปล่อยเบลอ ไปกับเกลอที่เชียงใหม่
ก่อนอื่นเลย เราไม่ tag ห้องใดๆนะคะ
เราขออาศัยพื้นที้พันทิพเล่าเรื่องการผจญภัยของเรา
ซึ่งมันคงจะเรียกว่ารีวิวไม่ได้ ข้อมูลอะไรเราไม่แน่นเลย
เราถ่ายรูปตามความรู้สึกของเรา ซึ่งก็ไม่ได้มีเทคนิคหรือสวยอะไร
เราไปในที่ๆเราอยากไป ไม่ตามกระแส ไม่ตามใคร ตามใจตัวเอง
ถ้าไม่ชอบที่เราทำ เราเป็น เราแนะนำให้อย่าดู จะได้ไม่เสียสุขภาพจิต
แต่ถ้าการเข้ามาอ่าน แล้วเอาไปด่าว่าเรา มันเป็นความสุขของคุณ เราก็ยินดีค่ะ
สำหรับใคร ที่ชอบอ่านที่เราเขียน งั้นก็ป่ะ ไปเที่ยวด้วยกันเลยยย เริ่ม!!
21-08-15
ตี1 กว่าแล้ว กระเป๋ายังจัดไม่เสร็จเลย นั่งคิดว่าต้องเอาอะไรบ้าง
ให้มันน้อยและเบาที่สุด แต่ต้องเต็ม งงป่ะล่ะ ฮ่าๆ
จัดเสร็จก็นอนพักสักแป๊บ ตื่นขึ้นมาตี 3 ครึ่ง เพื่ออาบน้ำแต่งตัว
ตี5 ตรงเพื่อนร่วมทริปโทรมา บอกถึงคอนโดเราแล้ว เดี๋ยวนั่งtaxi ไปพร้อมกัน
เราบินคนละไฟท์ เพราะจองตั๋วไม่พร้อมกัน แต่เวลาถึงก็ไล่เลี่ยกัน
เพื่อนเราบอกว่าทริปนี้ มี4 คน ซึ่งเรารู้จักแค่เพื่อนเราคนเดียว
แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็รู้จักกันเองแหละ
เราถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 8 โมงเช้า (แอร์เอเชีย)
นั่งเล่นรอเพื่อนแป๊ปนึง นางก็ถึง พร้อมเพื่อนร่วมทริปอีกคน
พี่โป้ด ซึ่งตลอดทั้งทริป เราเรียกชื่อพี่เค้าไม่ถูกเลย ฮ่าๆๆ
เมื่อครบทั้งสามคนแล้วก็โทรตามรถเช่า เพื่อจะไปหาพี่อีกคน
รถมาถึง เช็คสภาพรถรอบคัน ถ่ายสำเนาบัตร เซ็นเอกสารครบ
เราก็เดินทางไปหาพี่ออน สาวเชียงใหม่ เพื่อนร่วมทริปอีกคน ที่น่าจะรู้ทางดีที่สุด!!
งมทางไปหาพี่ออนจนเจอ พี่ออนเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ด้วยค่ะ
ทานรองท้องไปก่อน แล้วค่อยไปหาอาหารเมืองทานกัน พี่ออนกล่าว
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางสู่แม่แตง
เราไม่รอช้ากันค่ะ รีบไป เผื่อเวลาไว้ เวลาหลง @|!\$|€\??!
