สวัสดีค่ะ ฉันชื่อปิ่น เรื่องมันเกิดขึ้นหลายปีแล้ว จนมาถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยลืมเขาได้เลย
เมื่อสมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ ม.ปลาย หลังเลิกเรียนขอวันหนึ่ง ฉันต้องกลับบ้านตามลำพัง เพราะพ่อเพิ่งโทรมาบอกว่าติดประชุม ส่วนแม่ก็ไปเยี่ยมยายที่โรงพยาบาล ทำให้ฉันต้องกลับบ้านเอง
ฉันนั่งรถประจำทางมาลงที่ปากซอย แล้วเดินเข้ามาในซอยของหมู่บ้าน ระหว่างทางมีแก๊งค์มอไซต์ที่กำลังจะมีเรื่องกับฉัน ตอนนั้น ฉันตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก แต่ดีที่ เพียว เพื่อนข้างบ้านที่ฉันไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำ เพียวกับเพื่อนๆเข้ามาช่วยฉันไว้ เขาพาฉันมาส่งที่บ้าน ในวันนั้นเขาอาสามาอยู่เป็นเพื่อนจนเกือบสองทุ่ม จนแม่จะกลับมาถึงบ้าน เขาจึงขอตัวกลับ จากเรื่องราวครั้งนั้น ทำให้ครอบครัวฉันและเพียว สนิทกันมากขึ้น
จนในที่สุดฉันและเพียวได้เข้าเรียนมหาลัย ฉันได้ขึ้นรถไปเรียนกับเพียวทุกวัน ตอนนั้น ฉันยอมรับว่า ฉันแอบชอบเขา เพราะเพียวเป็นผู้ชายที่หล่อ นิสัยดี แถมเป็นนักกีฬาของมหาลัยด้วย คงไม่แปลกอะไร ที่จะมีสาวๆแอบชอบและคลั่งใคร่เขามาก คงพูดได้ว่าเขามี FC เยอะเลยก็ว่าได้ และดูเหมือนพวกเธออาจจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันนัก คงเป็นเพราะฉันได้นั่งรถไปกลับ กับเพียวทุกวัน แต่ถึงแม้จะเหมือนมีเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกพิเศษอะไรเลย คงเป็นเพราะในสายตาของเพียวฉันเป็นได้แค่น้องสาว ฉันเรียนทำอาหาร หลังเลิกเรียนฉันจะเอาขนมที่ทำไปให้เขาที่สนามกีฬา เขาบอกว่าฉันทำขนมอร่อย รู้อะไรไหม แค่คำพูด ในวันนั้น ที่เขาชมมา มันทำให้หัวใจฉันพองโต โลกทั้งโลกมันสดใสขึ้นมาทันที
แต่ยิ่งนานวัน ความรู้สึกของฉันมันยิ่งมากขึ้น ฉันรู้สึกน้อยใจทุกครั้ง ที่มีคนมารุมล้อมเขา มาคอยดูแลแทคแคร์เขาตลอด แฟนคลับที่ดูเหมือนจะมากขึ้นซื้อของโน่นนี้นั่นมาให้เขา รวมถึงขนมที่มักจะล้นท้ายรถแทบทุกวัน ฉันทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากมองดูอย่างเศร้าๆ มันเหมือนกับว่าถูกแย่งสิ่งสำคัญไป ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าความรู้สึกเห็นแก่ตัวแบบนี้มันเกิดขึ้นมาตอนไหน ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ฉันเตือนใจตัวเอง ว่า อย่างคิดไปไกลกว่า สิ่งที่เป็นอยู่ เพราะสุดท้ายที่สุดแล้ว มันจะทำให้ฉันเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือ ห่างออกมาจากเขาซะ ฉันตัดสินใจเพื่อไม่ให้หัวใจของตัวเองถล้ำลึกไปมากกว่า ฉันต้องออกมาจากเขาให้ได้ แล้วจากนั้นมา ฉันก็พยายามจะไม่ไปหาเขา
