สวัสดีครับ ผมอายุ 22 ปี นักศึกษาปี 4 อยู่จังหวัดพิษณุโลกครับ ที่ผมเขียนผมอยากเเชร์เเนวคิดเเละประสบการณ์ ในการสร้างเนื้อสร้างตัวครับเผื่อจะเป็นกำลังใจให้คนที่ท้อได้บ้างครับ
ผมตั้งใจหาเงินจากหลายทาง เพื่อจะยืนได้ด้วยตัวเองเร็วๆ เเละจบไปพร้อมเงินตั้งตัวครับ ในใจผมคิดว่าอย่างน้อยในการเก็บเงิน 2 เดือนหลักหมื่นต้องขยับ อย่างน้อยต้องเดือนละ 5000 บาท ผมเลยลงตารางเวลางาน 5-6 วัน ใน1 สัปดาห์ เพื่อจะหาเงินฝากให้ได้ตามยอดอย่างน้อย 5000 ต่อเดือน
งาน Part -Time เเละงานเสริม
ผมเซนสัญญางาน 2 ปี กับที่ทำงาน(มีนาคม ก็ครบสัญญา 2 ปี เเล้วครับ) ร้านผมทำเป็นร้าน Steak สไตล์เมริกันครับ ในตำเเหน่ง เชฟ ค่าเเรงชั่วโมงละ 40 บาท มีค่าปิดร้านให ้30 บาท เงินเดือนเฉลี่ย 4000-5000 เเล้วเเต่ความขยัน เเละ ชั่วโมงทำงาน ช่วงปิดเทอมจะมีเวลาทำงานเยอะเงินเดือนจะขยับไปถึง 6000-7000 เเต่ก็ขึ้นอยู่กับยอดขาย ถ้ายอดขายดี ชั่วโมงทำงานก็จะเพิ่มไปด้วย ตารางเรียนเอื้อต่อการทำงานของผมมากใน1 ปี ที่ผ่านมาจึงมีเวลา ทำงานถึง 5-6 ในหนึ่งสัปดาห์
งานเสริมซึ่งเป็นเหล่งรายได้อีกหนึ่งทางของผม เช่น มีงานที่มาจัดในมหาวิทยาลัย เเล้วจ้างนักศึกษาเป็น staff วันทำงานพี่ทีมงานนัด 6 โมงเช้า เลิกงานบ่าย 2 ค่าเเรง 500 บาท เเละ 5 โมงเย็นถึง4ทุ่ม ผมเข้างานที่ร้านต่อเลย สรุปวันนั้นผมมีรายได้ 730 บาท
การลงทุนในหุ้น
ผมเปิดพอทตอนอายุ 21 ตอนนั้นเก็บเงินจากทํางานได้ประมาณ 3 หมื่น ผมเริ่มลงทุนในหุ้นตอนนั้น ผมจะหยุดทำงาน part-time เพราะเรียนค่อนข้างเยอะเลยจะมาหาเงินจากหุ้นเเทน ผมศึกษาข้อมูลจาก อินเทอร์เน็ตเเละหนังสือ เเต่พอลงสนามจริง เงินจริงๆ อารมณ์มันคนละเรื่องกับที่คิดไว้ ผมใส่ไปในพอร์ทครั้งเเรก 15000 บาท ผมซัอหุ้นตัวเเรกเเล้วขาดทุน มันทำให้ผมใจสั่น ร้อนไปหมด ฮาา เเละผมก็ขายขาดทุนไปเพื่อเอาเงินกลับมา หุ้นที่ทำให้มีกําไรตัวเเรกเป็นหุ้น DCO_ ผลตอบเเทนจากการลงทุนนหุ้นโดยรวม มาจากเงินปันผล กำไรจากการขายเเต่ละครั้ง ไม่เยอะครับหลักร้อยบาท
ช่วงที่ลําบาก
