บทที่ 4
หัวอกคุณครูบาลเฮด
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ เสียงร้องคร่ำครวญในสระเงียบสงบลงไปหมดแล้ว ไม่มีสเปิร์มในสระสนใจกันและกัน รวมทั้งไม่สนใจด้วยว่าเสียงนกหวีดจะดังขึ้นมาเมื่อใด พวกเขาแค่สงสัยว่า ตัวเองจะมีชีวิตต่อไปได้อีกสักกี่อึดใจมากกว่า
คุณครูบาลเฮดเหลือบตามองไปที่ในสระน้ำอีกครั้ง คราวนี้เขารีบจ้ำพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วตรงไปที่ขอบสระทันที
ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือ เหลือสเปิร์มลอยคอกันอยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น
‘เป็นไปได้อย่างไร..!’ คุณครูบาลเฮดถามตัวเองในใจ เขาแอบมองอยู่ตลอดเวลาและภาพครั้งสุดท้ายที่มองเห็น ก็ยังคงมีสเปิร์มอยู่ไม่น้อยกว่าครึ่งสระ
‘เกิดอะไรขึ้นกับสเปิร์ม หรือ สเปิร์มรุ่นนี้เป็นรุ่นที่อ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยสอนมา หรือว่า สภาพน้ำมีความเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป แต่นั่นเป็นความผิดพลาดของฝ่ายเทคนิคไม่ใช่ตัวเรา..หรือว่า..เราจะเผลอหลับไปจริงๆ..ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็..ไม่สิ..! เป็นไปไม่ได้’
ไม่มีเวลาคิดหาคำตอบสักคำถามเดียว เพื่อช่วยเหลือชีวิตสเปิร์มที่ยังคงเหลืออยู่โดยเร็วที่สุด คุณครูบาลเฮดหยิบนกหวีดที่แขวนคอไว้ตลอดเวลาขึ้นมาเป่า..
ปรี๊ด..ด..ด..ปรี๊..ด..ด..!
เสียงนกหวีดยาวดังขึ้น และยังไม่ทันที่จะหายแว่ว นกหวีดยังคาอยู่ที่ปากแท้ๆ คุณครูบาลเฮดก็ตะลึงจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า
สระน้ำที่เกือบจะเหลือแต่ความว่างเปล่าเมื่อสักครู่ กลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใดเมื่อสเปิร์มที่จมหายไปในน้ำจำนวนนับสิบ นับร้อย นับพัน นับหมื่น นับแสน และกลายเป็นเหลือคณานับต่างผุดหัวกลมๆ ขึ้นมาจากน้ำกันอย่างพรึบพรับราวกับน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ
“เฮ่ย..อะไรกันนี่..! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” คุณครูบาลเฮดหลุดปากอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา เขายืนตัวแข็งทื่อเป็นเสาหินขณะจ้องตาเขม็งลงไปในสระน้ำ ในขณะที่สเปิร์มทั้งเพศชายและหญิงต่างพากันไต่ขึ้นจากขอบสระจนยั้วเยี้ยไปหมด
“คุณครูขา..พวกเราต้องไปที่ไหนต่อคะ” สเปิร์มไข่มุกเป็นตัวแรกที่เดินเข้ามาแล้วถามด้วยเสียงที่หวานที่สุดเท่าที่เธอเคยเอ่ยมา แต่กระนั้น ก็ยังไม่อาจปลุกคุณครูบาลเฮดให้ตื่นจากภวังค์อันชะงักงันได้ สายตาของเขายังคงแน่วนิ่งอยู่กับภาพในสระว่ายน้ำ แม้ร่างกายจะไม่ไหวติงแต่เขาก็ยังอุตส่าห์บุ้ยปากไปด้านข้างเป็นการบอกทาง
“ขอบคุณค่ะ” สเปิร์มไข่มุกมองตามไปแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะนำเพื่อนๆ เลื้อยแหวกน้ำเมือกบนพื้นเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะๆ ผ่านด้านหน้าและด้านหลังของคุณครูบาลเฮดไปยังประตูทางออกที่อยู่ห่างออกไป ที่ขอบประตูด้านบนมีป้ายเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมติดอยู่เพื่อบอกจำนวนนับ หน้าปากประตูมีราวเหล็กกั้นไว้สองด้านเพื่อบังคับให้สเปิร์มเคลื่อนผ่านออกไปทีละตัวๆ
เมื่อตัวแรกไปถึงปากประตู ประตูซึ่งเป็นบานเลื่อนก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ เมื่อสเปิร์มเคลื่อนผ่านขอบประตูไป ป้ายด้านบนก็บอกจำนวนเป็นตัวเลขสีแดงเจิดจ้าทันที
“ดูสิ..คุณครูยังยืนเหวออยู่เลย”
“ฉันเกลียดคุณครูบาลเฮดมากที่สุด”
“ฉันด้วย”
เสียงสนทนาดังมาจากกลางกลุ่มของสเปิร์มที่กำลังจะเลื้อยผ่านประตูทางออกไป คุณครูบาลเฮดได้ยินชัดเจนเต็มสองหูแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะหาตัวผู้พูดแต่อย่างใด สายตายังคงจับนิ่งอยู่ที่สเปิร์มที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าไป
“เดี๋ยว..หยุดก่อน..!”
