ก่อนอื่นเลยต้องขอกล่าวสวัสดีทุกคนก่อนเลยนะคะ
กระทู้นี้ถือเป็นกระทู้แรกๆของการเขียนกระทู้เกี่ยวกับท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้
จะว่าไปก็เหมือนเป็นการเขียนไดอารี่ของตัวเองซะมากกว่า
ด้วยอาทิตย์ที่ผ่านมา เราเชื่อว่าหลายคนหรือแทบจะทุกคน
คงได้พาแม่ไปเที่ยวกันในวันแม่แห่งชาติ บางคนก็อาจให้พวงมาลัยดอกไม้ บางคนอาจให้ของขวัญ
บ้างก็อาจจะพาไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
แต่ด้วยวัยของเราเองที่เข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว วันแม่ปีนี้เลยอดอยู่กับแม่เหมือนคนอื่นๆเขา
แต่เพราะ ... หน้าที่การงานคงจะปฏิเสธไปไม่ได้ ไม่เป็นไร “วันไหนๆก็เป็นวันแม่ได้เหมือนกัน”
ฉะนั้น วันหยุดงานหลังวันแม่ เราจึงพาแม่ไปทัวร์กรุงเทพใน 1 วันกัน เบาๆ
แบบมีเวลาจำกัด 555 ( เพราะต้องกลับมารับน้องๆที่โรงเรียนให้ทันตอนเลิกเรียนกันอีก)
เห้อ ออ ... ภาระกิจล้นมือกันจริงๆบ้านนี้
เราเริ่มต้นออกเดินทางประมาณเก้าโมงครึ่ง ทำเวลาสุดๆ แต่เหมือนวันนี้อะไรๆจะไม่ค่อยสะดวก
และเป็นใจให้เราสองแม่ลูกสักเท่าไหร่ ก็รถนี่ติดยาวตลอดทางที่ไป
ด้วยเราวางแผนไว้ว่าจะเอารถไปจอดไว้ที่เขาดิน เพราะไม่ค่อยชำนาญทางกันสักเท่าไหร่
แต่พอไปถึงก็โป๊ะแตก เจอะเข้าให้กับงานรับปริญญาของเหล่าบัณฑิตจบใหม่
สุดท้ายต้องเอารถไปจอดไว้ที่สนามม้าแล้วหานั่งตุ๊กๆไปซิ่งกัน
เราพาแม่ไปเริ่มทริปด้วยการกินกันก่อนที่ร้าน โรตี มะตะบะ ท่าพระอาทิตย์
ร้านโปรด ร้านดังของใครหลายๆคน รวมทั้งเราด้วย อิอิ
ไปถึงก็ไม่ค่อยหิวกันมากเท่าไหร่ เบาๆ สั่งมาทั้งหมดนี่เลย 555
แต่ที่ขาดไม่ได้คือเมนูโปรดเราเอง “โรตี แกงเขียวหวานเนื้อ”
เหอๆ พิมพ์ไปน้ำลายจะไหลไป อยากกินอีก เอาอีก กินอีก >.<
อันนี้เพิ่งเคยลองกิน มาตั้งหลายครั้งไม่เคยได้สั่ง “โรตีพันไส้กรอก”
เอ่ออ.. อยากบอกว่ามันคือดีงามมาก อร่อยมาก ห่อกลับบ้านไปอีก
นอกนั้นก็เป็นเมนูขึ้นชื่อทั้งนั้น สั่งมาด้วยความหิวทั้งแม่ทั้งลูก
เพราะกว่าจะมาถึง รถก็ติดมากกกก หาที่จอดก็ยากสุดๆ
เหมือนมากินเพื่อมาระบายความอัดอั้นจากการที่รถติดยังไงๆก็ไม่รู้ หึหึ
ข้าวหมกไก่
ข้าวหมกเนื้อ
มะตะบะไก่
ของคาวเสร็จก็ตบท้ายด้วยของหวานเป็นอันเสร็จพิธี !