ขับมาสักพักเราก็เจอร้านอาหารข้าวแฝ่
ข้าวแฝ่ แปลว่า กาแฟค่ะ เพี้ยนมาจากคำว่า coffee
ในสมัยรัชกาลที่3 คนไทยพูด coffee ไม่ได้ เลยเป็น ข้าวแฝ่ ข้าวแฝ่
ที่บ่อปลาตรงนี้ มีปลาสุภาพตัวอ้วนด้วยนะ ตัวใหญ่กว่าเอวเราอีก
เราเลือกนั่งกันท่ีศาลาค่ะ ได้อารมณ์ดี งุงิ
น้ำใบบัวบก ส้มบอกว่า เธอควรดื่มนะ มันแก้ช้ำใน ค่ะเพื่อน ขอบคุณค่ะ
ชุดออเดิร์ฟเมือง มาขนาดไหนก็เหลือเท่าเดิม
ร้านนี้อาจเหมาะกับการดื่มกาแฟมากกว่าทานอาหารนะคะ แฮร่
ข้าวซอยไก่ค่ะ รสชาติดีทีเดียว (ชื่อข้าวซอยทศกัณฐ์ อยู่นิมมานก็มีนะคะ)
ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ก็ควรค่าแก่การเดินทางกันต่อค่ะ
ส้มแม่สาวรักสัตว์ นางบอกว่ายังไงซะ ทริปนี้กูต้องเห็นช้าง
มุ่งหน้าสู่ปางช้างกันเลยค่าา ขับรถตาม google maps ยังหลงค่ะ ฮ่าๆ
และแล้วก็รู้ ว่าคนที่... ม่ายยยช่ายยย และแล้วเราก็ถึงปางช้าง
ปางช้างแม่ตะมาน (อากาศร้อนมากๆค่ะ) ทัวร์ลงเยอะมากอะ
เราลงไปสอบถามค่าเข้าชม และกิจกรรมต่างๆนานา
ได้ความมาว่า ค่าเข้าชมการแสดงและถ่ายรูปช้าง 300 บาท
ค่าขี่ช้าง 500 บาท บลา บลา บลา แต่มีเป็นแพ็คเกจรวม จะถูกกว่า คือ 1,500 บาท
เราตกลงกันว่า ไม่เอาอะ เสียดายเงิน เดี๋ยวเดินไปดูช้างที่โรงเลี้ยง
แล้วเนียนๆถ่ายรูปเอาก็แล้วกันเนาะ (งก)
ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า
ช้างกูอยู่ไหนนนนน (ขอบคุณหมวกสวยๆจากร้าน hihatbynichcha IG tie in แฮร่)
เพื่อนส้ม นางน่ารัก และชอบเพ้อ ทริปนี้ก็มากันแบบเบลอๆ
ตีเนียนจริงๆค่ะ ขอควาญช้างถ่าย (อย่าเข้าใกล้ช้างโดยไม่มีควาญนะคะ อันตราย)
ได้เวลาโชว์ช้างแล้วค่ะ ยาจกอย่างเราๆ ก็แอบดูห่างๆกันสิคะ รออะไร ฮ่าๆ
พอโชว์เสร็จแล้ว ควาญช้างก็ต้องพาช้างมาพักที่โรงเลี้ยงค่ะ (เดินผ่านเราซะด้วย)
ไม่รอช้าค่ะ เดินฉับฉับไปหาควาญช้างที่จูงน้องช้างเดินมา
พี่คะๆ หนูขอถ่ายรูปคู่กับลูกช้างได้มั้ยคะ
พี่ควาญก็ใจดีจังให้ค่ะ เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว เราเลยถามต่อ พี่คะๆ ขอขี่ช้างได้มั้ยคะ
แอร๊ยยยยย คือพี่ควาญใจดีมากค่ะ ให้ทั้งถ่ายรูปและขึ้นขี่
งานนี้บอกได้เลยว่าคุ้มเรา ฮ่าๆ
(บางคนก็คงคิดว่า ถ้าไม่สวยจะได้ฟรีมั้ย จะเจอคนใจดีมั้ย
แต่เราว่า คนที่ยิ้ม คนที่เป็นมิตร พูดจาดีน่ารัก ใครๆก็อยากเข้าใกล้ค่ะ(เราไม่น่ารักกับทุกคนหรอกนะ)
ลองยิ้มดูนะคะ แล้วคุณอาจจะได้จะเจอในสิ่งที่ไม่เคยได้
รอยยิ้มและคำขอบคุณมันไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย ยิ้มเถอะค่ะ)