หลังจากดักรออยู่นาน ในที่สุดคุณครูบาลเฮดก็เลื่อนตัวเข้ามาขวางทางเลื้อยของสเปิร์มปันที่กำลังเคลื่อนตัวตามเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหน้า
“ครูมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย” คุณครูบาลเฮดกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สเปิร์มข้างหน้าและข้างหลังพากันหยุดรอดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันตามไป” สเปิร์มปันเห็นแววตาของสเปิร์มพิณก็รู้ว่ากำลังเป็นกังวลจึงพยายามยิ้มกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจก็ยังนึกหวั่นอยู่ แต่สเปิร์มพิณและเพื่อนๆ สเปิร์มอีกหลายตัวยังยืนลังเลไม่ยอมเลื้อยผ่านไปโดยง่ายทำให้คุณครูบาลเฮดต้องทำหน้าตาและเสียงดุดันใส่
“มีอาหารรอพวกเธออยู่ข้างนอก รีบไปกินซะ พวกเธอต้องการมันอย่างมากก่อนการเรียนชั้นต่อไป ส่วนเพื่อนเธอตัวนี้..ครูจะไม่กักเขาไว้นานหรอก”
แม้คำกล่าวของคุณครูบาลเฮดจะทำให้สบายใจขึ้นได้บ้างแต่เพื่อนๆ ก็ยังมีสีหน้ากังวลอยู่นั่นเองก่อนจะเคลื่อนตัวจากไปอย่างช้าๆ โดยส่งสายตาเอาใจช่วยมาที่สเปิร์มปันอยู่ตลอดเวลา
คุณครูบาลเฮดดันร่างของสเปิร์มปันไปที่ริมผนังห้องเพื่อมิให้ตัวอื่นๆ ได้ยินเสียงพูดคุย
“เป็นแผนการของเธอใช่มั้ย” คุณครูบาลเฮดที่ยืนเอาตัวบังร่างของสเปิร์มปันจนมิดเริ่มต้นซักไซ้ทันที เขาปักใจเชื่อว่าสเปิร์มปันเป็นผู้วางแผนจากพฤติกรรมในสระก่อนหน้านี้
“แผนการอะไรครับ..เอ่อ..” สเปิร์มปันแสร้งทำไม่รู้ไม่เข้าใจ
คุณครูบาลเฮดขยับตัวเข้ามาอีกจนชิดร่างของสเปิร์มปันแล้วจ่อศีรษะลงมาใกล้ๆ
“อย่ามาทำไก๋..จู่ๆ สเปิร์มที่จมหายไปในน้ำแล้วจะผุดขึ้นมาได้อย่างไรจนเต็มสระ” เสียงของคุณครูบาลเฮดที่เค้นออกมาจนแหบพร่าพ่นใส่หน้าของสเปิร์มปันเต็มรัก
“นี่แสดงว่า คุณครูแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ความจริงแล้วคุณครูแอบมองพวกเราอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ”
“ครูไม่ได้ต้องการให้เธอตั้งคำถาม แต่ต้องการให้เธอตอบคำถาม” คุณครูบาลเฮดเปลี่ยนเสียงตัวเองให้ดุดันขึ้นอีกเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ
“ถ้าผมตอบคำถามแล้ว คุณครูจะทำโทษอย่างไรครับ” สเปิร์มปันยังไม่ได้ตอบคำถามเดิมแต่กลับเปลี่ยนคำถามใหม่อีก ขณะเดียวกันก็กำลังนึกอยู่ในใจว่า หากโทษทัณฑ์ในครั้งนี้หมายถึงการต้องถูกส่งไปอยู่ในห้องเก็บกวาดก็คงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามใดๆ ของคุณครูอีก สู้เลื้อยเข้าไปในห้องเก็บกวาดเองเลยดีกว่า
คุณครูบาลเฮดนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะลดท่าทีลงมาเมื่อเห็นว่า มาดที่ดุดันไม่ได้ทำให้สเปิร์มปันเกรงกลัวจนลนลานรีบตอบคำถาม การค่อยๆ ตะล่อมให้สเปิร์มปันวางใจน่าจะใช้ได้ผลกว่า
“ครูจะไม่ลงโทษใครทั้งสิ้น เมื่อทุกตัวผ่านประตูออกไปจากห้องนี้ก็หมดหน้าที่ของครูแล้ว เพียงแต่ครูยังต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น..ก็เท่านั้น” เสียงของคุณครูบาลเฮดอ่อนลงไปถนัดใจ สีหน้าและแววตาก็ดูอ่อนระโหยผิดไปเป็นคนละคน
“มีความจำเป็นที่คุณครูต้องรับผิดชอบต่อกรณีที่มีสเปิร์มรอดชีวิตออกไปจำนวนมากงั้นหรือครับ” สเปิร์มปันยังคงใช้การตั้งคำถามใหม่ให้คุณครูบาลเฮดเป็นฝ่ายตอบอยู่เช่นเดิม
คุณครูบาลเฮดพยักหน้าอย่างช้าๆ ท่าทางเป็นมิตรมากขึ้น
“นั่งลงก่อนสิ” คุณครูบาลเฮดหย่อนก้นลงนั่งแล้วชวนให้สเปิร์มปันนั่งลงที่ขอบผนังด้วยกัน สเปิร์มปันค่อยๆ หย่อนก้นลง ขณะนี้เขาไม่กลัวว่าจะถูกคุกคามแล้วแต่การสนทนากับคุณครูบาลเฮดต่างหากที่ทำให้เขากังวล
