
บ้านขุนสมุทรจีน พอเพื่อนๆ บางคนได้ยินคำนี้ ก็อาจจะพอรับรู้ และเคยได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้มาบ้าง
เพราะมีรายการดังๆ ทางทีวี ได้นำหมู่บ้านนี้ไปออกรายการหลายครั้ง
เอาเป็นว่า ผมจะไม่ขอพูด เล่าเรื่องหมู่บ้านนี้ ในเชิงวิชาการก็แล้วกันนะครับ
อ่านประวัติของบ้านขุนสมุทรจีน
ที่นี่
แต่วันนี้ สิ่งที่ผมจะมาเล่าคือ…
“การได้ชีวิต ให้มันช้าลง ได้อยู่กับธรรมชาติ สายลม และฝูงนก กา ให้มากขึ้น”
บอกก่อนนะครับ ว่า ถ้าใครจะไปพักที่นี่ แล้วคาดหวังที่จะเจอความสะดวก สบายทุกอย่าง แบบนั้นอาจจะไม่ใช่ที่เที่ยวที่คุณต้องการ
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่อยู่ง่าย กินง่าย ชอบใช้ชีวิตช้าๆ ชอบถ่ายภาพ ชอบเสียงลม ชอบเสียงนก ชอบบรรยากาศชนบทๆ ที่เงียบสงบ และหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง ที่นี่ คือ ที่ที่คุณ ควรจะเข้าไปสัมผัสสักครั้งครับ
ผมขออนุญาตเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนนะครับ ว่าหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านที่ติดทะเล ชาวบ้านมีอาชีพทำการประมงเป็นหลัก

และมี “ศาลเจ้าพ่อหนุ่มน้อยลอยชาย” เป็นศาลเจ้าที่ทุกคนในหมู่บ้านเคารพและนับถือ

ถ้าใครมาเที่ยวที่นี่ นอกจากแวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหนุ่มน้อยลอยชายเสร็จแล้ว แนะนำให้แวะไปเที่ยวชมความเป็นมาของหมู่บ้านนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์บ้านขุนสมุทรจีนด้วยนะครับ เพื่อนๆ จะได้รู้ที่มาที่ไปของหมู่บ้านนี้มากขึ้น

และสิ่งที่อยู่คู่กับหมู่บ้านนี้มาอย่างยาวนานก็คือ “วัดขุนสมุทราวาส” หรือ วัดขุนสมุทรจีน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน ยังตั้งอยู่ตรงจุดเดิม นับตั้งแต่หมู่บ้าน ค่อยๆ ถูกน้ำทะเลกัดเซาะกินพื้นที่หมู่บ้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ต้องยกพื้นสูงลอยขึ้นมาจากพื้นดิน เพื่อป้องกันน้ำทะเลท่วมถึง และรอบๆ วัด จะทำที่กั้นคลื่น เพื่อป้องกันคลื่นทะเล กันเซาะพื้นดินเพิ่มเติม
ปล.ที่วัดแห่งนี้มีอาหารตามสั่งนะครับ ส่วนเปิดขายวันไหนบ้าง ราคาเท่าไร อันนี้ ผมไม่ทราบจริงๆ โปรดหาข้อมูล เรื่องพวกนี้ด้วยนะครับ เพราะที่หมู่บ้านนี่ จะไม่มีร้านอาหารตามสั่งเลย ผมเห็นมีแต่ร้านนี้ที่ขายอยู่ในวัด ส่วนใครที่มาพักโฮมสเตย์ เขาจะมีค่าที่พัก พร้อมอาหาร ไว้ให้อยู่แล้ว

บรรยากาศภายในวัด เป็นวัดที่ค่อนข้างสงบ เงียบ เหมาะแก่การทำบุญ และได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น

