ขออนุญาตเอาลงมาไว้ในห้องนี้ด้วยนะครับ
สุรินทร์ซิตี้ “เงินทองคือมายา ข้าวปลาคือของจริง”
ข่าวที่สร้างแรงกระเพื่อมเกี่ยวกับบอลลีคได้อย่างดีในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นข่าว “บุรีรัมย์ยูไนเต็ด หยุดการสนับสนุนทีมสุรินทร์ซิตี้ ในฤดูกาลหน้า” ซึ่งความน่าเชื่อถือของข่าวอยู่ที่ 100% ครับ (ตรงนี้ต้องแยกให้ออกนะครับว่า “น่าเชื่อถือ” ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นจริง) เพราะข่าวออกมาจาก เพจออฟฟิลเชี่ยล ของทางสโมสรโดยตรงและที่สำคัญผู้ที่โพสต์ลงไปก็คือ แอดมินเพจที่เราๆน่าจะรู้กันดีว่าคือใคร ตรงนี้สร้างความตื่นเต้น แต่ก็ไม่ถึงกับ เกินคาด ครับ เพราะอะไรลองมาไล่ดูกันเป็นข้อๆไปดีกว่า
1. กระแสศรัทธาที่นับวันยิ่งดิ่งลงเหวแบบกู่ไม่กลับ ตรงนี้ไม่ใช่การมโนของผมแต่เพียงคนเดียวแน่ๆ สถิติ รูปภาพนัดเหย้า คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ข้องใจต้องการหาคำตอบ ทุกวันนี้อย่างดีที่สุดคือผู้ชมได้ที่ 500 คนก็ถือว่าหรูหราแล้วครับ แล้วลองแยกย่อยลงไปอีกว่านั่นมีแฟนๆของปราสาทสายฟ้าที่มาตามให้กำลังใจ นักบอล ของเขาอีกกี่คน เห็นภาพยังครับว่าจะเหลือแฟนๆคนสุรินทร์แท้ๆกี่คน?
2. คำประชดยอดฮิต “เตรียมตัวพัง” “เตรียมตัวหาสปอนเซอร์ใหม่ได้เลย” “จะมีปัญญาหาเงินเป็นล้านมาจากใหนทำทีม” 2.1 “เตรียมตัวพัง”...ไอ้พังน่ะมันไม่พังหรอกครับเพราะมันพังมาได้ 2 ปีกว่าๆแล้ว การเริ่มต้นตั้งไข่เพื่อก้าวเดินใหม่ในทัศนะของผมไม่ถือว่าพังแต่อย่างใดครับ เพราะการเริ่มต้นเดินมันต้องมีล้มบ้างเป็นเรื่องธรรมดา การเอาท่วงท่าลีลาการเดินของเด็กไปเปรียบกับผู้ใหญ่ เช่น เอาสุรินทร์ที่กำลังจะเกิดใหม่ไปเปรียบเทียบกะ บุรีรัมย์ยูฯที่ฮ็อตอยู่แล้ว จึงเป็น ตรรกะที่ค่อนข้างจะวิบัติมากๆ เพราะมันไม่มีอะไรที่เปรียบกันได้เลย