จนเย็นวันนึง ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน เพียวขับรถไปที่สระน้ำข้างหมู่บ้าน เขาเดินลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้ฉันลงเช่นเดียวกัน ตอนนั้นฉันสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองหน้าฉันแล้วถามถึงเรื่องราวที่ทำให้ฉันต้องหลบหน้าเขา เขาโทษตัวเองที่ทำให้ฉันไม่พอใจ ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาบอกว่า ถ้าเขาทำให้ฉันไม่พอใจมาก จนต้องตีตัวออกห่างมากขนาดนี้ เขาจะไม่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก ตอนนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะจากไป ฉันจึงสารภาพกับเขา ว่า ฉันชอบเขา และฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ คือ เขาบอกว่า “งั้นเราคบกันไหม” จากวันนั้นมา เขาคบกับฉันเป็นแฟนอย่างเปิดเผย เพื่อนๆทุกคนรับรู้ ในตอนนั้น ฉันคิดว่า ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ที่ได้แฟนดีๆแบบเพียว เขาเป็นคนพูดเก่ง เอาใจเก่ง ฉันได้เห็นเขาในอีกหลายๆมุมจากการที่เราได้เป็นแฟนกัน
ต่อมาหลังเรียนจบ เพียวได้ทำงานบริษัทอยู่ 1 ปี ก่อนที่ฉันจะจบออกมาเหมือนกัน ฉันได้เปิดร้านของตัวเองร้านเบเกอร์รี่ส่วนตัว ที่มีเพียวคอยเป็นคนชิมอาหารทุกอย่างให้ หลังเลิกงานเขาจะมาวุ่นอยู่ในครัวกับฉันเสมอๆ ช่วงเวลาของการคบกันกับเพียว มันทำให้ฉันมีความสุขมากๆ แต่แล้วความสุขมันไม่คงทนถาวรตลอด หลังจากที่ฉันเปิดร้านได้เพียงแค่ 1 ปี เพียวมาบอกกับฉันว่าเขาจะไปเรียน ป.โท ต่อที่ต่างประเทศ 2 ปี ฉันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้น ฉันได้แต่ร้องไห้ และขอร้องว่า “ไม่ไปได้ไหม” เขายิ้มให้กับฉันแล้วบอกว่า “แค่ 2 ปีเอง ปิ่นรอพี่น่ะ พี่สัญญาว่าจะกลับมาให้ปิ่น” ฉันยังจำคำพูดในวันนั้นของเขาได้ทุกถ้อยคำ และฉันเองก็สัญญากับเขา ว่า ฉันจะรอ
ตลอดเวลากับการรอคอย มันช่างดูเหมือนนานแสนนานซะเหลือเกิน ฉันติดต่อกับเขาทางเฟสบุ๊ค ช่วง 5 เดือนแรก แล้วจู่เฟสก็นิ่งเงียบไป ฉันโทรถามเขา เขาบอกว่า เฟสถูกบล็อก และบวกกับเขาต้องเรียนหนักมาก เลยไม่ค่อยมีเวลาเล่นอะไรเลย หลังๆมา ฉันโทรไปแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ฉันคิดมาเสมอว่าเขาคงจะเรียนหนัก จนไม่ค่อยมีเวลาติดต่อกลับ ฉันส่งเมลล์ไปหาเขาตลอด หวังว่า ถ้าหากเขามีเวลา คงจะได้เปิดมันอ่านบ้าง ถึงแม้ว่า 1 ปีให้หลังมานี้ เขาจะไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย แต่ฉันก็ยังคงรอคอยเขาอย่างมีความหวัง ว่า สักวันที่เขากลับมา เราคงจะได้มีความสุขเหมือนเดิมอีกครั้ง
แล้ววันนั้นมันก็มาถึง ฉันได้ไปรอรับเพียวที่สนามบินกับพ่อและแม่ของเพียว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น ฉันเห็นเพียวเดินมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเดินควงแขนเพียวมาอย่างหน้าชื่นตาบาน เพียวยกมือไหว้พ่อและแม่ ก่อนจะแนะนำให้รู้จักกับผู้หญิงที่เขาพามาในฐานะแฟน ฉันแทบช็อค..! ในเวลานั้นสายตาของเขาไม่มีฉันอยู่เลย เขาไม่เห็นฉันด้วยซ้ำไป ช่วงเวลานั้น...ฉันทนดูภาพบาดตาต่อไปไม่ไหวจริงๆ ฉันตัดสินใจวิ่งออกมาจากสนามบิน...แล้วรีบนั่งรถแท็กซี่ออกมา น้ำตามันไหลรินอย่างกลั้นไม่อยู่....ทุกสิ่งที่รอคอย..ทุกสิ่งที่หวังไว้ ตอนนี้..มันถูกพัดพาไปจนเลือนราง ฉันอยากหนี้ไปให้ไกล..ไกลจากความรู้สึก...ทรมานแบบนี้ซะเหลือเกิน ในตอนนั้น..ฉันไม่อยากกลับบ้าน เพราะรู้ว่า ถ้ากลับไปต้องเห็นภาพของเขาที่กำลังมีความสุขกับแฟนสาวคนใหม่ของเขาเป็นแน่...! ฉันเหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง...มันพังลงอย่างไม่มีชิ้นดี การรอคอยที่แสนยาวนาน...กับความหวังลมๆแล้งของฉัน....ที่เป็นคนยึดมั่นมาเพียงฝ่ายเดียวว่า...เราจะกลับมาหากัน มันเป็นได้แค่ภาพลวงตา มันเจ็บปวดเกินจะบรรยายจริงๆ