ช่วงปิดเทอมยาว6เดือน เพื่อปรับเวลาเปิดเทอมตาม AEC ตอนนันทางบ้านส่งเงินให้พอสำหรับค่าหอ ส่วนค่ากินต้องทำงานหาเอง คล้ายๆ ไฟต์บังคับว่าคุณต้องทํางานนนะเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ช่วงลำบากจิงๆคือตอนปัญหาการเมืองครั้งใหญ่ มีกฎห้ามออกจากที่พักหลัง 4 ทุ่ม ถ้าผมจำไม่ผิด ทำให้ร้านต้องปิดเร็วขึ้น ลูกค้าก็หาย ชั่วโมงทำงานอาทิตย์นั้นผมเหลือ10-15 ชม. พอเงินออก มันก็ไม่พอกิน เลยต้อง หาวิธีทำให้ตัวเองอยู่รอด เเกงถุงนึง กิน2มื้อ มาม่าปลากระป๋องผมกินจน เหมือนร่างกายไม่รับ มันกินเเล้วมืดหัว บางครั้งก็ ต้มนํ้า ใส่คะนอ เเล้วก็ใส่ไข่ 1 ฟอง คล้ายๆ ต้มจืด กินกับข้าว 4 วันสุดท้ายก่อนเงินรอบใหม่จะออก ผมขอหยุดงาน เพื่อจะกลับไปบ้านเพราะเงินเหลือ 40 บาทพอใกล้จะกลับผมคิดว่าผมจะไม่กลับเเล้ว ถ้าผมผ่านช่วงนี้ไปได้ด้วยตัวเองผมจะเก่งขึ้น 4 วันสุดท้ายผมซื้อข้าวเหนียวจิ้มนํ้าพริกวันละ 10 บาท ท้องหิวเเต่ไม่มีอะไรจะกินมันทรมานมาก รู้ว่าร่างกายเเย่เเล้ว ความลำบากตอนนั้นทำให้ผมเตือนตัวเองจนถึงทุกวันนี้
เเนวคิดการบริหารเงิน
การบริหารเงินของผม ผมคิดเเบบนี้คือ ใช้ครึ่งนึงของที่หาได้ ในเเต่ละวัน เเต่เงินที่ใช้ จริงๆ เอาส่วนที่ทางบ้านส่งให้มาใช้ (ทางบ้านส่งให้เดือนละ 8-9พันบาท ค่าหอ+ค่านํ้า+ค่าไฟ+ค่าเน็ต 3200-3300 เหลือใช้ประมาณ 5700 )มันจะทําให้ผมมีวินัยในหารใช้จ่าย ตัวอย่าง วันนี้ทำงาน 5 ชม ได้ 200 บาท ผมจะต้องใช้ไม่เกิน 100 บาท
ผมจะใช้เงินกินไม่เกิน 120 ต่อวัน เเต่จะไม่ตึงมาก มีเกินบาง ตํ่ากว่าบ้าง ปนๆกันไป เพราะมันจะเครียดเกินไป ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เลยไม่เสียเงินไปกับรายจ่ายตรงส่วนนี้ เเละผมเป็นคนชอบทำกับข้าวกินเอง ผมก็ทำไปกินที่ทำงานด้วยครับเพราะบนห้างอาหารเเพง ไม่คุ้มกับค่าเเรง ต่อ 1 ชมของผม
เเหล่งรายได้
1. งาน Part -Time (รายได้หลัก 4000-5000 ต่อเดือน)
2.หุ้น
3.งานเสริม
4.เงินบางส่วนที่หักจากค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ทางบ้านส่งให้
เงินฝาก. 85,058
พอร์ท 15,000
สุดท้าย การทำงานไปเรียนไป ได้เห็นชีวิตพนักงานจากร้านอื่นๆ อาชีพอื่นๆ ทำให้ผมเหมือนรู้ว่าเรียนจบไปผมจะเจออะไร ทำให้ผมโตขึ้นมาก การจัดการกับความรับผิดชอบทั้งเรีองเรียน งาน เรีองส่วนตัว. ของผมดีขึ้นมาก ผมทำอะไรเป็นระบบเเละเร็วขึ้นเยอะ เวลาผมท้อ เหนื่อย ขี้เกียจทำงาน ผมจะพาตัวเองไปหาเเรงกระตุ้น ไปเดินดูคนสวยๆ รถสวยๆ ในห้างมันช่วยได้นะสำหรับผม
