จากนักเรียนไทย สู่ หนึ่งในผู้จัดการบริษัทหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย (ตอนที่ 3)

**อ่านเรื่องราวอื่นๆ: http://bit.ly/1PIhVE6
**ติดตามเรื่องราวในเฟสบุค: http://bitly.com/1HK82FZ

ตอนที่ 3: Step Up!

ตอนนี้รู้สึกชีวิตโอเคมากเลย ได้งานทำแล้ว...
และก็เริ่มเก็บเงินไปด้วย ตารางเรียนก็ลงตัวพอดีกับที่เราสามารถทำงานได้เลย ตอนนั้นทำงานเก็บเงินได้ประมาณอาทิตย์ละ $150-$200 ก็พยายามเก็บเงินไปเรื่อยๆให้ได้มากที่สุด เมื่อไหร่เหนื่อยหรือท้อก็จะคิดเสมอว่าทำไว้ๆเก็บไว้จ่ายค่าเทอม (นั่นคือเป้าหมายของเรา) เพราะสัญญากับแม่ไว้แล้ว

ทำงานที่ร้านไอศครีมมาเกือบเดือนแล้ว ตอนนั้นมี Skill หลายอย่างมากในการสกู๊ปไอติม ทำ Soft Serve ทำ Milkshake ทำ Fruit juice ทำ Hot Dog เพราะคุณลุง คุณป้าที่ทำงานที่ร้านช่วยเทรนงานเป็นอย่างดี ผู้จัดการร้านก็ใจดีจัง ให้เราไอศรีมเราทานก่อนเลิกงานทุกวันเลย ตอนนั้นก็คิดในใจว่า “โชคดีจังคนทำงานด้วยใจดีทุกคนเลย  ถึงแม้ว่าได้แค่ $10 ก็เหอะ”

ว่าแล้ว....และแล้วทุกๆอย่างมันกำลังจะเริ่มเปลี่ยนผันไป  เมื่อพนักงานเก่าที่ทำงานที่ร้านพึ่งกลับมาจาก Holiday ของเธอ และได้กลับมาทำงานที่ร้านอีกครั้ง ตอนแรกเจอ เธอดูเป็นคนที่ดูสดใส น่ารักมาก คอยช่วยดูตลอดว่าเราทำไอศรีมตามแบบที่ถูกต้องมั๊ย สกู๊ปลูกไม่ใหญ่ ไม่เล็กเกินไป หรือเราทำน้ำผลไม้ใส่สัดส่วนผลไม้ถูกต้องมั๊ย ทำ Milkshake กับเครื่องปั่นถูกวิธีหรือไม่ คือเธอน่ารักมากกกกก ที่เป็นห่วงกันเหลือเกิน  แต่เริ่มมาพักใหญ่ๆแล้ว ทุกครั้งที่เข้ากะทำงานเดียวกับเธอ เธอจะต้องเกาะติด เฝ้าคอยกันทุกฝีก้าวแบบนี้ รู้สึกเหมือนมีนักสืมมาคอยตามเงาเราอย่างไงอย่างงั้น และที่มากไปกว่านั้นเธอตามติดหนึบไม่พอ เธอคอมเม้นต์ทุกๆๆๆอย่างที่เราทำด้วย เราเข้ากะทำงานกับคุณลุง คุณป้าทีไรไม่เคยรู้สึกเหมือนถูกกดดันอย่างนี้มาก่อน! เราเองก็คิดว่าตัวเองก็ได้รับการเทรนมาอย่างดีจากคุณลุง คุณป้าและนี่นา...

เธอคอมเม้นต์เราต่างๆนาๆ:  
“You’re too slow!”
“Your scoop is too big!”
“You need more apples in there!”
“You need to put the big cup inside!”
“You need to chop your orange smaller!”
“You…. You…. You…. #@!(#(!@)_#(!)@#(!)(@*#(!@)#.....




โอ้ มาย ก๊อดด!!! นี่เธอเป็นบอสชั้นรึเปล่าเนี่ย แต่ก้อเอาน่ะ เราก็ไม่ชอบที่จะสร้างศัตรูกับใครๆทั้งสิ้นอยู่แล้ว อีกอย่างพื้นฐานของเราเป็นคนขี้กลัวที่จะไปเริ่มทะเลาะวิวาทกับใคร คิดในใจว่าจะบอกผู้จัดการดีมั๊ยน๊าว่าไม่ขอทำงานกับเธอ แต่ดูๆแล้วผู้จัดการกับชี พูดเป็นคนพูดภาษาเดียวกัน ถ้าเรารีเควสอะไรไปเดี๋ยวจะมีปัญหา เรา ปล่อยๆมันไปเถอะ เรามีงานทำก็ดีแล้ว และก้อคิดซะว่า เธอคงหวังดีมากละกัน

และแล้วก้อมาอีกแล้ว เรากับเธอคนนี้ ได้ถูกจับให้ทำงานด้วยกันอีกแล้ว มาอีแนวเดิมเลย มาติดหนึบคอยวิจารณ์เวลาเราทำอะไรตลอดเวลา เอาละมันอดกลั้นมานานละ และรู้สึกถูกก้าวก่ายมากเกินไปแล้วววว วันนี้ขอวันนึงละกัน ต้องขอรวบรวมความกล้านิสสสสนึง เอาละๆมันมาละๆ....

