อันเนื่องมาจากเคยพูดกับเพื่อนหลายครั้งว่าอยากไปดูงาน WORLD EXPO 2015 ที่มิลาน แต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้ซะที
จนกระทั่งเพื่อนจากมิวนิค แชทมาบอกว่า สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จฯ แถมด้วยนักชกขวัญใจ บัวขาวก็จะมาแสดงในงานด้วย
เท่านั้นหละ รีบโทรบอกที่ทำงานว่าขอลาพักร้อน รีบจองตั๋วเครื่องบิน ทันที
แต่ด้วยเวลาค่อนข้างกระชั้นจึงหาตั๋วเครื่องบินที่บินตรงและราคาถูกได้ยากมาก ที่บินตรงเวลาดี ๆ ขาไปออกแต่เช้า ขากลับออกตอนเย็น ราคาแทบน่าตกใจ แพงมาก
จากที่คิดว่าจะไปแค่ดูงาน EXPO ที่มิลาน งานเลยงอกออกมา เนื่องจากได้ตั๋วเครื่องบินดังนี้
ขาไป เบอร์ลิน - แฟรงค์เฟิร์ต - เวนิส
ขากลับ มิลาน - บรัสเซลส์ - เบอร์ลิน
และจากที่คิดไว้แค่พักมิลานคืนเดียว งอกออกมาเป็นทริป 4 วัน 3 คืน
ไปกันเลยดีกว่า
บินไฟลท์แรก จากเบอร์ลินไปรอต่เครื่องชิวชิวที่แฟรงค์เฟิร์ต รอไม่นาน
บินไปลงเวนิส น่าเสียดายถ้านั่งฝั่งขวา จะเห็นเวนิสจากมุมสูงสวยมาก
เห็นแว่บ ๆ ว่าสวยจริง และเสียงอืออายืนยันของผู้โดยสารฝั่งขวา
อิตฉาเลย
จากสนามบิน ผมนั่งรถบัสเข้าไปยังเกาะเวนีเซีย ตั๋วรถหาซื้อได้ไม่ยาก จากเคาเตอร์ขายตั๋ว หรือจากตู้กดก็ได้ เดินออกจากอาคาร หาจุดจอดรถหมายเลย 1 มีเจ้าหน้าที่คอยบริการอยู่ ถามได้ ตอบได้
รถวิ่งประมาณ 25 นาทีก็จะมาถึง PIAZZALE ROMA ต่อจากจุดนี้ เริ่มฟินกันได้เลย
ลงจากรถ แค่มองไปก็เจอแล้ว สะพาน และท่าเรือโดยสาร
แต่โรงแรมที่ผมจอง อยู่อีกทางนึง ไม่ได้ข้ามสะพานแก้ว
ถนนหนทางในเวนิส จะเป็นทางเดินไม่กว้างสลับกับสะพานข้ามคลอง
ดังนั้นขอเตือนไว้เลยว่า ถ้าใครอยากมาพักในเกาะเวนีเซีย อย่าลากกระเป๋าใบใหญ่เบิ้มมา จะหมดสนุก. เว้นแต่จะยอมจ่ายค่าเรือแท๊กซี่ให้ไปส่งถึงโรงแรม
หน้าตาเรือแท๊กซี่ แต่ไม่รู้ราคา ไม่กล้าลอง
เกสต์เฮาส์ที่ผมพัก อยู่ใกล้จุดจอดรถนิดเดียว เดินไม่เกิน 5 นาที
เป็นห้องนอนส่วนตัวแต่ห้องน้ำรวม ราคาแอบแพง แต่ด้วยความเสะดวกเพราะอยู่ในเกาะเวนีเซียเลยเ จึงคุ้มกว่าออกไปพักนอกเกาะ
มาถึงเวนิสก็เลยเที่ยงแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า ขอจัดหนักเลยละกัน