2.2 “เตรียมตัวหาสปอนเซอร์ใหม่ได้เลย”...ของตายครับ เมื่อสปอนเซอร์เก่าถอนตัว จะด้วยว่าหมดสัญญาหรือหาข้อสรุปตรงกันไม่ได้ก็ตาม ทีมบอลก็ต้องหาสปอนเซอร์ใหม่ตามวัฏจักรหรือวิถีทางของฟุตบอลครับ เราจะเห็นว่าบางทีมก็ลงเล่นแบบไม่มีสปอนเซอร์คาดหน้าอกถมไป จริงๆสุรินทร์เอฟซี (ในยุคแรก) ก็ลงเล่นลงแข่งแบบไม่มีสปอนเซอร์คาดหน้าอกนะครับ ที่สำคัญอันดับไม่ขี้เหร่เท่าตอนที่มีสปอนเซอร์ 10 ล้าน ด้วยนะครับ เรื่องนี้จริงๆ มันอยู่ที่ความพอใจของผู้บริหารสูงสุดกับเจ้าของห้างร้านครับ จะเอาสปอนเซอร์ทีมภูธรที่จ่าย สามแสน ห้าแสน ไปเทียบกับสปอนเซอร์ระดับ บุรีรัมย์ฯ หรือ เมืองทอง แบบนั้นก็ตรรกะวิบัติครับ เพราะแค่สปอนเซอร์เล็กๆตรงแขนของทีมใดทีมนึงในสองทีมนี้คงมีมูลค่ารวมกันมากกว่าสปอนเซอร์ทั้งตัวของทีมสุรินทร์ไม่ว่าจะยุคเก่า หรือชุดเตรียมกำเนิดใหม่แน่ๆ จริงมั๊ยครับ
2.3 “จะมีปัญญาหาเงินเป็นล้านมาจากไหนทำทีม”...ถ้าทำแบบเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ขี้ตามช้าง ไม่โอเว่อร์จนเกินไป ผมก็เชื่อในศักยภาพของคนสุรินทร์อยู่ครับว่าเรื่องนี้ “เขาเอาอยู่” มีความจำเป็นตรงไหนสำหรับทีมที่เพิ่งเกิดใหม่จะต้องจ้างนักเตะค่าเหนื่อยเดือนเป็นแสน หรือเฉลี่ยทั้งทีมที่รายละ 3 4 5 หมื่น ค่าจ้างโค้ชจ้างสต๊าฟเดือนเป็นแสนๆ นั่นจึงเป็นการโง่อย่างมากครับที่ทีมที่เพิ่งจะได้สิทธิ์เป็นตัวของตัวเองจะทำแบบนั้น ทรัพยากรบุคคลของสุรินทร์ไม่ได้อัตคัดขาดแคลนเลย ตรงนี้ผมวิเคราะห์ว่าสุรินทร์ยุคใหม่น่าจะผ่านไปได้และเป้าหมายที่วางไว้ใน 2-3 ปีแรกคงไม่สูงขนาดที่ต้องจะไป ดี1 ในทันทีแน่นอนครับ อ้อๆ อีกอย่าง เลิกเอาเงินค่าใช้จ่าย ค่าเหนื่อยนักเตะของบุรีรัมย์ยูฯมากระแนะกระแหน ว่าที่นักเตะสุรินทร์เถอะนะครับ มันเทียบกันไม่ได้ทุกขุมกำลังหรอกครับ แต่ผมก็เชื่ออย่างนึง นอกจาก สุริยา แล้วเด็กๆอะคาเดมี่บุรีรัมย์ที่ลงๆเตะอยู่เนี่ยก็ไม่น่าจะได้รับค่าเหนื่อยสูงลิบลิ่วขนาดที่ว่าคนสุรินทร์คงไม่มีปัญญาจ้างเด็กสุรินทร์เล่นได้หรอก
