สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
เราไม่ได้ตกใจเรื่อง จขกท เพราะเราเข้าใจว่ามีคนปากพล่อยเยอะมาก แต่เราตกใจความคิดของบางคนในนี้ ที่คิดว่า คนสามารถพูดถึงร่างกายของอีกคนได้โดยไม่ผิด คนที่โดนพูดสิต้องไปแก้ไข จะบ้าหรือเปล่า พูดน่ะพูดได้ถ้าคำพูดมันไม่ผ่านสมอง คนเขาเรียกพูดไม่คิด
เรารังเกียจที่สุดพวกชอบวิจารณ์รูปร่าง หน้าตา การแต่งตัวคนอื่น (ยกเว้นแต่งไม่ถูกกาละเทศะนะ) คนอื่น ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
เรารังเกียจที่สุดพวกชอบวิจารณ์รูปร่าง หน้าตา การแต่งตัวคนอื่น (ยกเว้นแต่งไม่ถูกกาละเทศะนะ) คนอื่น ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
ความคิดเห็นที่ 10
จะดูหรือไม่ดูเเลตัวเอง เราคิดว่าเราก็ไม่มีสิทธิไปวิจารณ์เขา คือในใจอะได้ เเต่เผลอพูดออกมามันเสียมารยาทมาก
เเม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม หลายคนอาจคิดว่าเรื่องจริงทำไมจะพูดไม่ได้ จริงๆ ก็พูดได้หมดเเหละค่ะ
ใครจะพูดอะไรก็พูดได้หมดค่ะ เเต่มันควรพูดไหม พูดเเล้วได้อะไร มันคืออีกเรื่องนึง
เรื่องที่ทำได้ กับเรื่องที่เหมาะสม ต่างกันโดยสิ้นเชิง
เเม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม หลายคนอาจคิดว่าเรื่องจริงทำไมจะพูดไม่ได้ จริงๆ ก็พูดได้หมดเเหละค่ะ
ใครจะพูดอะไรก็พูดได้หมดค่ะ เเต่มันควรพูดไหม พูดเเล้วได้อะไร มันคืออีกเรื่องนึง
เรื่องที่ทำได้ กับเรื่องที่เหมาะสม ต่างกันโดยสิ้นเชิง
แสดงความคิดเห็น
เมื่อฉันถูกด่าว่า "รักแร้ดำ"
เราเป็นคนผิวเหลืองค่อนไปทางคล้ำ เรียกว่าดำก็ได้ค่ะ ปมด้อยเล็กๆ ก็คือผิวใต้วงแขนก็ไม่ได้สว่างกระจ่างใสอย่างในโฆษณา แต่เผอิญว่า เราเป็นคนที่แขนขาเล็ก แน่นอนว่าเราจึงใส่เสื้อแขนกุดแขนสั้นบ้างตามโอกาส
ช่วงที่เดินขึ้นเครื่องและมานั่งตรงที่นั่ง เรากำลังยกกระเป๋าขึ้นเก็บบนที่เก็บสัมภาระเหนือศรีษะ มีผู้โดยสารหลายท่านก็ต่อแถวเพื่อเข้าประจำที่นั่งของตัวเอง น้องเรานั่งประจำที่ก่อนแล้ว พอเราเก็บของเสร็จและนั่งลง น้องของเราก็กระซิบว่า
"พี่... เมื่อกี๊ผู้ชายคนเมื่อกี๊พูดว่า รักแร้ดำ.. " เราก็อึ้งไปและพูดแค่ อืม..
