เบื่อใหมกับการทานบุฟเฟ่ต์นานาชาติแบบเดิมๆ ไปใหนๆ ก็มีแต่อาหารแนวเดิม แล้วเกิดอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศการทานอาหารบุฟเฟ่ต์สัญชาติอื่นบ้าง ถามหากันเยอะว่ามีที่ใหนบ้าง วันนี้
"ตาแว่นบอกต่อ" เลยมารีวิว
ห้องอาหาร Señor Pico (ซินญอร์ ปิโก้) เป็น
บุฟเฟ่ต์อาหารแม็กซิกัน EL Brunch ที่เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น ที่ห้องอาหารเม็กซิกันและเตกิล่าบาร์ โรงแรมแรมแบรนด์ ส่วนวันปกติทั่วไปก็เป็นแบบอาลาคาร์ท
ห้องอาหารซินญอร์ ปิโก้ Señor Pico นี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมแรมแบรนด์ Rembrandt Hotel สุขุมวิท 18 ในราคาสุดคุ้มเพียง 599++/คน เปิดให้บริการแบบบรั้นช์ บุฟเฟ่ต์ ตั้งแต่เวลา 11.30-15.00 น. โดยในไลน์อาหารจะมีทั้งแบบบุฟเฟ่ต์ และเมนูที่สั่งเป็นอาลาคาร์ท A La Carte พร้อมเครื่องดื่ม จากที่เคยคิดว่าอาหารแม็กซิกันมีเพียงทาโก้เท่านั้นแล้วหากได้มาลองทานอาหารที่นี่ความคิดนั้นจะเปลี่ยนทันที จากอาหารเม็กซิกัน ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยอาจจะกลายเป็นห้องอาหารโปรดที่อาจมาทานได้บ่อย ๆ ก็เป็นไปได้
ภายใน ห้องอาหารตกแต่งแบบเม็กซิกันแท้ในสไตล์ที่ทันสมัย สดใส ด้วยโทนสีน้ำตาล-เขียว-แดง ให้ความรู้สึกเร่าร้อน ปนสดใส มีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง ที่นั่งทานอาหารมี 2 แบบ คือโต๊ะปูพื้นกระเบื้อง พร้อมด้วยเก้าอี้เหล็กหนังแท้ และที่นั่งแบบโซฟาติดผนังสองฝั่งทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
เมื่อเอ่ยถึงอาหารแม็กซิกันหลายๆ คนต่างนึกถึงในเรื่องของความเผ็ดร้อน รสชาติแรงๆ ของพริกฮาลาปีโน เหมือนที่เรานึกถึงอาหารอินเดียก็จะคิดถึงเครื่องเทศแรงๆ แต่เท่าที่ได้ลองลิ้มชิมมานั้นแตกต่างไปจากที่คิดโดยสิ้นเชิง รสชาติของห้องอาหารนี้จะเป็นรสชาติของอาหารเม็กซิกันแท้ดั้งเดิม มีเชฟมืออาชีพประจำในครัวเปิด ส่งตรงมาจากแม็กซิโก
นอกจากความโดดเด่นในเรื่องอาหารแล้ว ทางห้องอาหารยังมีดนตรีสไตล์แม็กซิกันคันทรี่เล่นสดโดยชาวเม็กซิกันแท้มาขับกล่อมมอบความบันเทิงให้เราได้เพลิดเพลินระหว่างการรับประทานอาหารทำให้มื้ออาหารที่เราทานนั้นมีอรรถรสยิ่งขึ้น
