คือผมได้ลาออกจากงานมาช่วยที่บ้านต่อธุระกิจของครอบครัวได้ประมาณ 3 ปี แรกก็ไม่มีอะไรเรื่อยๆ หลังๆมาผมเริ่มกดดันมากเพราะ ความคิดขัดแย้งกัน ที่บ้านขายก่อสร้างและฮาร์ดแวร์ การขายก็ขายแบบเดิมๆครับ คือจำราคาทุกชิ้นไว้ที่เรา พอผมมาอยู่บ้าน ผมก็แก้ปัญหาโดยการใช้โปรแกรมPOSเข้ามาควบคุมราคาเพื่อช่วยงานขาย เพราะผมจำราคาของทุกชิ้นไม่ได้หรอก และมันช่วยบันทึกราคาทุนไว้ด้วย แต่กลับไม่ได้ใช้ เพราะผู้ใหญท่านใช้ไม่เป็น ผมใช้เป็นคนเดียว ผมก็ได้แต่เก็บข้อมูลราคาของไว้เรื่อยๆแทนการเอามาขายจริง และปัจุบันก็ยังขายแบบจำราคาทุกอย่างไว้ในหัวแบบเดิมๆอยู่ ตามใจพ่อกับแม่ แต่พอเวลาท่านขายหนะสิ สินค้าบางตัวท่านจำราคาไม่ได้ พอบอกราคาไปลูกค้าก็โวยวายว่าซื้อวันก่อนไม่ใช่ราคานี้ลูกค้าก็ขาดความเชื่อมั่น ส่วนตัวผมเองมีโปรแกรมช่วยผมแค่ดูในคอม ผมก็สบายแล้ว (ท่านใช้คอมไม่เป็นครับ ตามที่บอกไปข้างต้น)และสินค้าบางตัวหมดก็ไม่รู้ว่าหมด จนถึงเวลาลูกค้ามาซื้อถึงรู้ว่าหมด ที่ร้านลูกน้องไม่มีขายกันเอง ผม แม่ พ่อ ผมเองก็ยังไม่แต่งงาน เงินเดือนที่เคยได้ 20Kกว่าๆ ตอนทำงานกรุงเทพ ตอนนี้ไม่มีแล้วไม่ได้เก็บเลยเพราะอยู่บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ซื้อ แต่เงินเดือนไม่มี อนาคตจะรวยได้หรือมั่นคงอย่างไร(อันนี้ผมเองยังไม่รู้เหมือนกันท่านเองก็ไม่เคยถาม) ของในร้านบางตัวไปต่อไม่ได้ ตัวอย่างเช่นสี หมดลงเรื่อยๆ ถึงมีก็มีแบบเดิมๆเข้ามา เคยบอกว่าจะเอาตัวนี้มาขายและให้สีในร้านมีหลากหลายให้ลูกค้าเลือก เพราะผมเองที่เป็นคนไปซื้อของเข้าร้าน (ร้านผมอยู่บ้านนอก เลยต้องเข้าเมืองไปซื้อที่ในตัวอำเภอ เพื่อมาขายต่อ) ท่านก็ไม่เอา ให้เอาแบบเดิมๆมาขายไม่มีสีแบบใหม่ๆ ลูกค้ามาซื้อก็ไม่มี เสียลูกค้า อายตัวเองมาก ที่ใจอยากทำให้ได้ให้ดี
เคยพาท่านไปเดินดูที่ห้างใหญ่ๆ อย่างไทวัดุ โกลด์บ้อนบ้าง เพือเป็นตัวอย่างในการจัดร้านและเลือกสินค้าเข้าร้าน แต่ท่านเองก็กลัวครับ บอกแต่ว่าเงินไม่พอซื้อหรอก แต่ผมก็อธิบายนะครับว่าไม่ได้เอาแบบใหญ่เท่าเค้า แค่บอกว่าเราหาสินค้ามาให้ได้เท่าที่เราไหว ผมไม่ได้จะอยากจัดซะหรูหราอย่างเค้าสักหน่อย แค่อยากให้ดูว่าการมีชั้นวางและให้เป็นหมวดหมู่ มันมีประโยชน์อย่างไร นอกจากความสวยงามแล้ว ยังหาสินค้าง่าย สินค้าตัวไหนหมดก็รู้ เพราะตอนนี้ร้านวางของไม่ค่อยเป็นหมวดหมู่ (ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านผมก็จัดร้านไปหลายรอบแล้ว)บางตัวไม่มีที่วาง ท่านก็ต้องไปซุกไว้ พอถึงเวลาขายก็หาไม่เจอหาซะจนลูกค้าต้องช่วยหาเลยหละ