“ครูใช้เวลาอบรมเพื่อเป็นครูทั้งสิ้น 3 วัน เป็นครูมาแล้ว 5 วัน สอนมาแล้ว 19 คลาส ตอนนี้ฉันอายุได้ 15 วันแล้ว” คุณครูบาลเฮดกล่าวขณะทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าที่มีนักเรียนสเปิร์มกำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจจุดหมาย
สเปิร์มปันทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจว่า คุณครูบาลเฮดยกเรื่องส่วนตัวมาเล่าทำไม แต่ยังไม่กล้าขัด ดูเหมือนคุณครูบาลเฮดต้องการระบายความในใจให้รับฟังมากกว่าต้องการคู่สนทนา
“สเปิร์มจะมีอายุขัยอยู่ได้ประมาณ 50 วัน ซึ่งตอนนี้ครูก็เดินทางมาถึงหนึ่งในสามของชีวิตแล้ว ครูตั้งเป้าจะสอนนักเรียนให้ได้ถึง 199 คลาส ก่อนจะสิ้นลมหายใจ แต่หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในคลาสนี้ ครูก็ไม่แน่ใจอนาคตของตัวเองเสียแล้ว” เสียงของคุณครูบาลเฮดเบาลงเป็นลำดับ จนทำให้สเปิร์มปันแทบไม่ได้ยินที่เขาพูดในตอนท้าย
“หมายความว่าอย่างไรครับ โรงเรียนจะไล่คุณครูไปอยู่ที่อื่นหรือครับ” สเปิร์มปันแม้ไม่อยากให้การสนทนายืดเยื้อแต่เขายังไม่อยากให้คุณครูบาลเฮดหยุดเล่าเพียงเท่านี้
“ครูไม่รู้หรอก ขึ้นอยู่กับรายงานของครูที่คุณครูใหญ่จะพิจารณา ถ้าเขาเห็นว่าครูไร้ความสามารถปล่อยให้สเปิร์มที่ไม่มีคุณภาพผ่านออกไปในจำนวนเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด เขาก็อาจให้ครูออกไปทำหน้าที่อื่น หรือหากแย่กว่านั้น..” คุณครูบาลเฮดหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าสเปิร์มปันด้วยสายตาที่ปวดร้าวก่อนจะกล่าวต่อไป
“..เขาอาจส่งครูไปยังระบบฉีดทิ้งก่อนกำหนดก็ได้”
สเปิร์มปันได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณครูบาลเฮดขึ้นมาในทันที คิดดูแล้ว..ชะตากรรมของคุณครูบาลเฮดไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเขาเลย ..สเปิร์มทุกตัวเกิดมาก็เพื่อสู้ชีวิตโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน..ครู ต่างหนีไม่พ้นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ขณะที่นักเรียนต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดไปสู่ชั้นเรียนถัดไป คุณครูผู้นี้ก็กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้รับโอกาสในการได้สอนต่อไปเช่นกัน
“คุณครูกลัวหรือครับ” แม้จะหิวจนไส้กิ่วและอยากจบการสนทนาให้เร็วที่สุด แต่สเปิร์มปันก็สะกดความอยากรู้เอาไว้ไม่อยู่
คำถามของเขาทำให้คุณครูบาลเฮดหันมาหัวเราะเบาๆ ให้
“เปล่าเลย..ชีวิตของสเปิร์มตายเมื่อไรก็ได้ไปเกิดใหม่อยู่แล้ว ครูเห็นเด็กๆ จมน้ำตายทุกวันๆ ละเป็นแสนๆ ล้านๆ ตัวจนกลายเป็นความชาชินไปแล้ว แต่ครูเสียดายเวลาและโอกาสต่างหาก ครูตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์จึงขันอาสามาทำหน้าที่ครูผู้ฝึกสอน กะว่าจะทำสถิติสอนให้มากกว่า 99 คลาส ทำลายสถิติตลอดกาลของปรมาจารย์จิ๊กกรูที่ได้ทำเอาไว้”
“ปรมาจารย์จิ๊กกรูเหรอ..! ทำไมชื่อแปลกจัง”
“เขาเป็นต้นแบบของสเปิร์มผู้ฝึกสอนที่เก่งที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยมีมา เขาคัดเลือกสเปิร์มได้ตามจำนวนอย่างสม่ำเสมอทุกคลาส หลังจากสอนฉันเป็นคลาสสุดท้ายแล้ว เขาก็หมดอายุขัยลง โดยทำสถิติการสอนได้ถึง 99 คลาส สูงสุดเท่าที่เคยมีสเปิร์มครูฝึกมาเลยทีเดียว เมื่อกี้นี้เธอถามว่า ทำไมเขาถึงชื่อจิ๊กกรูใช่ไหม”
