นายกรัฐมนตรี ระบุเตรียมออกคำสั่งมาตรา 44 สั่งห้ามใช้คำว่า "รากหญ้า" แต่ให้เรียกว่า "ประชาชนผู้มีรายได้น้อย" แทน ขู่ปรับ ครม. อีกรอบ หาก รัฐบาลนี้ยังไม่มีการสร้างรถไฟ
วันที่ 26 สิงหาคม - ที่สโมสรกองทัพบก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องปฏิรูปการศึกษาสร้างอนาคตประเทศไทย ในงานสัมมนา เรื่องการปฏิรูปการศึกษาและพัฒนามนุษย์สู่อนาคต จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ
พลเอกประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทำหน้าที่เพียงขับเคลื่อนประเทศในสถานการณ์พิเศษ ถ้าไม่มีการปฏิรูปในวันนี้ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งการศึกษาถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ เพราะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนในชาติอาจทำให้ไม่มีความก้าวหน้า ซึ่งขณะนี้หลายประเทศก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางแล้ว ขณะที่ประเทศไทยยังมีคนจำนวนมากอ่านหนังสือไม่ออกจึงไม่มีการร่วมมือกับรัฐบาลเท่าที่ควร ดังนั้นต้องให้ประชาชนเรียนรู้และร่วมกันปฏิรูป โดยเฉพาะผู้บริหารและทุกคนต้องเข้าใจระบบการศึกษาของโลก อาเซียน รวมถึงการศึกษาภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า นักการเมืองต้องยอมรับผลประโยชน์ของชาติแม้ความเห็นจะไม่ตรงกัน รวมถึงยุติความขัดแย้งที่นักการเมืองและนักวิชาการชอบนำเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่เข้ามาทำให้เกิดขึ้น ส่งผลให้คนที่มีการศึกษาน้อยสับสน ทั้งนี้ตนขอใช้มาตรา 44 ห้ามเรียกว่า "คนรากหญ้า" แต่ให้เรียกว่า "คนที่มีรายได้น้อย"เเทน เนื่องจากประเทศไทยไม่มีชนชั้นวรรณะ
"วันนี้ผมขออนุญาตใช้มาตรา 44 ไม่ให้ใครในประเทศนี้ ห้ามเรียกคนเหล่านี้ว่า รากหญ้า ให้เรียกว่าคนที่มีรายได้น้อย มีการศึกษาน้อย ซึ่งเราต้องยกระดับพวกเขามาให้เท่าเทียม อย่าไปเรียกเขาว่าเป็นรากหญ้า วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นแล้วไม่มีอำมาตย์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อำมาตย์ก็คือข้าราชการที่เป็นตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะมาดูแลประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยจะต้องบูรณาการระหว่างองค์กรให้เกิดความเชื่อมโยง โดยรัฐบาลพยายามเร่งประสานงานบูรณาการทุกกระทรวงทุกหน่วยงาน ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ยังไม่มีตาย มีแต่ป่วยตายเท่านั้น และไม่มีรัฐบาลใดที่สามารถทำได้แบบที่ตนทำ เว้นแต่บางคนที่ไม่ร่วมมือ ขออย่ากลัวตนจะอยู่นานหรือสืบทอดอำนาจ ยืนยันว่าตนมีแต่อำนาจเพื่อใช้ทำงานและการบังคับบัญชาการเท่านั้น ไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวติดตลกด้วยว่า กลับบ้านก็เป็นนักเรียนเพราะมีภรรยาป็นคุณครู เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ที่มีแม่เป็นครูมาก่อน ซึ่งในส่วนของครูที่สอนหนังสือแบบสุดโต่งจะต้องเร่งแก้ไข
อย่างไรก็ดีนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่เคยอยากเป็นนายกรัฐมนตรี และคิดว่าเกษียณอายุแล้วจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆและครอบครัว ซึ่งตนยังไม่เคยไปเที่ยวกับครอบครัวเลย ที่เข้ามาบริหารประเทศก็เพียงต้องการพัฒนาประเทศ และขีดความสามารถในทุกด้าน ทั้งการสร้างความเข้มแข็งของประเทศ ซึ่งตนไม่เคยหยุดคิด และไม่เคยหยุดสั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจนหลายท่านทำไม่ทัน อีกทั้งการพูดออกรายการคืนความสุขให้คนในชาตินั้นก็ไม่ค่อยมีคนฟัง ส่วนเรื่องการเดินหน้ารถไฟที่ร่วมลงทุนกับประเทศจีนนั้นต้องทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้โดยแบ่งการลงทุนร่วมแบบ60เปอร์เซ็นต์40เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากรถไฟไม่เกิดขึ้น ครม.ประยุทธ์ 4 เกิดขึ้นแน่
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวติดตลกว่า ทุกวันนี้มีแต่สื่อกล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า เป็นครม. ประยุทธ์ 1 2 และ 3 หรือใครเห็นว่าควรเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีด้วย