ผมสรุปเป็นข้อๆนะครับ
1.ท่านไม่ปล่อยให้ทำแบบเต็มตัว(เข้าใจว่าท่านกลัว ว่าเราจะบริหารไม่รอด แต่ผมเองก็บอกท่ทานแล้วว่าไม่ได้ต้องการจะรวมทุกอย่างไว้ที่
ผม (ผมแค่อยากให้ร้านอยู่รอดถึงรุ่นผม) เงินทุกอย่างที่ซื้อสินค้าต้องเบิกผ่านท่าน เวลาจะสั่งซื้อสินค้าก็ช้าไม่ทัน
2.ผมเองต้องคอยไปซื้อของเอง เคยบอกว่าให้สั่งกะเซลที่กรุงเทพ ท่านบอกว่าช้า ไม่เอา ผมเลยไม่ค่อยมีเวลาเฝ้าร้าน เพราะต้องคอย
ซื้อของ(ร้านผมอยู่บ้านนอก เลยต้องเข้าเมืองไปซื้อที่ในตัวอำเภอ เพื่อมาขายต่อ เรื่องราคาส่งให้ผมก็แพงเอาเรื่องอยู่)
3.สินค้าบางตัว ที่ร้านก่อสร้างต้องมี แต่เสนอไป กลับโดนท่านปฎิเสธ จากท่าน แต่พอลูกค้ามาถามท่านถึงจะสั่งซื้อ แต่ลูกค้ารอไม่ได้หรอก
พอถามเรา เราว่าไม่มีแล้ว เค้าก็ไปหาซื้อร้านอื่นทันที และเราก็สั่งมาเก้อ บางตัวยังไม่ออกเลย
4.ครอบครัวเราพยายามจะไม่กู้แบงค์นะครับ เพราะเคยกู้แล้ว ช่วงที่ผมอยู่กรุงเทพ 1 ล้านบาท ท่านก็บริหารเงินก้อนนั้น จนวันที่ผมกลับมา
เงินไม่เหลือเลย ได้มีของบ้างเช่นต่อเติมบ้าน และซ่อมแซมรถ แต่เงินหมุนในร้านไม่เหลือเลย มันเลยอาจจะเป็น เหตุผลที่ท่านต้อง
กั๊กเงิน เวลาที่ที่ผมก็ซื้อของเข้าร้าน เพราะไม่มีเงินสำรองแล้ว มีแต่เงินหมุนและหนี้เกือบล้าน ตั้งแต่กลับมาผมก็ช่วยขายและทยอย
ใช้หนี้ ตอนนี้เหลือหนี้ครึ่งล้าน.
5.ผม อายุ32 แล้ว มีแฟนแล้วแต่ยังไม่แต่งงาน แต่ผมมองว่าผมยังไม่มั่นคงสักนิดเลย เหมือนแค่นั่งขายของเฉยๆ ไม่มีชีวิตชีวาหรือตื่นเต้น
กับเงินที่เข้ามา เงินเก็บก็ไม่เยอะเลย ไม่สมกับที่คนอื่นมองว่ามีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เป็นเจ้านายตัวเอง.
นี่หละครับปัญหา(ซึ่งยังมีอีกหลายอย่าง เล่าได้ไม่หมด) ผมยอมรับว่าบางทีเคยคิดนะว่า อยากหาอาชีพอื่นทำ เช่นขายของชำ ซึ่งผม
มีโปรแกรมช่วยขายไว้แล้ว ร้านเล็กๆก็พอ เป็นหน้าร้านของเราจริงๆ จัดการบริหารเองทุกอย่าง ได้เก็บเงินเอง
ถึงแม้จะได้ผลกำไรน้อยก็ตาม แต่ทุกอย่างมันตันไปหมดเพราะผมไม่มีเงิน ที่จะต่อยอดหรือลงทุน รวมถึงแรงสนับสนุน
สุดท้าย ช่วยคิดหน่อยครับผมควรทำอย่างไรดี .. คิดไม่ออกหลายเดือนแล้วครับ
อยากถามและอยากระบาย!!หนักใจกับการสานต่องานธุระกิจของครอบครัว