คืองานนี้อิ่มไม่อิ่มไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ แม่ซื้อกลับบ้านเพิ่มไปอีก ดีคะคุณแม่ ^^
มื้อนี้เบาๆห่อกลับบ้านด้วย เจ็ดร้อยกว่าบาท ( กินหรือสูบก็ไม่รู้เยอะเกิ้น ) 555
กินอิ่มแล้ว ก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา นั่งตุ๊กๆ กันไปต่อที่ "พระที่นั่งอนันตสมาคม"
สงวนราคาจากตอนเรียกหน้าร้านโรตีมะตะบะอยู่ที่ 100 บาท o_0! (โอ้วโนว)
ต่อด้วยสายตาอ้อนวอน เคาะราคาอยู่ที่ 80 บาท และรีบกระโดดขึ้นพร้อมออกตัวด้วยความเร็วสูง
ราวกับเป็นเล็ทตี้ในฟาสแอนเดอะฟีเรียสภาคใหม่ ที่ดอมใส่เสื้อที่ฟ้าพาซิ่งรอบกรุงเทพ
ยังดีที่พี่ดอมพาเล็ทตี้และแม่มาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ
แม่เล็ทตี้ไม่โกรธแต่ดูท่าว่าจะคุยถูกคอกับพี่ดอม ตุ๊กๆเป็นอย่างดี แม่เป็นผู้หญิงที่มนุษย์สัมพันธ์ดี
ถึงแล้ววว ว ว รีบเดินเข้าไปกับแม่เพราะข้างนอกร้อนอบอ้าวมาก
และดูท่าเหมือนว่า ฝนจะตกแหล่ไม่ตกแหล่ เดินเข้ามา เหมือนอยู่เมืองจีนยังไงยังงั้น !!!
ไม่ใช่เพราะสถานที่หรือสถาปัตยกรรมหรอกนะที่ทำให้รู้สึก
แต่เพราะคนรอบข้าง ที่เดินผ่านไปผ่านมาสองข้างทางนั้นมีแต่ชาวจีนล้วนๆ
ยังไงก็ welcome to Thailand นะคะ อิอิ

( ยิ้มหวานสองที )
หลังจากมาถึง พอเดินเข้าไปด้านใน เราก็พาแม่ไปที่จุดซื้อบัตร
บริเวณตึกสวยๆตรงข้ามทางเข้า ที่นี่ ราคาค่าเข้าจะอยู่ที่คนละ 150 บาท
แต่เรากับแม่ได้เข้าฟรี เพราะที่นี่ มีป้าย AIS อยู่ตรงเค้าเตอร์ที่จำหน่ายบัตร
แค่เรากดรหัสตามป้าย เหมือนตอนเราซื้อของตามร้านต่างๆที่มีสัญลักษณ์ของ AIS ได้เลย
ถือได้ว่า อุปสรรคจากรถติดและการหาที่จอดรถยากในวันนี้ นำมาซึ่งความโชคดี
ในการไม่เสียค่าบัตรเข้าชมที่นี่ไปละกัน
ถ้าใครมาที่นี่ก็ให้สังเกตป้ายสีเขียวๆ ของ AIS ได้เลยนะคะ
กดรหัสตามป้ายโลดเลยจ้า ^^
สิทธิ์ฟรีนี้ใช้ได้จนถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะคะ
แต่ถ้าบางคนไม่สะดวกมาช่วงเดือนนี้
AIS ยังใจดีให้สิทธิ์ส่วนลดบัตรเข้าชม 50% จนถึงสิ้นปีหน้าเลย
อันนี้แอบถามเจ้าหน้าที่มาค่ะ
เสร็จแล้วก็จะได้บัตรเข้าชม พระที่นั่งอนันตสมาคมมาตามรูป
พร้อมกุญแจ 1 อัน ไว้สำหรับเก็บข้าวของสัมภาระของเรากันคะ
เพราะที่นี่เขามีกฏระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด โดยห้ามนำกระเป๋าและสิ่งของอื่นๆ
เข้าไปในพระที่นั่งเลย ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายภาพ หรือแม้กระทั้งโทรศัพท์มือถือด้วย
( อย่าได้แอบเหน็บเข้าไปกันนะคะ เพราะเขามีเครื่องตรวจจับบริเวณทางเข้าด้วยอีกที )
หลังจากเก็บของเรียบร้อย เราก็ต้องมาที่จุดซื้อผ้าถุงสำหรับใส่เข้าด้านในกันค่ะ
เนื่องจากวันนี้เรากับแม่ใส่กางเกงขายาวกันมาทั้งคู่ ( โดยคิดว่าเรียบร้อยสุดละ)