โบสถ์ที่ถูกน้ำทะเลท่วมถึง

ในหมู่บ้านนี้ จะใช้จักรยาน หรือไม่ก็เดินเป็นหลัก

พื้นที่เดิมของหมู่บ้านที่เคยเป็นพื้นดิน

ภาพอีกมุมหนึ่ง ช่วงน้ำทะเลลด

ชาวบ้านได้นำไม้ไผ่ มาทำเป็นกำแพง เพื่อชะลอความแรงของคลื่นน้ำทะเล

มีการปลูกต้นโกงกางเพิ่มเติม เพื่อเอาไว้กันหน้าดินพัง และเพื่อเป็นแหล่งให้สัตว์ทะเล พวก กุ้งหอย ปู ปลา มาวางไข่

โรงเรียนบ้านขุนสมุทรจีน กับเงาสะท้อนน้ำ

ที่นี่ จะมีสุนัขเยอะมาก แต่ไม่ดุนะ เพราะผมยังไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีกัดนักท่องเที่ยวเลย

ตัวนี้ นอนเพลินเลย

ใครที่ชอบตกปลา เพื่อพักผ่อน ก็แวะมาเที่ยวที่นี่ได้

เช้าๆตื่นมา ก็แวะไปถ่ายภาพชาวบ้านเก็บหอยแครงกัน

ได้มาเยอะเลยทีเดียว

ส่วนหอยแครงตัวเล็กๆ เขาจะเอาไปขายให้คนทำนากุ้ง เพื่อเลี้ยงให้หอยมันตัวใหญ่ก่อน แล้วค่อยเก็บอีกที

ภาพบรรยากาศรอบๆ หมู่บ้าน

ผมเพิ่งได้ความรู้สดๆ ร้อนๆ จากวิทยากรของหมู่บ้านที่นี่ให้ความรู้มา ว่าปลาตีนที่ผมเห็นอยู่ แม้ว่าจะเป็นตระกูล ปลาตีนเหมือนกัน แต่มันมีชื่อของมันอยู่เช่น เจ้าปลาตีนตัวโตๆ นี้มีชื่อว่า ปลากระจัง หรือ ปลาตีนเขี้ยว

เจ้าตัวนี้ชื่อว่า ปลาจุมพรวด หรือ ปลาตีนจุดฟ้า

และสิ่งที่ผมตั้งใจมาเก็บภาพที่นี่ คือนกชนิดต่างๆ
นกกาน้ำเล็ก

อีกา

ตระกูลนกยางต่างๆ
- นกยางกรอกพันธุ์ชวา

- นกยางเปีย(คิดว่านะครับ เพราะปากดำ เห็นเขาว่ายางโทนน้อย กับ นกยางโทนใหญ่ จะมีปากเหลือง นก 3 ชนิดนี้แยกยากมาก ใครรู้จริง บอกกล่าวผมอีกทีนะ)

หลังจากพอจะรู้แล้วว่า ถ้าไปที่นี่ เพื่อนๆ จะเจอ หรือได้พบเห็นอะไรบ้าง
ทีนี้ เรามาพูดคุยเรื่องที่พักกันบ้าง
ที่หมู่บ้านนี้ มีโฮมสเตย์หลากหลายเจ้า ให้เราได้เลือกเข้าพัก ตามปริมาณจำนวนคน และขึ้นอยู่กับว่าเราจะพักกับเจ้าไหน
ภาพนี้ เป็นโฮมสเตย์อีกเจ้า ที่ผมเก็บภาพตอนเช้า บ้านค่อนข้างหลังใหญ่ น่าจะเหมาะกับการมาเป็นหมู่คณะ
ส่วนภาพหลังจากนี้ คือโฮมสเตย์ที่ผมไปพักครับ โฮมสเตย์บ้านขุนสมุทรจีน หลังนี้ของผมพักกันอยู่สองคนกับรุ่นน้องที่ชอบถ่ายภาพ นั่นคือ ผมกับ กริซ …มีห้องน้ำ อยู่นอกตัวบ้าน มีทีวีให้ด้วยนะ
ราคาที่พักรวม อาหาร 3 มื้อ นอน 1 คืน จ่ายแค่คนละ 600 บาท เท่านั้น ไม่รวมน้ำแข็ง,น้ำเปล่า และอื่นๆ อาหารนี่บอกเลยครับ ว่ามาแต่ละมื้อนี่ เล่นเอาจุก พุงจิแตกกันให้ได้ อิ่มมากๆ น้ำหนักขึ้นหลายกิโลเลยแหละ เพราะรสชาติอาหารถูกปาก อร่อยหมดทุกอย่าง ภาพอาหารคร่าวๆ ครับ ภาพนี้ มื้อตอนเช้าวันที่จะกลับครับผม

