ตอนเดิมค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทนำ - ตอนที่1 http://pantip.com/topic/34088111
ตอนที่ 2 - ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/34089767
ตอนที่ 4
ตั้งแต่ออกจากบ้านชัชชวินที่อยุธยา มุ่งหน้าสู่เขตของกรุงเทพมหานคร การเดินทางผ่านมาเกือบชั่วโมงมีแต่ความเงียบงันน่าอึดอัด
ภายในรถเอสยูวีคันใหญ่มีเพียงอาหลานต่างสายเลือด ส่วนโมกข์ และมณิกาที่ค้างด้วยกันนั้นแยกกลับไปอีกคัน
ภีมวัชช์รู้ดีว่าตัวเองทำผิดกับมาหยา หากใจลึกๆก็อดคัดค้านไม่ได้ว่าเขาไม่ได้เริ่มเรื่องนี้ขึ้นก่อน มาหยาต่างหากที่ทำให้เขาคิดเลยเถิดกับเธอ จากจูบเอาแต่ใจของเธอ จนถึงจูบอย่างเผลอไผลของเขา ภีมวัชช์สับสนกับท่าทางของหลานสาวต่างสายเลือดจนพูดอะไรไม่ออก มาหยาเองก็คงยังโกรธเขาอยู่เลยไม่ชวนเขาพูด หรือช่างจ้ออย่างทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
หากคนที่ประคองรถเอสยูวีสีขาวเหลือบมองเวลาเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว จึงยอมเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“ไหม หิวหรือเปล่า"
มาหยาช้อนตามองร่างสูงที่กำลังส่งสายตาเป็นห่วงมายังเธอ ก่อนจะส่ายหน้าตอบ
“ไม่หิวค่ะ"
“แต่อาหิว" ภีมวัชช์หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าร้านอาหารไทยข้างทาง มาหยามองตามตาโต เธอเพิ่งรู้ว่าภีมวัชช์เอาแต่ใจเป็นครั้งแรก เพราะปกติเขาจะตามใจเธอมากกว่า
ร้านอาหารที่ภีมวัชช์แวะเข้ามานั้นตั้งอยู่บนเรือใหญ่ๆหลายลำด้วยกัน มีเมนูเด็ดที่ใครๆก็ยอมเดินทางไกล เช่น กุ้งแม่น้ำเผาตัวโต รวมถึงต้มยำปลาคัง ชายหนุ่มสั่งห่อหมกมะพร้าวอ่อนมาเพิ่มอีกอย่าง โชคดีที่เขาเดินทางมาในวันธรรมดา แขกภายในร้านจึงไม่แออัดมากนัก จนมีโต๊ะริมน้ำเหลือสำหรับเธอและเขาอยู่บ้าง
มาหยาจ้องเขม็งไปยังชายตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังใช้ช้อนส้อมแกะกุ้งแม่น้ำเผาอย่างตั้งใจ อยู่ๆโทรศัพท์ของคนที่ขมักเขม้นแงะเนื้อกุ้งตัวอวบซึ่งเขาวางไว้ข้างมือก็สั่นครืดๆ มาหยามองเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของภีมวัชช์สว่างขึ้น ที่ทำให้มาหยามองอยู่นานคือภาพหน้าจอที่ชายหนุ่มตั้งไว้นั้น เป็นภาพตุ๊กตาหมีที่เธอซื้อมาฝากเขาจากญี่ปุ่น
ชายหนุ่มตักเนื้อกุ้งส่งกลิ่นหอมมาใส่จานเธอ ก่อนจะกดรับสาย
“ครับแม่เล็ก ... ผมกำลังกลับจากอยุธยาครับ งานศพของอาจารย์ชัชชวินเสร็จแล้วครับแม่ ... ผมคงไม่เข้าบ้านหรอกครับ เพราะพรุ่งนี้ผมจะเข้าออฟฟิศแต่เช้า มีประชุมน่ะครับ"
ภีมวัชช์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือ ตอบคำถามของแม่เลี้ยง ภรรยาคนที่สามของบิดาที่เป็นคนสุดท้ายที่ทนอยู่กับพ่อเขาซึ่งเจ้าชู้มาก นี่ไม่รู้เลยว่าพ่อของเขาไปซุกเมียหรือมีน้องชายให้เขาอีกกี่คน