3. สัญญายืมตัว....นี่คงเป็นการยืมตัวที่น่า..........(เติมคำเอาเอง) มีทีมบอลทีมไหนบ้างที่ยืมตัวผู้เล่นเด็กของทีมอื่นมาทั้งกระบิแบบนี้ สมัยที่ ราชบุรีมิตรผลยืมตัวผู้เล่นจากบุรีรัมย์ฯ ราชบุรีฯยืมตัวขนาดนี้มั๊ย? ราชบุรีฯยังมีนักเตะในสังกัดตัวเองอยู่ใช่หรือไม่? แฟนบุรีรัมย์ฯมักพิมพ์ใส่เป็นประจำเมื่อแฟนๆสุรินทร์ถามถึงการโยกตัวไปแบบกังขาค้านสายตาว่า “ก็นักเตะเป็นของบุรีรัมย์ และนั่นก็แค่สัญญายืมตัว เขาจะเรียกกลับตอนไหนก็ได้” มันก็ได้ครับ แล้วนึกถึงจิตใจของสิ่งที่เรียกว่า “กองเชียร์” บ้างไหม คุณเข้ามาโปรยยาหอมว่า เราจะไปดี1 บ้างล่ะ เราจะติดท็อปทรี บ้างล่ะ แต่การกระทำมันสวนทางนะครับ แฟนๆบอลสุรินทร์ไม่ได้กินหญ้า กินยอดไม้ หรือ รากไม้เป็นอาหาร 3 มื้อนะครับ ภาพแฟนบอลที่ลดลงฮวบฮาบในสนามนั่นแหละคือคำตอบที่เขามีให้กับการกระทำที่ดูไม่จริงใจแบบนี้ นักเตะบางคนกำลังเป็นขวัญใจพ่อยกแม่ยกคนสุรินทร์ เลกหลังกลับต้นสังกัดในขณะที่สถานการณ์ยังลูกผีลูกคน บางคนมีดีกรีพ่วงท้ายว่า “วันเดอร์คิด” แทนที่จะได้อยู่ช่วยทีมที่กำลังลุ้นขึ้นที่ 11 (เพราะปัจจุบันอยู่ที่ 12) ต้นสังกัดเรียกไปนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อให้มีชื่อว่า เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในไทยพรีเมียร์ ถามว่าผิดมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ผิดเพราะนั่นคือสิทธิ์ของต้นสังกัด แต่เคยคิดบ้างไหมว่าคนพื้นถิ่นเขาจะคิดยังไงในมุมมองเดียวกันแต่ให้คำตอบคนละเรื่องเลย....
4. นักเตะใหม่ก็ส่งมานะต่างชาติด้วย....แล้วมันทันการณ์มั๊ยครับ? เชนโจว ไม่ใช่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เขาปลื้มและเอาเป็นไอด้อล ส่วนน้องไข่มุกอีกคนผมก็ไม่รู้ว่าคลำสกอร์เจอรึยัง และเช่นกันน้องไข่มุกไซส์เล็กอีกคนก็ยังไม่สามารถเป็นปราการหลังที่ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้ ในขณะที่แฟนๆบอลทีมร่วมลีคอื่นๆสนุกสนานและลุ้นกันอย่างตื่นเต้นว่าจะปิดดีลคว้าตัวผู้เล่นคนสำคัญคนไหนมา กลับกันแฟนๆทีมสุรินทร์ไม่ได้มีความรู้สึกนี้เลย ถ้าจะมีก็คงเป็นแนวที่ว่า “เด็กคนไหนจะถูกส่งมาเพาะตัว” “เฮ้ย ไอ้นี่ย้ายกลับบุรีรัมย์ฯแล้ว” หลายๆคนมักคิดว่า เด็กอะคาเดมี่บุรีรัมย์ฯต้องเจ๋งและล้ำกว่านักเตะภูธรทีมอื่นๆ นั่นจึงเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ครับ...