แต่กฏระเบียบของที่นี่คือ ผู้หญิงต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามนุ่งขาสั้น และเสื้อไม่มีแขน
สตรีต้องนุ่งกระโปรงหรือผ้าซิ่นเท่านั้น!! คือต่อให้เราแต่งกายมาดี ขายาวรัดกุม
แต่เป็นผู้หญิงก็ต้องนุ่งมาซิ่นเข้าไปด้านในอยู่ดีค่ะ แต่ราคาผ้าซิ่นที่นี่ราคาน่ารักมาก
สงวนราคาอยู่ที่ผืนละ 50 บาท เท่านั้นเอง ^_^
ที่สำคัญ เอากลับบ้านไปได้เลย ไม่ต้องคืน คือดีตรงนี้ เป็นการรณรงค์ให้คน
ได้ใส่ผ้าซิ่นไทยไปในตัว ชอบมาก ก ก ก ก ใส่แล้วดูดีไปอีก (ยิ้มอ่อน )
( อันนี้หมวกก็ห้ามใส่เข้าไปด้านในนะคะ รูปนี้เราถ่ายตอนที่ออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว )
ผ้าซิ่นสวย จะเอาไว้ใส่ไปวัดกับแม่ อิอิ
เดิมที่นี่เป็นท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต ชื่อของพระที่นั่ง นำมาจากพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวัง
ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
และเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี รัฐพิธี สำคัญๆมากมาย
โดยตรงพระที่นั่งจะถูกตกแต่งด้วยหินอ่อน จุดเด่น คือ มีหลังคาโดมคลาสสิกของโรมอยู่ตรงกลาง
และมีโดมเล็กๆโดยรอบอีก 6 โดม ทั้งหมดทำขึ้นจากทองแดง
ภายในพระที่นั่ง บนเพดานโดมมีภาพเขียนเฟรสโก เขียนบนปูนเปียก ซึ่งภาพจะติดทนกว่าภาพที่เขียนบนปูนแห้ง
เกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1-6 จำนวน 6 ภาพ โดยฝีมือเขียนภาพของ
นายซี. รีโกลีและศาสตราจารย์แกลิเลโอ กินี
ที่มา : thai.tourismthailand
อยากบอกว่าด้านในสวยมาก ก ก เป็นงานฝีมือของคนไทยที่ละเอียด และสวยสุดๆ
เสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปด้านใน ทั้งสถาปัตยกรรมด้านใน เครื่องเรือน ผ้าปักต่างๆ
คือที่สุดของงานฝีมือจริงๆ อยากบอกว่าถ้าใครมีโอกาส ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมที่นี่กันนะ
มันดีมากจริงๆนะทุกคน นน นน
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากพระที่นั่ง ด้วยเวลาที่มีอันน้อยนิด
และคุณแม่อยากจะกิน มนต์นมสดเหลือเกิน ลูกจึงจัดให้
โบกตุ๊กๆไปมนนมสดกันอีก 100 บาทขาดตัว จะต่อราคาก็ต่อไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง =_=
ถึงปุ๊ปกินปั๊บ งานกินจริงๆนะคะคุณแม่
ร้านนี้เบาๆ กินได้ทั้งวันเรื่อยๆ เบาหวานกิน อิอิ
นมแก้วละ 35 บาท ขนมปังแผ่นละ 20 ราคาน่ารัก น่ากิน
ซื้อฝากป๊าฝากน้องไปอีก รักกันชวนกันเป็นเบาหวานนะคะ
จบทริปเบาๆแค่นี้พอ เพราะเวลาจำกัดเหลือเกิน
เรียกตุ๊กๆ กลับที่จอดรถอีก 60 บาท ถึงไม่ซิ่งเท่าคันแรก แต่ก็ไม่ยอมให้ใครแซงตลอดทางนะคะ
^__________^