ส่วนภาพนี้ มื้อกลางวันที่ไปถึงบ้านพักวันแรก มีทั้งหมด 4 อย่างมั้งครับถ้าจำไม่ผิด แต่ผมถ่ายมาไม่หมด
รายชื่อที่พัก พร้อมเบอร์โทรติดต่อ
ขุนสมุทรจีนโฮมสเตย์ โทร 085-0200024 , 086-5675296
facebook
วังใหญ่โฮมสเตย์ โทร 080 – 451 3074
facebook
มาถึงการเดินทางบ้าง
แบบไม่มีรถส่วนตัว สำหรับคนที่อาศัยอยู่กรุงเทพ
1.ถ้าอยู่แถวสาธุประดิษฐ์ ,สาธร ,บางรัก และบริเวณใกล้เคียง แนะนำเดินทางโดยทางเรือ โดยมาขึ้นเรือที่ท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ เพื่อข้ามฟากไปลงที่ฝั่งพระประแดง จะได้ไม่ต้องนั่งรถอ้อมไกล

แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปลงที่ตลาดพระประแดงที่มีรถสองแถวสีฟ้าที่วิ่งจากพระประแดงไป พระสมุทรเจดีย์ ให้ขึ้นคันนั้นเลยค่าโดยสารวินมอเตอร์ไซค์ 20 บาท ค่ารถโดยสาร สองแถว 8 บาท นั่งจนสุดสาย

แล้วต่อรถสองแถว บริเวณท่าเรือ ที่ใกล้ๆกับวัดพระสมุทรเจดีย์ ที่เขียนว่า บ้านสาขลา ค่ารถ 8 บาท บอกคนเก็บตังค์ว่า ถ้าถึงท่าเรือป้ารี่บอกด้วย จะลงตรงนั้น

