สวัสดีคะ ที่เราตั้งหัวข้อแบบนี้บางคนคงสงสัยว่าเราคงไปเรียนแบบ คลับฟรายเดย์ถูกต้องคะเราขอยืม มาตั้งเป็นชื่อเรื่องเฉยๆเพราะเนื้อหาต่อไปนี้มันคือเรื่องจริงของเราเอง เราว่าเรื่องของเรามันคล้ายกับคลับฟรายเดย์ตอนนี้มากๆๆ เริ่มกันเลยนะคะเมื่อ 2 ปี ก่อนเราได้พบกับผู้ชายคนนึงซึ่งรับข้าราชการเป็นทหารเกณฑ์เรารู้จักกันผ่านโลกโซเชียล ตัวเราอยู่กรุงเทพส่วนเค้าเป็นทหารอยู่จังหวัดสระบุรี บ้านของเค้าอยู่จังหวัดขอนแก่น เราคุยกันแบบมาราธอนทั้งวันทั้งคืนไม่เคยวางโทรศัพท์ แล้วก็นะคุยกันได้ 3 เดือน เราก็เริ่มไปมาหาสู่กันเริ่มจากเค้ามาหาเราที่กรุงเทพไปเที่ยวกันดูหนังกินข้าวกันตามประสาลืมบอกเราเคยแอบไปค้างคืนกับเค้าจนพ่อแม่จับได้แล้วเราต้องบอกกับพ่อแม่เรื่องเค้าพ่อเราไม่ชอบเค้าเพราะพ่อเราบอกว่าดูแล้วเค้าไม่น่าจะเลี้ยงเราได้ไม่มีอนาคต แต่เราก็ชอบรั้นไม่สนใจคำที่พ่อเตือนเราดำเนินความสัมพันธ์ต่อ เดือนนึงเราจะได้พบกันประมาณ 3 วันเท่านั้นแต่ไม่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเราเลยเรื่องระยะทางเราทุ่มเทกับความรักที่มีให้เค้านั่งรถตู้ไปหาเค้าถึงนู่นเพราะรักทำให้คนตาบอดบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยไปไหนมาไหนโดยไม่ขึ้นแท็กซี่ครั้งแรกแล้วก็มีอีกหลายๆครั้งที่เรานั่งไปหาจนกระทั่งมีอยู่วันนึงเพื่อนเค้าที่เป็นทหารรุ่นเดียวกันแอบชอบเราแต่คือเราบอกเลยว่าถ้าเรามีแฟนเราไม่เคยคิดเลี้ยว เค้าทำมาเป็นคุยตีสนิทกับเราแล้วมาเล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับเค้าจนกระทั่งเรากับเค้าสนิทกันมากขึ้น เค้าจึงบอกกับเราว่า คนที่เรากำลังคบอยู่เค้ามีภรรยาแล้วแต่งงานกันแล้วแต่เราไม่เชื่อเค้าด่าทอต่างๆนาๆแล้วตัดความเป็นเพื่อนกันทิ้งไปต่อมาน่าจะสักปีกว่าๆเริ่มเข้าปีที่สองเหมือนจะได้ใกล้เข้ามาทุกทีกับวันที่เรารอคอยคือวันที่เค้าปลดจากทหาร ทางค่ายจะให้ลากลับบ้านก่อนได้ 15 วันซึ่ง เราตั้งความหวังไว้กับเค้าว่าถ้าจบจะให้เค้ามาสู่ขอให้ถูกต้องตามประเพณีแต่ก็นะเชื่อไหมว่า 15 วันนั้นตั้งแต่เค้าปลดไปเรามาติดต่อกับเค้าได้อีกทีวันที่เค้าจะกลับมาทำเรื่องปลดทหารระหว่าง 15 วันเราร้องไห้เพราะติดต่อเค้าไม่ได้เราทำทุกวิถีทางที่จะติดต่อกับเค้าแต่ก้ไม่เป็นผลโทรไปปิดเครื่องตลอดวินาทีนั้นเราจนปัญญามาร้องไห้เพ้อหาเค้าทุกวันและบวกกับประจำเดือนของเราไม่มาด้วย