รถไฟความเร็วรางคู่ไทย-จีน : ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้จริงหรือ


โดย ดร.พิษณุ เหรียญมหาสาร  หรือ "มิสเตอร์ไชน่า"

"ผู้โดยสารรถไฟจีนในช่วงนั้นไม่รู้จักคำว่า “เข้าแถวรอ” ต่างคนต่างแซงกัน เข้าลักษณะเบียดเสียดยัดเยียดแย่งกันขึ้นรถไฟ สอบถามแล้วความเร็วเฉลี่ยรถไฟจีนในขณะนั้นเพียง 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การเดินทางระหว่างมณฑลระยะ ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพราะต้องเสียเวลารอหลีก เนื่องจากเป็นรถไฟระบบรางเดียวเกือบทั้งหมด

เมื่อเทียบกับรถไฟไทยในช่วงเดียวกันกับที่กล่าวข้างต้น ไทยได้มีการใช้รถไฟความเร็วและรถด่วนเพิ่มจากรถไฟธรรมดา รวมความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สภาพรถไฟไทยในขณะนั้น มีความสะอาด มีการจัดระเบียบและการบำรุงรักษาดีกว่ารถไฟจีนมาก ที่สำคัญคือ ผู้โดยสารใช้บริการรถไฟไทยไม่ต้องเบียดเสียดยื้อแย่งกันเหมือนที่เกิดกับประเทศจีน เมื่อเปรียบเทียบระดับรถไฟจีนกับรถไฟไทย ในช่วงก่อนกลางทศวรรษ 2530 แล้ว รถไฟจีนน่าจะล้าหลังกว่ารถไฟไทยไม่ต่ำกว่า 20 ปี      

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 2533 จีนได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของการพัฒนาระบบรถไฟ ด้วยการรวมจุดสุดยอดของแต่ละประเทศ ที่เป็นผู้นำด้านรถไฟความเร็ว ได้แก่ เยอรมัน ฝรั่งเศส แคนาดา และญี่ปุ่น มาเป็นต้นแบบการผลิตรถไฟความเร็ว และรถไฟความเร็วสูงของจีนเพียงแห่งเดียว ปัจจุบันจีนจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านรถไฟความเร็วสูงของโลกในขณะนี้"

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635386


หวังว่าในรัฐบาลนี้ คนไทยเราจะมีโอกาสได้ใช้รถไฟรางคู่ความเร็ว 160 กม./ชม. กันจริงๆ สักที
รถไฟไทย "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" จะได้เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทย หรือนำไปใช้ในเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงย้อนยุค

นานาขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่