บ้านหลังนี้...ยังอบอุ่น

สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งที่ยัง อ่าน กันอยู่นะครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยมา มาช้า บางทีก็เบี้ยว แต่ก็ยังมีคนตามอ่านกันอยู่ ขอขอบคุณจริงๆครับ อย่างเมื่อวานบอกจะลงก็ไม่ได้ลงเพราะว่ากลับบ้าน วันนี้มีงานไหว้ครู เป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ เรื่องที่ผมจะเขียนรอบนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ บ้าน หลังนี้ อาจไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย แต่ก็อาจจะมีใครที่ชอบในสิ่งที่ผมเขียน ผมก็พอใจแล้วครับ

             ตัวผมเป็นคนพิษณุโลกตั้งแต่เกิดจนโตมาถึงตอนนี้ ทั้งๆที่ พ่อกับแม่ ไม่ใช่คนที่นี่เลย แม่เคยเล่าให้ฟังว่า แม่เป็นคนอุตรดิตถ์ ทำงานอยู่ที่นั่นมาตลอดตั้งแต่เรียนจบ แต่พอแต่งงานได้สักพัก ก็มีเหตุให้ต้องย้ายมาทำงานที่ พิษณุโลก ช่วงแรกๆเหมือนกับว่าจะเทียวไปเทียวกลับอยู่เป็นครั้งคราว เพราะอุตรดิตถ์ก็ไม่ได้ไกลจากพิษณุโลกเท่าไหร่ แม่บอกว่าที่นี่ไม่เคยอยู๋ในความคิดของแม่เลยว่าจะมาเรียน เพราะตอนแม่เรียนแม่ก็ไปเรียนที่เชียงใหม่ กรุงเทพฯ หลังจากแม่ย้ายมาแม่ก็มีผม ผมเกิดที่นี่จนโต ผมมีความคิดหลายต่อหลายครั้งที่อยากจะไปเรียนที่อื่น อยากไปอยู่ต่างจังหวัด อยากไปเรียนที่นั่นที่นี่ ตั้งแต่สมัยมัธยม พูดได้ว่าไม่มีความคิดจะเรียนที่นี่เลย ตอน ม.ต้น ก็อยากจะไปเรียน รร.ชาย อยากไปอยู่กับเพื่อนๆ แต่แม่ไม่อยากให้ไป ผมก็ต่อรองกับแม่ว่า ถ้าผมสอบติดต้องให้ผมไปเรียน และแม่ก็ต่อรองว่า ถ้าผมติดที่ รร.ที่อยากให้เรียนก่อน ผมต้องเรียน ผมก็รับปากแม่ไป แล้วพอวันสอบ ผมก็ไปสอบนะครับ แต่ไม่อ่านหนังสือไปก่อนเลย คืนก่อนสอบผมก้เล่นเกมส์ยันดึกดื่น ไปสอบก็หลับเป็นพักๆ วิชาไหนอยากทำก็ทำ วิชาไหนไม่อยากทำก็กาไปมั่วๆ แทบไม่อ่านโจทย์เลย เพราะไม่อยากเรียน คนละเรื่องกับวันที่ผมไปสอบ รร.ชาย ผมอ่านหนังสือ พยายามเต็มที่ ตั้งใจสอบมาก เวลาผ่านไป ผล รร.ชายออกก่อน ผมติดห้องวิทย์คณิต ผมดีใจมากไปบอกแม่ แต่แม่ก็ยังไม่ตัดสินใจบอกว่าให้รอผลอีก รร. ก่อน ซึ่งผมก็ไม่เครียดครับ ติดก็บ้าแล้ว หลับหูหลับตาทำอย่างนั้น

             จนวันที่ผลประกาศออก ผมไม่สนใจเลย เพราะมั่นใจมากว่า ไม่ติดแน่ๆ แต่ปรากฏว่า เพื่อนแม่โทรมาบอกว่า ผมติด ผมตกใจมาก ผมยังเถียงแม่อยู่เลย ว่าจะติดได้ยังไง แล้วก็เผลอหลุดปากเถียงแม่ไปว่าผมไม่ได้ตั้งใจทำนะ จะติดได้ยังไง เท่านั้นล่ะครับ งานเข้าเลย แม่ด่าชุดใหญ่ โกรธด้วย ไม่คุยกับผมไปสองสามวันพร้อมกับจัดการไปยืนยันจ่ายค่าเทอมให้ผมเรียบร้อย แล้วผมก็ได้มาเรียนที่ รร.นี้ เป็นโรงเรียนเครือมหาลัยที่นี่นั่นเอง แล้วเรื่องราวหลายๆอย่างก็ได้เริ่มขึ้นที่นี่เช่นกัน