เกือบเดือนที่ฉันออกมาจากบ้าน มาอยู่ต่างจังหวัด ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน วันแรกที่มาถึงห้องนอน เหมือนชะตากรรมชั่งกลั่นแกล้งซะเหลือเกิน ขณะที่ฉันยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนอน.มองตรงไปก็เห็นห้องของเพียว ฉันเห็นแฟนสาวของเพียวกำลังยืนชมวิวอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องของเขา ก่อนที่เพียวจะเดินเข้ามาสวมกอดเธอตามประสาคนรักที่คุ้นเคยกัน ในตอนนั้น น้ำตาของฉัน..มันไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และตั้งแต่นั้นมา..ฉันก็ไม่ไปยืนที่หน้าต่างห้องนอนอีกเลย ฉันพยายามตัดใจจากเขา....ไม่คิด..ไม่สนใจเรื่องของเขาอีก ฉันพยายามทำตัวเหมือนเป็นปกติทุกอย่าง...เพื่อให้พ่อและแม่สบายใจ
เช้าวันหนึ่งฉันออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งและได้เจอกับเพียวที่สวนสาธารณะ นั้นครั้งแรก...ที่เขาได้เจอกับฉันอย่างจังๆ สายตาเขาที่มองมาเหมือนคนที่กำลังลังเลว่าจะเข้ามาทักหรือไม่ทักดี แต่สำหรับฉันแล้ว..ฉันรู้ตัวว่า...คงสู้ทนมองดูหน้าเขาได้ไม่แน่ จึงพยายามวิ่งผ่านไปเหมือนไม่เห็นเขา แต่...เขาพยายามวิ่งตามฉันมาติดๆ เหมือนต้องการจะพูดอะไรบ้างอย่างด้วย แต่...ให้ตายสิ...ในตอนนั้นฉันอยากจะร้องไห้..ฉันยังทำใจไม่ได้จริงๆ ทุกครั้งที่ได้เจอเขา ยังฝืนทนเห็นเขาไม่ได้จริงๆ บ่อน้ำตามันล้นเอ่อนองทุกที ฉันเร่งฝีเท้าก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว เขาได้แต่มองดูฉันอยู่ที่หน้าบ้าน
แต่...ในที่สุด ฉันคงหนีเขาแบบนี้ไปตลอด..ไม่ได้ เพราะครอบครัวของเพียวมาขอพบฉัน และอยากขอโทษแทนเพียวด้วยที่ทำให้ฉันต้องเสียใจ ครอบครัวของเพียวมาขอโทษ...พ่อกับแม่ของฉันด้วย พวกเขาเองก็ไม่อยากให้เราทั้งสองครอบครัวตัดขาดกัน เพราะทั้งสองครอบครัวรู้จักกันมานานแล้ว ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ดีเสมอมา และอยากจะรักษาไมตรีแบบนี้ตลอดไป ครอบครัวของเพียว....ให้เพียวมาตกลงทำความเข้าใจกับฉันสองต่อสอง โดยที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็จะตกลงกันเช่นกัน
เพียว : ปิ่น....เอ่อ....พี่ขอโทษ.....เอ่อ....พี่ไม่คิดว่าปิ่นจะรอพี่จริงๆ / คำพูดของเขาที่เอ่ยขึ้น..ในวินาทีนั้น มันทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ ฉันรีบหันหลังหนีเขาทันที เขาเองก็คงรู้ว่าฉันเสียใจมากเช่นกัน / เอ่อ.....พี่...ขอโทษจริงๆนะ พี่....พี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้ปิ่นหายโกรธ จะให้พี่ทำไง ปิ่นถึงจะให้อภัยพี่ พี่ยอมทำทุกอย่างเลยนะ
ปิ่น : แน่ใจเหรอ...? ว่าจะทำได้
เพียว : ได้สิ.....! ปิ่นจะให้พี่ทำอะไร พี่ทำได้ทุกอย่าง...!