เปิบแรกกับไลน์สลัดสไตล์แม็กซิกัน โดยที่นีมีให้เลือกตักทานถึง 5 รายการ สีสันของวัตถุดิบที่มาประกอบและการนำเสนอโดดเด่นด้วยโทนสีที่จัดจ้านผสมผสานระหว่างร้อนและเย็นทำให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น ซี่งสลัดแต่ละอย่างจะมีรสชาติที่ไม่เหมือนกัน สำหรับใครที่ต้องการอาหารแนวสุขภาพ สลัดตรงไลน์นี้เหมาะ ถ้ามาทานบุฟเฟ่ต์แล้วต้องลองชิมอย่างละนิดละหน่อยให้ครบไลน์ โดยเฉพาะสลัดเป็นการอุ่นกระเพาะได้ดี
มุมนี้เป็นเมนูอาหารอีกหนึ่งอย่างที่ต้องลอง ตอนแรกก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมตั้งถ้วยเปล่าๆ ไม่เห็นมีอะไร เอาไว้ทำอะไร พอถามพนักงานก็ได้คำแนะนำว่าให้เราเลือกตักอาหารที่อยู่ในครกไม้แล้วนำมาใส่ไว้ในถ้วยเปล่า ราดด้วยชีสเหลืองๆ ข้นๆ ทีอยู่ในครกหิน เข้าไปในถ้วยปรุงรสตามใจชอบ อร่อยได้ตามคำแนะนำ
ไลน์ถัดมาที่อยู่ทางขวามือบริเวณทางเข้า ตรงบาร์วางเรียงรายด้วยอาหารทานเล่นนับสิบกว่ารายการ แต่ละรายการไม่เคยผ่านตามาก่อน หากได้มาแล้วต้องชิมอย่างละชิ้นสองชิ้น อาทิ ทาโก้ไก่ ทาโก้เนื้อที่หน้าตาคล้ายกับปอเปี๊ยะทอดของไทย, Tortilla ที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดเป็นแผ่นห่อใส้มีสองใส้คือไก่และเนื้อ ปรุงด้วยเครื่องปรุงจำพวกข้าวโพด มะเขือเทศ และราดซอส, ชีสบอลทอดกรอบนอกนุ่มในด้วยชีสเหนียวๆ มันๆ, ทาโก้ใส้ทูน่า ใส้เนื้อที่อร่อยติดอกติดใจกันเป็นแถวๆ, ส่วนเมนูที่ติดใจมากที่สุดคือเมนูยำปลาแซลมอน และกุ้ง- แซลมอนเซวิเช่, เซวิเช่กุ้งและเห็ด และอีกหลายรายการจนอธิบายไม่หวาดไม่ไหว
สำหรับท่านที่ชอบทานแนว Ship and Dipping ตรงส่วนนี้จะมี กัวคาโมเล่ ที่อยู่ในโถหินเขียวๆ ใหญ่เป็นอโวคาโดบด ทานคู่กับแผ่นแป้งข้าวโพดทอดกรอบ รสชาติออกมาแนวจืดๆ หากชอบรสจัดๆ ก็สามรถปรุงเพิ่มได้ด้วยเครื่องปรุงรสที่อยู่ในครกดำและเครื่องเคียงต่างๆที่วางอยู่รอบๆ
ส่วนอาหารจานหลักก็มีหลายรายการเช่นกันอาทิ ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว รสอร่อยมาก ไม่ควรพลาด ด้วยเนื้อซี่โครงผ่านกระบวนการปรุงมาอย่างเข้มข้น แทรกซึมเข้าถึงเนื้อ เนื้อเปื่อยกำลังดี, สตูว์หมู สตูว์เนื้อที่ทำเหมือนคล้ายกับแกงแต่เหมือนจะเคี่ยวจนคล้ายกับซุปแต่ไม่เปื่อยเท่ายังมีเนื้อเป็นชิ้นๆอยู่ รสชาติกลมกล่อมมีความเค็มนิดๆ พร้อมด้วยกลิ่นของเครื่องเทศสไตล์แม็กซิกัน ที่ต้องทานคู่กันกับข้าวที่หุงออกมาเป็นสีเขียวมีกลิ่นหอมของผักชี นุ่มและมีความมันนิดหน่อย หรือจะทานคู่กับถั่วที่เคี่ยวจนละเอียดข้นก็ได้เช่นกัน