              ช่วงจะต่อม.ปลายผมก็พยายามที่จะไปสอบที่อื่นอยากไปที่อื่น อยากไปอยู๋ตจว. แต่จนแล้วจนรอด ก็มีเหตุติดขัดไปหมดจนผมต้องต่อที่ รร.เดิม จนจบ ม.6 ช่วงม.ปลายก็พยายามไปติว อ่านหนังสือ ถึงกับลงทุนไปลงคอร์สเรียนพิเศษที่เชียงใหม่ เพราะอยากเรียนที่นั่น แต่ก็เหมือนทุกที จนแล้วจนรอด ผมก็เรียนที่นี่ที่ มน. จนวันเวลาผ่านไป พอได้รับร็เรื่องราวหลายๆอย่างมานั่งคิดตอนนี้ก็ตลกดีครับ ตอนนั้นพยายามแทบตายแต่ก็ไม่ได้ไปไหนเลย ต้องอยู๋ที่นี่ จนวันที่ได้เจอกับ ร่าง ของท่านที่ผมตามหา ก็มีคำพูดหนึ่งที่ดูธรรมดา แต่พอได้ยินแล้วน้ำตามันก็รื้นขึ้นมา ไม่ใช่เสียใจหรือน้อยใจ แต่มันเป็นความตื้นตันที่อธิบายไม่ถูก
‘จะคิดไปไหนอีก ได้อยู่ บ้าน ไม่ดีใจหรือ อยู่กับเรานี่แหละ ยังมีงานที่ต้องทำอยู่’

              ผมร็ตัวเองดีว่า ที่ผมอยู๋ที่นี่นั้นไม่ใช่หน้าที่หลัก หรือสัญญาที่ติดตัวมา แต่ตรงนี้ก็เป็นอีกสัญญาหนึ่งที่ยังไม่ลุล่วงทำให้ต้องมาทำงานรับใช้ท่าน อยู่ใกล้ๆ คอยบอกเล่า และจัดการอะไรต่างๆที่ท่านสั่ง และด้วยความที่ผมเป็น แบบนี้ ทำให้ผมได้รู้จัก ได้พูดคุย ได้พบคนมากหน้าหลายตา หลากหลายแบบ นอกจากจะได้รีบความรู้หรือมุมมองใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ เพราะคนที่เข้ามานั้นก็มีหลายระดับ ตั้งแต่เด็กๆ อายุเท่าๆกัน จนผู้ใหญ่อายุมากกว่าแม่ของผมก็มี คนใหญ่ๆโตๆก็มีบ้าง ซึ่งมันก็ทำให้ผมได้มองอะไรๆในอีกมุมนึง ได้บทเรียน หรือประสบการณ์ต่างๆโดยที่เราไม่ต้องไปประสบเอง และแน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกครั้งและทุกคนที่ผมสามารถ ช่วยพวกเขาได้ด้วยตัวเอง หลายต่อหลายครั้งที่ผมต้องอาศัย และพึ่งพิงท่านอื่นๆ บางครั้งก็เจอของแรงจนบางทีก็ไม่ไหวเหมือนกัน หรือไม่ก็พวกที่เจ้ากรรมานายเวรแรงมากๆ ผมก็จะยุ่งอะไรมากไม่ได้

              ตั้งแต่ที่ผมมาอยู๋ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีหลายคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ และทุกครั้ง ผมจะได้รับความช่วยเหลือเสมอๆ จากใครคนนึง ไม่ว่าจะเป้นเรื่องเล็กน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่ หรือหนักมากๆ บางครั้งที่ผมเจออะไรที่อันตรายจากการที่ไปช่วยเหลือเขาแล้วมัน เข้าตัว ก็ได้ใครคนนี้ช่วยเหลือไว้ทุกครั้ง ใช่ครับ สมเด็จของพวกเรา ทุกๆครั้งที่คนแถวนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิสิต บุคลากร มาถามมาขอความช่วยเหลือ ท่านจะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอๆ โดยที่ไม่ต้องขอ และก็หลายต่อหลายครั้งที่ผมมักจะแนะนำให้ ไปไหว้ท่านที่ลาน ผมก็ไม่ได้บอกไปหรอกครับว่า ท่านบอกมา เหตุผลจริงๆที่ให้ไปไหว้ก็คือ เหมือนเป็นการให้เจ้าตัวไปเอ่ยปาก ขอ เอง ท่านจะได้สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านผม เพราะการผ่านผมมันก็มีข้อจำกัดอะไรหลายๆอย่าง เรียกได้ว่า ท่านไม่เคยทอดทิ้งทุกคนเลย ถ้าใครที่เรียนที่นี่ก็คงจะรู้ดีหรือมีประสบการณ์มาบ้าง ว่าเวลาที่เราไม่สบายใจ หรือเครียด ไม่ร็ว่าทำไมเหมือนกัน เราจะชอบไปไหว้ท่าน ไปบ่นกับท่าน ไปนั่งเล่นที่ลานจนดึกจนดื่นโดยไม่ได้ร็สึกเบื่ออะไร ซ้ำยังร็สึกผ่อนคลายเสียมากกว่า มันอาจจะเป็นที่พึ่งทางใจที่ทำให้เราสบายใจ หรือไม่ว่าอะไรก็ตาม แต่ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบไปนั่งเล่นที่ลานเวลาเครียดๆ บางครั้งก็ได้พูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะได้พูดคุยกันหรือไม่ อย่างน้อยเวลานั้น ผมก็สบายใจขึ้นเยอะ
             