อร่อยมาก ราคาไม่แพงอย่างที่คิดไว้
ยืนยันว่าอร่อยจริงนะ
กินอิ่ม ก็ออกเที่ยวกัน
ผมซื้อตั๋วเรือโดยสารแบบ 24 ชั่วโมง ราคา 20€ ราคาแพงแต่ก็ประหยัดกว่าวิธีอื่นแน่นอน
ตั๋วเรือโดยสารสามารถหาซื้อได้จากตู้กด หรือจากพนักงาน(ตามสถานีใหญ่ ๆ)
สถานีรถไฟเวนิส อยู่ริมน้ำแบบนี้เลย
ลงรถไฟ แล้วต่อเรือได้เลย สะดวกสุด ๆ
ตั๋วเรือแบบ 24 ชม. จะขึ้นจะลงกี่เที่ยวก็ได้ภายในระยะเวลา
แน่นอน ผมไม่พลาดที่จะมาลงสถานีนี้ สะพานรีอัลโต
นั่งเรือชมวิว ชมอาคารต่าง ๆ
ตึกนี้ข้างล่างมีตลาดผลไม้ จำได้ว่าตึกนี้อยู่ในหนังเรื่อง The Tourist ด้วย
นั่งเรือไปอีกหน่อย ก็ถึงจตุรัส ซาน มาโก
ที่ตรงนี้คนเยอะมาก มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารมากมาย เดินเล่นไปได้เรื่อย ๆ
จากจตุรัสซาน มาโก ผมจะไม่นั่งเรือกลับที่พัก แต่ใช้วิธีเดิน
เดินไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ข้ามคบองเล็กคลองน้อย ลัดเลาะไปเรื่อย ๆ
ถึงก็ช่าง หลงก็ข่าง ไปเรื่อย ๆ
แต่ไม่น่ากลัวเลย มีนักท่องเที่ยวเดินอยู่ทั่วแทบทุกซอย
เดินมาโผล่ตรงนี้ มีเรือกอนโดลาพานักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเยอะ
แอบฟังเค้าบรรยาย ได้ความว่า ตึกตรงท่าน้ำเล็ก ๆ นั้นเคยเป็นบ้านพักจอง มาร์โค โปโล
ช่วงเย็นถึงค่ำ ไม่มีภาพ เนื่องมาจาก แบตหมด น่าเสียดาย
บรรยากาศจองเวนิสตอนค่ำ สวยไปอีกแบบ
ร้านค้าเริ่มปิด แต่ร้านอาหารจะดูคึกคัก จะมีร้านแบบหรูมีผ้าปูโต๊ะ มีพนักงานใส่สูท จุดเทียนบนโต๊ะอาหาร น่านั่ง
แต่สำหรับผม มื้อค่ำแทบไม่ต้องกินอีกแล้ว เพราะว่า ระหว่างทางกลับ เดินกินมาตลอดทาง ของน่ากินมีขายตลอด
ตื่นเช้ามาวันที่สองของการเดินทาง
กับเวนิสที่สงบเงียบ ยังไม่มีนักท่องเที่ยว
ครัวซองร้อน ๆ อบใหม่ ๆ กาแฟ น้ำส้มคั้นสด
กับบรรยากาศยามเช้าของเวนิส
เอาอะไรมาแลก..ก็ไม่ยอม
เสร็จจากอาหารเช้าก็ไม่ต้องเร่งรีบ เดินไปนิดเดียวที่ท่าเรือตรงสถานีจอดรถบัส เพื่อขึ้นเรือไปยังเกาะ มูราโน ตั๋วใบเดิมใช้ได้ คุ้ม
เกาะนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตเครื่องแก้ว เป่าแก้ว
มีโรงงานเป่าแก้วให้เข้าชม และเบือกซื้อสินค้าเครื่องแก้วได้
ข้างสูง