แต่ภีมวัชช์ก็พยายามไม่สนใจ ในเมื่อบิดาเลี้ยงดู ให้การศึกษาเขาอย่างดี บิดาอาจจะเป็นผู้ชายที่แย่ ไม่ยอมหยุดหัวใจ หยุดร่างกายกับใครสักคน ภีมวัชช์มองว่าพ่อเขาน่าสงสารมากกว่า แน่นอนเขาย่อมสงสารสาวๆของพ่อมากกว่า หากสาวๆพวกนั้นก็รู้ดี เต็มใจทั้งที่รู้แก่ใจว่าบิดาเขามีภรรยาเดิมอยู่แล้ว
หากความเป็นพ่อนั้น บิดาเขาก็ไม่ทำอะไรบกพร่อง ทั้งการเลี้ยงดู ให้การศึกษา ภีมวัชช์ไม่เกลียดพ่อ แต่ภีมวัชช์สัญญากับตัวเอง และมารดาที่ทิ้งเขาไปว่าไม่ใช้ชีวิตอย่างบิดาเด็ดขาด
ชายหนุ่มตอบคำถามมากมายของแม่เลี้ยงขณะมองมาหยาตักเนื้อกุ้งเข้าปากเคี้ยงหยับๆ รอยยิ้มพอใจถูกจุดบนริมฝีปากหยักของเขา ใบหน้าที่ถ้าหากไม่มีรอยยิ้มจะดูดุดันนั้นมีแววเอ็นดูคนตรงหน้าเหลือเกิน
“แล้วผมจะโทรหาเมื่อถึงกรุงเทพฯนะครับแม่เล็ก สวัสดีครับ" ภีมวัชช์วางสาย ก่อนจะแกล้งโวยวายเมื่อกุ้งเผาสองในสามตัวถูกมาหยาจัดการเรียบ แถมตัวสุดท้ายหล่อนก็ยึดไปครองเรียบร้อยแล้ว
“นี่ จะไม่เหลือให้อาบ้างเลยเหรอ" เขาประท้วงคนตัวเล็กแต่กินจุยิ่งกว่าผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขาอีก
“ไม่ค่ะ เพราะอาภีมต้องเลี้ยงปลอบใจหนู แล้วก็ถือเป็นการลงโทษด้วย" มาหยาตักเนื้อกุ้งตัวสุดท้ายใส่ปากอย่างไม่สนใจตาวาวๆของภีมวัชช์แม้แต่น้อย
คนถามเท้าคางมอง แกล้งถาม ทำเป็นไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไรกับเธอ
“ปลอบใจน่ะได้ ... ว่าแต่ลงโทษน่ะ ลงโทษอาเรื่องอะไร"
“ก็ ... เรื่องเมื่อคืนไงคะ อาภีมฉวยโอกาสกับไหม" แก้มใสเข้มขึ้นเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น รอยจูบยังฝังแน่นในความรู้สึกอยู่เลย
“กู้ดไนท์คิสอะนะ" ภีมวัชช์พูดอย่างเป็นเรื่องปกติ หันไปกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟ สั่งกุ้งเผาเพิ่มอีกหนึ่งกิโล กลั้นยิ้มแกล้งไม่มองดวงตาสีฟ้าที่เบิกโตของหลานสาวต่างสายเลือด
“ทำไมอาพูดง่ายๆแบบนั้นล่ะคะ" มาหยาถามอย่างตกใจกับน้ำเสียงสบายๆของเขา
"ทำไมล่ะ คิดว่ามันง่ายก็ง่าย หรือไหมคิดมากกว่านั้น" ภีมวัชช์ถามพร้อมจ้องลึกในดวงตาเธอ
“หนูไม่คิดมากได้ยังไง หนูไม่คิดว่าคนเราจะจูบกันง่ายๆแบบนั้นนะคะ" มาหยามุ่นคิ้วอธิบาย
“อาก็ไม่ใช่คนจูบใครง่ายๆเหมือนกัน มีไม่กี่คนหรอกที่อาอยากทำแบบนั้นด้วย" เขายังคงไม่ยอมละสายตาไปไหน จนมาหยาต้องเป็นฝ่ายหลุบตาหนีแทน
ไม่กี่คน ... มาหยารู้ดี ก็คงเป็นแฟนเก่าของภีมวัชช์ สาวสวยคนนั้นที่เจอหน้าเมื่อไร อดีตแฟนสาวก็กอดแขนโอบเอวภีมวัชช์ไม่ยอมห่าง ก่อนที่แฟนสาวคนนั้นจะนอกใจอาภีมของเธอ ทำให้อาภีมถึงกับหนีหน้าหายไปเป็นปี
ถึงภีมวัชช์จะบอกให้ไม่คิดมาก หากสำหรับเธอแล้ว ... แม้จะบอกว่าเป็นกู้ดไนท์คิส แต่นั่นก็คือจูบแรกของเธอนะ!
