ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีมาแล้วที่ กองทัพภาคที่ 3 ได้มุ่งมั่นดำเนินโครงการสร้างฝายมาอย่างต่อเนื่องมีทั้งแผนงานริเริ่มและแผนงานภายใต้กรอบโครงการของกองทัพบก อาทิ “โครงการพลิกฟื้นผืนป่า ด้วย พระบารมี” และ “โครงการปลูกต้นไม้ สร้างฝาย ขยายคูคลอง สนองพระมหากรุณาธิคุณ” ก่อให้เกิดฝาย หลากหลายชนิด หลายประเภท และหลายขนาด
นับเนื่องจนถึงปี 2557 ได้จำนวนทั้งสิ้น 38.794 ฝาย และเฉพาะในปี 2557 ที่ผ่านมามีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 97,100 ไร่ และราษฎรได้รับประโยชน์ 11,255 ครัวเรือน อย่างน้อยก็เป็นอีกผลสัมฤทธิ์หนึ่งที่กองทัพภาคที่ 3 ได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่
โดยในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราช กุมารี วันที่ 2 เมษายน 2558 กองทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมกับ 17 จังหวัดภาคเหนือพร้อมใจกันรณรงค์ให้มีการสร้าง ฝายให้ได้อย่างน้อยจังหวัดละ 60 ฝาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝายขึ้นในพื้นที่ภาคเหนืออย่างน้อย 1,020 ฝาย นับเป็น การเฉลิมพระเกียรติด้วยกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนเป็นส่วนรวมเพื่อถวายแด่พระองค์ท่านเนื่องในโอกาสที่สำคัญยิ่งในครั้งนี้
จากความมุ่งมั่นที่ต้องการจะแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำให้แก่ราษฎรในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ซึ่งมีแม่น้ำอิง และแม่น้ำลาว ซึ่งไหลผ่าน และเลยเรื่อยไปไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่ ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย ด้วยวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีแล้ว กล่าวคือเมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ น้ำในลำน้ำก็แห้งภัย แล้งก็รุนแรงขึ้นทุกปี ราษฎรประสบความเดือดร้อน ต้องการที่พึ่งและความช่วยเหลือ
ดังนั้นกองทัพภาคที่ 3 จึงได้ นำโครงการสร้างฝายเข้าดำเนินการช่วยเหลือราษฎร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี2556 เป็นต้นมา กำหนดเป้าหมายการสร้างฝายในลุ่มน้ำอิง, ในแม่น้ำลาว และฝายเก็บน้ำสำหรับระบบประปาภูเขา รวมทั้งสิ้น 8 ฝาย ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 6 ฝาย ผลสัมฤทธิ์ที่ได้ปรากฏแล้วในขณะนี้ คือ สามารถเก็บกักน้ำในระบบน้ำชนน้ำต่อเนื่องกัน มีความยาวในลำน้ำรวมกว่า 30 กิโลเมตร คิดเป็นปริมาตรน้ำได้ราว 3 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่การเกษตรเฉพาะบริเวณ สองฝั่งลุ่มน้ำราว 30,000 ไร่ ในเขตพื้นที่ 5 ตำบลของ อ.เทิง ได้รับประโยชน์และสามารถสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจำนวน 57 ราย พื้นที่บ่อกุ้งราว 2,500 ไร่
ปัจจุบันราษฎรมีความตื่นตัว และลุกขึ้นจับมือกันเข้า แก้ปัญหาของตนอย่างที่เรียกได้ว่ามีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ บัดนี้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งได้บรรเทาลง ชีวิตความเป็นอยู่และความสุขที่เพิ่มพูนขึ้น เป็นผลสืบเนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้พระราชทานแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาแก่ราษฎร ที่กองทัพภาคที่ 3 ได้น้อมนำมาใส่เกล้าฯ เป็นแนวทางในการสนองพระราชปณิธาน ขยายผลสู่ราษฎรผู้ประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดตั้งกองอำนวยการโครงการ บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ตามแนวทางพระราชดำริ กองทัพภาคที่ 3 ขึ้นเพื่ออำนวยการกำกับดูแล และติดตามผลการดำเนินงานการสร้างฝายตามโครงการของกองทัพภาคที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ และบังเกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นต่อไป