เครื่องดื่มนี้ไม่รวมในไลน์บุฟเฟ่ต์ ส่วนที่อยู่ข้างๆ คือเครื่องดื่มที่เป็นน้ำสมุนไพรโดยมีพนักงานคอยบริการเติมน้ำให้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาน้ำแบบใหนเช่นน้ำมะขาม น้ำกระเจี๊ยบ แต่ที่แนะนำเลยคือนมน้ำข้าว ที่มีความหอมของข้าวอร่อยไม่หวานมาก ดื่มแล้วสดชื่น หากยังไม่เคยลองมาก่อนควรลองเป็นอย่างยิ่งแล้วจะติดใจ
ปิดท้ายด้วยไลน์ของหวาน เค้ก เบเกอรี่ ขนมปัง และไอศกรีมที่มีให้เลือก 2 รสคือ รสสตอเบอรี่ และรสวนิลา ไอศกรีมของที่นี่ทำเองรสชาติเข้มข้นหากได้ทานคู่กันกับเค้กต่างๆ แล้วก็จะเข้ากันได้ และที่ผมชอบมากที่สุดคือมูสรสผลไม้ต่างๆที่อยู่ในถ้วยไอศกรีมโคน เนื้อเนียนหอมกลิ่นของสตรอเบอร์รี่ หวานน้อย รสอร่อย
สรุป :
* บรรยากาศการตกแต่งห้องอาหารดี มีเพลงบรรเลง
* คุ้มค่าคุ้มราคากับรสชาติของอาหารและการบริการ
* การเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และ MRT สถานีสุขุมวิท
- อาหารอาจไม่ถูกปากสำหรับลิ้นคนไทยที่ชอบรสจัดจ้าน
ข้อมูลทั่วไปของห้องอาหาร ซินญอร์ ปิโก้ Señor Pico :
สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ชั้นที่ 1 โรงแรม แรมแบรนดท์ กรุงเทพ สุขุมวิท ซอย 18 ถ.สุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพ 10110
เวลาเปิด-ปิด : มื้อค่ำ 17.00-01:00 น. ทุกวัน (มีดนตรีสดทุกคืนยกเว้นวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 02-261-7100 ต่อ 7551
อีเมล์ : senorpico@rembrandtbkk.com
เฟสบุ๊ค : senorpicobkk
[SR] EL Brunch บุฟเฟ่ต์อาหารเม็กซิกัน วันเสาร์ ห้องอาหารซินญอร์ ปิโก้ โรงแรมแรมแบรนดท์ สุขุมวิท 18
ห้องอาหารซินญอร์ ปิโก้ Señor Pico นี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมแรมแบรนด์ Rembrandt Hotel สุขุมวิท 18 ในราคาสุดคุ้มเพียง 599++/คน เปิดให้บริการแบบบรั้นช์ บุฟเฟ่ต์ ตั้งแต่เวลา 11.30-15.00 น. โดยในไลน์อาหารจะมีทั้งแบบบุฟเฟ่ต์ และเมนูที่สั่งเป็นอาลาคาร์ท A La Carte พร้อมเครื่องดื่ม จากที่เคยคิดว่าอาหารแม็กซิกันมีเพียงทาโก้เท่านั้นแล้วหากได้มาลองทานอาหารที่นี่ความคิดนั้นจะเปลี่ยนทันที จากอาหารเม็กซิกัน ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยอาจจะกลายเป็นห้องอาหารโปรดที่อาจมาทานได้บ่อย ๆ ก็เป็นไปได้
ภายใน ห้องอาหารตกแต่งแบบเม็กซิกันแท้ในสไตล์ที่ทันสมัย สดใส ด้วยโทนสีน้ำตาล-เขียว-แดง ให้ความรู้สึกเร่าร้อน ปนสดใส มีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง ที่นั่งทานอาหารมี 2 แบบ คือโต๊ะปูพื้นกระเบื้อง พร้อมด้วยเก้าอี้เหล็กหนังแท้ และที่นั่งแบบโซฟาติดผนังสองฝั่งทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
