สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกชาวบอร์ดพันทิพย์
นี่เป็นกระทู้แรกของผม (เห็นขึ้นกันงี้ทุกคน แต่นี่เป็นกระทู้แรกของเราจริงๆนะ)
ก่อนอ่าน ขอเตือนก่อนว่า
- ถ้าคุณหวังว่าอยากได้เรื่องที่ เป็น Happy Ending ให้ข้ามเรื่องนี้ไป
- ถ้าคุณคิดว่า จขกท จะมาพูดเพื่อให้ตัวเองดูดี หรืออาจจะรุ้สึกได้ว่า จขกท เป็นคนดีให้ผ่านไป เพราะผมจะเล่าทุกด้าน และผมไม่ใช่คนดี
ถามว่าทำไมถึงต้องมาเล่า ?
ผมรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่ผมเก็บไว้มาตลอดระยะเวลา 3-4 เดือน เลยอยากระบายมันออกมา จะพยายามเล่าให้ละเอียดที่สุด โดยจะพยายามรวบรัดให้ตรงประเด็น ส่วนนึงตัวผมเป็นคนที่ ถ้าคิดมาก แล้วจะเสียดหน้าอก เข้าใจว่าเกิดจากอาการของโรคเกี่ยวกับความดัน
ผมยินดี ที่จะรับ คำแนะนำ คำติเตียน คำด่า ข้อเสนอแนะ ทุกๆ อย่าง เกี่ยวกับชีวิตผม ด้วยเหตุและผล
ผมยินดี ที่จะตอบคำถาม ของทุกๆ ข้อซักถาม ด้วยความสัจจริงทุกประการ
ปล 1 : ผมพิมพ์ใน Word ก่อนเอามาโพส ยังไงถ้าโพสแล้ว ห่วยแตก อ่านยาก หรืออย่างไรก็ดี แนะนำได้นะครับ ผมจะได้แก้ไข
ปล 2 : คำพูดบางคำ อาจจะไม่ใช่แบบนี้ 100 % เพราะผมคงไม่สามารถจำได้หมด แต่รูปแบบของประโยค จะประมาณนี้
ปล 3 : ผมเป็นคน เลือกแฟน เลือกคนรัก เลือกครอบครัว เลือกเพื่อน ตามลำดับ (ผมเลือกแฟนมากกว่าเพื่อน)
ปล 4 : ผมเข้าใจว่า ผมไม่ควรมาระบาย เรื่องบ้าๆ แบบนี้ในช่วยที่สถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ แต่ผมแย่จริงๆ ครับ
พอดีผมย้อน feed ของ FB ตัวเองเมื่อคืนนี้ ย้อนไปจนกระทั่ง ก่อนเราจะตกลงคบกัน ตั้งแต่เราเป็นเพื่อน ประมาณช่วง April ผมรู้สึกมีความสุข มากๆ
จุดเริ่มต้น .....
ผมขอเรียกตัวเองว่า F (มันมาจากคำย่อที่เป็นภาษาไทยคำนึง เมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ จะย่อเป็นตัวนี้ได้) และเรียกเธอว่า C (เช่นกันกับตัวผม) มันเริ่มจากการที่ เธอเป็นแฟนของเพื่อนผมคนนึง และผมก็เป็นเพื่อนกับเธอ ระยะแรกๆ เราคุยกันในหลายๆ เรื่อง ตอนนั้นผมอกหักจากแฟนเก่าคนนึง ที่คุยกันมาได้ราวๆ 2 ปี แล้วเธอก็หนีไปมีคนใหม่ (แฟนเก่าผมคนนี้อยู่ต่างประเทศ) ผมได้ C นี่แหล่ะ ที่คุยกับผมในทุกๆ เรื่อง ผมระบายทุกอย่างให้เธอฟัง จนกระทั่ง วันนึง ผมเริ่มเข็มแข็ง เริ่มเดินไปจีบคนอื่นได้ ผมก็ยังคงเล่า ในหลายๆปัญหา ปรึกษาเธอ ทุกๆ เรื่อง ทั้งความรัก เรื่องงาน เรื่องที่บ้าน เรื่องชีวิต เราคุยกันมาเป็นปีๆ โดยที่ยังอยู่ในสถานะของคำว่า ‘’ เพื่อนสนิท ‘’ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ผม ที่จะระบายเรื่องผมให้เธอฟัง แต่เธอระบายบางเรื่องของเธอให้ผมฟังเช่นกัน
