
รีวิวการเดินทางคนเดียว ที่แสนสนุก มันส์ และเจอเรื่องเซอร์ไพรส์ตลอดทาง กับประเทศ "กัมพูชา" ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นมรดกโลกอย่าง นครวัด นครธม รีวิวนี้เนื้อหาสาระทางประวัติศาสตร์ต่างๆคงไม่มีนะครับ เพราะผมก็ไปเที่ยวแบบสมองโล่งๆที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย มีแต่ข้อมูลด้านรูปถ่ายที่หาใน Instargram ฮ่าๆๆๆ ป่ะเริ่มกันเลยดีกว่าครับไปเที่ยวกัน
ทริปนี้ผุดมาในหัวตอน แจ้งลาออกงานจากกรุงเทพมหานคร เมืองหลวง เมืองที่แสนจะวุ่นวาย เพื่อกลับมาอยู่บ้านนอก เริ่มจากการหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวใน Instargram ก่อนเลยครับ โห้เปิดไปมีแต่รูปสวยๆ และรูปที่ทำให้รู้สึกอยากไปที่สุดคือ รูปเทวดายิ้ม ที่ปราสาทบายน ที่ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือที่ไหนรู้แค่ว่า "กูจะไปถ่ายรูปที่นี่ แบบนี้ ยืนจุ๊บแบบนี้" ก็เริ่มหาเพื่อนร่วมชะตากรรม เอารูปไปเปิดให้เพื่อนในที่ทำงานดู ให้เพื่อนที่มหาลัยดู แต่ก็ไม่มีใครสนใจเลย (เซ็งเป็ด) แต่ไม่เป็นไร ไปคนเดียวก็ได้ว่ะ ก็เริ่มจากหาที่พักใน website ต่างๆ ก็ได้ที่พักจากเว็บ Booking.com ที่พักชื่อ "Funky Flashpacker" ในตัวเมือง เสียมเรียบ ราคาคืนละ 7$ จองไว้ 3 คืน และ ได้ที่พักบน Koh Rong Samloem ชื่อ "Sweet Dream" ราคาคืนละ 10$ จองไว้ 2 คืน
ตารางการเดินทางคร่าวๆประมาณนี้ครับ
ก่อนวันเดินทาง 3 วันผมได้จองตั๋วรถทัวร์ กทม. (หมอชิต) – เสียมเรียบ ผ่านเว็บ www.thaiticketmajor.com ค่าตั๋วราคา 750 บาท สามารถจ่ายที่ 7/11 หรือผ่านตู้ ATM ก็ได้ครับ เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าเน้อ
วันที่ 2 มิ.ย. 2558 (วันแรกของการเดินทาง)
เดินทางมาถึง สถานีขนส่งหมอชิต เวลาประมาณ 8.00 น. ก็นำใบเสร็จไปรับตั๋วที่ ช่องรับตั๋วของ Thaiticketmajor ที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะมีช่องจำหน่ายตั๋วสำหรับไป เสียมเรียบเหมือนกัน เป็นรถเดียวกันครับ ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็น่าจะสามารถมาซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ได้เลย