              หลายต่อหลายครั้งที่ท่านให้ความช่วยเหลือ อย่างกระท็แรกที่ผมเขียน อีกเรื่องเล่า..จากลูกพระนเรศ กระทู้นั้นคงเป็นการสื่อความหมายออกมาได้ดีที่สุด ว่าท่านไม่เคยทอดทิ้งเราเลยจริงๆ อีกกระท็นึงก็คงเป้นกระทู้เรื่องเล่าที่ผมเล่าถุง ลุงของผม ที่เป็นตำรวจ นั่นก็เป็นอีกเหตุการณ์ใหญ่ๆในชีวิตผม ที่ทำให้ได้สัมผัสกับความรัก ความห่วงใยที่ท่านยังคงมีให้ ประชาชนอย่างเรา บางคนก็คิดว่าผมบ้านะ แต่ผมก็ชินกับคำกล่าวหาพวกนี้แล้วล่ะ แต่ผมก็ยังยืนยันในสิ่งที่ตัวเองเลือก บนทางที่ตัวเองเดินอยู๋ ถึงมันจะมีปัญหาเยอะแยะ อะไรต่างๆที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยผมก็ตั้งใจจะ ทำงาน อยู๋ที่นี่จนกว่ามันจะลุล่วง

              ผมคิดว่าหลายๆคนคงมีคำถามในใจว่า ทำไมท่านถึงไม่จัดการกับพวกที่ ทำร้ายประเทศ พวกที่โกงชาติ ขายชาติ สร้างความแตกแยกมากมาย ผมก็เคยเป็นคนนึงที่มีคำถามนี้เช่นกัน ซึ่งก็ได้คำตอบมา ถึงจะไม่ตรงใจนัก แต่ก็เถียงไม่ออก อย่างแรกเลยคือ หลายๆคนที่ทำอยู๋นั้นเป้น ข้าแผ่นดิน หรือข้าราชการนั่นเอง ตราแผ่นดินยังคุ้มหัวพวกเขาอยู๋ เขายังอยู่ใต้บารมีของกษัตริย์ การก้าวก่ายจึงเป็นไปไม่ได้ และอีกเหตุผลนึงนั้น ลองนึกภาพถึงครอบครัวนึงนะครับ ครอบครัวที่พ่อรักลูกมาก อาจจะมากจนเกินไป มากจนไม่กล้าตีหรือลงโทษ เพราะคำคำเดียวว่า ลูกยังไงก็คือลูก เมื่ออยู๋บนแผ่นดินนี้แล้ว ก็ต้องปกป้องดูแล แม้ว่าจะไม่มีกายเนื้อ ก็ยังคงทำหน้าที่นั้นอยู่เสมอมา เวลาผ่านมานานเท่าไหร่ ท่านก็ไม่เคยทอดทิ้ง หรือลืมเลือนเรา มีเพียงแต่ เรา ที่ลืมเลือน และดูถูก นอกจากจะไม่ทำอะไรให้มันดีขึ้น ยังทะเลาะกันเอง ให้มันแย่ลงเสียอีก

              ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ เงิน มีค่ากว่าความถูกต้อง ทำไมคนเราถึงสามารถเหยียบหัวคนอื่นให้ตัวเองเดินสูงขึ้นไปได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราเลิกมองว่าแผ่นดินนี้ คือบ้าน ไม่ใช่ถุงเงินถุงทองที่เอาไว้ให้เราถลุงหาผลประโยชน์ จนแผ่นดินเริ่มตายลงไปทีละนิดๆ ใครจะเป็นอะไรช่างหัวมัน เราสบาย เป็นพอ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น... ทั้งๆที่แผ่นดินนี้ยังมีคนปกป้องดูแล ยังมีคนที่ห่วงใย และผูกพันธ์ มากจนไม่สามารถไปเกิดได้เลยก็เยอะ ทุกครั้งที่มีคนทำลาย ก็จะมีคนคอยรักษา และพยายามแก้ไข แต่ทุกวันนี้ ฝ่ายทำลายมันมากขึ้นทุกที หลายต่อหลายครั้งที่ เราถูกช่วยเหลือ เราได้รับการช่วยเหลือ ผ่านการต่อรองของใครหลายๆคน เพื่อให้โอกาส เพราะท่านทั้งหลายยังเชื่อว่า เรายังสามารถ คิด และร็สึกตัวได้ แต่ผลมันกับตรงกันข้าม นับวันมันยิ่งแย่ลง แย่ลง ลืมเลือนทุกบุญคุณของทุกชีวิต ลืมเลือนทุกเรื่องราว ลืมเลือนแม้กระทั่งคุณของแผ่นดินที่เราเหยียบอยู่ ก็แน่ล่ะครับ เราไม่เคยได้ลำบากเพื่อให้ได้มันมา เกิดมาก็มีที่อยู๋เป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปรบ ไปเสี่ยงตายแลกมันมา มันก็คงดูไม่มีค่าอะไร อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องจริงนะครับ ที่เขาว่ากันว่า ถ้าเราไม่เคยสูญเสีย เราก็จะไม่เห็นค่าของมัน แผ่นดินของไม่สูญหายไปไหน แต่อาจจะเป้นเราเองที่ สูญเสีย สิทธิ์ในการยืนอยู๋บนผืนดินแห่งนี้

              เรื่องที่ผมพูดมันอาจฟังดูไกลตัวเกินไป หรือมันอาจจะดูเพ้อเจ้อหรืออะไรก็ตาม ผมขอยกตัวอย่างที่ง่ายและชัดเจนกว่านั้นอีกสักหนึ่งเรื่อง ในวันนี้วันที่เราเป็นอยู่สุขสบาย หาที่กินที่เที่ยวไปวัน กลับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องแบกปืน ใส่ชุดร้อนๆ ใส่หมวกหนักๆ อดมมื้อกินมื้อ จะหลับก็หลับไม่สนิท ไม่รู้ว่าภัยจะมาถึงตัวเราเมื่อไหร่ คนรวยตายเป้นข่าวใหญ่โต มีพิธีใหญ่โต ทหารตายเพื่อบ้านเมือง ได้รับพื้นที่แค่ช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆบนหน้าหนังสือพิมพ์ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น นั่นก็คือ หนึ่งชีวิตเท่ากัน คนเราสูงต่ำใช่สำคัญ เกิดมาแล้วทำอะไรให้แก่สังคมบ้างนั่นสำคัญกว่า ผมเข้าใจว่า ต่างคนต่างหน้าที่ แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้เกียรติและความเท่าเทียมต่อกัน แม้เราอาจจะไม่ได้ไปถือปืนปกป้องชายแดนแบบนั้น เราก็สามารถทำอย่างอื่นอีกตั้งหลายอย่างเพื่อสร้างอะไรให้กับ บ้าน ของเราได้ เมื่อไหร่ที่คนเราจะหันมามอง บ้าน หลังนี้บ้าง เราไม่เคยคิด หรือร็สึกตัวเลยว่า มีใครหลายคนที่ยังเฝ้าดูแลเราอยู๋ในทุกๆวัน ทุกๆที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บูรพมหากษัตริย์ ทหารหาญทั้งหลาย ทหารทุกคน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู๋และจากไปแล้ว เราเคยรู้สึกบ้างไหม ว่าเราโชคดีขนาดไหน...
..........
วันนี้ขอจบตรงนี้ก่อนนะครับ พิมพ์ไปพิมพ์มาชัก งง ตัวเอง แหะๆ เรียนหนักหว่าปีที่แล้วอีกครับ แล้วก็ช่วงนี้มีหลายเรื่องราวเข้ามา ได้เห็นอะไรมากขึ้น ใครหลายๆคนที่สร้างเรื่องวุ่นวาย หลายๆอย่างกำลังดำเนินไป หลายๆอย่างก็กำลังใกล้เข้ามา มีสัญญาณเตือนจากหลายที่ หลายคน ถ้าเราเงี่ยหูฟังบ้าง ก็เป้นเรื่องที่ดีนะครับ
ฝันดีครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่