เลยยิ่งคิดหนักไปกันใหญ่จนกระทั่ง เค้าโทรกลับมาในวันที่ 13 เราดีใจมากที่เห็นเบอร์เค้าขึ้น เราบอกทำไมหายไปไม่ติดต่อมาเลยเค้าบอกว่าเค้าขายของเหนื่อยมากไม่มีเวลาโทรเลยขอโทษนะ เราเลยถามตอนนี้อยู่ไหนเค้าบอกอยู่คาร์แคร์เอารถมาล้างเราเลยถามแล้วคืนนี้คุยกันได้มั้ย เค้าบอกได้หลังจากนั้นสัก ครึ่งชั่วโมงเค้าบอกเราว่าใกล้ถึงบ้านแล้วแค่นี้ก่อนนะ เราเลยถามทำไมหระเค้าบอกคุยไม่ได้ต้องขายเดี๋ยวแม่ว่า เราก็คือแบบมองโลกสวยมองในแง่ดี รอกลางคืนให้เค้าโทรมาแต่ก้ไม่จนกระทั่งวันที่เค้ากลับมาค่ายที่สระบุรีเพื่อที่จะมาทำเรื่องปลด เค้าอยู่บนรถโทรหาเรา เราเองอึดอัดใจเลยปริปากถามว่าความจริงแล้วมันเป็นสิ่งที่เราไม่อยากถามเลยมีแฟนอยู่แล้วใช่มั้ยเราถามเค้าอยู่นานมากกว่าเค้าจะตอบจนเค้าบอกว่าใช่ตอนนั้นใจเราตกลงไปเลยทันทีมือไม้อ่อนน้ำตาไหลเสียงสั่น เราเลยถามทุกอย่างเค้าเล่าว่าคบกันมา 7 ปีแล้วแต่งงานกันแล้ว เราลืมบอกอายุตอนนั้น เรา 20 เค้า 24 ส่วนแฟนเค้า 28 เราถามทุกอย่างเค้าเล่าว่าแฟนเค้าพึ่งรู้ตอนที่เค้าจะมาสระบุรีเพราะเค้าแย่งโทรศัพท์ไปดูเราพึ่งรู้ตอนนั้นเองว่าเค้าใช้มือถือ 2 เครื่องเครื่องนึงคุยกับเราอีกเครื่องคุยกับภรรยาเค้า ภรรยาเค้าถามว่าผู้หญิงคนนี้เปนใคร เค้าเลยบอกความจริงภรรยาเค้าตอบกลับมาว่ารู้จักเลือกหนิ หึหึ ภรรยาเค้าสั่งให้เค้ามาบอกความจริงกับเราสะแต่เค้าก็ไม่ยอมพูดหลังจากนั้นเราบอกเลิกเค้าและไม่รับโทรศัพท์เราเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องร้องไห้ จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบอร์แปลกไม่รุ้อะไรดลใจทำให้เรากดรับเสียงนั้นเปนเสียงผู้หญิง พูดกับเราดีนะ บอกกลับเราว่าพี่ไม่ถือโทษโกรธเธอ ผัวพี่มันเป็น แบบนี้สันดารแบบนี้มาบ่อยมากนู๋ไม่ใช่คนแรกที่โดนทำแบบนี้หรอกนะเอาเถอะต่างคนต่างอยู่ต่างใช้ชีวิตคิดสะว่ามันเป็นบทเรียนว่าอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆเราอึ้งไปสักพักเลย
เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะยังมีอีกยาวววว เลยนี่แค่น้ำจิ้มเราต้องกลับบ้านก่อนตอนนี้อยู่ออฟฟิศ ^_^
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
ความรักไม่ผิด ผิดที่รักคนหลอกลวง T^T
เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะยังมีอีกยาวววว เลยนี่แค่น้ำจิ้มเราต้องกลับบ้านก่อนตอนนี้อยู่ออฟฟิศ ^_^