หลังจากนั้น เราจะจ้างเรือเหมาเข้าไปส่งที่ท่าน้ำบ้านขุนสมุทรจีน โดยเขาจะคิดราคาแบบเหมาคือคนแรก 100 บาท คนต่อไป 10 บาท ถ้ามากันเยอะก็คุ้มหน่อย พอส่งขึ้นท่าน้ำบ้านขุนสมุทรจีนแล้ว อย่าลืม ขอเบอร์ติดต่อเจ้าของเรือด้วย ขากลับจะได้โทรไปนัดให้เขามารับที่ท่าน้ำ
2.ส่วนใครที่อาศัยอยู่แถวอื่นๆ เช่นปากน้ำ สุขุมวิท หรือแถวๆนั้น ก็สามารถนั่งเรือข้ามฟากเพื่อมายังวัดพระสมุทรเจดีย์ แล้วก็นั่งรถสองแถวบ้านสาขลาเพื่อไปลงที่ท่าเรือป้ารี่ต่อไป หลังจากนั้นก็เหมือนข้อ 1
แบบที่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็เดินทางมาที่ท่าเรือป้ารี่มีรับฝากรถ คิดคืนละ 100 บาทต่อคัน มั้ง ผมไปเจอข้อมูลมาจากกระทู้อื่น เรื่องราคาไม่ชัวร์นะครับ รบกวนหาข้อมูลเรื่องนี้อีกครั้ง
ของใช้ส่วนตัวที่ต้องเตรียมเอาไปเอง
ผ้าเช็ดตัว , ยาฉีดหรือยาทากันยุง ,สบู่ , ยาสระผม และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ที่จำเป็น อย่าลืมถ้ามีโรคประจำตัว พกยาไปด้วยนะครับ เพราะที่นี่ จะเป็นแนวโอมสเตย์เชิงวัฒนธรรม ชาวบ้านเขาอยู่กันยังไง เราที่เป็นนักท่องเที่ยวก้อยู่ไม่แตกต่างจ้า
[CR] ใช้ชีวิตแบบช้าๆที่บ้านขุนสมุทรจีน…ไปเที่ยวแบบไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้
บ้านขุนสมุทรจีน พอเพื่อนๆ บางคนได้ยินคำนี้ ก็อาจจะพอรับรู้ และเคยได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้มาบ้าง
เพราะมีรายการดังๆ ทางทีวี ได้นำหมู่บ้านนี้ไปออกรายการหลายครั้ง
เอาเป็นว่า ผมจะไม่ขอพูด เล่าเรื่องหมู่บ้านนี้ ในเชิงวิชาการก็แล้วกันนะครับ
อ่านประวัติของบ้านขุนสมุทรจีน ที่นี่
แต่วันนี้ สิ่งที่ผมจะมาเล่าคือ…“การได้ชีวิต ให้มันช้าลง ได้อยู่กับธรรมชาติ สายลม และฝูงนก กา ให้มากขึ้น”
บอกก่อนนะครับ ว่า ถ้าใครจะไปพักที่นี่ แล้วคาดหวังที่จะเจอความสะดวก สบายทุกอย่าง แบบนั้นอาจจะไม่ใช่ที่เที่ยวที่คุณต้องการ
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่อยู่ง่าย กินง่าย ชอบใช้ชีวิตช้าๆ ชอบถ่ายภาพ ชอบเสียงลม ชอบเสียงนก ชอบบรรยากาศชนบทๆ ที่เงียบสงบ และหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง ที่นี่ คือ ที่ที่คุณ ควรจะเข้าไปสัมผัสสักครั้งครับ
ผมขออนุญาตเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนนะครับ ว่าหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านที่ติดทะเล ชาวบ้านมีอาชีพทำการประมงเป็นหลัก
และมี “ศาลเจ้าพ่อหนุ่มน้อยลอยชาย” เป็นศาลเจ้าที่ทุกคนในหมู่บ้านเคารพและนับถือ
ถ้าใครมาเที่ยวที่นี่ นอกจากแวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหนุ่มน้อยลอยชายเสร็จแล้ว แนะนำให้แวะไปเที่ยวชมความเป็นมาของหมู่บ้านนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์บ้านขุนสมุทรจีนด้วยนะครับ เพื่อนๆ จะได้รู้ที่มาที่ไปของหมู่บ้านนี้มากขึ้น