เคยพาท่านไปเดินดูที่ห้างใหญ่ๆ อย่างไทวัดุ โกลด์บ้อนบ้าง เพือเป็นตัวอย่างในการจัดร้านและเลือกสินค้าเข้าร้าน แต่ท่านเองก็กลัวครับ บอกแต่ว่าเงินไม่พอซื้อหรอก แต่ผมก็อธิบายนะครับว่าไม่ได้เอาแบบใหญ่เท่าเค้า แค่บอกว่าเราหาสินค้ามาให้ได้เท่าที่เราไหว ผมไม่ได้จะอยากจัดซะหรูหราอย่างเค้าสักหน่อย แค่อยากให้ดูว่าการมีชั้นวางและให้เป็นหมวดหมู่ มันมีประโยชน์อย่างไร นอกจากความสวยงามแล้ว ยังหาสินค้าง่าย สินค้าตัวไหนหมดก็รู้ เพราะตอนนี้ร้านวางของไม่ค่อยเป็นหมวดหมู่ (ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านผมก็จัดร้านไปหลายรอบแล้ว)บางตัวไม่มีที่วาง ท่านก็ต้องไปซุกไว้ พอถึงเวลาขายก็หาไม่เจอหาซะจนลูกค้าต้องช่วยหาเลยหละ
ผมสรุปเป็นข้อๆนะครับ
1.ท่านไม่ปล่อยให้ทำแบบเต็มตัว(เข้าใจว่าท่านกลัว ว่าเราจะบริหารไม่รอด แต่ผมเองก็บอกท่ทานแล้วว่าไม่ได้ต้องการจะรวมทุกอย่างไว้ที่
ผม (ผมแค่อยากให้ร้านอยู่รอดถึงรุ่นผม) เงินทุกอย่างที่ซื้อสินค้าต้องเบิกผ่านท่าน เวลาจะสั่งซื้อสินค้าก็ช้าไม่ทัน
2.ผมเองต้องคอยไปซื้อของเอง เคยบอกว่าให้สั่งกะเซลที่กรุงเทพ ท่านบอกว่าช้า ไม่เอา ผมเลยไม่ค่อยมีเวลาเฝ้าร้าน เพราะต้องคอย
ซื้อของ(ร้านผมอยู่บ้านนอก เลยต้องเข้าเมืองไปซื้อที่ในตัวอำเภอ เพื่อมาขายต่อ เรื่องราคาส่งให้ผมก็แพงเอาเรื่องอยู่)
3.สินค้าบางตัว ที่ร้านก่อสร้างต้องมี แต่เสนอไป กลับโดนท่านปฎิเสธ จากท่าน แต่พอลูกค้ามาถามท่านถึงจะสั่งซื้อ แต่ลูกค้ารอไม่ได้หรอก
พอถามเรา เราว่าไม่มีแล้ว เค้าก็ไปหาซื้อร้านอื่นทันที และเราก็สั่งมาเก้อ บางตัวยังไม่ออกเลย
4.ครอบครัวเราพยายามจะไม่กู้แบงค์นะครับ เพราะเคยกู้แล้ว ช่วงที่ผมอยู่กรุงเทพ 1 ล้านบาท ท่านก็บริหารเงินก้อนนั้น จนวันที่ผมกลับมา
เงินไม่เหลือเลย ได้มีของบ้างเช่นต่อเติมบ้าน และซ่อมแซมรถ แต่เงินหมุนในร้านไม่เหลือเลย มันเลยอาจจะเป็น เหตุผลที่ท่านต้อง
กั๊กเงิน เวลาที่ที่ผมก็ซื้อของเข้าร้าน เพราะไม่มีเงินสำรองแล้ว มีแต่เงินหมุนและหนี้เกือบล้าน ตั้งแต่กลับมาผมก็ช่วยขายและทยอย
ใช้หนี้ ตอนนี้เหลือหนี้ครึ่งล้าน.
5.ผม อายุ32 แล้ว มีแฟนแล้วแต่ยังไม่แต่งงาน แต่ผมมองว่าผมยังไม่มั่นคงสักนิดเลย เหมือนแค่นั่งขายของเฉยๆ ไม่มีชีวิตชีวาหรือตื่นเต้น
กับเงินที่เข้ามา เงินเก็บก็ไม่เยอะเลย ไม่สมกับที่คนอื่นมองว่ามีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เป็นเจ้านายตัวเอง.
นี่หละครับปัญหา(ซึ่งยังมีอีกหลายอย่าง เล่าได้ไม่หมด) ผมยอมรับว่าบางทีเคยคิดนะว่า อยากหาอาชีพอื่นทำ เช่นขายของชำ ซึ่งผม
มีโปรแกรมช่วยขายไว้แล้ว ร้านเล็กๆก็พอ เป็นหน้าร้านของเราจริงๆ จัดการบริหารเองทุกอย่าง ได้เก็บเงินเอง
ถึงแม้จะได้ผลกำไรน้อยก็ตาม แต่ทุกอย่างมันตันไปหมดเพราะผมไม่มีเงิน ที่จะต่อยอดหรือลงทุน รวมถึงแรงสนับสนุน
สุดท้าย ช่วยคิดหน่อยครับผมควรทำอย่างไรดี .. คิดไม่ออกหลายเดือนแล้วครับ