ใจเขาใจเราครับ ทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านอาจจะมองว่าคนสุรินทร์งี่เง่าเรียกร้องนู่นนี่ ท่านลองเอาดวงใจของคนดูบอลคนสุรินทร์ไปใส่บ้างนะครับท่านจะรู้ว่าที่เขาโดนมานั้นมันเจ็บช้ำ มันจุกขนาดไหน บุรีรัมย์ฯไม่ผิดหรอกครับ บุรีรัมย์ฯทำดีที่สุดแล้ว และคนสุรินทร์ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ก็ไม่มีใครผิดครับ คิดซะว่าเราได้รับรสชาติที่แปลกใหม่ได้รับประสบการณ์ที่หาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้ จากนี้ต่อไปหากข่าวที่จั่วหัวไว้เป็นความจริง ฟุตบอลสุรินทร์คงเจริญเติบโต รึไม่ก็ล้มลุกคลุกคลานไปตามวิถีทางและครรลองของมันเอง...ขอบคุณครับที่ทนอ่านจนจบ
สุรินทร์ซิตี้ เมื่อเงินทองคือมายา ข้าวปลาคือของจริง
สุรินทร์ซิตี้ “เงินทองคือมายา ข้าวปลาคือของจริง”
ข่าวที่สร้างแรงกระเพื่อมเกี่ยวกับบอลลีคได้อย่างดีในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นข่าว “บุรีรัมย์ยูไนเต็ด หยุดการสนับสนุนทีมสุรินทร์ซิตี้ ในฤดูกาลหน้า” ซึ่งความน่าเชื่อถือของข่าวอยู่ที่ 100% ครับ (ตรงนี้ต้องแยกให้ออกนะครับว่า “น่าเชื่อถือ” ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นจริง) เพราะข่าวออกมาจาก เพจออฟฟิลเชี่ยล ของทางสโมสรโดยตรงและที่สำคัญผู้ที่โพสต์ลงไปก็คือ แอดมินเพจที่เราๆน่าจะรู้กันดีว่าคือใคร ตรงนี้สร้างความตื่นเต้น แต่ก็ไม่ถึงกับ เกินคาด ครับ เพราะอะไรลองมาไล่ดูกันเป็นข้อๆไปดีกว่า
1. กระแสศรัทธาที่นับวันยิ่งดิ่งลงเหวแบบกู่ไม่กลับ ตรงนี้ไม่ใช่การมโนของผมแต่เพียงคนเดียวแน่ๆ สถิติ รูปภาพนัดเหย้า คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ข้องใจต้องการหาคำตอบ ทุกวันนี้อย่างดีที่สุดคือผู้ชมได้ที่ 500 คนก็ถือว่าหรูหราแล้วครับ แล้วลองแยกย่อยลงไปอีกว่านั่นมีแฟนๆของปราสาทสายฟ้าที่มาตามให้กำลังใจ นักบอล ของเขาอีกกี่คน เห็นภาพยังครับว่าจะเหลือแฟนๆคนสุรินทร์แท้ๆกี่คน?
2. คำประชดยอดฮิต “เตรียมตัวพัง” “เตรียมตัวหาสปอนเซอร์ใหม่ได้เลย” “จะมีปัญญาหาเงินเป็นล้านมาจากใหนทำทีม” 2.1 “เตรียมตัวพัง”...ไอ้พังน่ะมันไม่พังหรอกครับเพราะมันพังมาได้ 2 ปีกว่าๆแล้ว การเริ่มต้นตั้งไข่เพื่อก้าวเดินใหม่ในทัศนะของผมไม่ถือว่าพังแต่อย่างใดครับ เพราะการเริ่มต้นเดินมันต้องมีล้มบ้างเป็นเรื่องธรรมดา การเอาท่วงท่าลีลาการเดินของเด็กไปเปรียบกับผู้ใหญ่ เช่น เอาสุรินทร์ที่กำลังจะเกิดใหม่ไปเปรียบเทียบกะ บุรีรัมย์ยูฯที่ฮ็อตอยู่แล้ว จึงเป็น ตรรกะที่ค่อนข้างจะวิบัติมากๆ เพราะมันไม่มีอะไรที่เปรียบกันได้เลย