มาถึงตอนนี้ต้องกล่าวลากันละ จริงๆกระทู้นี้อาจไม่มีอะไรมากมายหรือพิเศษไปกว่ากระทู้อื่นๆเลย
มันก็อาจจะเป็นแค่ การแชร์ไดอารี่ของคนๆนึง ที่อยากให้ทุกๆวันเป็นวันพิเศษของแม่ก็เท่านั้น
วันนี้สิ่งที่เราให้แม่ได้ อาจไม่ใช่ของที่มีค่า แต่เราเชื่อว่า รอยยิ้มของแม่วันนี้
การที่ได้เห็นแม่มีความสุข ได้กิน ได้เที่ยวอย่างที่แม่แม่ต้องการ มันคือรอยยิ้ม
และความสุขที่มีค่ามากสำหรับลูกคนนึง
อย่าลืมทำทุกวันให้เป็นวันของแม่กันนะคะ ^^
[CR] MAKE EVERY DAY MOTHER’S DAY
ก่อนอื่นเลยต้องขอกล่าวสวัสดีทุกคนก่อนเลยนะคะ
กระทู้นี้ถือเป็นกระทู้แรกๆของการเขียนกระทู้เกี่ยวกับท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้
จะว่าไปก็เหมือนเป็นการเขียนไดอารี่ของตัวเองซะมากกว่า
ด้วยอาทิตย์ที่ผ่านมา เราเชื่อว่าหลายคนหรือแทบจะทุกคน
คงได้พาแม่ไปเที่ยวกันในวันแม่แห่งชาติ บางคนก็อาจให้พวงมาลัยดอกไม้ บางคนอาจให้ของขวัญ
บ้างก็อาจจะพาไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
แต่ด้วยวัยของเราเองที่เข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว วันแม่ปีนี้เลยอดอยู่กับแม่เหมือนคนอื่นๆเขา
แต่เพราะ ... หน้าที่การงานคงจะปฏิเสธไปไม่ได้ ไม่เป็นไร “วันไหนๆก็เป็นวันแม่ได้เหมือนกัน”
ฉะนั้น วันหยุดงานหลังวันแม่ เราจึงพาแม่ไปทัวร์กรุงเทพใน 1 วันกัน เบาๆ
แบบมีเวลาจำกัด 555 ( เพราะต้องกลับมารับน้องๆที่โรงเรียนให้ทันตอนเลิกเรียนกันอีก)
เห้อ ออ ... ภาระกิจล้นมือกันจริงๆบ้านนี้
เราเริ่มต้นออกเดินทางประมาณเก้าโมงครึ่ง ทำเวลาสุดๆ แต่เหมือนวันนี้อะไรๆจะไม่ค่อยสะดวก
และเป็นใจให้เราสองแม่ลูกสักเท่าไหร่ ก็รถนี่ติดยาวตลอดทางที่ไป
ด้วยเราวางแผนไว้ว่าจะเอารถไปจอดไว้ที่เขาดิน เพราะไม่ค่อยชำนาญทางกันสักเท่าไหร่
แต่พอไปถึงก็โป๊ะแตก เจอะเข้าให้กับงานรับปริญญาของเหล่าบัณฑิตจบใหม่
สุดท้ายต้องเอารถไปจอดไว้ที่สนามม้าแล้วหานั่งตุ๊กๆไปซิ่งกัน
เราพาแม่ไปเริ่มทริปด้วยการกินกันก่อนที่ร้าน โรตี มะตะบะ ท่าพระอาทิตย์
ร้านโปรด ร้านดังของใครหลายๆคน รวมทั้งเราด้วย อิอิ
ไปถึงก็ไม่ค่อยหิวกันมากเท่าไหร่ เบาๆ สั่งมาทั้งหมดนี่เลย 555
แต่ที่ขาดไม่ได้คือเมนูโปรดเราเอง “โรตี แกงเขียวหวานเนื้อ”
เหอๆ พิมพ์ไปน้ำลายจะไหลไป อยากกินอีก เอาอีก กินอีก >.<
อันนี้เพิ่งเคยลองกิน มาตั้งหลายครั้งไม่เคยได้สั่ง “โรตีพันไส้กรอก”
เอ่ออ.. อยากบอกว่ามันคือดีงามมาก อร่อยมาก ห่อกลับบ้านไปอีก
นอกนั้นก็เป็นเมนูขึ้นชื่อทั้งนั้น สั่งมาด้วยความหิวทั้งแม่ทั้งลูก
เพราะกว่าจะมาถึง รถก็ติดมากกกก หาที่จอดก็ยากสุดๆ
เหมือนมากินเพื่อมาระบายความอัดอั้นจากการที่รถติดยังไงๆก็ไม่รู้ หึหึ
ข้าวหมกไก่
ข้าวหมกเนื้อ
มะตะบะไก่
ของคาวเสร็จก็ตบท้ายด้วยของหวานเป็นอันเสร็จพิธี !