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ
เเชร์ เเนวคิด ประสบการณ์ สรา้งเงินเเสนก่อนเรียนจบจากพนักงาน Part -Time ค่าเเรง ชม ละ 40 บาท
ผมตั้งใจหาเงินจากหลายทาง เพื่อจะยืนได้ด้วยตัวเองเร็วๆ เเละจบไปพร้อมเงินตั้งตัวครับ ในใจผมคิดว่าอย่างน้อยในการเก็บเงิน 2 เดือนหลักหมื่นต้องขยับ อย่างน้อยต้องเดือนละ 5000 บาท ผมเลยลงตารางเวลางาน 5-6 วัน ใน1 สัปดาห์ เพื่อจะหาเงินฝากให้ได้ตามยอดอย่างน้อย 5000 ต่อเดือน
งาน Part -Time เเละงานเสริม
ผมเซนสัญญางาน 2 ปี กับที่ทำงาน(มีนาคม ก็ครบสัญญา 2 ปี เเล้วครับ) ร้านผมทำเป็นร้าน Steak สไตล์เมริกันครับ ในตำเเหน่ง เชฟ ค่าเเรงชั่วโมงละ 40 บาท มีค่าปิดร้านให ้30 บาท เงินเดือนเฉลี่ย 4000-5000 เเล้วเเต่ความขยัน เเละ ชั่วโมงทำงาน ช่วงปิดเทอมจะมีเวลาทำงานเยอะเงินเดือนจะขยับไปถึง 6000-7000 เเต่ก็ขึ้นอยู่กับยอดขาย ถ้ายอดขายดี ชั่วโมงทำงานก็จะเพิ่มไปด้วย ตารางเรียนเอื้อต่อการทำงานของผมมากใน1 ปี ที่ผ่านมาจึงมีเวลา ทำงานถึง 5-6 ในหนึ่งสัปดาห์
งานเสริมซึ่งเป็นเหล่งรายได้อีกหนึ่งทางของผม เช่น มีงานที่มาจัดในมหาวิทยาลัย เเล้วจ้างนักศึกษาเป็น staff วันทำงานพี่ทีมงานนัด 6 โมงเช้า เลิกงานบ่าย 2 ค่าเเรง 500 บาท เเละ 5 โมงเย็นถึง4ทุ่ม ผมเข้างานที่ร้านต่อเลย สรุปวันนั้นผมมีรายได้ 730 บาท
การลงทุนในหุ้น
ผมเปิดพอทตอนอายุ 21 ตอนนั้นเก็บเงินจากทํางานได้ประมาณ 3 หมื่น ผมเริ่มลงทุนในหุ้นตอนนั้น ผมจะหยุดทำงาน part-time เพราะเรียนค่อนข้างเยอะเลยจะมาหาเงินจากหุ้นเเทน ผมศึกษาข้อมูลจาก อินเทอร์เน็ตเเละหนังสือ เเต่พอลงสนามจริง เงินจริงๆ อารมณ์มันคนละเรื่องกับที่คิดไว้ ผมใส่ไปในพอร์ทครั้งเเรก 15000 บาท ผมซัอหุ้นตัวเเรกเเล้วขาดทุน มันทำให้ผมใจสั่น ร้อนไปหมด ฮาา เเละผมก็ขายขาดทุนไปเพื่อเอาเงินกลับมา หุ้นที่ทำให้มีกําไรตัวเเรกเป็นหุ้น DCO_ ผลตอบเเทนจากการลงทุนนหุ้นโดยรวม มาจากเงินปันผล กำไรจากการขายเเต่ละครั้ง ไม่เยอะครับหลักร้อยบาท
ช่วงที่ลําบาก