“แต่อาก็ไม่อนุญาตให้ไหมยอมให้คนอื่นจูบง่ายๆนะ" เสียงทุ้มปลุกคนที่จมในความคิดให้เงยหน้ามอง
“อาไม่มีสิทธิ์" มาหยาท้วงติงอย่างเอาแต่ใจ
“มีหรือไม่มีก็ไม่สน ... อาหวงของอา ... เตือนไว้ก่อนเลยห้ามดื้อเรื่องนี้กับอาเด็ดขาด" คำพูดของภีมวัชช์ทำให้คนฟังตกใจจนแทบกลืนอาหารไม่ลง ใจก็เต้นโครมครามกับสายตาที่จ้องมองมาดุๆ เอาจริงเอาจัง
ภีมวัชช์เป็นคนหล่อ หน้าตาดี แม้จะชอบทำหน้าดุใส่คนอื่น เมื่อใดที่เขาจะสร้างบรรยากาศอบอุ่นให้คนรอบข้าง เขาก็ทำได้เสมอ แต่ถ้าเขาต้องการสิ่งใด เขาก็สามารถกดดันอีกฝ่ายได้เสมอ รวมถึงมีวิธีการที่จะได้สิ่งที่ต้องการด้วย ... อย่างไรภีมวัชช์ก็เป็นผู้บริหารหนุ่มคงเก่งผู้ประสบความสำเร็จในการบริหารงานโชควรารัตน์จนได้กำไรมากมาย จนขึ้นเป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ในวงการก่อสร้าง
ผิวหน้าหญิงสาวร้อนผ่าว จนต้องเบือนหน้าหนีไปมองแม่น้ำด้านข้างแทนหน้าคมคายของภีมวัชช์ พูดอะไรต่อไม่ออกอยู่นาน ได้แต่มองสายน้ำไหลพาให้ผักตบชวาเกาะกลุ่มลอยผ่านข้างกายเขาและเธอไปเอื่อยเฉื่อย สายลมพัดเพียงแผ่วเบาก็ส่งให้กลิ่นของกุ้งเผาหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ
ภีมวัชช์มองหญิงสาว ท่ามกลางบรรยากาศอื้ออึงวุ่นวายของเสียงผู้คนรอบๆภายในร้าอาหารแบบเปิดรับลมธรรมชาติ แต่กลับไม่สามารถรบกวนจิตใจที่ว้าวุ่นของหญิงสาวตรงหน้าเขาได้ เพราะดูจากดวงตาสีฟ้าแล้ว มาหยาคงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ภีมวัชช์ถอนหายใจเบาๆ ยอมรับความผิดที่เขาก่อไว้
“ถ้าอาทำให้ไหมตกใจ ไม่สบายใจ ... อาก็ขอโทษนะ ... อาสัญญาก็ได้จะไม่ทำแบบนั้นอีก ... ไหมยกโทษให้อาได้มั้ย"
เขาเอาใจเธอด้วยการตักกุ้งตัวใหญ่ในห่อหมกวางใส่จาน มาหยาหันมองหน้าคนถามอย่างขัดใจจริง
'สัญญาก็ได้' ... บ้าอะไร เขาควรจะต้องสัญญาจริงจัง ไม่ใช่สัญญาแบบ
'ก็ได้' ไม่ใช่หรือไงนะ
แม้มาหยาจะเห็นภีมวัชช์ส่งยิ้มกว้างให้เธอ แต่การที่เขาจูบเธอเมื่อคืน เพราะภีมวัชช์ไม่เคยมีท่าทีชู้สาวกับเธอมาก่อน ทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งโอบไหล่ ยีผม หรือหยอกกันเล่น ก็สบายใจว่าเป็นเพียงอาหลานเท่านั้น มาหยาคิดมากจนนอนไม่หลับ
กว่าจะหลับลงก็ปาไปเกือบตีสี่ พอหลับได้ มาหยายังฝันประหลาดๆอีก ฝันว่าเธอเห็น ตัวเองจูบและผลักภีมวัชช์ลงบนเตียง มาหยาตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ และทำให้เธอยิ่งไม่กล้าสบตาเขาที่กล้าฝันอะไรเกินเลยแบบนั้น
