[CR] ทางรถไฟสายมรณะ สู่ลุ่มแม่นํ้าแควน้อยที่ The For Rest Resort กาญจนบุรี

ขอไม่เกริ่นนำอะไรให้มากความ เมื่อวานนั่งเขียนกระทู้อยู่ดีๆก็โหลดไปเว็บไซด์อื่น ทำให้เรื่องทั้งหมดที่เขียนมาประมาณ 80% พร้อมรูปหายไปในพริบตา เอาล่ะเริ่ม... (อีกครั้ง) ทริปนี้ผมไปที่ The For Rest Resot กาญจนบุรี โดยตั้งใจไว้ว่าขาไปจะนั่งรถไฟ และขากลับจะนั่งรถตู้กลับ กำหนดการเดินทางคือ วันจันทร์ เวลาตี 5.30 น.ออกจากบ้าน เพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี (บางกอกน้อยเก่า) แล้วขึ้นรถไฟรอบ 7.45 น. บุกตะลุยไปจนสถานีปลายทาง (สถานีน้ำตก) แล้วต่อรถเมล์เข้าที่พักแล้วกบดานอยู่กับแม่น้ำ ป่าเขาลำเนาไพรเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน #เขียนด้วยอารมณ์หมดอะไรตายอยาก



          ตัดภาพมานี่เลย สถานีธนบุรี มาถึงก็ปรี่มาช่องขายตั๋วเพื่อนำบัตรปชช.ไปแลกตั๋วฟรีเพื่อเดินทาง ถึงสถานีตั้งแต่ 6.30 รอกันเปื่อยจ้า แต่ยังดีที่ตรงนั้นมีตลาดเราเลยเดินหาอะไรกินระหว่างที่รอรถไฟมา





          ขบวนรถที่ต้องขึ้นคือขบวนรถ 257 วันธรรมดาเขาจะมีวิ่งที่นี่เท่านั้น ไม่ใช่ไปขึ้นที่หัวลำโพงนะ อันนั้นเขามีแค่เฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ เป็นขบวนรถท่องเที่ยว ตอนแรกเราก็เกือบเขิลไปที่นั่นแล้วดีนะมีแฟนดีคอยเตือนสติ (เลีย) ไม่งั้นไปยืนเด๋อแน่ๆ



          เอาล่ะ พอรถจอดเท่านั้นรีบขึ้นเลยจ้า เพราะระหว่างรอก็ยืนเม้าท์กับพี่เจ้าหน้าที่ว่าจะต้องนั่งตรงไหนถึงจะเห็นวิวดี พี่เขาบอกว่าฝั่งซ้าย เลยหน้าตาตื่นรีบขึ้นรถมากลัวไม่มีที่นั่ง เอ๊ะ...แต่เดี๋ยวนะ นี่วันธรรมดาใครเขาจะไปเที่ยวกัน เขามีงานมีการทำกันหมด รถไฟที่ขึ้นมีทั้งหมดห้าโบกี้ รถออกไปได้สักพักเดียวเดินร่อนทุกตู้จ้า











          เดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ ก็เอะใจนึกขึ้นได้ โบกี้สุดท้ายน่าจะมีมุมถ่ายรูปสวยๆนะ เลยลองเดินไปดู พอเดินเข้าไปรู้สึกทำไมทั้งตู้มองหน้าเราแปลกๆ ยืนสตั้นอยู่ประมาณห้าวิแล้วดูรอบๆ อ๋อ...ตู้นี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ พระสงฆ์ และคนเจ็บ พอดีเห็นป้าแม่รถไฟ (แม่บ้านนั่นแหละ) แกกำลังถูพื้นอยู่เลยหันไปถามแก "ป้าครับผมขออณุญาติเข้าไปถ่ายรูปได้ไหมครับ...ป้า ป้าคร้าบบบ" (หูแกไม่ค่อยไม่ยิน) "นุ่น บอกเขานุ่น"



          ตอนแรกก็ประหม่าดูหน้าพี่เขาไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก พอคุยกันเท่านั้นแหละยาวจ้า อยู่ตู้นี่เกือบครึ่งวัน พี่ๆเขาน่ารักมากผมถามอะไรแกก็ตอบผมหมด แนะนำเส้นทางว่าตรงนี้มีอะไร สถานีนี้สถานีอะไร ใช้เวลาจากตรงนี้ไปตรงนั้นกี่ชม. จะถ่ายรูปฝั่งไหนวิวดี เส้นทางช่วงไหนสวย
          หลังจากนั่งเม้าท์กันจนคอแห้ง ก็มาถึงสถานีที่เป็นต้นทางของ สายมรณะ พี่เจ้าหน้าที่เขาบอกผมว่านับจากสถานีนี้แหละ ทางต่อไปข้างหน้าก็จะเริ่มสวยและ เตรียมตัวให้พร้อม