ปิ่น : งั้น...ช่วยย้อนเวลากลับไปได้ไหม.....! / ฉันหันกลับมาพูดทั้งน้ำตา / “ย้อนเวลากลับไป แล้วก็ลบคำสัญญาหลอกลวงนั้นออก..อ..อ....” / ฉันพูดเสียงสั่นออกมาพร้อมทั้งน้ำตาที่รินไหลอย่างหยุดไม่อยู่ / “สัญญาที่มันเป็นได้แค่เพียง.....ลมปาก ด้วยเกียรติงั้นเหรอ.....น่าขำสิ้นดี....!” / เขามองดูฉันอย่างอาวอน / “แค่คำพูดลอยๆของคนๆนึง มันทำให้ฉันต้องเฝ้ารอมาตลอด...รออย่างมีความหวัง...ว่า ถ้าวันนั้นมันมาถึง เราคงจะมีความสุขด้วยกัน”
เพียว : พี่....
ปิ่น : แต่ทุกอย่าง....มันเป็นแค่ฝัน...! ฝันลมๆแล้งๆของอีบ้าคนนึงเท่านั้นเอง...! / น้ำเสียงของฉันสั่น...จนหวน น้ำตาที่ไหลเหมือนสายน้ำไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ / “คำสัญญา...มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม...? ”
เพียว : พี่....พี่ไม่คิดว่า ปิ่นจะให้ความจริงจังกับมันมากขนาดนั้น
ปิ่น : ฉันไม่อยากเจอหน้านายอีก...ต่อไป...! อย่าเจอกันอีกเลย...!
เพียว : ปิ่น...เรายังเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่ได้นิ่...... หรือเป็น เพื่อนก็ได้....!
ปิ่น : ถ้าเราต้องเจอกัน...ก็คิดซะว่า..ไม่รู้จัก กลับไปเถอะ...! ฉันอยากอยู่คนเดียว / ฉันร้องจนเสียงสะอื้นขึ้นเล็กน้อย เขาเองก็รู้ว่า....ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรในตอนนี้..ฉันคงไม่ฟัง....!
เพียว : ขอโทษนะ..! / คำพูดเดียวที่เขาเอ่ยทิ้งท้ายไว ก่อนจะเดินจากไป
และจากวันนั้น เขาได้แต่มองดูฉันอยู่ห่างๆ ฉันเองก็ไม่กล้าที่จะมองเขาอีก เพราะกลัวว่าจะทำใจไม่ได้ ถึงแม้ว่า...มันจะผ่านมา 4 ปีแล้ว แต่ฉันกับเขาก็ไม่เคยพูดคุยกันอีกเลย...! ตั้งแต่ครั้งนั้น ถ้ามองย้อนกลับไปดูเหมือนเวลามันไวเหลือเกิน ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเลิกกับแฟนสาวของเขาแล้ว เขาก็ไม่คบใครอีกเลย....เหมือนรอคอยอะไรบ้างอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่า..สิ่งที่เขารอคอย...มันจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ฉันรอคอยเหมือนกันมั้ย
สัญญาของคน2คน อีกคนทำตาม อีกคนไม่ทำตาม คนที่เจ็บคือใคร..?