เมื่อคุณครูบาลเฮดหันหน้ามาถาม สเปิร์มปันก็รีบพยักหน้า เรื่องเล่าชีวิตของคุณครูบาลเฮดยิ่งฟังก็ยิ่งสนุก
“ครูก็เคยถามเขาแบบนั้นเหมือนกัน เขาตอบว่าไงรู้ไหม ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า” คุณครูบาลเฮดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขากลายเป็นสเปิร์มอารมณ์ดีขึ้นมาในฉับพลัน นานแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะอย่างสนุกสนานเช่นนี้ นับตั้งแต่อาสามาเป็นครูฝึกสอน เขาก็ต้องบอกลาเพื่อนๆ ทุกตัว และต้องหันมาฝึกฝนตัวเองให้มีความเข็มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจตามหลักสูตรการอบรมที่โรงเรียนกำหนดไว้เพื่อไม่ให้ใจอ่อนกับเสียงวิงวอนขอชีวิตของเด็กๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่ธรรมชาติวิสัยของสเปิร์มอย่างเขาเลย
“เขาตอบครูว่า ชื่อของเขามาจากเสียงหัวเราะ เพราะเขาเป็นสเปิร์มที่บ้าจี้มากๆ ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า เขาบ้าจี้ขนาดไหนรู้ไหม..ตอนเขากำลังจะอำลาชีวิต ครูกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นลูกศิษย์รุ่นสุดท้ายได้ไปเยี่ยมเขาที่ห้องดับจิตด้วย บรรยากาศในห้องตอนนั้นเศร้ามาก ครูจึงพยายามทำให้เขายิ้มด้วยการเอาหางไปจิ้มที่สะเอวโดยเขาไม่รู้ตัว”
“แบบเดียวกับที่คุณครูทำกับสเปิร์มที่ตกลงไปในน้ำ” สเปิร์มปันยังจำภาพนั้นได้เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังสเปิร์มดีดี้
“นั่นแหละ..แบบนั่นแหละ แต่ฉันจี้มไปหลายที เพราะเห็นเขาหัวเราะร่วนเชียว และผลก็คือ..” คุณครูบาลเฮดพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
“เป็นยังไงเหรอครับ” สเปิร์มปันแทบจะอดใจรอปล่อยเสียงหัวเราะบ้างไม่ไหวเลยทีเดียว
“เขาหัวเราะจนลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้น ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาแบกร่างของเขาไปเข้าระบบฉีดทิ้ง” คุณครูบาลเฮดลงท้ายด้วยเสียงกลั้วหัวเราะซึ่งทำให้สเปิร์มปันแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะเนื้อหาไม่ได้น่าสนุกดังคาด
“แล้ว..มันสนุกตรงไหนเหรอครับ”
“อ้าว..แล้วกัน ไม่ขำหรอกเหรอ..!” คุณครูบาลเฮดก็ทำหน้างงแบบเดียวกันกับที่สเปิร์มปันเป็นอยู่
“การตายในขณะที่หัวเราะอยู่เป็นการตายอย่างมีความสุขที่สุดแล้ว ไม่เคยมีสเปิร์มตัวไหนถูกส่งไปตายในขณะที่ขากรรไกรยังค้างอยู่อย่างนั้นหรอก หลังจากนั้น..คุณครูใหญ่ก็แต่งตั้งให้เขาเป็นปรมาจารย์ แล้วครูก็ได้มาเป็นผู้ฝึกสอนแทนเขา” คุณครูบาลเฮดเล่าอย่างภาคภูมิใจ
“เฮ้อ..โชคดีนะที่เราไม่ได้บ้าจี้” สเปิร์มปันพึมพำเบาๆ เขากลับรู้สึกว่านั่นเป็นการตายที่ทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านปรมาจารย์ไม่ยอมแย่งชิงไปเกิดเป็นมนุษย์เพราะเขากลัวจะเกิดเป็นมนุษย์ที่บ้าจี้ การมาเป็นเทรนเนอร์ที่ต้องโหดต้องเหี้ยมกับนักเรียนทำให้เขาไม่ต้องระแวงว่าใครจะแอบย่องมาข้างหลังแล้วเอาปลายหางมาจี้เอวของเขา แต่สุดท้าย..เขาก็หนีไม่พ้น” คุณครูบาลเฮดเล่าไปก็ยิ้มไป
**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่ 4..หัวอกคุณครูบาลเฮด**
หัวอกคุณครูบาลเฮด
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ เสียงร้องคร่ำครวญในสระเงียบสงบลงไปหมดแล้ว ไม่มีสเปิร์มในสระสนใจกันและกัน รวมทั้งไม่สนใจด้วยว่าเสียงนกหวีดจะดังขึ้นมาเมื่อใด พวกเขาแค่สงสัยว่า ตัวเองจะมีชีวิตต่อไปได้อีกสักกี่อึดใจมากกว่า