อย่างไรก็ตาม แนวคิดในการท่องจำค่านิยม 12 ประการ นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ได้บังคับทุกคนให้ท่องจำ แม้ว่าตนจะมีชื่อ ป.ปลาเหมือนกับ จอมพลป.พิบูลสงคราม แต่ไม่ได้ล้มแนวคิดในการท่องเด็กเอ่ยเด็กดี พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยว่า ในการทำงานต้องไม่มีเพื่อนพ้องน้องพี่ ตนให้เกียรติรองนายกรัฐมนตรีเสมอ และขอให้เกียรติตนในการตัดสินใจด้วย ที่ผ่านมาตนเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่านมากว่า 40 ปี และถูกสั่งมาโดยตลอด แต่ขณะนี้ตนมีหน้าที่สั่งการทุกอย่างและหลายประเด็นจนท่านบ่นว่าทำไม่ทัน
ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติหรือคปป.นั้นหากไม่มีคณะกรรมการชุดนี้ใครจะเข้ามาทำการปฏิรูปและการปรองดอง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาถามว่า ปฏิรูปอะไร ทุกวันนี้จะปฏิรูปแล้วยังไม่รู้อะไรไม่รู้เลย อย่างไรก็ตามร่างรัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้ คปป.ปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อย 5 ปี โดยตั้งตามตำแหน่งมีนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและบุคคลที่มีตำแหน่ง หลายฝ่ายกลัวว่า ตนจะเข้าไปอยู่ใน คปป. แต่ตนมองว่าประเทศต้องเดินหน้า และเชื่อว่า คปป.จะไม่ทำหน้าที่ทับซ้อนกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
"ส่วนใครบอกว่าเรือผมจะล่ม ขณะนี้คนขอเพียงกำลังใจเท่านั้นเอง ผมทำใจขาดอยู่แล้ว และครม.เก่าอย่าเพิ่งน้อยใจและต้องน้อมรับสถานการณ์ไม่ใช่ไม่เก่งหรือไม่ดี ซึ่งในระยะที่ 2 ที่มีรัฐมนตรีชุดใหม่ และอะไรที่ทำได้เดินหน้าทันที และหากทำไม่ได้ต้องส่งต่อให้รัฐบาลหน้า"
นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งของการปาฐกถา เกิดไฟบนเวทีดับกลางคัน และมีการเปิดเป็นไฟระยิบระยับหลายสีสันแทน โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า เวลาในการพูดกล่าวจบลงแล้ว เห็นไฟแบบนี้แสดงว่าจะมีการแสดงหรือไม่ จากนั้นไฟบนเวทีจึงกลับมาเช่นเดิม และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อจนจบ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440581210
บิ๊กตู่ จ่อใช้ ม.44 สั่งห้ามเรียก "รากหญ้า" ให้เรียก "ประชาชนผู้มีรายได้น้อย" แทน
นายกรัฐมนตรี ระบุเตรียมออกคำสั่งมาตรา 44 สั่งห้ามใช้คำว่า "รากหญ้า" แต่ให้เรียกว่า "ประชาชนผู้มีรายได้น้อย" แทน ขู่ปรับ ครม. อีกรอบ หาก รัฐบาลนี้ยังไม่มีการสร้างรถไฟ
วันที่ 26 สิงหาคม - ที่สโมสรกองทัพบก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องปฏิรูปการศึกษาสร้างอนาคตประเทศไทย ในงานสัมมนา เรื่องการปฏิรูปการศึกษาและพัฒนามนุษย์สู่อนาคต จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ
พลเอกประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทำหน้าที่เพียงขับเคลื่อนประเทศในสถานการณ์พิเศษ ถ้าไม่มีการปฏิรูปในวันนี้ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งการศึกษาถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ เพราะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนในชาติอาจทำให้ไม่มีความก้าวหน้า ซึ่งขณะนี้หลายประเทศก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางแล้ว ขณะที่ประเทศไทยยังมีคนจำนวนมากอ่านหนังสือไม่ออกจึงไม่มีการร่วมมือกับรัฐบาลเท่าที่ควร ดังนั้นต้องให้ประชาชนเรียนรู้และร่วมกันปฏิรูป โดยเฉพาะผู้บริหารและทุกคนต้องเข้าใจระบบการศึกษาของโลก อาเซียน รวมถึงการศึกษาภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า นักการเมืองต้องยอมรับผลประโยชน์ของชาติแม้ความเห็นจะไม่ตรงกัน รวมถึงยุติความขัดแย้งที่นักการเมืองและนักวิชาการชอบนำเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่เข้ามาทำให้เกิดขึ้น ส่งผลให้คนที่มีการศึกษาน้อยสับสน ทั้งนี้ตนขอใช้มาตรา 44 ห้ามเรียกว่า "คนรากหญ้า" แต่ให้เรียกว่า "คนที่มีรายได้น้อย"เเทน เนื่องจากประเทศไทยไม่มีชนชั้นวรรณะ