เมื่อสมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ ม.ปลาย หลังเลิกเรียนขอวันหนึ่ง ฉันต้องกลับบ้านตามลำพัง เพราะพ่อเพิ่งโทรมาบอกว่าติดประชุม ส่วนแม่ก็ไปเยี่ยมยายที่โรงพยาบาล ทำให้ฉันต้องกลับบ้านเอง
ฉันนั่งรถประจำทางมาลงที่ปากซอย แล้วเดินเข้ามาในซอยของหมู่บ้าน ระหว่างทางมีแก๊งค์มอไซต์ที่กำลังจะมีเรื่องกับฉัน ตอนนั้น ฉันตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก แต่ดีที่ เพียว เพื่อนข้างบ้านที่ฉันไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำ เพียวกับเพื่อนๆเข้ามาช่วยฉันไว้ เขาพาฉันมาส่งที่บ้าน ในวันนั้นเขาอาสามาอยู่เป็นเพื่อนจนเกือบสองทุ่ม จนแม่จะกลับมาถึงบ้าน เขาจึงขอตัวกลับ จากเรื่องราวครั้งนั้น ทำให้ครอบครัวฉันและเพียว สนิทกันมากขึ้น
จนในที่สุดฉันและเพียวได้เข้าเรียนมหาลัย ฉันได้ขึ้นรถไปเรียนกับเพียวทุกวัน ตอนนั้น ฉันยอมรับว่า ฉันแอบชอบเขา เพราะเพียวเป็นผู้ชายที่หล่อ นิสัยดี แถมเป็นนักกีฬาของมหาลัยด้วย คงไม่แปลกอะไร ที่จะมีสาวๆแอบชอบและคลั่งใคร่เขามาก คงพูดได้ว่าเขามี FC เยอะเลยก็ว่าได้ และดูเหมือนพวกเธออาจจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันนัก คงเป็นเพราะฉันได้นั่งรถไปกลับ กับเพียวทุกวัน แต่ถึงแม้จะเหมือนมีเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกพิเศษอะไรเลย คงเป็นเพราะในสายตาของเพียวฉันเป็นได้แค่น้องสาว ฉันเรียนทำอาหาร หลังเลิกเรียนฉันจะเอาขนมที่ทำไปให้เขาที่สนามกีฬา เขาบอกว่าฉันทำขนมอร่อย รู้อะไรไหม แค่คำพูด ในวันนั้น ที่เขาชมมา มันทำให้หัวใจฉันพองโต โลกทั้งโลกมันสดใสขึ้นมาทันที
แต่ยิ่งนานวัน ความรู้สึกของฉันมันยิ่งมากขึ้น ฉันรู้สึกน้อยใจทุกครั้ง ที่มีคนมารุมล้อมเขา มาคอยดูแลแทคแคร์เขาตลอด แฟนคลับที่ดูเหมือนจะมากขึ้นซื้อของโน่นนี้นั่นมาให้เขา รวมถึงขนมที่มักจะล้นท้ายรถแทบทุกวัน ฉันทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากมองดูอย่างเศร้าๆ มันเหมือนกับว่าถูกแย่งสิ่งสำคัญไป ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าความรู้สึกเห็นแก่ตัวแบบนี้มันเกิดขึ้นมาตอนไหน ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ฉันเตือนใจตัวเอง ว่า อย่างคิดไปไกลกว่า สิ่งที่เป็นอยู่ เพราะสุดท้ายที่สุดแล้ว มันจะทำให้ฉันเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือ ห่างออกมาจากเขาซะ ฉันตัดสินใจเพื่อไม่ให้หัวใจของตัวเองถล้ำลึกไปมากกว่า ฉันต้องออกมาจากเขาให้ได้ แล้วจากนั้นมา ฉันก็พยายามจะไม่ไปหาเขา
จนเย็นวันนึง ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน เพียวขับรถไปที่สระน้ำข้างหมู่บ้าน เขาเดินลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้ฉันลงเช่นเดียวกัน ตอนนั้นฉันสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองหน้าฉันแล้วถามถึงเรื่องราวที่ทำให้ฉันต้องหลบหน้าเขา เขาโทษตัวเองที่ทำให้ฉันไม่พอใจ ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาบอกว่า