ช้างที่นี่ มี 5 ขาหลายตัวเลยแหละค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ปางช้างแม่ตะมาน มีนั่งเกวียนด้วยนะคะ (แต่เราไม่ได้นั่งน้าาา ไม่กล้าขอ)
ถ่ายรูปจนจุใจแล้ว ก็ได้เวลาไปต่อค่ะ
จากปางช้าง เราเลือกจะไปวัดถ้ำเชียงดาวกันค่ะ
ภาพแรกที่เห็นหลังลงจากรถค่ะ
ระหว่างทางเดินไปวัดถ้ำเชียงดาวค่ะ คือเขียวว เขียวแบบเขียวจริงๆ
ความรักมีอยู่ในทุกๆที่ สามารถหาได้จากทุกคน แค่เราเปิดใจ (หราาาา)
เมื่อเดินเข้ามาบริเวณวัด ก็จะเจอศาลาอยู่ด้านซ้ายมือค่ะ
มีกลุ่มแม่บ้าน นั่งสานตะกร้าอยู่
มอสขึ้นที่ม้าหินอ่อน เราชอบนะ เคยเอาไม้บรรทัดแงะมาเลี้ยงในกระถาด
น้ำที่ไหลมาจากถ้ำเชียงดาวค่ะ สีฟ้าสวยมากกกก ใสมากกก
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา
ว่าไงหมาวัด นายจะเอาอะไรอีก ขนมก็กินไปแล้วไง
ได้เวลาเข้าถ้ำกันแล้วค่าาาาา ค่าเข้าคนละ 20 บาทค่ะ
ทางขึ้นถ้ำเชียงดาวค่ะ
เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำ จะเจอทางแยกค่ะ มีไกด์แม่บ้านอยู่ตรงนั้น
ตรงทางแยก จะมีทางไปแบบปกติ กับอีกทางที่ต้องใช้ตะเกียงค่ะ
เค้าบอกว่าจะสวยและแปลกกว่าทางปกติ ซึ่งก็ต้องเสียค่าตะเกียงค่ะ
เราเลือกไปทางที่สวยกว่า ไหนๆก็มาแล้วนี่เนาะ
ตามพี่ไกด์แม่บ้านไปกันเลยค่าาา (ค่าตะเกียง 100 บาทให้ทางวัดค่ะ)
ดอกบัวตูมค่ะ
ดอกบัวบานค่ะ
ค้างคาวในถ้ำค่ะ ส่งเสียงเป็นระยะๆ
พี่ไกด์แนะนำไปตลอดทางและปล่อยมุขตลอด
อย่างเช่นตอนจะลงบันได
"ลงช้าๆ เรียกบันได ลงไวไวเรียกสไลเดอร์"
ตอนที่จะบอกให้ก้มต่ำ หลบหิน
"หินก้อนนี้ชื่อ ขวานฟ้าหน้าดำ แต่ถ้าตำอาจทำให้หน้ามืด"
เราเดินเป็นคนสุดท้ายของขบวนค่ะ ในถ้ำมืดและค่อนข้างลื่น
ทำให้ต้องระวังและก้มมองพื้นอยู่ตลอดเวลา
ช่วงก่อนที่จะถึงทางออก เราเห็นพระพุทธรูปมรกต เราก็ยกมือไหว้
เดินไป ก้มมองพื้นไป เฮ้ยยยยยย อะไรวะ
ลักษณะเป็นลูกกลมๆ มีประกายวิบวับ สีเขียวๆใสๆ
ในใจนี่คิด เจอของดีเข้าใหัแล้วมั้ยล่ะ
รีบก้มหยิบ กะจะเอาไปอวดเพื่อนๆทันทีเลยค่ะ
ของดีจริงๆครัชพี่น้อง ลูกอมอมแล้ว เหนียวติดมือผมเลยครัช น้ำตาจะไหล
เล่าให้เพื่อนๆพี่ๆฟังก็มีแต่คนหัวเราะและสมน้ำหน้า ฮ่าๆ
หลังจากออกจากถ้ำแล้ว ก็กระหายน้ำค่ะ
ด้วยความตาดีของพี่ออน เราเลยเจอร้านริมน้ำ
พี่ออนคะๆ โบอยากได้รูปเผลอๆ ตอนโบกำลังถ่ายรูปอะค่ะ
พี่ออนจัดให้ค่ะ กำลังถ่ายรูปทีน
มีปลาด้วยนะคะ มาตอดเท้า เหมือนสปาปลาเลยค่ะ
น้ำเย็นมากๆ แค่เอาเท้าจุ่มก็สดชื่นขึ้นมามากเลยแหละค่ะ
นั่งพักแป๊บๆ ก็ได้เวลาไปต่อกันแล้ว
แต่เดี๋ยวมาต่อนะคะ พิมพ์ข้อความได้ไม่เกิน 10,000 ตัวอักษร แฮร่