ภาพนี้เป็นเคาท์เตอร์ที่ขายตั๋วครับ

ถาพนี้หน้าตาตั๋วที่ซื้อจาก Thaiticketmajor

เวลาประมาณ 9.10 น. รถก็เคลื่อนตัวออกจากชานชาลามุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ เสียมเรียบ รถเที่ยวนี้ มีคนไทย รวมผมด้วย 4 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ รถขับไปอย่างช้าๆๆ ตุเลงๆๆ ไปเรื่อยๆ ก็หลับๆตื่นๆตลอดทาง จนเวลาประมาณ 12.30 น. รถแวะเติมน้ำมัน และขับออกมาได้สัก 10 นาที ก็จอดข้างทาง เด็กบนรถก็ลงไปพร้อมคนขับ ได้ยินเสียงเครื่องมือกระทบกันซักพัก มีฝรั่งลงไปดูดบุหรี่ ก็เลยเดินลงตามไป โอ้ววววววววววววววววว พระเจ้าช่วยกล้วยทอด รถยางแตกครับพี่น้อง
ซักพักฝรั่งก็เริ่มลงมามุง ฮ่าๆๆๆๆๆ ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธี แล้วทุกคนก็เริ่มทนความร้อนของเมืองไทยไม่ไหวก็ทยอยกันเดินขึ้นไปบนรถ และที่เซ็งมากคือ รถที่กลับมาจากเสียมเรียบส่วนมา แล้วบอกว่า ร้านเปลี่ยนยางอยู่ข้างหน้าประมาณ 300 เมตร (ร้องไห้หนักมาก) ใช้เวลาเปลี่ยนยางประมาณ 45 นาที รถก็เคลื่อนตัวออกอีกครั้งเพิ่งมุ่งสู้จุดหมาย เวลา 14.00 น. เราก็ได้มาถึง ณ อ.อรัญประเทศ เด็กบนรถก็ลงไปเอาข้าวที่ 7/11 ขึ้นมาแจกเพื่อให้กินเป็นมื้อกลางวัน ผมได้ ข้าวผัดปู(ขอเรียกว่าข้าวผัดโรยปูดีกว่า) ทานอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิว
เวลา 14.10 น. รถก็มาถึงด่านชายด้าน เด็กรถก็แจ้งขั้นตอนการแสตมป์ผ่านด่าน และแนะนำการทำวีซ่า สำหรับฝรั่ง และแจ้งเวลานัดหมายให้เวลาประมาณ 1.30 ชม. คนไทยก็เดินชิดซ้ายอย่างเดียวเลยครับ วันที่ไปคนไทยน้อยดีครับแปปเดียวก็ผ่านข้ามมาฝั่งกัมพูชาแล้วก็เดินต่อไปครับเดินไปเรื่อยๆ ผ่านบ่อน 2 บ่อนมั้งครับ แล้วก็ไปทางขวามือ เพื่อไปแสตมป์ข้ามเมืองพอแสตมป์เรียบร้อยก็เดินย้อนกลับมาทางเดิมประมาณ 50 เมตร รถทัวร์จะจอดรออยู่บริเวณนั้นก็ขึ้นรถไปรอได้เลยครับหรือจะไปทำธุระก่อนก็ได้เพราะ ต้องรอพวกฝรั่งที่ทำวีซ่า

ชิดซ้ายตลอดเลยครับ

ข้ามไปกัมพูชากันเลยครับ

รถทัวร์จะจอดตรงโรงแรมตรงนี้ครับ (รถบรรทุกบังอยู่) ส่วนเราก็ต้องข้ามถนนไปทางขวามือไปแสตมป์หนังสือผ่านแดนตรงอาคารถัดจากโรงแรมไปครับ
เวลาประมาณ 15.30 น. ตามนัดหมายเด็กบนรถเช็คผู้โดยสารครบ รถก็เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เด็กบนรถแจ้งว่า จาก ปอยเปต-เสียมเรียบ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถอดใจที่จะได้เที่ยวในเมืองช่วงเย็น ก็หลับๆ ตื่นๆจนเวลาประมาณ 17.00 น. ก็สะดุ้งตื่นมาเห็นวิถีชีวิตของคนกัมพูชาริมถนน เด็กๆที่เรียนรอบบ่ายเลิกเรียน ปั่นจักยานกลับบ้าน หนุ่มสาววัยทำงาน ที่เพิ่งเลิกงาน มุ่งหน้ากลับบ้าน (มั้ง) เวลาประมาณ 17.20 น. รถก็เข้าตัวเมืองและเข้าจอดที่หน้าบริษัทรถทัวร์ ตรงนั้นจะมีร้าน KFC ด้วย ก่อนลงจะมีพนักงานของบริษัทขึ้นมาขอเวลา 5 นาที แจ้งเราเรื่องการรับกระเป๋า (ระหว่างนั้นก็จะมีคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ช่วยกันเอากระเป๋ใต้ท้องรถเข้าไปในตึก) แลละเราสามารถใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ถ้าเกิดมาการเรียกเก็บ หรือ มีการบริการที่ไม่ดีเราสามารถกลับมาแจ้งร้องเรียนได้เลย (ไม่เก็บเงินแต่จะเสนอบริการทัวร์ในวันถัดไป) ส่วนตัวผมได้มีการติดต่อกับพี่เทียร์ (คนขับรถตุ๊กตุ๊ก) ไว้ล่วงหน้าแล้วพี่แกก็มารับตามเวลาเลย ก็เลยให้พี่เทียร์พาไปส่งที่โรงแรม และให้รอพาไปทานข้าว เช็คอินและเอากระเป่าเก้บเรียบร้อยก็ให้พี่เทียร์แกพาไปกินข้าวเย็น ขอให้แกพาไปร้านที่ราคาไม่แพงแล้วกินง่ายๆ พี่เทียร์แกนำเสนอ Hotpot (มันคือจิ้มจุ่มบ้านเรานั้นเอง) ให้แกสั่งชุดเล็กมาแต่โอโห้!!!!!!!!!!!! ไม่เล็กเลยนะครับพี่ ชวนให้พี่แกกินด้วย 2 คน ยังเหลือ ค่าเสียหายโดนไป 10$