ถ้าเขาทำให้ฉันไม่พอใจมาก จนต้องตีตัวออกห่างมากขนาดนี้ เขาจะไม่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก ตอนนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะจากไป ฉันจึงสารภาพกับเขา ว่า ฉันชอบเขา และฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ คือ เขาบอกว่า “งั้นเราคบกันไหม” จากวันนั้นมา เขาคบกับฉันเป็นแฟนอย่างเปิดเผย เพื่อนๆทุกคนรับรู้ ในตอนนั้น ฉันคิดว่า ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ที่ได้แฟนดีๆแบบเพียว เขาเป็นคนพูดเก่ง เอาใจเก่ง ฉันได้เห็นเขาในอีกหลายๆมุมจากการที่เราได้เป็นแฟนกัน
ต่อมาหลังเรียนจบ เพียวได้ทำงานบริษัทอยู่ 1 ปี ก่อนที่ฉันจะจบออกมาเหมือนกัน ฉันได้เปิดร้านของตัวเองร้านเบเกอร์รี่ส่วนตัว ที่มีเพียวคอยเป็นคนชิมอาหารทุกอย่างให้ หลังเลิกงานเขาจะมาวุ่นอยู่ในครัวกับฉันเสมอๆ ช่วงเวลาของการคบกันกับเพียว มันทำให้ฉันมีความสุขมากๆ แต่แล้วความสุขมันไม่คงทนถาวรตลอด หลังจากที่ฉันเปิดร้านได้เพียงแค่ 1 ปี เพียวมาบอกกับฉันว่าเขาจะไปเรียน ป.โท ต่อที่ต่างประเทศ 2 ปี ฉันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้น ฉันได้แต่ร้องไห้ และขอร้องว่า “ไม่ไปได้ไหม” เขายิ้มให้กับฉันแล้วบอกว่า “แค่ 2 ปีเอง ปิ่นรอพี่น่ะ พี่สัญญาว่าจะกลับมาให้ปิ่น” ฉันยังจำคำพูดในวันนั้นของเขาได้ทุกถ้อยคำ และฉันเองก็สัญญากับเขา ว่า ฉันจะรอ
ตลอดเวลากับการรอคอย มันช่างดูเหมือนนานแสนนานซะเหลือเกิน ฉันติดต่อกับเขาทางเฟสบุ๊ค ช่วง 5 เดือนแรก แล้วจู่เฟสก็นิ่งเงียบไป ฉันโทรถามเขา เขาบอกว่า เฟสถูกบล็อก และบวกกับเขาต้องเรียนหนักมาก เลยไม่ค่อยมีเวลาเล่นอะไรเลย หลังๆมา ฉันโทรไปแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ฉันคิดมาเสมอว่าเขาคงจะเรียนหนัก จนไม่ค่อยมีเวลาติดต่อกลับ ฉันส่งเมลล์ไปหาเขาตลอด หวังว่า ถ้าหากเขามีเวลา คงจะได้เปิดมันอ่านบ้าง ถึงแม้ว่า 1 ปีให้หลังมานี้ เขาจะไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย แต่ฉันก็ยังคงรอคอยเขาอย่างมีความหวัง ว่า สักวันที่เขากลับมา เราคงจะได้มีความสุขเหมือนเดิมอีกครั้ง
แล้ววันนั้นมันก็มาถึง ฉันได้ไปรอรับเพียวที่สนามบินกับพ่อและแม่ของเพียว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น ฉันเห็นเพียวเดินมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเดินควงแขนเพียวมาอย่างหน้าชื่นตาบาน เพียวยกมือไหว้พ่อและแม่ ก่อนจะแนะนำให้รู้จักกับผู้หญิงที่เขาพามาในฐานะแฟน ฉันแทบช็อค..! ในเวลานั้นสายตาของเขาไม่มีฉันอยู่เลย เขาไม่เห็นฉันด้วยซ้ำไป ช่วงเวลานั้น...ฉันทนดูภาพบาดตาต่อไปไม่ไหวจริงๆ ฉันตัดสินใจวิ่งออกมาจากสนามบิน...แล้วรีบนั่งรถแท็กซี่ออกมา น้ำตามันไหลรินอย่างกลั้นไม่อยู่....ทุกสิ่งที่รอคอย..ทุกสิ่งที่หวังไว้ ตอนนี้..มันถูกพัดพาไปจนเลือนราง ฉันอยากหนี้ไปให้ไกล..ไกลจากความรู้สึก...ทรมานแบบนี้ซะเหลือเกิน ในตอนนั้น..ฉันไม่อยากกลับบ้าน เพราะรู้ว่า ถ้ากลับไปต้องเห็นภาพของเขาที่กำลังมีความสุขกับแฟนสาวคนใหม่ของเขาเป็นแน่...! ฉันเหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง...มันพังลงอย่างไม่มีชิ้นดี การรอคอยที่แสนยาวนาน...กับความหวังลมๆแล้งของฉัน....ที่เป็นคนยึดมั่นมาเพียงฝ่ายเดียวว่า...เราจะกลับมาหากัน มันเป็นได้แค่ภาพลวงตา มันเจ็บปวดเกินจะบรรยายจริงๆ