"วันนี้ผมขออนุญาตใช้มาตรา 44 ไม่ให้ใครในประเทศนี้ ห้ามเรียกคนเหล่านี้ว่า รากหญ้า ให้เรียกว่าคนที่มีรายได้น้อย มีการศึกษาน้อย ซึ่งเราต้องยกระดับพวกเขามาให้เท่าเทียม อย่าไปเรียกเขาว่าเป็นรากหญ้า วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นแล้วไม่มีอำมาตย์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อำมาตย์ก็คือข้าราชการที่เป็นตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะมาดูแลประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยจะต้องบูรณาการระหว่างองค์กรให้เกิดความเชื่อมโยง โดยรัฐบาลพยายามเร่งประสานงานบูรณาการทุกกระทรวงทุกหน่วยงาน ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ยังไม่มีตาย มีแต่ป่วยตายเท่านั้น และไม่มีรัฐบาลใดที่สามารถทำได้แบบที่ตนทำ เว้นแต่บางคนที่ไม่ร่วมมือ ขออย่ากลัวตนจะอยู่นานหรือสืบทอดอำนาจ ยืนยันว่าตนมีแต่อำนาจเพื่อใช้ทำงานและการบังคับบัญชาการเท่านั้น ไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวติดตลกด้วยว่า กลับบ้านก็เป็นนักเรียนเพราะมีภรรยาป็นคุณครู เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ที่มีแม่เป็นครูมาก่อน ซึ่งในส่วนของครูที่สอนหนังสือแบบสุดโต่งจะต้องเร่งแก้ไข
อย่างไรก็ดีนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่เคยอยากเป็นนายกรัฐมนตรี และคิดว่าเกษียณอายุแล้วจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆและครอบครัว ซึ่งตนยังไม่เคยไปเที่ยวกับครอบครัวเลย ที่เข้ามาบริหารประเทศก็เพียงต้องการพัฒนาประเทศ และขีดความสามารถในทุกด้าน ทั้งการสร้างความเข้มแข็งของประเทศ ซึ่งตนไม่เคยหยุดคิด และไม่เคยหยุดสั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจนหลายท่านทำไม่ทัน อีกทั้งการพูดออกรายการคืนความสุขให้คนในชาตินั้นก็ไม่ค่อยมีคนฟัง ส่วนเรื่องการเดินหน้ารถไฟที่ร่วมลงทุนกับประเทศจีนนั้นต้องทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้โดยแบ่งการลงทุนร่วมแบบ60เปอร์เซ็นต์40เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากรถไฟไม่เกิดขึ้น ครม.ประยุทธ์ 4 เกิดขึ้นแน่
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวติดตลกว่า ทุกวันนี้มีแต่สื่อกล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า เป็นครม. ประยุทธ์ 1 2 และ 3 หรือใครเห็นว่าควรเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีด้วย
อย่างไรก็ตาม แนวคิดในการท่องจำค่านิยม 12 ประการ นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ได้บังคับทุกคนให้ท่องจำ แม้ว่าตนจะมีชื่อ ป.ปลาเหมือนกับ จอมพลป.พิบูลสงคราม แต่ไม่ได้ล้มแนวคิดในการท่องเด็กเอ่ยเด็กดี พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยว่า ในการทำงานต้องไม่มีเพื่อนพ้องน้องพี่ ตนให้เกียรติรองนายกรัฐมนตรีเสมอ และขอให้เกียรติตนในการตัดสินใจด้วย ที่ผ่านมาตนเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่านมากว่า 40 ปี และถูกสั่งมาโดยตลอด แต่ขณะนี้ตนมีหน้าที่สั่งการทุกอย่างและหลายประเด็นจนท่านบ่นว่าทำไม่ทัน
ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติหรือคปป.นั้นหากไม่มีคณะกรรมการชุดนี้ใครจะเข้ามาทำการปฏิรูปและการปรองดอง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาถามว่า ปฏิรูปอะไร ทุกวันนี้จะปฏิรูปแล้วยังไม่รู้อะไรไม่รู้เลย อย่างไรก็ตามร่างรัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้ คปป.ปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อย 5 ปี โดยตั้งตามตำแหน่งมีนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและบุคคลที่มีตำแหน่ง หลายฝ่ายกลัวว่า ตนจะเข้าไปอยู่ใน คปป. แต่ตนมองว่าประเทศต้องเดินหน้า และเชื่อว่า คปป.จะไม่ทำหน้าที่ทับซ้อนกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
"ส่วนใครบอกว่าเรือผมจะล่ม ขณะนี้คนขอเพียงกำลังใจเท่านั้นเอง ผมทำใจขาดอยู่แล้ว และครม.เก่าอย่าเพิ่งน้อยใจและต้องน้อมรับสถานการณ์ไม่ใช่ไม่เก่งหรือไม่ดี ซึ่งในระยะที่ 2 ที่มีรัฐมนตรีชุดใหม่ และอะไรที่ทำได้เดินหน้าทันที และหากทำไม่ได้ต้องส่งต่อให้รัฐบาลหน้า"
นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งของการปาฐกถา เกิดไฟบนเวทีดับกลางคัน และมีการเปิดเป็นไฟระยิบระยับหลายสีสันแทน โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า เวลาในการพูดกล่าวจบลงแล้ว เห็นไฟแบบนี้แสดงว่าจะมีการแสดงหรือไม่ จากนั้นไฟบนเวทีจึงกลับมาเช่นเดิม และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อจนจบ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440581210