คืองานนี้อิ่มไม่อิ่มไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ แม่ซื้อกลับบ้านเพิ่มไปอีก ดีคะคุณแม่ ^^
มื้อนี้เบาๆห่อกลับบ้านด้วย เจ็ดร้อยกว่าบาท ( กินหรือสูบก็ไม่รู้เยอะเกิ้น ) 555
กินอิ่มแล้ว ก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา นั่งตุ๊กๆ กันไปต่อที่ "พระที่นั่งอนันตสมาคม"
สงวนราคาจากตอนเรียกหน้าร้านโรตีมะตะบะอยู่ที่ 100 บาท o_0! (โอ้วโนว)
ต่อด้วยสายตาอ้อนวอน เคาะราคาอยู่ที่ 80 บาท และรีบกระโดดขึ้นพร้อมออกตัวด้วยความเร็วสูง
ราวกับเป็นเล็ทตี้ในฟาสแอนเดอะฟีเรียสภาคใหม่ ที่ดอมใส่เสื้อที่ฟ้าพาซิ่งรอบกรุงเทพ
ยังดีที่พี่ดอมพาเล็ทตี้และแม่มาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ
แม่เล็ทตี้ไม่โกรธแต่ดูท่าว่าจะคุยถูกคอกับพี่ดอม ตุ๊กๆเป็นอย่างดี แม่เป็นผู้หญิงที่มนุษย์สัมพันธ์ดี
ถึงแล้ววว ว ว รีบเดินเข้าไปกับแม่เพราะข้างนอกร้อนอบอ้าวมาก
และดูท่าเหมือนว่า ฝนจะตกแหล่ไม่ตกแหล่ เดินเข้ามา เหมือนอยู่เมืองจีนยังไงยังงั้น !!!
ไม่ใช่เพราะสถานที่หรือสถาปัตยกรรมหรอกนะที่ทำให้รู้สึก
แต่เพราะคนรอบข้าง ที่เดินผ่านไปผ่านมาสองข้างทางนั้นมีแต่ชาวจีนล้วนๆ
ยังไงก็ welcome to Thailand นะคะ อิอิ
หลังจากมาถึง พอเดินเข้าไปด้านใน เราก็พาแม่ไปที่จุดซื้อบัตร
บริเวณตึกสวยๆตรงข้ามทางเข้า ที่นี่ ราคาค่าเข้าจะอยู่ที่คนละ 150 บาท
แต่เรากับแม่ได้เข้าฟรี เพราะที่นี่ มีป้าย AIS อยู่ตรงเค้าเตอร์ที่จำหน่ายบัตร
แค่เรากดรหัสตามป้าย เหมือนตอนเราซื้อของตามร้านต่างๆที่มีสัญลักษณ์ของ AIS ได้เลย
ถือได้ว่า อุปสรรคจากรถติดและการหาที่จอดรถยากในวันนี้ นำมาซึ่งความโชคดี
ในการไม่เสียค่าบัตรเข้าชมที่นี่ไปละกัน
ถ้าใครมาที่นี่ก็ให้สังเกตป้ายสีเขียวๆ ของ AIS ได้เลยนะคะ
กดรหัสตามป้ายโลดเลยจ้า ^^
สิทธิ์ฟรีนี้ใช้ได้จนถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะคะ
แต่ถ้าบางคนไม่สะดวกมาช่วงเดือนนี้
AIS ยังใจดีให้สิทธิ์ส่วนลดบัตรเข้าชม 50% จนถึงสิ้นปีหน้าเลย
อันนี้แอบถามเจ้าหน้าที่มาค่ะ
เสร็จแล้วก็จะได้บัตรเข้าชม พระที่นั่งอนันตสมาคมมาตามรูป
พร้อมกุญแจ 1 อัน ไว้สำหรับเก็บข้าวของสัมภาระของเรากันคะ
เพราะที่นี่เขามีกฏระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด โดยห้ามนำกระเป๋าและสิ่งของอื่นๆ
เข้าไปในพระที่นั่งเลย ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายภาพ หรือแม้กระทั้งโทรศัพท์มือถือด้วย
( อย่าได้แอบเหน็บเข้าไปกันนะคะ เพราะเขามีเครื่องตรวจจับบริเวณทางเข้าด้วยอีกที )
หลังจากเก็บของเรียบร้อย เราก็ต้องมาที่จุดซื้อผ้าถุงสำหรับใส่เข้าด้านในกันค่ะ
เนื่องจากวันนี้เรากับแม่ใส่กางเกงขายาวกันมาทั้งคู่ ( โดยคิดว่าเรียบร้อยสุดละ)
แต่กฏระเบียบของที่นี่คือ ผู้หญิงต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามนุ่งขาสั้น และเสื้อไม่มีแขน
สตรีต้องนุ่งกระโปรงหรือผ้าซิ่นเท่านั้น!! คือต่อให้เราแต่งกายมาดี ขายาวรัดกุม