เมื่อเอ่ยถึงอาหารแม็กซิกันหลายๆ คนต่างนึกถึงในเรื่องของความเผ็ดร้อน รสชาติแรงๆ ของพริกฮาลาปีโน เหมือนที่เรานึกถึงอาหารอินเดียก็จะคิดถึงเครื่องเทศแรงๆ แต่เท่าที่ได้ลองลิ้มชิมมานั้นแตกต่างไปจากที่คิดโดยสิ้นเชิง รสชาติของห้องอาหารนี้จะเป็นรสชาติของอาหารเม็กซิกันแท้ดั้งเดิม มีเชฟมืออาชีพประจำในครัวเปิด ส่งตรงมาจากแม็กซิโก
นอกจากความโดดเด่นในเรื่องอาหารแล้ว ทางห้องอาหารยังมีดนตรีสไตล์แม็กซิกันคันทรี่เล่นสดโดยชาวเม็กซิกันแท้มาขับกล่อมมอบความบันเทิงให้เราได้เพลิดเพลินระหว่างการรับประทานอาหารทำให้มื้ออาหารที่เราทานนั้นมีอรรถรสยิ่งขึ้น
เปิบแรกกับไลน์สลัดสไตล์แม็กซิกัน โดยที่นีมีให้เลือกตักทานถึง 5 รายการ สีสันของวัตถุดิบที่มาประกอบและการนำเสนอโดดเด่นด้วยโทนสีที่จัดจ้านผสมผสานระหว่างร้อนและเย็นทำให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น ซี่งสลัดแต่ละอย่างจะมีรสชาติที่ไม่เหมือนกัน สำหรับใครที่ต้องการอาหารแนวสุขภาพ สลัดตรงไลน์นี้เหมาะ ถ้ามาทานบุฟเฟ่ต์แล้วต้องลองชิมอย่างละนิดละหน่อยให้ครบไลน์ โดยเฉพาะสลัดเป็นการอุ่นกระเพาะได้ดี
มุมนี้เป็นเมนูอาหารอีกหนึ่งอย่างที่ต้องลอง ตอนแรกก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมตั้งถ้วยเปล่าๆ ไม่เห็นมีอะไร เอาไว้ทำอะไร พอถามพนักงานก็ได้คำแนะนำว่าให้เราเลือกตักอาหารที่อยู่ในครกไม้แล้วนำมาใส่ไว้ในถ้วยเปล่า ราดด้วยชีสเหลืองๆ ข้นๆ ทีอยู่ในครกหิน เข้าไปในถ้วยปรุงรสตามใจชอบ อร่อยได้ตามคำแนะนำ
ไลน์ถัดมาที่อยู่ทางขวามือบริเวณทางเข้า ตรงบาร์วางเรียงรายด้วยอาหารทานเล่นนับสิบกว่ารายการ แต่ละรายการไม่เคยผ่านตามาก่อน หากได้มาแล้วต้องชิมอย่างละชิ้นสองชิ้น อาทิ ทาโก้ไก่ ทาโก้เนื้อที่หน้าตาคล้ายกับปอเปี๊ยะทอดของไทย, Tortilla ที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดเป็นแผ่นห่อใส้มีสองใส้คือไก่และเนื้อ ปรุงด้วยเครื่องปรุงจำพวกข้าวโพด มะเขือเทศ และราดซอส, ชีสบอลทอดกรอบนอกนุ่มในด้วยชีสเหนียวๆ มันๆ, ทาโก้ใส้ทูน่า ใส้เนื้อที่อร่อยติดอกติดใจกันเป็นแถวๆ, ส่วนเมนูที่ติดใจมากที่สุดคือเมนูยำปลาแซลมอน และกุ้ง- แซลมอนเซวิเช่, เซวิเช่กุ้งและเห็ด และอีกหลายรายการจนอธิบายไม่หวาดไม่ไหว