แต่มาหยาก็ยอมใจอ่อน ยอมยกโทษให้ เพราะสายตาที่เขามองเธอ รอยยิ้มละมุนละไมที่เขามี... แม้จะยังสับสน แต่ใจเธอก็อ่อนให้เขาไปเรียบร้อยแล้ว
เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่าแววตาของเขาหวานมากมายขนาดไหนยามจ้องมองเธอ ... แววตาที่เขาไม่เคยมีให้เธอมาก่อน ... กำลังก่อความรู้สึกหนึ่งในหัวใจของเธออยู่
เป็นความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง วาบหวิวในช่องท้องเมื่อสานสบกับดวงตาคมของเขา
มาหยาพยายามสะกดจังหวะเต้นแรงจากสายตาของอาหนุ่มผู้ใจดีด้วยการตักเนื้อกุ้งเผาตัวสุดท้ายในจาน ที่เธอยึดไว้วางใส่จานเขา
“อาภีม กินสิคะ" เธอพูดจบก็ก้มหน้างุด แกล้งสนใจอาหารแทนสายตาที่จับจ้องของภีมวัชช์
ชายหนุ่มสบายใจ ยิ้มกว้างเมื่อรับรู้ว่ามาหยาคงยอมให้อภัยเขาแล้ว ด้วยสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลานสาวลูกครึ่งที่เธอพยายามก้มหน้าซ่อนยิ้มนั้นไว้จนรักยิ้มบุ๋มอยู่ข้างแก้ม จึงสบายใจ พาให้เจริญอาหารมากกว่าเดิม
(มีต่อ)
เจ้าสาวเงากุหลาบ ตอนที่ 4 : โดย ปิ่นนลิน
ตอนเดิมค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ 4
ตั้งแต่ออกจากบ้านชัชชวินที่อยุธยา มุ่งหน้าสู่เขตของกรุงเทพมหานคร การเดินทางผ่านมาเกือบชั่วโมงมีแต่ความเงียบงันน่าอึดอัด
ภายในรถเอสยูวีคันใหญ่มีเพียงอาหลานต่างสายเลือด ส่วนโมกข์ และมณิกาที่ค้างด้วยกันนั้นแยกกลับไปอีกคัน
ภีมวัชช์รู้ดีว่าตัวเองทำผิดกับมาหยา หากใจลึกๆก็อดคัดค้านไม่ได้ว่าเขาไม่ได้เริ่มเรื่องนี้ขึ้นก่อน มาหยาต่างหากที่ทำให้เขาคิดเลยเถิดกับเธอ จากจูบเอาแต่ใจของเธอ จนถึงจูบอย่างเผลอไผลของเขา ภีมวัชช์สับสนกับท่าทางของหลานสาวต่างสายเลือดจนพูดอะไรไม่ออก มาหยาเองก็คงยังโกรธเขาอยู่เลยไม่ชวนเขาพูด หรือช่างจ้ออย่างทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
หากคนที่ประคองรถเอสยูวีสีขาวเหลือบมองเวลาเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว จึงยอมเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“ไหม หิวหรือเปล่า"
มาหยาช้อนตามองร่างสูงที่กำลังส่งสายตาเป็นห่วงมายังเธอ ก่อนจะส่ายหน้าตอบ
“ไม่หิวค่ะ"
“แต่อาหิว" ภีมวัชช์หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าร้านอาหารไทยข้างทาง มาหยามองตามตาโต เธอเพิ่งรู้ว่าภีมวัชช์เอาแต่ใจเป็นครั้งแรก เพราะปกติเขาจะตามใจเธอมากกว่า