และสิ่งที่อยู่คู่กับหมู่บ้านนี้มาอย่างยาวนานก็คือ “วัดขุนสมุทราวาส” หรือ วัดขุนสมุทรจีน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน ยังตั้งอยู่ตรงจุดเดิม นับตั้งแต่หมู่บ้าน ค่อยๆ ถูกน้ำทะเลกัดเซาะกินพื้นที่หมู่บ้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ต้องยกพื้นสูงลอยขึ้นมาจากพื้นดิน เพื่อป้องกันน้ำทะเลท่วมถึง และรอบๆ วัด จะทำที่กั้นคลื่น เพื่อป้องกันคลื่นทะเล กันเซาะพื้นดินเพิ่มเติม
ปล.ที่วัดแห่งนี้มีอาหารตามสั่งนะครับ ส่วนเปิดขายวันไหนบ้าง ราคาเท่าไร อันนี้ ผมไม่ทราบจริงๆ โปรดหาข้อมูล เรื่องพวกนี้ด้วยนะครับ เพราะที่หมู่บ้านนี่ จะไม่มีร้านอาหารตามสั่งเลย ผมเห็นมีแต่ร้านนี้ที่ขายอยู่ในวัด ส่วนใครที่มาพักโฮมสเตย์ เขาจะมีค่าที่พัก พร้อมอาหาร ไว้ให้อยู่แล้ว
บรรยากาศภายในวัด เป็นวัดที่ค่อนข้างสงบ เงียบ เหมาะแก่การทำบุญ และได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น
โบสถ์ที่ถูกน้ำทะเลท่วมถึง
ในหมู่บ้านนี้ จะใช้จักรยาน หรือไม่ก็เดินเป็นหลัก
พื้นที่เดิมของหมู่บ้านที่เคยเป็นพื้นดิน
ภาพอีกมุมหนึ่ง ช่วงน้ำทะเลลด
ชาวบ้านได้นำไม้ไผ่ มาทำเป็นกำแพง เพื่อชะลอความแรงของคลื่นน้ำทะเล
มีการปลูกต้นโกงกางเพิ่มเติม เพื่อเอาไว้กันหน้าดินพัง และเพื่อเป็นแหล่งให้สัตว์ทะเล พวก กุ้งหอย ปู ปลา มาวางไข่
โรงเรียนบ้านขุนสมุทรจีน กับเงาสะท้อนน้ำ
ที่นี่ จะมีสุนัขเยอะมาก แต่ไม่ดุนะ เพราะผมยังไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีกัดนักท่องเที่ยวเลย
ตัวนี้ นอนเพลินเลย
ใครที่ชอบตกปลา เพื่อพักผ่อน ก็แวะมาเที่ยวที่นี่ได้
เช้าๆตื่นมา ก็แวะไปถ่ายภาพชาวบ้านเก็บหอยแครงกัน
ได้มาเยอะเลยทีเดียว
ส่วนหอยแครงตัวเล็กๆ เขาจะเอาไปขายให้คนทำนากุ้ง เพื่อเลี้ยงให้หอยมันตัวใหญ่ก่อน แล้วค่อยเก็บอีกที
ภาพบรรยากาศรอบๆ หมู่บ้าน
ผมเพิ่งได้ความรู้สดๆ ร้อนๆ จากวิทยากรของหมู่บ้านที่นี่ให้ความรู้มา ว่าปลาตีนที่ผมเห็นอยู่ แม้ว่าจะเป็นตระกูล ปลาตีนเหมือนกัน แต่มันมีชื่อของมันอยู่เช่น เจ้าปลาตีนตัวโตๆ นี้มีชื่อว่า ปลากระจัง หรือ ปลาตีนเขี้ยว
เจ้าตัวนี้ชื่อว่า ปลาจุมพรวด หรือ ปลาตีนจุดฟ้า
และสิ่งที่ผมตั้งใจมาเก็บภาพที่นี่ คือนกชนิดต่างๆ
นกกาน้ำเล็ก
อีกา
ตระกูลนกยางต่างๆ
- นกยางกรอกพันธุ์ชวา
- นกยางเปีย(คิดว่านะครับ เพราะปากดำ เห็นเขาว่ายางโทนน้อย กับ นกยางโทนใหญ่ จะมีปากเหลือง นก 3 ชนิดนี้แยกยากมาก ใครรู้จริง บอกกล่าวผมอีกทีนะ)
หลังจากพอจะรู้แล้วว่า ถ้าไปที่นี่ เพื่อนๆ จะเจอ หรือได้พบเห็นอะไรบ้าง
ทีนี้ เรามาพูดคุยเรื่องที่พักกันบ้าง
ที่หมู่บ้านนี้ มีโฮมสเตย์หลากหลายเจ้า ให้เราได้เลือกเข้าพัก ตามปริมาณจำนวนคน และขึ้นอยู่กับว่าเราจะพักกับเจ้าไหน
ภาพนี้ เป็นโฮมสเตย์อีกเจ้า ที่ผมเก็บภาพตอนเช้า บ้านค่อนข้างหลังใหญ่ น่าจะเหมาะกับการมาเป็นหมู่คณะ