หลังจากทานเสร็จพี่เทียร์แกเสนอพาทัวร์รอบเมืองแต่ขอปฏิเสธแกเพราะนั่งรถมาทั้งวันเพลียขอไปอาบน้ำกินเบียร์สักกระป๋องแล้วนอนดีกว่า
ตัดภาพมาที่ชั้นบนสุดของเกสเฮ้าส์ มีบาร์สำหรับนั่งบรรยากาศดีมากครับ ถ้าไปนั่งริมๆก็ได้วิวมองลงมาที่สระว่ายน้ำดูฝรั่งเล่นน้ำ (นี่ถ้ามากับเพื่อนก็อยากลงไปเล่นน้ำนะเพราะอากาศร้อนมากกกก)

จัดเบียร์ไป 2 กระป๋อง และเจ้านี่อีก 1 ขวด หลับสบายไป

อันนี้เป็นแผนที่สถานที่ๆจะไปเที่ยวครับ
วันแรกจะไปตามเส้นทางสีแดง
วันที่สองจะไปตามเส้นทางสีเขียว
วันที่สามจะไปตามเส้นทางสีครีม
วันนี้ขอค้างไว้ตรงนี้ก่อนนครับ พรุ่งนี้จะมารีวิวต่อครับ
[CR] "Lost in Cambodia" แบกเป้ลุยเดี่ยว เสียมเรียบ - เกาะรอง สลาม, กัมพูชา 8 วัน 7 คืน
รีวิวการเดินทางคนเดียว ที่แสนสนุก มันส์ และเจอเรื่องเซอร์ไพรส์ตลอดทาง กับประเทศ "กัมพูชา" ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นมรดกโลกอย่าง นครวัด นครธม รีวิวนี้เนื้อหาสาระทางประวัติศาสตร์ต่างๆคงไม่มีนะครับ เพราะผมก็ไปเที่ยวแบบสมองโล่งๆที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย มีแต่ข้อมูลด้านรูปถ่ายที่หาใน Instargram ฮ่าๆๆๆ ป่ะเริ่มกันเลยดีกว่าครับไปเที่ยวกัน
ทริปนี้ผุดมาในหัวตอน แจ้งลาออกงานจากกรุงเทพมหานคร เมืองหลวง เมืองที่แสนจะวุ่นวาย เพื่อกลับมาอยู่บ้านนอก เริ่มจากการหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวใน Instargram ก่อนเลยครับ โห้เปิดไปมีแต่รูปสวยๆ และรูปที่ทำให้รู้สึกอยากไปที่สุดคือ รูปเทวดายิ้ม ที่ปราสาทบายน ที่ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือที่ไหนรู้แค่ว่า "กูจะไปถ่ายรูปที่นี่ แบบนี้ ยืนจุ๊บแบบนี้" ก็เริ่มหาเพื่อนร่วมชะตากรรม เอารูปไปเปิดให้เพื่อนในที่ทำงานดู ให้เพื่อนที่มหาลัยดู แต่ก็ไม่มีใครสนใจเลย (เซ็งเป็ด) แต่ไม่เป็นไร ไปคนเดียวก็ได้ว่ะ ก็เริ่มจากหาที่พักใน website ต่างๆ ก็ได้ที่พักจากเว็บ Booking.com ที่พักชื่อ "Funky Flashpacker" ในตัวเมือง เสียมเรียบ ราคาคืนละ 7$ จองไว้ 3 คืน และ ได้ที่พักบน Koh Rong Samloem ชื่อ "Sweet Dream" ราคาคืนละ 10$ จองไว้ 2 คืน
ตารางการเดินทางคร่าวๆประมาณนี้ครับ
ก่อนวันเดินทาง 3 วันผมได้จองตั๋วรถทัวร์ กทม. (หมอชิต) – เสียมเรียบ ผ่านเว็บ www.thaiticketmajor.com ค่าตั๋วราคา 750 บาท สามารถจ่ายที่ 7/11 หรือผ่านตู้ ATM ก็ได้ครับ เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าเน้อ