คุณครูบาลเฮดเหลือบตามองไปที่ในสระน้ำอีกครั้ง คราวนี้เขารีบจ้ำพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วตรงไปที่ขอบสระทันที
ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือ เหลือสเปิร์มลอยคอกันอยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น
‘เป็นไปได้อย่างไร..!’ คุณครูบาลเฮดถามตัวเองในใจ เขาแอบมองอยู่ตลอดเวลาและภาพครั้งสุดท้ายที่มองเห็น ก็ยังคงมีสเปิร์มอยู่ไม่น้อยกว่าครึ่งสระ
‘เกิดอะไรขึ้นกับสเปิร์ม หรือ สเปิร์มรุ่นนี้เป็นรุ่นที่อ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยสอนมา หรือว่า สภาพน้ำมีความเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป แต่นั่นเป็นความผิดพลาดของฝ่ายเทคนิคไม่ใช่ตัวเรา..หรือว่า..เราจะเผลอหลับไปจริงๆ..ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็..ไม่สิ..! เป็นไปไม่ได้’
ไม่มีเวลาคิดหาคำตอบสักคำถามเดียว เพื่อช่วยเหลือชีวิตสเปิร์มที่ยังคงเหลืออยู่โดยเร็วที่สุด คุณครูบาลเฮดหยิบนกหวีดที่แขวนคอไว้ตลอดเวลาขึ้นมาเป่า..
ปรี๊ด..ด..ด..ปรี๊..ด..ด..!
เสียงนกหวีดยาวดังขึ้น และยังไม่ทันที่จะหายแว่ว นกหวีดยังคาอยู่ที่ปากแท้ๆ คุณครูบาลเฮดก็ตะลึงจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า
สระน้ำที่เกือบจะเหลือแต่ความว่างเปล่าเมื่อสักครู่ กลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใดเมื่อสเปิร์มที่จมหายไปในน้ำจำนวนนับสิบ นับร้อย นับพัน นับหมื่น นับแสน และกลายเป็นเหลือคณานับต่างผุดหัวกลมๆ ขึ้นมาจากน้ำกันอย่างพรึบพรับราวกับน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ
“เฮ่ย..อะไรกันนี่..! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” คุณครูบาลเฮดหลุดปากอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา เขายืนตัวแข็งทื่อเป็นเสาหินขณะจ้องตาเขม็งลงไปในสระน้ำ ในขณะที่สเปิร์มทั้งเพศชายและหญิงต่างพากันไต่ขึ้นจากขอบสระจนยั้วเยี้ยไปหมด
“คุณครูขา..พวกเราต้องไปที่ไหนต่อคะ” สเปิร์มไข่มุกเป็นตัวแรกที่เดินเข้ามาแล้วถามด้วยเสียงที่หวานที่สุดเท่าที่เธอเคยเอ่ยมา แต่กระนั้น ก็ยังไม่อาจปลุกคุณครูบาลเฮดให้ตื่นจากภวังค์อันชะงักงันได้ สายตาของเขายังคงแน่วนิ่งอยู่กับภาพในสระว่ายน้ำ แม้ร่างกายจะไม่ไหวติงแต่เขาก็ยังอุตส่าห์บุ้ยปากไปด้านข้างเป็นการบอกทาง
“ขอบคุณค่ะ” สเปิร์มไข่มุกมองตามไปแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะนำเพื่อนๆ เลื้อยแหวกน้ำเมือกบนพื้นเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะๆ ผ่านด้านหน้าและด้านหลังของคุณครูบาลเฮดไปยังประตูทางออกที่อยู่ห่างออกไป ที่ขอบประตูด้านบนมีป้ายเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมติดอยู่เพื่อบอกจำนวนนับ หน้าปากประตูมีราวเหล็กกั้นไว้สองด้านเพื่อบังคับให้สเปิร์มเคลื่อนผ่านออกไปทีละตัวๆ
เมื่อตัวแรกไปถึงปากประตู ประตูซึ่งเป็นบานเลื่อนก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ เมื่อสเปิร์มเคลื่อนผ่านขอบประตูไป ป้ายด้านบนก็บอกจำนวนเป็นตัวเลขสีแดงเจิดจ้าทันที
“ดูสิ..คุณครูยังยืนเหวออยู่เลย”
“ฉันเกลียดคุณครูบาลเฮดมากที่สุด”
“ฉันด้วย”
เสียงสนทนาดังมาจากกลางกลุ่มของสเปิร์มที่กำลังจะเลื้อยผ่านประตูทางออกไป คุณครูบาลเฮดได้ยินชัดเจนเต็มสองหูแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะหาตัวผู้พูดแต่อย่างใด สายตายังคงจับนิ่งอยู่ที่สเปิร์มที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าไป
“เดี๋ยว..หยุดก่อน..!”