ช่วงปิดเทอมยาว6เดือน เพื่อปรับเวลาเปิดเทอมตาม AEC ตอนนันทางบ้านส่งเงินให้พอสำหรับค่าหอ ส่วนค่ากินต้องทำงานหาเอง คล้ายๆ ไฟต์บังคับว่าคุณต้องทํางานนนะเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ช่วงลำบากจิงๆคือตอนปัญหาการเมืองครั้งใหญ่ มีกฎห้ามออกจากที่พักหลัง 4 ทุ่ม ถ้าผมจำไม่ผิด ทำให้ร้านต้องปิดเร็วขึ้น ลูกค้าก็หาย ชั่วโมงทำงานอาทิตย์นั้นผมเหลือ10-15 ชม. พอเงินออก มันก็ไม่พอกิน เลยต้อง หาวิธีทำให้ตัวเองอยู่รอด เเกงถุงนึง กิน2มื้อ มาม่าปลากระป๋องผมกินจน เหมือนร่างกายไม่รับ มันกินเเล้วมืดหัว บางครั้งก็ ต้มนํ้า ใส่คะนอ เเล้วก็ใส่ไข่ 1 ฟอง คล้ายๆ ต้มจืด กินกับข้าว 4 วันสุดท้ายก่อนเงินรอบใหม่จะออก ผมขอหยุดงาน เพื่อจะกลับไปบ้านเพราะเงินเหลือ 40 บาทพอใกล้จะกลับผมคิดว่าผมจะไม่กลับเเล้ว ถ้าผมผ่านช่วงนี้ไปได้ด้วยตัวเองผมจะเก่งขึ้น 4 วันสุดท้ายผมซื้อข้าวเหนียวจิ้มนํ้าพริกวันละ 10 บาท ท้องหิวเเต่ไม่มีอะไรจะกินมันทรมานมาก รู้ว่าร่างกายเเย่เเล้ว ความลำบากตอนนั้นทำให้ผมเตือนตัวเองจนถึงทุกวันนี้
เเนวคิดการบริหารเงิน
การบริหารเงินของผม ผมคิดเเบบนี้คือ ใช้ครึ่งนึงของที่หาได้ ในเเต่ละวัน เเต่เงินที่ใช้ จริงๆ เอาส่วนที่ทางบ้านส่งให้มาใช้ (ทางบ้านส่งให้เดือนละ 8-9พันบาท ค่าหอ+ค่านํ้า+ค่าไฟ+ค่าเน็ต 3200-3300 เหลือใช้ประมาณ 5700 )มันจะทําให้ผมมีวินัยในหารใช้จ่าย ตัวอย่าง วันนี้ทำงาน 5 ชม ได้ 200 บาท ผมจะต้องใช้ไม่เกิน 100 บาท
ผมจะใช้เงินกินไม่เกิน 120 ต่อวัน เเต่จะไม่ตึงมาก มีเกินบาง ตํ่ากว่าบ้าง ปนๆกันไป เพราะมันจะเครียดเกินไป ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เลยไม่เสียเงินไปกับรายจ่ายตรงส่วนนี้ เเละผมเป็นคนชอบทำกับข้าวกินเอง ผมก็ทำไปกินที่ทำงานด้วยครับเพราะบนห้างอาหารเเพง ไม่คุ้มกับค่าเเรง ต่อ 1 ชมของผม
เเหล่งรายได้
1. งาน Part -Time (รายได้หลัก 4000-5000 ต่อเดือน)
2.หุ้น
3.งานเสริม
4.เงินบางส่วนที่หักจากค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ทางบ้านส่งให้
เงินฝาก. 85,058
พอร์ท 15,000
สุดท้าย การทำงานไปเรียนไป ได้เห็นชีวิตพนักงานจากร้านอื่นๆ อาชีพอื่นๆ ทำให้ผมเหมือนรู้ว่าเรียนจบไปผมจะเจออะไร ทำให้ผมโตขึ้นมาก การจัดการกับความรับผิดชอบทั้งเรีองเรียน งาน เรีองส่วนตัว. ของผมดีขึ้นมาก ผมทำอะไรเป็นระบบเเละเร็วขึ้นเยอะ เวลาผมท้อ เหนื่อย ขี้เกียจทำงาน ผมจะพาตัวเองไปหาเเรงกระตุ้น ไปเดินดูคนสวยๆ รถสวยๆ ในห้างมันช่วยได้นะสำหรับผม
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