วันที่ 2 มิ.ย. 2558 (วันแรกของการเดินทาง)
เดินทางมาถึง สถานีขนส่งหมอชิต เวลาประมาณ 8.00 น. ก็นำใบเสร็จไปรับตั๋วที่ ช่องรับตั๋วของ Thaiticketmajor ที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะมีช่องจำหน่ายตั๋วสำหรับไป เสียมเรียบเหมือนกัน เป็นรถเดียวกันครับ ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็น่าจะสามารถมาซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ได้เลย
ภาพนี้เป็นเคาท์เตอร์ที่ขายตั๋วครับ
ถาพนี้หน้าตาตั๋วที่ซื้อจาก Thaiticketmajor
เวลาประมาณ 9.10 น. รถก็เคลื่อนตัวออกจากชานชาลามุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ เสียมเรียบ รถเที่ยวนี้ มีคนไทย รวมผมด้วย 4 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ รถขับไปอย่างช้าๆๆ ตุเลงๆๆ ไปเรื่อยๆ ก็หลับๆตื่นๆตลอดทาง จนเวลาประมาณ 12.30 น. รถแวะเติมน้ำมัน และขับออกมาได้สัก 10 นาที ก็จอดข้างทาง เด็กบนรถก็ลงไปพร้อมคนขับ ได้ยินเสียงเครื่องมือกระทบกันซักพัก มีฝรั่งลงไปดูดบุหรี่ ก็เลยเดินลงตามไป โอ้ววววววววววววววววว พระเจ้าช่วยกล้วยทอด รถยางแตกครับพี่น้อง
ซักพักฝรั่งก็เริ่มลงมามุง ฮ่าๆๆๆๆๆ ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธี แล้วทุกคนก็เริ่มทนความร้อนของเมืองไทยไม่ไหวก็ทยอยกันเดินขึ้นไปบนรถ และที่เซ็งมากคือ รถที่กลับมาจากเสียมเรียบส่วนมา แล้วบอกว่า ร้านเปลี่ยนยางอยู่ข้างหน้าประมาณ 300 เมตร (ร้องไห้หนักมาก) ใช้เวลาเปลี่ยนยางประมาณ 45 นาที รถก็เคลื่อนตัวออกอีกครั้งเพิ่งมุ่งสู้จุดหมาย เวลา 14.00 น. เราก็ได้มาถึง ณ อ.อรัญประเทศ เด็กบนรถก็ลงไปเอาข้าวที่ 7/11 ขึ้นมาแจกเพื่อให้กินเป็นมื้อกลางวัน ผมได้ ข้าวผัดปู(ขอเรียกว่าข้าวผัดโรยปูดีกว่า) ทานอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิว
เวลา 14.10 น. รถก็มาถึงด่านชายด้าน เด็กรถก็แจ้งขั้นตอนการแสตมป์ผ่านด่าน และแนะนำการทำวีซ่า สำหรับฝรั่ง และแจ้งเวลานัดหมายให้เวลาประมาณ 1.30 ชม. คนไทยก็เดินชิดซ้ายอย่างเดียวเลยครับ วันที่ไปคนไทยน้อยดีครับแปปเดียวก็ผ่านข้ามมาฝั่งกัมพูชาแล้วก็เดินต่อไปครับเดินไปเรื่อยๆ ผ่านบ่อน 2 บ่อนมั้งครับ แล้วก็ไปทางขวามือ เพื่อไปแสตมป์ข้ามเมืองพอแสตมป์เรียบร้อยก็เดินย้อนกลับมาทางเดิมประมาณ 50 เมตร รถทัวร์จะจอดรออยู่บริเวณนั้นก็ขึ้นรถไปรอได้เลยครับหรือจะไปทำธุระก่อนก็ได้เพราะ ต้องรอพวกฝรั่งที่ทำวีซ่า