          จากสถานีหนองปลาดุกประมาณ 1 ชม.กว่าๆ (ถ้าจำไม่ผิด) เราก็จะมาถึงจุดสำคัญจุดแรก คือ สะพานทางรถไฟข้ามแม่น้ำแคว ระหว่างสองฝั่งสะพานก็จะมีนักท่องเที่ยวมายืนถ่ายรูป













          หลุดจากสะพานตรงนี้มาก็จะมาเจอกับช่องเขาสั้นๆ (จำชื่อเรียกไม่ได้) และทางต่อจากนี้ก็จะธรรมช๊าต ธรรมชาติ ไปตลอดๆทาง



















          หลังจากนั่งจนมองวิวจนตาแฉะ ก็มาถึงจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง ที่ผมตั้งใจจะมาดูด้วยตาตัวเองให้ได้ก็คือเส้นทางเรียบเขาตรงถ้ากระแซ ทางต่อจากนี้น่ากลัวแต่สวยมาก พี่เจ้าหน้าที่เขาบอกผมว่าเดี๋ยวนี้สะพานดีแล้วเขาทำเพิ่ม เมื่อก่อนตอนยังไม่ทำนี่น่ากลัวกว่านี้อีก





          จากจุดนี้รถไฟจะลดความเร็วลงช้ามาก เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย และให้ผู้โดยสารได้ชมบรรยากาศ











          พอพ้นจากถ้ำกระแซ ก็จะใช้เวลาอีกประมาณไม่เกิน 30 นาที ก็จะถึงสถานีน้ำตก วิวหลังจากนี้ก็จะเห็นแม่น้ำไปตลอดทาง แต่จะดูยากนิดนึงเพราะต้นไม้ข้างทางสูงมาก โผล่หัวออกไปดูออกไปถ่ายรูปต้องระมัดระวังกันด้วยนะ





          มาถึงสถานีน้ำตกเราก็รีบลงจากรถไฟเพื่อนไปต่อรถเมล์ กาญจนบุรี-สังขละ แล้วไปลงที่ บ้านแก่งจอ แต่พอลงมายืนเท่านั้นแหละ งงฮะ! แล้วจะต้องไปรอรถที่ไหน ชีวิตปกติไปไกลเกินเดอะมอลล์บางกะปินี่ก็หลงแล้ว (บ้านอยู่รามคำแหง) เลยปรึกษากับน้องๆที่ไปด้วยกันว่าเอาไงดี ร้อนก็ร้อน นั่งรถไฟมานี่ก็หมดแรงและ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนอยู่เชียงใหม่ (ใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณเกือบ 7 ชม.) ระหว่างที่ยืนเอ๋อกันอยู่ ก็มีลุงคนนึงเดินเข้ามาถาม "ไปไหนกันไอหนุ่ม น้ำตกไหม" ผมเลยถามแกว่าจะไปที่พักตรงนี้นอกจากรถเมล์แล้วไปยังไงได้บ้าง ลุงแกนิ่งไปแปปนึง "800 บ. ไปไหม?" อ่าวขายของเฉย (คือตอนแรกแกเรียกคนขึ้นรถจะไปส่งที่น้ำตกใกล้ๆ คนละ 20บ.) พอเห็นพวกผมหน้ามึนๆหน่อยชวนเหมาเลย
          สรุปคุยไปคุยมา ต่อไปต่อมาก็ตงลกันที่ 600 บ. (ไปกัน 6 คน) แต่ลุงแกพ่วงนักท่องเที่ยวที่จะไปน้ำตกมาด้วยนะ ฮ่าๆๆ



          เหมือนจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ที่ไหนได้พอมาถึงน้ำตกส่งนักท่องเที่ยวลง ระหว่างที่รอนั้นเราก็ตงลงจะซื้อของอะไรกันที่นี่ให้เรียบร้อย มิฉะนั้นเข้าไปที่พักแล้วคงออกมาไม่ได้แน่ๆ (จากตรงนี้ถึงที่พักประมาณ 50 กว่ากม.) เผลอแป๊ปเดียว ลุงแกไปคุยกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม (คนไทยประมาณ 10 คน) ได้ยินแว่วๆว่าจะไปสังขละ ซึ่งก็จะเข้าไปไกลกว่าที่พวกผมจะไป  ซักพักแกก็ทำหน้าประหม่าๆเดินมาหาผม "หนุ่มๆ เดี๋ยวจะมีมาเพิ่มอีก 10 คน ให้เขาติดรถไปด้วยได้ไหม เขาจะไปสังขละกัน" เดี๋ยวๆๆๆ ช้าก่อนนลุง ตอนแรกคุยกันว่าเหมา พอเจอลูกค้าเพิ่มหน่อยฝากภาระเชียว ฮ่าๆ
           ก็งงกันอยู่พักนึง ดุลุงแบบขำๆไปว่า ไหนบอกว่าเหมาไงลุงจะนั่งไงพอ 16 คนของเพียบเลย ไม่เอาไม่ให้ไปหรอก (พูดแซวแบบขำๆ) ระหว่างนั้นมีรถสองแถวอีกคันเลี้ยวมาพอดี เท่านั้นแหละลุงแกเรียกพวก ถามว่า "ไปไหม เดอะฟอร์ เรสท์ หกร้อย" พี่เขาก็งงๆนิดนึง เหมือนนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มน่ะของพี่เขา ฮ่าๆ พอพี่เขาพยักหน้าเท่านั้นแหละ ลุงแกเชิญพวกเราลงทัน (ทิ้งกันเฉย) ได้ยินแว่วๆมาว่าแกได้แก๊งนั้นคนละ 200บ. มิน่าตัวปลิวเลย ฮ่าๆ
           เอาล่ะ มากับพี่อีกคัน แกขับรถเร็ว ไม่นานก็ถึงที่พักแกส่งถึงที่เลย