ระบบฝายในลุ่มน้ำอิง นำร่องแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างยั่งยืน
นับเนื่องจนถึงปี 2557 ได้จำนวนทั้งสิ้น 38.794 ฝาย และเฉพาะในปี 2557 ที่ผ่านมามีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 97,100 ไร่ และราษฎรได้รับประโยชน์ 11,255 ครัวเรือน อย่างน้อยก็เป็นอีกผลสัมฤทธิ์หนึ่งที่กองทัพภาคที่ 3 ได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่
โดยในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราช กุมารี วันที่ 2 เมษายน 2558 กองทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมกับ 17 จังหวัดภาคเหนือพร้อมใจกันรณรงค์ให้มีการสร้าง ฝายให้ได้อย่างน้อยจังหวัดละ 60 ฝาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝายขึ้นในพื้นที่ภาคเหนืออย่างน้อย 1,020 ฝาย นับเป็น การเฉลิมพระเกียรติด้วยกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนเป็นส่วนรวมเพื่อถวายแด่พระองค์ท่านเนื่องในโอกาสที่สำคัญยิ่งในครั้งนี้
จากความมุ่งมั่นที่ต้องการจะแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำให้แก่ราษฎรในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ซึ่งมีแม่น้ำอิง และแม่น้ำลาว ซึ่งไหลผ่าน และเลยเรื่อยไปไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่ ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย ด้วยวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีแล้ว กล่าวคือเมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ น้ำในลำน้ำก็แห้งภัย แล้งก็รุนแรงขึ้นทุกปี ราษฎรประสบความเดือดร้อน ต้องการที่พึ่งและความช่วยเหลือ
ดังนั้นกองทัพภาคที่ 3 จึงได้ นำโครงการสร้างฝายเข้าดำเนินการช่วยเหลือราษฎร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี2556 เป็นต้นมา กำหนดเป้าหมายการสร้างฝายในลุ่มน้ำอิง, ในแม่น้ำลาว และฝายเก็บน้ำสำหรับระบบประปาภูเขา รวมทั้งสิ้น 8 ฝาย ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 6 ฝาย ผลสัมฤทธิ์ที่ได้ปรากฏแล้วในขณะนี้ คือ สามารถเก็บกักน้ำในระบบน้ำชนน้ำต่อเนื่องกัน มีความยาวในลำน้ำรวมกว่า 30 กิโลเมตร คิดเป็นปริมาตรน้ำได้ราว 3 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่การเกษตรเฉพาะบริเวณ สองฝั่งลุ่มน้ำราว 30,000 ไร่ ในเขตพื้นที่ 5 ตำบลของ อ.เทิง ได้รับประโยชน์และสามารถสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจำนวน 57 ราย พื้นที่บ่อกุ้งราว 2,500 ไร่
ปัจจุบันราษฎรมีความตื่นตัว และลุกขึ้นจับมือกันเข้า แก้ปัญหาของตนอย่างที่เรียกได้ว่ามีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ บัดนี้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งได้บรรเทาลง ชีวิตความเป็นอยู่และความสุขที่เพิ่มพูนขึ้น เป็นผลสืบเนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้พระราชทานแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาแก่ราษฎร ที่กองทัพภาคที่ 3 ได้น้อมนำมาใส่เกล้าฯ เป็นแนวทางในการสนองพระราชปณิธาน ขยายผลสู่ราษฎรผู้ประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดตั้งกองอำนวยการโครงการ บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ตามแนวทางพระราชดำริ กองทัพภาคที่ 3 ขึ้นเพื่ออำนวยการกำกับดูแล และติดตามผลการดำเนินงานการสร้างฝายตามโครงการของกองทัพภาคที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ และบังเกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นต่อไป