ชิดซ้ายตลอดเลยครับ
ข้ามไปกัมพูชากันเลยครับ
รถทัวร์จะจอดตรงโรงแรมตรงนี้ครับ (รถบรรทุกบังอยู่) ส่วนเราก็ต้องข้ามถนนไปทางขวามือไปแสตมป์หนังสือผ่านแดนตรงอาคารถัดจากโรงแรมไปครับ
เวลาประมาณ 15.30 น. ตามนัดหมายเด็กบนรถเช็คผู้โดยสารครบ รถก็เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เด็กบนรถแจ้งว่า จาก ปอยเปต-เสียมเรียบ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถอดใจที่จะได้เที่ยวในเมืองช่วงเย็น ก็หลับๆ ตื่นๆจนเวลาประมาณ 17.00 น. ก็สะดุ้งตื่นมาเห็นวิถีชีวิตของคนกัมพูชาริมถนน เด็กๆที่เรียนรอบบ่ายเลิกเรียน ปั่นจักยานกลับบ้าน หนุ่มสาววัยทำงาน ที่เพิ่งเลิกงาน มุ่งหน้ากลับบ้าน (มั้ง) เวลาประมาณ 17.20 น. รถก็เข้าตัวเมืองและเข้าจอดที่หน้าบริษัทรถทัวร์ ตรงนั้นจะมีร้าน KFC ด้วย ก่อนลงจะมีพนักงานของบริษัทขึ้นมาขอเวลา 5 นาที แจ้งเราเรื่องการรับกระเป๋า (ระหว่างนั้นก็จะมีคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ช่วยกันเอากระเป๋ใต้ท้องรถเข้าไปในตึก) แลละเราสามารถใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ถ้าเกิดมาการเรียกเก็บ หรือ มีการบริการที่ไม่ดีเราสามารถกลับมาแจ้งร้องเรียนได้เลย (ไม่เก็บเงินแต่จะเสนอบริการทัวร์ในวันถัดไป) ส่วนตัวผมได้มีการติดต่อกับพี่เทียร์ (คนขับรถตุ๊กตุ๊ก) ไว้ล่วงหน้าแล้วพี่แกก็มารับตามเวลาเลย ก็เลยให้พี่เทียร์พาไปส่งที่โรงแรม และให้รอพาไปทานข้าว เช็คอินและเอากระเป่าเก้บเรียบร้อยก็ให้พี่เทียร์แกพาไปกินข้าวเย็น ขอให้แกพาไปร้านที่ราคาไม่แพงแล้วกินง่ายๆ พี่เทียร์แกนำเสนอ Hotpot (มันคือจิ้มจุ่มบ้านเรานั้นเอง) ให้แกสั่งชุดเล็กมาแต่โอโห้!!!!!!!!!!!! ไม่เล็กเลยนะครับพี่ ชวนให้พี่แกกินด้วย 2 คน ยังเหลือ ค่าเสียหายโดนไป 10$
หลังจากทานเสร็จพี่เทียร์แกเสนอพาทัวร์รอบเมืองแต่ขอปฏิเสธแกเพราะนั่งรถมาทั้งวันเพลียขอไปอาบน้ำกินเบียร์สักกระป๋องแล้วนอนดีกว่า
ตัดภาพมาที่ชั้นบนสุดของเกสเฮ้าส์ มีบาร์สำหรับนั่งบรรยากาศดีมากครับ ถ้าไปนั่งริมๆก็ได้วิวมองลงมาที่สระว่ายน้ำดูฝรั่งเล่นน้ำ (นี่ถ้ามากับเพื่อนก็อยากลงไปเล่นน้ำนะเพราะอากาศร้อนมากกกก)
จัดเบียร์ไป 2 กระป๋อง และเจ้านี่อีก 1 ขวด หลับสบายไป
อันนี้เป็นแผนที่สถานที่ๆจะไปเที่ยวครับ
วันแรกจะไปตามเส้นทางสีแดง
วันที่สองจะไปตามเส้นทางสีเขียว
วันที่สามจะไปตามเส้นทางสีครีม
วันนี้ขอค้างไว้ตรงนี้ก่อนนครับ พรุ่งนี้จะมารีวิวต่อครับ