           ดูเวลาตอนนั้นก็ประมาณ บ่ายสามโมงแล้ว รีบไปเช็คอินเข้าห้องดีกว่า จากที่โดนมัดจำไปคนละ 1,000บ.ก่อนมา มาถึงก็จ่ายเลยอีกคนละ 1,000บ. ตกคนละ 2,000บ.ถ้วน โดยที่นี่เขาจะมีอาหารเช้าและเย็นให้ ส่วนกลางวันไม่มี และไม่รับสั่งอาหารนอกเหนือรายการ และห้ามไม่ให้ทำอาหารในที่พักด้วยนะ สายกินต้องทำใจไว้ล่วงหน้า มาที่นี่เขาเน้นธรรมชาติ



           ห้องพักก็จะเป็นแบบนี้ มีเปลหน้าห้องให้ทุกห้อง ในห้องไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น มีแต่แอร์ กับเตียง และห้องน้ำ



          กิจกรรมหลักๆที่นี่มีทั้งหมด 1 อย่างถ้วน คือ พาเราไปล่องแพร แล้วปล่อยลอยคอ ประมาณ 1 กม. กลับมาหน้าที่พัก ระหว่างทางก็จะมีพี่ๆทางที่พักเขาคอยดูแล แพรทั้งหมดจะมีสามรอบต่อวัน เวลาประมาณ 15.30-16.30-17.30



          ลอยกลับมาที่พักอาบน้ำล้างตัวเสร็จก็นั่งดูวิวตอนช่วงเย็นหน้าห้อง ก็พอดีได้เวลาข้าวเย็น เป็นบุฟเฟ่ต์ ตักได้ตามอัธยาศัย (ไม่ได้ถ่ายรูปมา หิว กลัวไม่ทันคนอื่น ฮ่าๆ)



          พอกินข้าวเสร็จกิจกรรมเดียวที่พอจะทำได้คือนั่งดื่มกันหน้าบ้าน และห้ามส่งเสียงดังหลังจาก 23.00น. อย่างที่บอกไปคือไม่มีอะไรเลย ที่นี่เขาให้มานั่งเสพย์ธรรมชาติจริงๆ มานี่ 2 คืน จึงกลายเป็นคนนอนเร็วไปโดยปริยาย
          เริ่มได้ที่ซักพักก็รีบเข้านอน เพราะตั้งใจไว้ตอนเช้าจะตื่นมาดูบรรยากาศ (จริงๆคือจะรีบมากินอาหารเช้า กลัวไม่ทันคนอื่นเหมือนเดิม)







          กินข้าวเสร็จก็มานั่งย่อยสักพัก ก็เตรียมตัวโดดลงน้ำ ที่นี่เล่นน้ำได้ตลอดทั้งวัน แต่มีข้อแม้ว่าต้องสวมชูชีพ เพราะน้ำไหลแรงตลอด เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ลุย ของเล่นสุดฮิตติดลมบนของที่นี่ก็จะมีอยู่อย่างเดียว คือ สไลด์เดอร์ จริงๆมีเรือแคนู แต่ไม่ค่อยมีใครเล่น เพราะน้ำมันแรงกลัวจะไหลไปแล้วไปเลย หยุดไม่อยู่ ฮ่าๆ





          หรือใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับธรรมชาติ เขาก็มีสระว่ายน้ำให้นะ





สรุปทริปนี้ หมดไปไม่เกิน 3,000 บ. และการเขียนรีวิวนี้เป็นการเขียนครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ทีนี้
จบ (หมดแล้ว...ตัวหนังสือ)
ชื่อสินค้า:   ทางรถไฟสายมรณะ ถ้ำกระแซ กาญจนบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่