ขากลับ ผมขึ้นเรือไปจตุรัสซาน มาโก อีกครั้ง
แล้วก็เดินเหมือนเมื่อวาน แต่ไม่ซ้ำทาง
ครึ่งวันบ่ายผมเดิน เดิน เดิน เวนิสสวยทุกมุม เดินไม่มีเบื่อ
เพราะผมไม่ได้รีบร้อน
ผมจะต้องเดินทางไปมิลาน ตอนเที่ยงคืน ด้วยรถบัส
จุดจอดรถบัส จะต้องนั่งรถรางลอยฟ้าสายสั้น ๆ ไป
เนื่องจากเป็นคืนวันอาทิตย์ รถรางเที่ยวสุดท้าย 21:50
จึงต้องไปนั่ง ๆ นอน ๆ รอรถบัสถึงเที่ยงคืน
โดยเป็นแค่จุดจอดรถ ไม่ใช่สถานีขนส่งแต่อย่างใด
ไม่มีที่นั่งรอ ไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีอะไรเลย
อันเนื่องมาจากเป็น low cost bus line
รถ สภาพดี ใหม่ มีที่เสียบปลั๊กไฟทุกที่นั่ง มีไวไฟ (แต่ใช้ไม่ได้)
แต่นั่งไม่สบายเลย นั่งหลังขดหลังแข็ง
บนรถมีเพียงแค่คนขับรถเพียงคนเดียวทำทุกอย่าง
ตั้งแต่ขนกระเป๋า จัดการตั๋ว แล้วก็ขับรถ
การจัดการตั๋วก็เหมือนจะมีปัญหา
เพราะเมื่อรถสิ่งออกไปแล้ว ช่วงตีสอง
รถต้องไปจอดรับผู้โดยสารที่จุดหนึ่ง มีผู้โดยสารรออยู่หลายคน
แต่สามารถขึ้นรถได้เพียงสองคน
ที่เหลือนอกนั้น ไม่ได้ไปต่อ เพราะว่าที่นั่งเต็มแล้ว ตั๋วเกินจำนวนที่นั่ง
ไปมิลานกันซะที
ต่อจ้างล่างนะครับ
ทริป เวนิส มิลาน แถมบรัสเซลส์อีกหน่อย
จนกระทั่งเพื่อนจากมิวนิค แชทมาบอกว่า สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จฯ แถมด้วยนักชกขวัญใจ บัวขาวก็จะมาแสดงในงานด้วย
เท่านั้นหละ รีบโทรบอกที่ทำงานว่าขอลาพักร้อน รีบจองตั๋วเครื่องบิน ทันที
แต่ด้วยเวลาค่อนข้างกระชั้นจึงหาตั๋วเครื่องบินที่บินตรงและราคาถูกได้ยากมาก ที่บินตรงเวลาดี ๆ ขาไปออกแต่เช้า ขากลับออกตอนเย็น ราคาแทบน่าตกใจ แพงมาก
จากที่คิดว่าจะไปแค่ดูงาน EXPO ที่มิลาน งานเลยงอกออกมา เนื่องจากได้ตั๋วเครื่องบินดังนี้
ขาไป เบอร์ลิน - แฟรงค์เฟิร์ต - เวนิส
ขากลับ มิลาน - บรัสเซลส์ - เบอร์ลิน
และจากที่คิดไว้แค่พักมิลานคืนเดียว งอกออกมาเป็นทริป 4 วัน 3 คืน
ไปกันเลยดีกว่า
บินไฟลท์แรก จากเบอร์ลินไปรอต่เครื่องชิวชิวที่แฟรงค์เฟิร์ต รอไม่นาน
บินไปลงเวนิส น่าเสียดายถ้านั่งฝั่งขวา จะเห็นเวนิสจากมุมสูงสวยมาก
เห็นแว่บ ๆ ว่าสวยจริง และเสียงอืออายืนยันของผู้โดยสารฝั่งขวา
อิตฉาเลย