จู้จี้ควีน: You should have put the waffle cone in there first!
เอาล่ะ!!! มันเริ่มกลั้นไหวละนะ!!! ขอสักตั้งนึงละกัน...รวบรวมความกล้าก่อน...และก็....

Big Sister: “Uncle and auntie have trained me the way I do things! And they see nothing wrong with what I do. How come everything I do seems so wrong to you?! How about I’m going to continue what I’m doing and YOU can continue what you are doing?”

ฮ๊ะ!!! นี่เราพึ่งพูดอะไรไป??? พูดจบแล้วรู้สึกตัวหวิวมาก เพราะไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน แต่เราก้อทำหน้านิ่งๆแล้วทำงานของเราต่อไป ส่วนจู้จี้ควีนนั้นเค้าดูอึ้งๆ เงียบๆ ไปเลยทันที แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ไปทำอย่างอื่นในร้านและไม่เคยมาจู้จี้เราอีกเลย เรากลับมาเป็นเพื่อนร่วมงานธรรมดาๆ ซึ่งเค้าทำงานของเค้า เราก้อทำงานของเรา เอ้อ....วิธีโต้ตอบกลับบางทีมันได้ผลนะเนี่ย เวลาที่มีคนมาก้าวก่ายเรา!!  เอาเป็นว่าสยบมารไปได้หนึ่งแล้ว รู้สึกว่าเรามีความแกร่งขึ้นมาให้ระดับนึงเลยทีเดียว

ไปๆมาๆได้พบว่า จู้จี้ควีนกับผู้จัดการร้านสนิทๆกันมาก เพราะเค้าพูดภาษาเดียวกัน เป็นคนมาจากประเทศเดียวกัน ตอนระหว่างที่ร้านว่างๆนั้นเค้าจะยืนคุยกันสองคน โดยเราจะเป็นคนที่เดินไปเดินมาทำงานตลอดๆ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ mind เพราะเค้าจ้างให้เรามาทำงานอยู่แล้ว เราก้อต้องทำงานให้สมกับที่เค้าจ้างเรามา แต่มันทำให้เราเริ่มรู้สึก negative มากกับงานและร้านที่ทำพาร์ททามตอนนั้น

มาอยู่วันหนึ่งเป็นตอนหลังโรงเรียนเลิก ก็จะมีนักเรียนหลายกลุ่มมาซื้อ Snack จากร้าน แล้วก็มีกลุ่มนักเรียนหนึ่งที่มาซื้อไอศรีม ผู้จัดการก็เป็นคนดูแลต้อนรับทุกอย่าง เราก็ทำความสะอาดสับผลไม้อยู่หลังร้าน พอนักเรียนกลุ่มนี้เค้าซื้อเสร็จ.....เค้าไม่ยอมจ่ายเงิน!!  โดยอ้างว่านักเรียนที่มาซื้อกลุ่มก่อนหน้านี้จ่ายเงินไปแล้ว (โดยเราตรวจสอบภายหลังแล้ว นักเรียนกลุ่มนี้พยายามกำลังจะโกงไม่ยอมจ่ายเงิน) ผู้จัดการร้านและกลุ่มนักเรียนนี้ก้อมีปากเสียงอยู่พักใหญ่ มี F*(& นู้น F^&* นี่เต็มไปหมดเลย เราตกใจมากเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่ยืนงงๆ ทำอะไรไม่ถูกเลย พยายามจะโทรหา Security มาที่ร้านแต่ก็ไม่รู้เบอร์ แต่สุดท้ายแล้วผู้จัดการก็ยอมปล่อยพวกนักเรียนเขาไป เพราะปากเสียงเริ่มบานปลายกับไอศรีมแค่ 2 โคน เรารู้สึกแย่สำหรับผู้จัดการและพยายามปลอบใจเขาว่า... “มันต้องมีประสบการณ์แบบนี้ ถึงจะได้รู้ว่าคราวหน้า เราต้องทำยังไง”
แต่......สิ่งที่เขาหันพูดกับเราคือ.....

“เพราะพวกเธอนั่นแหละ! ที่ไม่ยอมช่วยทวงเงินให้ชั้น”


คือเราผิด??