แต่เป็นผู้หญิงก็ต้องนุ่งมาซิ่นเข้าไปด้านในอยู่ดีค่ะ แต่ราคาผ้าซิ่นที่นี่ราคาน่ารักมาก
สงวนราคาอยู่ที่ผืนละ 50 บาท เท่านั้นเอง ^_^
ที่สำคัญ เอากลับบ้านไปได้เลย ไม่ต้องคืน คือดีตรงนี้ เป็นการรณรงค์ให้คน
ได้ใส่ผ้าซิ่นไทยไปในตัว ชอบมาก ก ก ก ก ใส่แล้วดูดีไปอีก (ยิ้มอ่อน )
( อันนี้หมวกก็ห้ามใส่เข้าไปด้านในนะคะ รูปนี้เราถ่ายตอนที่ออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว )
ผ้าซิ่นสวย จะเอาไว้ใส่ไปวัดกับแม่ อิอิ
เดิมที่นี่เป็นท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต ชื่อของพระที่นั่ง นำมาจากพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวัง
ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
และเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี รัฐพิธี สำคัญๆมากมาย
โดยตรงพระที่นั่งจะถูกตกแต่งด้วยหินอ่อน จุดเด่น คือ มีหลังคาโดมคลาสสิกของโรมอยู่ตรงกลาง
และมีโดมเล็กๆโดยรอบอีก 6 โดม ทั้งหมดทำขึ้นจากทองแดง
ภายในพระที่นั่ง บนเพดานโดมมีภาพเขียนเฟรสโก เขียนบนปูนเปียก ซึ่งภาพจะติดทนกว่าภาพที่เขียนบนปูนแห้ง
เกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1-6 จำนวน 6 ภาพ โดยฝีมือเขียนภาพของ
นายซี. รีโกลีและศาสตราจารย์แกลิเลโอ กินี
ที่มา : thai.tourismthailand
อยากบอกว่าด้านในสวยมาก ก ก เป็นงานฝีมือของคนไทยที่ละเอียด และสวยสุดๆ
เสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปด้านใน ทั้งสถาปัตยกรรมด้านใน เครื่องเรือน ผ้าปักต่างๆ
คือที่สุดของงานฝีมือจริงๆ อยากบอกว่าถ้าใครมีโอกาส ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมที่นี่กันนะ
มันดีมากจริงๆนะทุกคน นน นน
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากพระที่นั่ง ด้วยเวลาที่มีอันน้อยนิด
และคุณแม่อยากจะกิน มนต์นมสดเหลือเกิน ลูกจึงจัดให้
โบกตุ๊กๆไปมนนมสดกันอีก 100 บาทขาดตัว จะต่อราคาก็ต่อไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง =_=
ถึงปุ๊ปกินปั๊บ งานกินจริงๆนะคะคุณแม่
ร้านนี้เบาๆ กินได้ทั้งวันเรื่อยๆ เบาหวานกิน อิอิ
นมแก้วละ 35 บาท ขนมปังแผ่นละ 20 ราคาน่ารัก น่ากิน
ซื้อฝากป๊าฝากน้องไปอีก รักกันชวนกันเป็นเบาหวานนะคะ
จบทริปเบาๆแค่นี้พอ เพราะเวลาจำกัดเหลือเกิน
เรียกตุ๊กๆ กลับที่จอดรถอีก 60 บาท ถึงไม่ซิ่งเท่าคันแรก แต่ก็ไม่ยอมให้ใครแซงตลอดทางนะคะ
^__________^
มาถึงตอนนี้ต้องกล่าวลากันละ จริงๆกระทู้นี้อาจไม่มีอะไรมากมายหรือพิเศษไปกว่ากระทู้อื่นๆเลย
มันก็อาจจะเป็นแค่ การแชร์ไดอารี่ของคนๆนึง ที่อยากให้ทุกๆวันเป็นวันพิเศษของแม่ก็เท่านั้น
วันนี้สิ่งที่เราให้แม่ได้ อาจไม่ใช่ของที่มีค่า แต่เราเชื่อว่า รอยยิ้มของแม่วันนี้
การที่ได้เห็นแม่มีความสุข ได้กิน ได้เที่ยวอย่างที่แม่แม่ต้องการ มันคือรอยยิ้ม
และความสุขที่มีค่ามากสำหรับลูกคนนึง
อย่าลืมทำทุกวันให้เป็นวันของแม่กันนะคะ ^^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น