เกือบเดือนที่ฉันออกมาจากบ้าน มาอยู่ต่างจังหวัด ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน วันแรกที่มาถึงห้องนอน เหมือนชะตากรรมชั่งกลั่นแกล้งซะเหลือเกิน ขณะที่ฉันยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนอน.มองตรงไปก็เห็นห้องของเพียว ฉันเห็นแฟนสาวของเพียวกำลังยืนชมวิวอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องของเขา ก่อนที่เพียวจะเดินเข้ามาสวมกอดเธอตามประสาคนรักที่คุ้นเคยกัน ในตอนนั้น น้ำตาของฉัน..มันไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และตั้งแต่นั้นมา..ฉันก็ไม่ไปยืนที่หน้าต่างห้องนอนอีกเลย ฉันพยายามตัดใจจากเขา....ไม่คิด..ไม่สนใจเรื่องของเขาอีก ฉันพยายามทำตัวเหมือนเป็นปกติทุกอย่าง...เพื่อให้พ่อและแม่สบายใจ
เช้าวันหนึ่งฉันออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งและได้เจอกับเพียวที่สวนสาธารณะ นั้นครั้งแรก...ที่เขาได้เจอกับฉันอย่างจังๆ สายตาเขาที่มองมาเหมือนคนที่กำลังลังเลว่าจะเข้ามาทักหรือไม่ทักดี แต่สำหรับฉันแล้ว..ฉันรู้ตัวว่า...คงสู้ทนมองดูหน้าเขาได้ไม่แน่ จึงพยายามวิ่งผ่านไปเหมือนไม่เห็นเขา แต่...เขาพยายามวิ่งตามฉันมาติดๆ เหมือนต้องการจะพูดอะไรบ้างอย่างด้วย แต่...ให้ตายสิ...ในตอนนั้นฉันอยากจะร้องไห้..ฉันยังทำใจไม่ได้จริงๆ ทุกครั้งที่ได้เจอเขา ยังฝืนทนเห็นเขาไม่ได้จริงๆ บ่อน้ำตามันล้นเอ่อนองทุกที ฉันเร่งฝีเท้าก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว เขาได้แต่มองดูฉันอยู่ที่หน้าบ้าน
แต่...ในที่สุด ฉันคงหนีเขาแบบนี้ไปตลอด..ไม่ได้ เพราะครอบครัวของเพียวมาขอพบฉัน และอยากขอโทษแทนเพียวด้วยที่ทำให้ฉันต้องเสียใจ ครอบครัวของเพียวมาขอโทษ...พ่อกับแม่ของฉันด้วย พวกเขาเองก็ไม่อยากให้เราทั้งสองครอบครัวตัดขาดกัน เพราะทั้งสองครอบครัวรู้จักกันมานานแล้ว ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ดีเสมอมา และอยากจะรักษาไมตรีแบบนี้ตลอดไป ครอบครัวของเพียว....ให้เพียวมาตกลงทำความเข้าใจกับฉันสองต่อสอง โดยที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็จะตกลงกันเช่นกัน
เพียว : ปิ่น....เอ่อ....พี่ขอโทษ.....เอ่อ....พี่ไม่คิดว่าปิ่นจะรอพี่จริงๆ / คำพูดของเขาที่เอ่ยขึ้น..ในวินาทีนั้น มันทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ ฉันรีบหันหลังหนีเขาทันที เขาเองก็คงรู้ว่าฉันเสียใจมากเช่นกัน / เอ่อ.....พี่...ขอโทษจริงๆนะ พี่....พี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้ปิ่นหายโกรธ จะให้พี่ทำไง ปิ่นถึงจะให้อภัยพี่ พี่ยอมทำทุกอย่างเลยนะ
ปิ่น : แน่ใจเหรอ...? ว่าจะทำได้
เพียว : ได้สิ.....! ปิ่นจะให้พี่ทำอะไร พี่ทำได้ทุกอย่าง...!