สำหรับท่านที่ชอบทานแนว Ship and Dipping ตรงส่วนนี้จะมี กัวคาโมเล่ ที่อยู่ในโถหินเขียวๆ ใหญ่เป็นอโวคาโดบด ทานคู่กับแผ่นแป้งข้าวโพดทอดกรอบ รสชาติออกมาแนวจืดๆ หากชอบรสจัดๆ ก็สามรถปรุงเพิ่มได้ด้วยเครื่องปรุงรสที่อยู่ในครกดำและเครื่องเคียงต่างๆที่วางอยู่รอบๆ
ส่วนอาหารจานหลักก็มีหลายรายการเช่นกันอาทิ ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว รสอร่อยมาก ไม่ควรพลาด ด้วยเนื้อซี่โครงผ่านกระบวนการปรุงมาอย่างเข้มข้น แทรกซึมเข้าถึงเนื้อ เนื้อเปื่อยกำลังดี, สตูว์หมู สตูว์เนื้อที่ทำเหมือนคล้ายกับแกงแต่เหมือนจะเคี่ยวจนคล้ายกับซุปแต่ไม่เปื่อยเท่ายังมีเนื้อเป็นชิ้นๆอยู่ รสชาติกลมกล่อมมีความเค็มนิดๆ พร้อมด้วยกลิ่นของเครื่องเทศสไตล์แม็กซิกัน ที่ต้องทานคู่กันกับข้าวที่หุงออกมาเป็นสีเขียวมีกลิ่นหอมของผักชี นุ่มและมีความมันนิดหน่อย หรือจะทานคู่กับถั่วที่เคี่ยวจนละเอียดข้นก็ได้เช่นกัน
เครื่องดื่มนี้ไม่รวมในไลน์บุฟเฟ่ต์ ส่วนที่อยู่ข้างๆ คือเครื่องดื่มที่เป็นน้ำสมุนไพรโดยมีพนักงานคอยบริการเติมน้ำให้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาน้ำแบบใหนเช่นน้ำมะขาม น้ำกระเจี๊ยบ แต่ที่แนะนำเลยคือนมน้ำข้าว ที่มีความหอมของข้าวอร่อยไม่หวานมาก ดื่มแล้วสดชื่น หากยังไม่เคยลองมาก่อนควรลองเป็นอย่างยิ่งแล้วจะติดใจ
ปิดท้ายด้วยไลน์ของหวาน เค้ก เบเกอรี่ ขนมปัง และไอศกรีมที่มีให้เลือก 2 รสคือ รสสตอเบอรี่ และรสวนิลา ไอศกรีมของที่นี่ทำเองรสชาติเข้มข้นหากได้ทานคู่กันกับเค้กต่างๆ แล้วก็จะเข้ากันได้ และที่ผมชอบมากที่สุดคือมูสรสผลไม้ต่างๆที่อยู่ในถ้วยไอศกรีมโคน เนื้อเนียนหอมกลิ่นของสตรอเบอร์รี่ หวานน้อย รสอร่อย
สรุป :
* บรรยากาศการตกแต่งห้องอาหารดี มีเพลงบรรเลง
* คุ้มค่าคุ้มราคากับรสชาติของอาหารและการบริการ
* การเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และ MRT สถานีสุขุมวิท
- อาหารอาจไม่ถูกปากสำหรับลิ้นคนไทยที่ชอบรสจัดจ้าน
ข้อมูลทั่วไปของห้องอาหาร ซินญอร์ ปิโก้ Señor Pico :
สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ชั้นที่ 1 โรงแรม แรมแบรนดท์ กรุงเทพ สุขุมวิท ซอย 18 ถ.สุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพ 10110
เวลาเปิด-ปิด : มื้อค่ำ 17.00-01:00 น. ทุกวัน (มีดนตรีสดทุกคืนยกเว้นวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 02-261-7100 ต่อ 7551
อีเมล์ : senorpico@rembrandtbkk.com
เฟสบุ๊ค : senorpicobkk
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น