ร้านอาหารที่ภีมวัชช์แวะเข้ามานั้นตั้งอยู่บนเรือใหญ่ๆหลายลำด้วยกัน มีเมนูเด็ดที่ใครๆก็ยอมเดินทางไกล เช่น กุ้งแม่น้ำเผาตัวโต รวมถึงต้มยำปลาคัง ชายหนุ่มสั่งห่อหมกมะพร้าวอ่อนมาเพิ่มอีกอย่าง โชคดีที่เขาเดินทางมาในวันธรรมดา แขกภายในร้านจึงไม่แออัดมากนัก จนมีโต๊ะริมน้ำเหลือสำหรับเธอและเขาอยู่บ้าง
มาหยาจ้องเขม็งไปยังชายตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังใช้ช้อนส้อมแกะกุ้งแม่น้ำเผาอย่างตั้งใจ อยู่ๆโทรศัพท์ของคนที่ขมักเขม้นแงะเนื้อกุ้งตัวอวบซึ่งเขาวางไว้ข้างมือก็สั่นครืดๆ มาหยามองเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของภีมวัชช์สว่างขึ้น ที่ทำให้มาหยามองอยู่นานคือภาพหน้าจอที่ชายหนุ่มตั้งไว้นั้น เป็นภาพตุ๊กตาหมีที่เธอซื้อมาฝากเขาจากญี่ปุ่น
ชายหนุ่มตักเนื้อกุ้งส่งกลิ่นหอมมาใส่จานเธอ ก่อนจะกดรับสาย
“ครับแม่เล็ก ... ผมกำลังกลับจากอยุธยาครับ งานศพของอาจารย์ชัชชวินเสร็จแล้วครับแม่ ... ผมคงไม่เข้าบ้านหรอกครับ เพราะพรุ่งนี้ผมจะเข้าออฟฟิศแต่เช้า มีประชุมน่ะครับ"
ภีมวัชช์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือ ตอบคำถามของแม่เลี้ยง ภรรยาคนที่สามของบิดาที่เป็นคนสุดท้ายที่ทนอยู่กับพ่อเขาซึ่งเจ้าชู้มาก นี่ไม่รู้เลยว่าพ่อของเขาไปซุกเมียหรือมีน้องชายให้เขาอีกกี่คน
แต่ภีมวัชช์ก็พยายามไม่สนใจ ในเมื่อบิดาเลี้ยงดู ให้การศึกษาเขาอย่างดี บิดาอาจจะเป็นผู้ชายที่แย่ ไม่ยอมหยุดหัวใจ หยุดร่างกายกับใครสักคน ภีมวัชช์มองว่าพ่อเขาน่าสงสารมากกว่า แน่นอนเขาย่อมสงสารสาวๆของพ่อมากกว่า หากสาวๆพวกนั้นก็รู้ดี เต็มใจทั้งที่รู้แก่ใจว่าบิดาเขามีภรรยาเดิมอยู่แล้ว
หากความเป็นพ่อนั้น บิดาเขาก็ไม่ทำอะไรบกพร่อง ทั้งการเลี้ยงดู ให้การศึกษา ภีมวัชช์ไม่เกลียดพ่อ แต่ภีมวัชช์สัญญากับตัวเอง และมารดาที่ทิ้งเขาไปว่าไม่ใช้ชีวิตอย่างบิดาเด็ดขาด
ชายหนุ่มตอบคำถามมากมายของแม่เลี้ยงขณะมองมาหยาตักเนื้อกุ้งเข้าปากเคี้ยงหยับๆ รอยยิ้มพอใจถูกจุดบนริมฝีปากหยักของเขา ใบหน้าที่ถ้าหากไม่มีรอยยิ้มจะดูดุดันนั้นมีแววเอ็นดูคนตรงหน้าเหลือเกิน
“แล้วผมจะโทรหาเมื่อถึงกรุงเทพฯนะครับแม่เล็ก สวัสดีครับ" ภีมวัชช์วางสาย ก่อนจะแกล้งโวยวายเมื่อกุ้งเผาสองในสามตัวถูกมาหยาจัดการเรียบ แถมตัวสุดท้ายหล่อนก็ยึดไปครองเรียบร้อยแล้ว
“นี่ จะไม่เหลือให้อาบ้างเลยเหรอ" เขาประท้วงคนตัวเล็กแต่กินจุยิ่งกว่าผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขาอีก
“ไม่ค่ะ เพราะอาภีมต้องเลี้ยงปลอบใจหนู แล้วก็ถือเป็นการลงโทษด้วย" มาหยาตักเนื้อกุ้งตัวสุดท้ายใส่ปากอย่างไม่สนใจตาวาวๆของภีมวัชช์แม้แต่น้อย