ส่วนภาพหลังจากนี้ คือโฮมสเตย์ที่ผมไปพักครับ โฮมสเตย์บ้านขุนสมุทรจีน หลังนี้ของผมพักกันอยู่สองคนกับรุ่นน้องที่ชอบถ่ายภาพ นั่นคือ ผมกับ กริซ …มีห้องน้ำ อยู่นอกตัวบ้าน มีทีวีให้ด้วยนะ
ราคาที่พักรวม อาหาร 3 มื้อ นอน 1 คืน จ่ายแค่คนละ 600 บาท เท่านั้น ไม่รวมน้ำแข็ง,น้ำเปล่า และอื่นๆ อาหารนี่บอกเลยครับ ว่ามาแต่ละมื้อนี่ เล่นเอาจุก พุงจิแตกกันให้ได้ อิ่มมากๆ น้ำหนักขึ้นหลายกิโลเลยแหละ เพราะรสชาติอาหารถูกปาก อร่อยหมดทุกอย่าง ภาพอาหารคร่าวๆ ครับ ภาพนี้ มื้อตอนเช้าวันที่จะกลับครับผม
ส่วนภาพนี้ มื้อกลางวันที่ไปถึงบ้านพักวันแรก มีทั้งหมด 4 อย่างมั้งครับถ้าจำไม่ผิด แต่ผมถ่ายมาไม่หมด
รายชื่อที่พัก พร้อมเบอร์โทรติดต่อ
ขุนสมุทรจีนโฮมสเตย์ โทร 085-0200024 , 086-5675296 facebook
วังใหญ่โฮมสเตย์ โทร 080 – 451 3074 facebook
มาถึงการเดินทางบ้าง
แบบไม่มีรถส่วนตัว สำหรับคนที่อาศัยอยู่กรุงเทพ
1.ถ้าอยู่แถวสาธุประดิษฐ์ ,สาธร ,บางรัก และบริเวณใกล้เคียง แนะนำเดินทางโดยทางเรือ โดยมาขึ้นเรือที่ท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ เพื่อข้ามฟากไปลงที่ฝั่งพระประแดง จะได้ไม่ต้องนั่งรถอ้อมไกล
แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปลงที่ตลาดพระประแดงที่มีรถสองแถวสีฟ้าที่วิ่งจากพระประแดงไป พระสมุทรเจดีย์ ให้ขึ้นคันนั้นเลยค่าโดยสารวินมอเตอร์ไซค์ 20 บาท ค่ารถโดยสาร สองแถว 8 บาท นั่งจนสุดสาย
แล้วต่อรถสองแถว บริเวณท่าเรือ ที่ใกล้ๆกับวัดพระสมุทรเจดีย์ ที่เขียนว่า บ้านสาขลา ค่ารถ 8 บาท บอกคนเก็บตังค์ว่า ถ้าถึงท่าเรือป้ารี่บอกด้วย จะลงตรงนั้น
หลังจากนั้น เราจะจ้างเรือเหมาเข้าไปส่งที่ท่าน้ำบ้านขุนสมุทรจีน โดยเขาจะคิดราคาแบบเหมาคือคนแรก 100 บาท คนต่อไป 10 บาท ถ้ามากันเยอะก็คุ้มหน่อย พอส่งขึ้นท่าน้ำบ้านขุนสมุทรจีนแล้ว อย่าลืม ขอเบอร์ติดต่อเจ้าของเรือด้วย ขากลับจะได้โทรไปนัดให้เขามารับที่ท่าน้ำ
2.ส่วนใครที่อาศัยอยู่แถวอื่นๆ เช่นปากน้ำ สุขุมวิท หรือแถวๆนั้น ก็สามารถนั่งเรือข้ามฟากเพื่อมายังวัดพระสมุทรเจดีย์ แล้วก็นั่งรถสองแถวบ้านสาขลาเพื่อไปลงที่ท่าเรือป้ารี่ต่อไป หลังจากนั้นก็เหมือนข้อ 1
แบบที่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็เดินทางมาที่ท่าเรือป้ารี่มีรับฝากรถ คิดคืนละ 100 บาทต่อคัน มั้ง ผมไปเจอข้อมูลมาจากกระทู้อื่น เรื่องราคาไม่ชัวร์นะครับ รบกวนหาข้อมูลเรื่องนี้อีกครั้ง
ของใช้ส่วนตัวที่ต้องเตรียมเอาไปเอง
ผ้าเช็ดตัว , ยาฉีดหรือยาทากันยุง ,สบู่ , ยาสระผม และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ที่จำเป็น อย่าลืมถ้ามีโรคประจำตัว พกยาไปด้วยนะครับ เพราะที่นี่ จะเป็นแนวโอมสเตย์เชิงวัฒนธรรม ชาวบ้านเขาอยู่กันยังไง เราที่เป็นนักท่องเที่ยวก้อยู่ไม่แตกต่างจ้า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น