จากสนามบิน ผมนั่งรถบัสเข้าไปยังเกาะเวนีเซีย ตั๋วรถหาซื้อได้ไม่ยาก จากเคาเตอร์ขายตั๋ว หรือจากตู้กดก็ได้ เดินออกจากอาคาร หาจุดจอดรถหมายเลย 1 มีเจ้าหน้าที่คอยบริการอยู่ ถามได้ ตอบได้
รถวิ่งประมาณ 25 นาทีก็จะมาถึง PIAZZALE ROMA ต่อจากจุดนี้ เริ่มฟินกันได้เลย
ลงจากรถ แค่มองไปก็เจอแล้ว สะพาน และท่าเรือโดยสาร
แต่โรงแรมที่ผมจอง อยู่อีกทางนึง ไม่ได้ข้ามสะพานแก้ว
ถนนหนทางในเวนิส จะเป็นทางเดินไม่กว้างสลับกับสะพานข้ามคลอง
ดังนั้นขอเตือนไว้เลยว่า ถ้าใครอยากมาพักในเกาะเวนีเซีย อย่าลากกระเป๋าใบใหญ่เบิ้มมา จะหมดสนุก. เว้นแต่จะยอมจ่ายค่าเรือแท๊กซี่ให้ไปส่งถึงโรงแรม
หน้าตาเรือแท๊กซี่ แต่ไม่รู้ราคา ไม่กล้าลอง
เกสต์เฮาส์ที่ผมพัก อยู่ใกล้จุดจอดรถนิดเดียว เดินไม่เกิน 5 นาที
เป็นห้องนอนส่วนตัวแต่ห้องน้ำรวม ราคาแอบแพง แต่ด้วยความเสะดวกเพราะอยู่ในเกาะเวนีเซียเลยเ จึงคุ้มกว่าออกไปพักนอกเกาะ
มาถึงเวนิสก็เลยเที่ยงแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า ขอจัดหนักเลยละกัน
อร่อยมาก ราคาไม่แพงอย่างที่คิดไว้
ยืนยันว่าอร่อยจริงนะ
กินอิ่ม ก็ออกเที่ยวกัน
ผมซื้อตั๋วเรือโดยสารแบบ 24 ชั่วโมง ราคา 20€ ราคาแพงแต่ก็ประหยัดกว่าวิธีอื่นแน่นอน
ตั๋วเรือโดยสารสามารถหาซื้อได้จากตู้กด หรือจากพนักงาน(ตามสถานีใหญ่ ๆ)
สถานีรถไฟเวนิส อยู่ริมน้ำแบบนี้เลย
ลงรถไฟ แล้วต่อเรือได้เลย สะดวกสุด ๆ
ตั๋วเรือแบบ 24 ชม. จะขึ้นจะลงกี่เที่ยวก็ได้ภายในระยะเวลา
แน่นอน ผมไม่พลาดที่จะมาลงสถานีนี้ สะพานรีอัลโต
นั่งเรือชมวิว ชมอาคารต่าง ๆ
ตึกนี้ข้างล่างมีตลาดผลไม้ จำได้ว่าตึกนี้อยู่ในหนังเรื่อง The Tourist ด้วย
นั่งเรือไปอีกหน่อย ก็ถึงจตุรัส ซาน มาโก
ที่ตรงนี้คนเยอะมาก มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารมากมาย เดินเล่นไปได้เรื่อย ๆ
จากจตุรัสซาน มาโก ผมจะไม่นั่งเรือกลับที่พัก แต่ใช้วิธีเดิน
เดินไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ข้ามคบองเล็กคลองน้อย ลัดเลาะไปเรื่อย ๆ
ถึงก็ช่าง หลงก็ข่าง ไปเรื่อย ๆ
แต่ไม่น่ากลัวเลย มีนักท่องเที่ยวเดินอยู่ทั่วแทบทุกซอย
เดินมาโผล่ตรงนี้ มีเรือกอนโดลาพานักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเยอะ
แอบฟังเค้าบรรยาย ได้ความว่า ตึกตรงท่าน้ำเล็ก ๆ นั้นเคยเป็นบ้านพักจอง มาร์โค โปโล
ช่วงเย็นถึงค่ำ ไม่มีภาพ เนื่องมาจาก แบตหมด น่าเสียดาย
บรรยากาศจองเวนิสตอนค่ำ สวยไปอีกแบบ
ร้านค้าเริ่มปิด แต่ร้านอาหารจะดูคึกคัก จะมีร้านแบบหรูมีผ้าปูโต๊ะ มีพนักงานใส่สูท จุดเทียนบนโต๊ะอาหาร น่านั่ง
แต่สำหรับผม มื้อค่ำแทบไม่ต้องกินอีกแล้ว เพราะว่า ระหว่างทางกลับ เดินกินมาตลอดทาง ของน่ากินมีขายตลอด
ตื่นเช้ามาวันที่สองของการเดินทาง
กับเวนิสที่สงบเงียบ ยังไม่มีนักท่องเที่ยว
ครัวซองร้อน ๆ อบใหม่ ๆ กาแฟ น้ำส้มคั้นสด
กับบรรยากาศยามเช้าของเวนิส
เอาอะไรมาแลก..ก็ไม่ยอม
เสร็จจากอาหารเช้าก็ไม่ต้องเร่งรีบ เดินไปนิดเดียวที่ท่าเรือตรงสถานีจอดรถบัส เพื่อขึ้นเรือไปยังเกาะ มูราโน ตั๋วใบเดิมใช้ได้ คุ้ม
เกาะนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตเครื่องแก้ว เป่าแก้ว
มีโรงงานเป่าแก้วให้เข้าชม และเบือกซื้อสินค้าเครื่องแก้วได้
ข้างสูง
ขากลับ ผมขึ้นเรือไปจตุรัสซาน มาโก อีกครั้ง
แล้วก็เดินเหมือนเมื่อวาน แต่ไม่ซ้ำทาง
ครึ่งวันบ่ายผมเดิน เดิน เดิน เวนิสสวยทุกมุม เดินไม่มีเบื่อ
เพราะผมไม่ได้รีบร้อน
ผมจะต้องเดินทางไปมิลาน ตอนเที่ยงคืน ด้วยรถบัส
จุดจอดรถบัส จะต้องนั่งรถรางลอยฟ้าสายสั้น ๆ ไป
เนื่องจากเป็นคืนวันอาทิตย์ รถรางเที่ยวสุดท้าย 21:50
จึงต้องไปนั่ง ๆ นอน ๆ รอรถบัสถึงเที่ยงคืน
โดยเป็นแค่จุดจอดรถ ไม่ใช่สถานีขนส่งแต่อย่างใด
ไม่มีที่นั่งรอ ไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีอะไรเลย
อันเนื่องมาจากเป็น low cost bus line
รถ สภาพดี ใหม่ มีที่เสียบปลั๊กไฟทุกที่นั่ง มีไวไฟ (แต่ใช้ไม่ได้)
แต่นั่งไม่สบายเลย นั่งหลังขดหลังแข็ง
บนรถมีเพียงแค่คนขับรถเพียงคนเดียวทำทุกอย่าง
ตั้งแต่ขนกระเป๋า จัดการตั๋ว แล้วก็ขับรถ
การจัดการตั๋วก็เหมือนจะมีปัญหา
เพราะเมื่อรถสิ่งออกไปแล้ว ช่วงตีสอง
รถต้องไปจอดรับผู้โดยสารที่จุดหนึ่ง มีผู้โดยสารรออยู่หลายคน
แต่สามารถขึ้นรถได้เพียงสองคน
ที่เหลือนอกนั้น ไม่ได้ไปต่อ เพราะว่าที่นั่งเต็มแล้ว ตั๋วเกินจำนวนที่นั่ง
ไปมิลานกันซะที
ต่อจ้างล่างนะครับ