หลังจากดักรออยู่นาน ในที่สุดคุณครูบาลเฮดก็เลื่อนตัวเข้ามาขวางทางเลื้อยของสเปิร์มปันที่กำลังเคลื่อนตัวตามเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหน้า
“ครูมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย” คุณครูบาลเฮดกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สเปิร์มข้างหน้าและข้างหลังพากันหยุดรอดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันตามไป” สเปิร์มปันเห็นแววตาของสเปิร์มพิณก็รู้ว่ากำลังเป็นกังวลจึงพยายามยิ้มกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจก็ยังนึกหวั่นอยู่ แต่สเปิร์มพิณและเพื่อนๆ สเปิร์มอีกหลายตัวยังยืนลังเลไม่ยอมเลื้อยผ่านไปโดยง่ายทำให้คุณครูบาลเฮดต้องทำหน้าตาและเสียงดุดันใส่
“มีอาหารรอพวกเธออยู่ข้างนอก รีบไปกินซะ พวกเธอต้องการมันอย่างมากก่อนการเรียนชั้นต่อไป ส่วนเพื่อนเธอตัวนี้..ครูจะไม่กักเขาไว้นานหรอก”
แม้คำกล่าวของคุณครูบาลเฮดจะทำให้สบายใจขึ้นได้บ้างแต่เพื่อนๆ ก็ยังมีสีหน้ากังวลอยู่นั่นเองก่อนจะเคลื่อนตัวจากไปอย่างช้าๆ โดยส่งสายตาเอาใจช่วยมาที่สเปิร์มปันอยู่ตลอดเวลา
คุณครูบาลเฮดดันร่างของสเปิร์มปันไปที่ริมผนังห้องเพื่อมิให้ตัวอื่นๆ ได้ยินเสียงพูดคุย
“เป็นแผนการของเธอใช่มั้ย” คุณครูบาลเฮดที่ยืนเอาตัวบังร่างของสเปิร์มปันจนมิดเริ่มต้นซักไซ้ทันที เขาปักใจเชื่อว่าสเปิร์มปันเป็นผู้วางแผนจากพฤติกรรมในสระก่อนหน้านี้
“แผนการอะไรครับ..เอ่อ..” สเปิร์มปันแสร้งทำไม่รู้ไม่เข้าใจ
คุณครูบาลเฮดขยับตัวเข้ามาอีกจนชิดร่างของสเปิร์มปันแล้วจ่อศีรษะลงมาใกล้ๆ
“อย่ามาทำไก๋..จู่ๆ สเปิร์มที่จมหายไปในน้ำแล้วจะผุดขึ้นมาได้อย่างไรจนเต็มสระ” เสียงของคุณครูบาลเฮดที่เค้นออกมาจนแหบพร่าพ่นใส่หน้าของสเปิร์มปันเต็มรัก
“นี่แสดงว่า คุณครูแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ความจริงแล้วคุณครูแอบมองพวกเราอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ”
“ครูไม่ได้ต้องการให้เธอตั้งคำถาม แต่ต้องการให้เธอตอบคำถาม” คุณครูบาลเฮดเปลี่ยนเสียงตัวเองให้ดุดันขึ้นอีกเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ
“ถ้าผมตอบคำถามแล้ว คุณครูจะทำโทษอย่างไรครับ” สเปิร์มปันยังไม่ได้ตอบคำถามเดิมแต่กลับเปลี่ยนคำถามใหม่อีก ขณะเดียวกันก็กำลังนึกอยู่ในใจว่า หากโทษทัณฑ์ในครั้งนี้หมายถึงการต้องถูกส่งไปอยู่ในห้องเก็บกวาดก็คงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามใดๆ ของคุณครูอีก สู้เลื้อยเข้าไปในห้องเก็บกวาดเองเลยดีกว่า
คุณครูบาลเฮดนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะลดท่าทีลงมาเมื่อเห็นว่า มาดที่ดุดันไม่ได้ทำให้สเปิร์มปันเกรงกลัวจนลนลานรีบตอบคำถาม การค่อยๆ ตะล่อมให้สเปิร์มปันวางใจน่าจะใช้ได้ผลกว่า
“ครูจะไม่ลงโทษใครทั้งสิ้น เมื่อทุกตัวผ่านประตูออกไปจากห้องนี้ก็หมดหน้าที่ของครูแล้ว เพียงแต่ครูยังต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น..ก็เท่านั้น” เสียงของคุณครูบาลเฮดอ่อนลงไปถนัดใจ สีหน้าและแววตาก็ดูอ่อนระโหยผิดไปเป็นคนละคน
“มีความจำเป็นที่คุณครูต้องรับผิดชอบต่อกรณีที่มีสเปิร์มรอดชีวิตออกไปจำนวนมากงั้นหรือครับ” สเปิร์มปันยังคงใช้การตั้งคำถามใหม่ให้คุณครูบาลเฮดเป็นฝ่ายตอบอยู่เช่นเดิม
คุณครูบาลเฮดพยักหน้าอย่างช้าๆ ท่าทางเป็นมิตรมากขึ้น