คนถามเท้าคางมอง แกล้งถาม ทำเป็นไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไรกับเธอ
“ปลอบใจน่ะได้ ... ว่าแต่ลงโทษน่ะ ลงโทษอาเรื่องอะไร"
“ก็ ... เรื่องเมื่อคืนไงคะ อาภีมฉวยโอกาสกับไหม" แก้มใสเข้มขึ้นเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น รอยจูบยังฝังแน่นในความรู้สึกอยู่เลย
“กู้ดไนท์คิสอะนะ" ภีมวัชช์พูดอย่างเป็นเรื่องปกติ หันไปกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟ สั่งกุ้งเผาเพิ่มอีกหนึ่งกิโล กลั้นยิ้มแกล้งไม่มองดวงตาสีฟ้าที่เบิกโตของหลานสาวต่างสายเลือด
“ทำไมอาพูดง่ายๆแบบนั้นล่ะคะ" มาหยาถามอย่างตกใจกับน้ำเสียงสบายๆของเขา
"ทำไมล่ะ คิดว่ามันง่ายก็ง่าย หรือไหมคิดมากกว่านั้น" ภีมวัชช์ถามพร้อมจ้องลึกในดวงตาเธอ
“หนูไม่คิดมากได้ยังไง หนูไม่คิดว่าคนเราจะจูบกันง่ายๆแบบนั้นนะคะ" มาหยามุ่นคิ้วอธิบาย
“อาก็ไม่ใช่คนจูบใครง่ายๆเหมือนกัน มีไม่กี่คนหรอกที่อาอยากทำแบบนั้นด้วย" เขายังคงไม่ยอมละสายตาไปไหน จนมาหยาต้องเป็นฝ่ายหลุบตาหนีแทน
ไม่กี่คน ... มาหยารู้ดี ก็คงเป็นแฟนเก่าของภีมวัชช์ สาวสวยคนนั้นที่เจอหน้าเมื่อไร อดีตแฟนสาวก็กอดแขนโอบเอวภีมวัชช์ไม่ยอมห่าง ก่อนที่แฟนสาวคนนั้นจะนอกใจอาภีมของเธอ ทำให้อาภีมถึงกับหนีหน้าหายไปเป็นปี
ถึงภีมวัชช์จะบอกให้ไม่คิดมาก หากสำหรับเธอแล้ว ... แม้จะบอกว่าเป็นกู้ดไนท์คิส แต่นั่นก็คือจูบแรกของเธอนะ!
“แต่อาก็ไม่อนุญาตให้ไหมยอมให้คนอื่นจูบง่ายๆนะ" เสียงทุ้มปลุกคนที่จมในความคิดให้เงยหน้ามอง
“อาไม่มีสิทธิ์" มาหยาท้วงติงอย่างเอาแต่ใจ
“มีหรือไม่มีก็ไม่สน ... อาหวงของอา ... เตือนไว้ก่อนเลยห้ามดื้อเรื่องนี้กับอาเด็ดขาด" คำพูดของภีมวัชช์ทำให้คนฟังตกใจจนแทบกลืนอาหารไม่ลง ใจก็เต้นโครมครามกับสายตาที่จ้องมองมาดุๆ เอาจริงเอาจัง
ภีมวัชช์เป็นคนหล่อ หน้าตาดี แม้จะชอบทำหน้าดุใส่คนอื่น เมื่อใดที่เขาจะสร้างบรรยากาศอบอุ่นให้คนรอบข้าง เขาก็ทำได้เสมอ แต่ถ้าเขาต้องการสิ่งใด เขาก็สามารถกดดันอีกฝ่ายได้เสมอ รวมถึงมีวิธีการที่จะได้สิ่งที่ต้องการด้วย ... อย่างไรภีมวัชช์ก็เป็นผู้บริหารหนุ่มคงเก่งผู้ประสบความสำเร็จในการบริหารงานโชควรารัตน์จนได้กำไรมากมาย จนขึ้นเป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ในวงการก่อสร้าง