ตึงงงงงงง......เสียความรู้สึกสุดๆ จากตอนนั้นเป็นต้นมาทำให้เราคิดว่าสภาพแวดล้อมทำ
พาร์ททามนี่มันหดหูสุดๆ เราอยากทำงานอื่นๆที่สภาพแวดล้อมกันทำงานเป็นมิตรกว่านี้

จากนั้นเป็นต้นมา มันผลักดันให้เราเริ่มลองหางานที่ใหม่ๆ แต่มันก็ดั๊นๆๆหาไม่ได้ซักที ไปร้านไหนๆเค้าก้อไม่มีใครรับ แล้วเค้าก็มาอีแนวเดิมๆว่า เอาเรซูเม่ไว้ก่อนละกันแล้วเดี๋ยวจะติดต่อกลับไป

ตอนนั้นมันเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ และคิดว่า ทำไมเราเรียนตั้ง ป.โท แต่ทำงานร้านไอศรีม แถมยังไงไม่มีทางเลือกอีก ร้านต่างๆที่นี่เค้าไม่อยากได้คนมีความรู้ร่วมทำงานหรอ?

เราก้อคิดอยู่นานเลย.....เอาก็เอา! ตัดสินใจเลยละกันว่า เรายอมทำงานแบบฟรีๆ ไม่เอาเงินละกัน แต่ขอเอาเป็นประสบการณ์แทนเพื่อสำหรับใช่ต่อยอดได้ ดูซิว่ามันจะมีที่ไหนให้เรา Prove myself ได้หรือเปล่า แต่ที่ไหนบ้างล่ะที่เราจะสามารถใช้ความรูเ้ระดับเราได้และหาประสบการณ์ไปได้ด้วย? นึกไปนึกมา.....ก้อ internship ไง!!! แต่ตอนนั้นภาษาอังกฤษไม่แข็งมาก จึงลองสมัคร internship ในองค์กรไทยๆในซิดนีย์ไป เริ่มจากเวปของกงสุลเลยที่บอกว่ามีองค์ไทยอะไไรในซิดนีย์บ้าง เวปของกงสุล


ตอนแรกไม่มีองค์กรไหนที่ตอบกลับมาเลย เค้าคงยุ่งกันมากๆ เอาก็เอา....ขอลองหน้าด้านโทรถามเลยละกันว่าได้รับอีเมลล์เรามั๊ย? โทรไปแล้วเกือบทุกองค์กรเลยบอกว่าไม่รับอินเทิร์น จนสุดท้ายมีสำนักงานหนึ่งตอบกลับมาเพื่อให้เราไปสัมภาษณ์ แล้วเราก้อผ่านด้วยจึงได้รับโอกาสทำ intern ที่นั้น ทำให้ตอนนั้นเราทั้ง เรียน ทั้งทำงานร้านไอศครีม และ ทำ internship ไปด้วย! ได้ประสบการณ์แบบ 3 in 1 เลยทีเดียว




SCHEDULE ชีวิตตอนนั้น
MONDAY        9AM - 5PM: UNI
TUESDAY       9AM - 12PM: UNI
                     5PM - 10PM: INTERNSHIP
WEDNESDAY  9AM - 12PM: UNI
                    5PM - 10PM: INTERNSHIP
THURSDAY    9AM - 4PM: INTERNSHIP
                    5PM - 10PM ICE-CREAM SHOP
FRIDAY         9AM - 5PM: ICE-CREAM SHOP
SATURDAY    10AM - 5PM: TUTORING
SUNDAY        10AM - 5PM: ICE-CREAM SHOP


บทเรียนที่ได้จากตอนที่ 3
(1) สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยร้ายเสมอไป
อย่างตอนที่คิดว่างาน Part-time ที่ทำอยู่มันสภาพแวดล้องคนการทำงานไม่ค่อยโอเลย ทำให้ไม่อยากทำงานต่อ แต่ว่าสิ่งเลวร้ายนั้นเองที่เป็นสิ่งผลักดันให้เราไปสรรหางานใหม่ๆที่ทำให้เราก้าวหน้ากว่าเดิม เช่น ตอนที่ Big Sister ได้งาน internship ไปด้วยเลย

(2) Stand up for yourself! Don’t let anyone walk over you!
เราจะไม่ยอมให้ใครมารังแก หรือ ก้าวก่ายเรา ถ้าเราถูกรังแกเราต้องลุกยืนขึ้น และตอบกลับให้เขารู้ว่า “เขามารังแกผิดคนแล้ว!!!”  Big sister ไม่ใช่คนกล้าเลย เป็นคนขี้กลัวด้วยซ้ำ แต่ถ้าถูกก้าวก่ายแล้วล่ะก็ขอรวบรวมความกล้าและพยายามแกล้งทำตัวเป็นคน Toughๆ หน่อยละกัน  เหมือนตอนที่เราโต้ตอบคนที่มารังแกเรากลับไป


**อ่านเรื่องราวอื่นๆ: http://bit.ly/1PIhVE6
**ติดตามเรื่องราวในเฟสบุค: http://bitly.com/1HK82FZ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่