“นั่งลงก่อนสิ” คุณครูบาลเฮดหย่อนก้นลงนั่งแล้วชวนให้สเปิร์มปันนั่งลงที่ขอบผนังด้วยกัน สเปิร์มปันค่อยๆ หย่อนก้นลง ขณะนี้เขาไม่กลัวว่าจะถูกคุกคามแล้วแต่การสนทนากับคุณครูบาลเฮดต่างหากที่ทำให้เขากังวล
“ครูใช้เวลาอบรมเพื่อเป็นครูทั้งสิ้น 3 วัน เป็นครูมาแล้ว 5 วัน สอนมาแล้ว 19 คลาส ตอนนี้ฉันอายุได้ 15 วันแล้ว” คุณครูบาลเฮดกล่าวขณะทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าที่มีนักเรียนสเปิร์มกำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจจุดหมาย
สเปิร์มปันทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจว่า คุณครูบาลเฮดยกเรื่องส่วนตัวมาเล่าทำไม แต่ยังไม่กล้าขัด ดูเหมือนคุณครูบาลเฮดต้องการระบายความในใจให้รับฟังมากกว่าต้องการคู่สนทนา
“สเปิร์มจะมีอายุขัยอยู่ได้ประมาณ 50 วัน ซึ่งตอนนี้ครูก็เดินทางมาถึงหนึ่งในสามของชีวิตแล้ว ครูตั้งเป้าจะสอนนักเรียนให้ได้ถึง 199 คลาส ก่อนจะสิ้นลมหายใจ แต่หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในคลาสนี้ ครูก็ไม่แน่ใจอนาคตของตัวเองเสียแล้ว” เสียงของคุณครูบาลเฮดเบาลงเป็นลำดับ จนทำให้สเปิร์มปันแทบไม่ได้ยินที่เขาพูดในตอนท้าย
“หมายความว่าอย่างไรครับ โรงเรียนจะไล่คุณครูไปอยู่ที่อื่นหรือครับ” สเปิร์มปันแม้ไม่อยากให้การสนทนายืดเยื้อแต่เขายังไม่อยากให้คุณครูบาลเฮดหยุดเล่าเพียงเท่านี้
“ครูไม่รู้หรอก ขึ้นอยู่กับรายงานของครูที่คุณครูใหญ่จะพิจารณา ถ้าเขาเห็นว่าครูไร้ความสามารถปล่อยให้สเปิร์มที่ไม่มีคุณภาพผ่านออกไปในจำนวนเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด เขาก็อาจให้ครูออกไปทำหน้าที่อื่น หรือหากแย่กว่านั้น..” คุณครูบาลเฮดหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าสเปิร์มปันด้วยสายตาที่ปวดร้าวก่อนจะกล่าวต่อไป
“..เขาอาจส่งครูไปยังระบบฉีดทิ้งก่อนกำหนดก็ได้”
สเปิร์มปันได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณครูบาลเฮดขึ้นมาในทันที คิดดูแล้ว..ชะตากรรมของคุณครูบาลเฮดไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเขาเลย ..สเปิร์มทุกตัวเกิดมาก็เพื่อสู้ชีวิตโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน..ครู ต่างหนีไม่พ้นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ขณะที่นักเรียนต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดไปสู่ชั้นเรียนถัดไป คุณครูผู้นี้ก็กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้รับโอกาสในการได้สอนต่อไปเช่นกัน
“คุณครูกลัวหรือครับ” แม้จะหิวจนไส้กิ่วและอยากจบการสนทนาให้เร็วที่สุด แต่สเปิร์มปันก็สะกดความอยากรู้เอาไว้ไม่อยู่
คำถามของเขาทำให้คุณครูบาลเฮดหันมาหัวเราะเบาๆ ให้
“เปล่าเลย..ชีวิตของสเปิร์มตายเมื่อไรก็ได้ไปเกิดใหม่อยู่แล้ว ครูเห็นเด็กๆ จมน้ำตายทุกวันๆ ละเป็นแสนๆ ล้านๆ ตัวจนกลายเป็นความชาชินไปแล้ว แต่ครูเสียดายเวลาและโอกาสต่างหาก ครูตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์จึงขันอาสามาทำหน้าที่ครูผู้ฝึกสอน กะว่าจะทำสถิติสอนให้มากกว่า 99 คลาส ทำลายสถิติตลอดกาลของปรมาจารย์จิ๊กกรูที่ได้ทำเอาไว้”
“ปรมาจารย์จิ๊กกรูเหรอ..! ทำไมชื่อแปลกจัง”