ผิวหน้าหญิงสาวร้อนผ่าว จนต้องเบือนหน้าหนีไปมองแม่น้ำด้านข้างแทนหน้าคมคายของภีมวัชช์ พูดอะไรต่อไม่ออกอยู่นาน ได้แต่มองสายน้ำไหลพาให้ผักตบชวาเกาะกลุ่มลอยผ่านข้างกายเขาและเธอไปเอื่อยเฉื่อย สายลมพัดเพียงแผ่วเบาก็ส่งให้กลิ่นของกุ้งเผาหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ
ภีมวัชช์มองหญิงสาว ท่ามกลางบรรยากาศอื้ออึงวุ่นวายของเสียงผู้คนรอบๆภายในร้าอาหารแบบเปิดรับลมธรรมชาติ แต่กลับไม่สามารถรบกวนจิตใจที่ว้าวุ่นของหญิงสาวตรงหน้าเขาได้ เพราะดูจากดวงตาสีฟ้าแล้ว มาหยาคงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ภีมวัชช์ถอนหายใจเบาๆ ยอมรับความผิดที่เขาก่อไว้
“ถ้าอาทำให้ไหมตกใจ ไม่สบายใจ ... อาก็ขอโทษนะ ... อาสัญญาก็ได้จะไม่ทำแบบนั้นอีก ... ไหมยกโทษให้อาได้มั้ย"
เขาเอาใจเธอด้วยการตักกุ้งตัวใหญ่ในห่อหมกวางใส่จาน มาหยาหันมองหน้าคนถามอย่างขัดใจจริง
'สัญญาก็ได้' ... บ้าอะไร เขาควรจะต้องสัญญาจริงจัง ไม่ใช่สัญญาแบบ 'ก็ได้' ไม่ใช่หรือไงนะ
แม้มาหยาจะเห็นภีมวัชช์ส่งยิ้มกว้างให้เธอ แต่การที่เขาจูบเธอเมื่อคืน เพราะภีมวัชช์ไม่เคยมีท่าทีชู้สาวกับเธอมาก่อน ทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งโอบไหล่ ยีผม หรือหยอกกันเล่น ก็สบายใจว่าเป็นเพียงอาหลานเท่านั้น มาหยาคิดมากจนนอนไม่หลับ
กว่าจะหลับลงก็ปาไปเกือบตีสี่ พอหลับได้ มาหยายังฝันประหลาดๆอีก ฝันว่าเธอเห็น ตัวเองจูบและผลักภีมวัชช์ลงบนเตียง มาหยาตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ และทำให้เธอยิ่งไม่กล้าสบตาเขาที่กล้าฝันอะไรเกินเลยแบบนั้น
แต่มาหยาก็ยอมใจอ่อน ยอมยกโทษให้ เพราะสายตาที่เขามองเธอ รอยยิ้มละมุนละไมที่เขามี... แม้จะยังสับสน แต่ใจเธอก็อ่อนให้เขาไปเรียบร้อยแล้ว
เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่าแววตาของเขาหวานมากมายขนาดไหนยามจ้องมองเธอ ... แววตาที่เขาไม่เคยมีให้เธอมาก่อน ... กำลังก่อความรู้สึกหนึ่งในหัวใจของเธออยู่
เป็นความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง วาบหวิวในช่องท้องเมื่อสานสบกับดวงตาคมของเขา
มาหยาพยายามสะกดจังหวะเต้นแรงจากสายตาของอาหนุ่มผู้ใจดีด้วยการตักเนื้อกุ้งเผาตัวสุดท้ายในจาน ที่เธอยึดไว้วางใส่จานเขา
“อาภีม กินสิคะ" เธอพูดจบก็ก้มหน้างุด แกล้งสนใจอาหารแทนสายตาที่จับจ้องของภีมวัชช์
ชายหนุ่มสบายใจ ยิ้มกว้างเมื่อรับรู้ว่ามาหยาคงยอมให้อภัยเขาแล้ว ด้วยสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลานสาวลูกครึ่งที่เธอพยายามก้มหน้าซ่อนยิ้มนั้นไว้จนรักยิ้มบุ๋มอยู่ข้างแก้ม จึงสบายใจ พาให้เจริญอาหารมากกว่าเดิม
(มีต่อ)