เราเข้าใจอารมณ์คนพูดนะ อาจจะเดินมากับเพื่อนและเห็นอะไร เลยพูดเรียกให้เพื่อนมองโดยที่ไม่ทันสังเกตว่า มีคนรู้จักของเรานั่งอยู่ตรงนั้น เรียกง่ายๆ ว่า นินทาระยะเผาขนกันเลยทีเดียว พอนั่งไปสักพัก เราก็พูดกับน้องว่า
"..จำไว้นะ คนเราเวลาจะพูดอะไรควรคิดก่อน อย่าพูดถึงปมด้อยหรือล้อเลียนคนอื่น ไม่มีใครอยากเกิดมามีข้อบกพร่องหรอก อะไรที่มันแก้ไขไม่ได้ เช่น ข้อด้อยหรือข้อผิดพลาดทางร่างกาย ไม่ว่าจะรักแร้ดำ ขาลาย พุงย้อย อ้วน พิการ ปากเบี้ยว หรืออะไรก็ตาม ไม่มีใครอยากให้เป็น ไม่ควรไปพูดหรือว่าเขา แต่กับบางเรื่องที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น "นิสัย" ถ้าใครทำไม่ดีควรที่จะตักเตือนถ้ามีโอกาสที่จะทำ"
"พี่โกรธเขาหรอ"
"ไม่หรอก แต่ตอนแรกที่ฟังก็ไม่พอใจนิดๆ แหละ แต่เขามีสิทธิ์ที่จะคิดที่จะพูดหนิ แม้ว่ามันจะละเมิดสิทธิ์พี่นิดๆ แต่เขาก็มีสิทธิ์พูด เหมือนที่พี่มีสิทธิ์ที่จะแต่งตัวยังไงก็ได้อย่างที่พี่อยากจะทำ อีกอย่างนะ เพราะมีคนที่พูดและคอยจะมองจะจับผิดแบบนี้ พี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงไม่เคยจะพอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง กลัวอ้วนไป กลัวขาใหญ่ กลัวนี่นั่นนู่น และพาลไปมองไปจับผิดคนอื่นด้วยซ้ำ มันไม่มีความสุขหรอก แต่ก่อนพี่ก็เคยแคร์นะ หลังๆ มานี้ พี่เกือบลืมไปแล้วล่ะว่าความรู้สึกนี้มันเป็นยังไงจนเมื่อกลับมาถึงไทยอีกครั้ง แต่ถามว่าแคร์มั้ย? บอกเลยว่า .. ไม่ ฮ่าๆๆๆๆ "
"อื้ม ^^ "
เหตุการณ์คร่าวๆ ก็ประมาณนี้แหละค่ะ อย่างที่บอกไปนะคะว่าที่จริงเราก็ไม่ได้โกรธหรอก แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ และที่เขียนมานี่ไม่ได้มีเจตนาประชดประชันใดๆ ทั้งสิ้นนะคะ แค่อยากจะบอกแค่ 2 อย่าง คือ
1. ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างหน้าตาหรือข้อด้อยใดๆ ที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่าไปน้อยใจนะคะ ทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำ ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมายและไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น เพราะไม่ว่าทุกริ้วรอยตีนกา รอยแตกลายงา ไขมันส่วนเกิน จุดด่างดำคล้ำเขียว ไฝ กระ ปาน ความพิกลพิการในร่างกาย ยังไงมันก็คือความเป็นคุณ มันคือส่วนประกอบของคุณ ในเมื่อคุณหนีมันไม่พ้น ไล่มันก็ไม่ไป ก็ยิ้มรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุขสิคะ อยากแต่งตัวก็แต่งสิคะ อยากใส่สั้นก็ใส่ค่ะ อยากจะใส่บิกินี่เล่นน้ำทะเลก็ทำเลยค่ะ ถ้าคุณทำแล้วมีความสุข ชีวิตมันสั้นนัก สั้นเกินกว่าที่จะไปสนใจทุกคำพูดของคนรอบข้างค่ะ
2. อยากให้คุณเปิดใจมองจุดด้อยของคนอื่นให้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคุณก็คงไม่ได้เกิดมาเพอร์เฟ็ค อาจจะแอบมีจุดด่างพร้อยภายใต้เสื้อผ้าที่สวยงามเช่นกัน
*คุณเปลี่ยนร่างกายไม่ได้ แต่คุณเปลี่ยนความคิดได้ค่ะ*