ปิ่น : งั้น...ช่วยย้อนเวลากลับไปได้ไหม.....! / ฉันหันกลับมาพูดทั้งน้ำตา / “ย้อนเวลากลับไป แล้วก็ลบคำสัญญาหลอกลวงนั้นออก..อ..อ....” / ฉันพูดเสียงสั่นออกมาพร้อมทั้งน้ำตาที่รินไหลอย่างหยุดไม่อยู่ / “สัญญาที่มันเป็นได้แค่เพียง.....ลมปาก ด้วยเกียรติงั้นเหรอ.....น่าขำสิ้นดี....!” / เขามองดูฉันอย่างอาวอน / “แค่คำพูดลอยๆของคนๆนึง มันทำให้ฉันต้องเฝ้ารอมาตลอด...รออย่างมีความหวัง...ว่า ถ้าวันนั้นมันมาถึง เราคงจะมีความสุขด้วยกัน”
เพียว : พี่....
ปิ่น : แต่ทุกอย่าง....มันเป็นแค่ฝัน...! ฝันลมๆแล้งๆของอีบ้าคนนึงเท่านั้นเอง...! / น้ำเสียงของฉันสั่น...จนหวน น้ำตาที่ไหลเหมือนสายน้ำไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ / “คำสัญญา...มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม...? ”
เพียว : พี่....พี่ไม่คิดว่า ปิ่นจะให้ความจริงจังกับมันมากขนาดนั้น
ปิ่น : ฉันไม่อยากเจอหน้านายอีก...ต่อไป...! อย่าเจอกันอีกเลย...!
เพียว : ปิ่น...เรายังเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่ได้นิ่...... หรือเป็น เพื่อนก็ได้....!
ปิ่น : ถ้าเราต้องเจอกัน...ก็คิดซะว่า..ไม่รู้จัก กลับไปเถอะ...! ฉันอยากอยู่คนเดียว / ฉันร้องจนเสียงสะอื้นขึ้นเล็กน้อย เขาเองก็รู้ว่า....ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรในตอนนี้..ฉันคงไม่ฟัง....!
เพียว : ขอโทษนะ..! / คำพูดเดียวที่เขาเอ่ยทิ้งท้ายไว ก่อนจะเดินจากไป
และจากวันนั้น เขาได้แต่มองดูฉันอยู่ห่างๆ ฉันเองก็ไม่กล้าที่จะมองเขาอีก เพราะกลัวว่าจะทำใจไม่ได้ ถึงแม้ว่า...มันจะผ่านมา 4 ปีแล้ว แต่ฉันกับเขาก็ไม่เคยพูดคุยกันอีกเลย...! ตั้งแต่ครั้งนั้น ถ้ามองย้อนกลับไปดูเหมือนเวลามันไวเหลือเกิน ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเลิกกับแฟนสาวของเขาแล้ว เขาก็ไม่คบใครอีกเลย....เหมือนรอคอยอะไรบ้างอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่า..สิ่งที่เขารอคอย...มันจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ฉันรอคอยเหมือนกันมั้ย