“เขาเป็นต้นแบบของสเปิร์มผู้ฝึกสอนที่เก่งที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยมีมา เขาคัดเลือกสเปิร์มได้ตามจำนวนอย่างสม่ำเสมอทุกคลาส หลังจากสอนฉันเป็นคลาสสุดท้ายแล้ว เขาก็หมดอายุขัยลง โดยทำสถิติการสอนได้ถึง 99 คลาส สูงสุดเท่าที่เคยมีสเปิร์มครูฝึกมาเลยทีเดียว เมื่อกี้นี้เธอถามว่า ทำไมเขาถึงชื่อจิ๊กกรูใช่ไหม”
เมื่อคุณครูบาลเฮดหันหน้ามาถาม สเปิร์มปันก็รีบพยักหน้า เรื่องเล่าชีวิตของคุณครูบาลเฮดยิ่งฟังก็ยิ่งสนุก
“ครูก็เคยถามเขาแบบนั้นเหมือนกัน เขาตอบว่าไงรู้ไหม ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า” คุณครูบาลเฮดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขากลายเป็นสเปิร์มอารมณ์ดีขึ้นมาในฉับพลัน นานแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะอย่างสนุกสนานเช่นนี้ นับตั้งแต่อาสามาเป็นครูฝึกสอน เขาก็ต้องบอกลาเพื่อนๆ ทุกตัว และต้องหันมาฝึกฝนตัวเองให้มีความเข็มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจตามหลักสูตรการอบรมที่โรงเรียนกำหนดไว้เพื่อไม่ให้ใจอ่อนกับเสียงวิงวอนขอชีวิตของเด็กๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่ธรรมชาติวิสัยของสเปิร์มอย่างเขาเลย
“เขาตอบครูว่า ชื่อของเขามาจากเสียงหัวเราะ เพราะเขาเป็นสเปิร์มที่บ้าจี้มากๆ ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า เขาบ้าจี้ขนาดไหนรู้ไหม..ตอนเขากำลังจะอำลาชีวิต ครูกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นลูกศิษย์รุ่นสุดท้ายได้ไปเยี่ยมเขาที่ห้องดับจิตด้วย บรรยากาศในห้องตอนนั้นเศร้ามาก ครูจึงพยายามทำให้เขายิ้มด้วยการเอาหางไปจิ้มที่สะเอวโดยเขาไม่รู้ตัว”
“แบบเดียวกับที่คุณครูทำกับสเปิร์มที่ตกลงไปในน้ำ” สเปิร์มปันยังจำภาพนั้นได้เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังสเปิร์มดีดี้
“นั่นแหละ..แบบนั่นแหละ แต่ฉันจี้มไปหลายที เพราะเห็นเขาหัวเราะร่วนเชียว และผลก็คือ..” คุณครูบาลเฮดพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
“เป็นยังไงเหรอครับ” สเปิร์มปันแทบจะอดใจรอปล่อยเสียงหัวเราะบ้างไม่ไหวเลยทีเดียว
“เขาหัวเราะจนลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้น ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาแบกร่างของเขาไปเข้าระบบฉีดทิ้ง” คุณครูบาลเฮดลงท้ายด้วยเสียงกลั้วหัวเราะซึ่งทำให้สเปิร์มปันแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะเนื้อหาไม่ได้น่าสนุกดังคาด
“แล้ว..มันสนุกตรงไหนเหรอครับ”
“อ้าว..แล้วกัน ไม่ขำหรอกเหรอ..!” คุณครูบาลเฮดก็ทำหน้างงแบบเดียวกันกับที่สเปิร์มปันเป็นอยู่
“การตายในขณะที่หัวเราะอยู่เป็นการตายอย่างมีความสุขที่สุดแล้ว ไม่เคยมีสเปิร์มตัวไหนถูกส่งไปตายในขณะที่ขากรรไกรยังค้างอยู่อย่างนั้นหรอก หลังจากนั้น..คุณครูใหญ่ก็แต่งตั้งให้เขาเป็นปรมาจารย์ แล้วครูก็ได้มาเป็นผู้ฝึกสอนแทนเขา” คุณครูบาลเฮดเล่าอย่างภาคภูมิใจ
“เฮ้อ..โชคดีนะที่เราไม่ได้บ้าจี้” สเปิร์มปันพึมพำเบาๆ เขากลับรู้สึกว่านั่นเป็นการตายที่ทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านปรมาจารย์ไม่ยอมแย่งชิงไปเกิดเป็นมนุษย์เพราะเขากลัวจะเกิดเป็นมนุษย์ที่บ้าจี้ การมาเป็นเทรนเนอร์ที่ต้องโหดต้องเหี้ยมกับนักเรียนทำให้เขาไม่ต้องระแวงว่าใครจะแอบย่องมาข้างหลังแล้วเอาปลายหางมาจี้เอวของเขา แต่สุดท้าย..เขาก็หนีไม่พ้น” คุณครูบาลเฮดเล่าไปก็ยิ้มไป