2.2 “เตรียมตัวหาสปอนเซอร์ใหม่ได้เลย”...ของตายครับ เมื่อสปอนเซอร์เก่าถอนตัว จะด้วยว่าหมดสัญญาหรือหาข้อสรุปตรงกันไม่ได้ก็ตาม ทีมบอลก็ต้องหาสปอนเซอร์ใหม่ตามวัฏจักรหรือวิถีทางของฟุตบอลครับ เราจะเห็นว่าบางทีมก็ลงเล่นแบบไม่มีสปอนเซอร์คาดหน้าอกถมไป จริงๆสุรินทร์เอฟซี (ในยุคแรก) ก็ลงเล่นลงแข่งแบบไม่มีสปอนเซอร์คาดหน้าอกนะครับ ที่สำคัญอันดับไม่ขี้เหร่เท่าตอนที่มีสปอนเซอร์ 10 ล้าน ด้วยนะครับ เรื่องนี้จริงๆ มันอยู่ที่ความพอใจของผู้บริหารสูงสุดกับเจ้าของห้างร้านครับ จะเอาสปอนเซอร์ทีมภูธรที่จ่าย สามแสน ห้าแสน ไปเทียบกับสปอนเซอร์ระดับ บุรีรัมย์ฯ หรือ เมืองทอง แบบนั้นก็ตรรกะวิบัติครับ เพราะแค่สปอนเซอร์เล็กๆตรงแขนของทีมใดทีมนึงในสองทีมนี้คงมีมูลค่ารวมกันมากกว่าสปอนเซอร์ทั้งตัวของทีมสุรินทร์ไม่ว่าจะยุคเก่า หรือชุดเตรียมกำเนิดใหม่แน่ๆ จริงมั๊ยครับ
2.3 “จะมีปัญญาหาเงินเป็นล้านมาจากไหนทำทีม”...ถ้าทำแบบเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ขี้ตามช้าง ไม่โอเว่อร์จนเกินไป ผมก็เชื่อในศักยภาพของคนสุรินทร์อยู่ครับว่าเรื่องนี้ “เขาเอาอยู่” มีความจำเป็นตรงไหนสำหรับทีมที่เพิ่งเกิดใหม่จะต้องจ้างนักเตะค่าเหนื่อยเดือนเป็นแสน หรือเฉลี่ยทั้งทีมที่รายละ 3 4 5 หมื่น ค่าจ้างโค้ชจ้างสต๊าฟเดือนเป็นแสนๆ นั่นจึงเป็นการโง่อย่างมากครับที่ทีมที่เพิ่งจะได้สิทธิ์เป็นตัวของตัวเองจะทำแบบนั้น ทรัพยากรบุคคลของสุรินทร์ไม่ได้อัตคัดขาดแคลนเลย ตรงนี้ผมวิเคราะห์ว่าสุรินทร์ยุคใหม่น่าจะผ่านไปได้และเป้าหมายที่วางไว้ใน 2-3 ปีแรกคงไม่สูงขนาดที่ต้องจะไป ดี1 ในทันทีแน่นอนครับ อ้อๆ อีกอย่าง เลิกเอาเงินค่าใช้จ่าย ค่าเหนื่อยนักเตะของบุรีรัมย์ยูฯมากระแนะกระแหน ว่าที่นักเตะสุรินทร์เถอะนะครับ มันเทียบกันไม่ได้ทุกขุมกำลังหรอกครับ แต่ผมก็เชื่ออย่างนึง นอกจาก สุริยา แล้วเด็กๆอะคาเดมี่บุรีรัมย์ที่ลงๆเตะอยู่เนี่ยก็ไม่น่าจะได้รับค่าเหนื่อยสูงลิบลิ่วขนาดที่ว่าคนสุรินทร์คงไม่มีปัญญาจ้างเด็กสุรินทร์เล่นได้หรอก
3. สัญญายืมตัว....นี่คงเป็นการยืมตัวที่น่า..........(เติมคำเอาเอง) มีทีมบอลทีมไหนบ้างที่ยืมตัวผู้เล่นเด็กของทีมอื่นมาทั้งกระบิแบบนี้ สมัยที่ ราชบุรีมิตรผลยืมตัวผู้เล่นจากบุรีรัมย์ฯ ราชบุรีฯยืมตัวขนาดนี้มั๊ย? ราชบุรีฯยังมีนักเตะในสังกัดตัวเองอยู่ใช่หรือไม่? แฟนบุรีรัมย์ฯมักพิมพ์ใส่เป็นประจำเมื่อแฟนๆสุรินทร์ถามถึงการโยกตัวไปแบบกังขาค้านสายตาว่า “ก็นักเตะเป็นของบุรีรัมย์ และนั่นก็แค่สัญญายืมตัว เขาจะเรียกกลับตอนไหนก็ได้” มันก็ได้ครับ แล้วนึกถึงจิตใจของสิ่งที่เรียกว่า “กองเชียร์” บ้างไหม คุณเข้ามาโปรยยาหอมว่า เราจะไปดี1 บ้างล่ะ เราจะติดท็อปทรี บ้างล่ะ แต่การกระทำมันสวนทางนะครับ แฟนๆบอลสุรินทร์ไม่ได้กินหญ้า กินยอดไม้ หรือ รากไม้เป็นอาหาร 3 มื้อนะครับ ภาพแฟนบอลที่ลดลงฮวบฮาบในสนามนั่นแหละคือคำตอบที่เขามีให้กับการกระทำที่ดูไม่จริงใจแบบนี้ นักเตะบางคนกำลังเป็นขวัญใจพ่อยกแม่ยกคนสุรินทร์ เลกหลังกลับต้นสังกัดในขณะที่สถานการณ์ยังลูกผีลูกคน บางคนมีดีกรีพ่วงท้ายว่า “วันเดอร์คิด” แทนที่จะได้อยู่ช่วยทีมที่กำลังลุ้นขึ้นที่ 11 (เพราะปัจจุบันอยู่ที่ 12) ต้นสังกัดเรียกไปนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อให้มีชื่อว่า เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในไทยพรีเมียร์ ถามว่าผิดมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ผิดเพราะนั่นคือสิทธิ์ของต้นสังกัด แต่เคยคิดบ้างไหมว่าคนพื้นถิ่นเขาจะคิดยังไงในมุมมองเดียวกันแต่ให้คำตอบคนละเรื่องเลย....
4. นักเตะใหม่ก็ส่งมานะต่างชาติด้วย....แล้วมันทันการณ์มั๊ยครับ? เชนโจว ไม่ใช่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เขาปลื้มและเอาเป็นไอด้อล ส่วนน้องไข่มุกอีกคนผมก็ไม่รู้ว่าคลำสกอร์เจอรึยัง และเช่นกันน้องไข่มุกไซส์เล็กอีกคนก็ยังไม่สามารถเป็นปราการหลังที่ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้ ในขณะที่แฟนๆบอลทีมร่วมลีคอื่นๆสนุกสนานและลุ้นกันอย่างตื่นเต้นว่าจะปิดดีลคว้าตัวผู้เล่นคนสำคัญคนไหนมา กลับกันแฟนๆทีมสุรินทร์ไม่ได้มีความรู้สึกนี้เลย ถ้าจะมีก็คงเป็นแนวที่ว่า “เด็กคนไหนจะถูกส่งมาเพาะตัว” “เฮ้ย ไอ้นี่ย้ายกลับบุรีรัมย์ฯแล้ว” หลายๆคนมักคิดว่า เด็กอะคาเดมี่บุรีรัมย์ฯต้องเจ๋งและล้ำกว่านักเตะภูธรทีมอื่นๆ นั่นจึงเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ครับ...
ใจเขาใจเราครับ ทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านอาจจะมองว่าคนสุรินทร์งี่เง่าเรียกร้องนู่นนี่ ท่านลองเอาดวงใจของคนดูบอลคนสุรินทร์ไปใส่บ้างนะครับท่านจะรู้ว่าที่เขาโดนมานั้นมันเจ็บช้ำ มันจุกขนาดไหน บุรีรัมย์ฯไม่ผิดหรอกครับ บุรีรัมย์ฯทำดีที่สุดแล้ว และคนสุรินทร์ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ก็ไม่มีใครผิดครับ คิดซะว่าเราได้รับรสชาติที่แปลกใหม่ได้รับประสบการณ์ที่หาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้ จากนี้ต่อไปหากข่าวที่จั่วหัวไว้เป็นความจริง ฟุตบอลสุรินทร์คงเจริญเติบโต รึไม่ก็ล้มลุกคลุกคลานไปตามวิถีทางและครรลองของมันเอง...ขอบคุณครับที่ทนอ่านจนจบ