จนกระทั่ง วันนึงเธอมาบอก ’’ชอบ ‘’ ผม ตอนนั้นผมช๊อคครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วผมก็ ‘’ ชอบ ‘’ เธอเช่นกัน ติดอยู่ที่ว่า เธอ เป็นเพื่อน เป็นแฟนเพื่อน แถมยังเป็นคนที่ไม่ ตรง สเปคผมเอาซะเลย คือผมจะอธิบายคร่าวๆ ก่อนละกันครับ
คือบ้านเธอ เป็นครอบครัวที่จัดได้ว่าอยู่ในระดับมีฐานะในสายตาของผม เธอเป็นคนตัวเล็กๆ ครับ ดูหมวยๆ หน่อย ผิวขาวๆ แถมเรายังอายุเท่ากัน ซึ่งโดยปกติตัวผมเองแล้ว จะมีกำแพงกั้น สำหรับคนแบบนี้ คือผมไม่ชอบคนมีฐานะครับ เพราะผมมองว่า ตัวผมเป็นคนจนครับ ผมพยายามจะสร้างชีวิตและอนาคต ผมอยากได้คนที่พร้อมจะจับมือ แล้วก้าวไปกับผมพร้อมๆ กัน ผมชอบผู้หญิงตัวสูง อาจจะไม่ต้องหุ่นนางแบบ มากกว่าคนตัวเล็กๆ ครับ ผมชอบคนผิวสีแทน มากกว่าสีขาว เพราะผมคิดเอาว่า เค้าดูสู้แดด สู้งาน มากกว่าสำอางอยู่ในล่ม ผมไม่ชอบคนอายุเท่ากัน หรือเด็กกว่า (แต่จริงๆ คนก่อนหน้า ก็เด็กกว่านะ

) เพราะผมเหนื่อย ที่จะเป็นคนนำไปตลอด ความคิดผมบางอย่างค่อนข้างโตกว่าวัยผมเลยมโนเอาว่า คนที่อยู่ในวัยเด็กกว่า หรือวัยเดียวกัน จะคิดไม่ค่อยทันผม หรือไม่ค่อยเข้าใจและเข้าถึงผม ..... อย่าเดียวเลย ที่ตรงสเปคผมสำหรับเธอเลย แล้วเป็นสิ่งที่ผมแพ้มาตลอดชีวิต คือเธอเป็นผู้หญิงเก่งครับ
จริงๆ แล้วเธอเคยบอกผมว่า
‘’ คนแบบเธอน่ะ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนรับได้ หรือชอบหรอก เธอจู้จี้เกินไป จุกจิกเกินไป ใส่ใจเกินไป เรื่องเยอะ นิสัยเหมือนผู้หญิง จำไว้นะถ้ามีใคร เข้ามาอีก แล้วรับเธอได้ จับเค้าไว้แน่นๆ ‘’
แต่ว่าโอ้ววว ให้ตายสิ เธอหยอดผม หยอดอยู่ทุกวัน จนเธอมาบอกว่าชอบผม สุดท้ายแล้ว เขื่อนผมแตกครับ กำแพงที่วางไว้ทั้งหมดพัง ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ ผมหมายถึงเหตุผลด้านความรู้สึกนะครับ ผมจึงเลือกจะตอบเธอ ในวันที่ เธอบอกว่า
‘’ ไม่แน่ว่า ความสัมพันบางอย่างที่เธอเป็นกับใครบางคนใกล้ๆ ตัวอาจจะไม่ใช่แบบที่เธอคิดจากมุมมองของเค้า ‘’
ผมตอบกลับไปว่า
‘’ ก็ไม่แน่ว่า เราอาจจะคิดหรือรู้สึกเหมือนเหมือนคนที่เค้าคิดหรือรู้สึกกับเราก็ได้นะ แล้วเราก็รู้สึกได้ว่า คนที่คิดแบบนั้น มันคือเธอ.... เธอชอบเราใช่มั้ย ชอบมานานแค่ไหนแล้ว ‘’
เธอตอบอึ้งไปครับ แล้วตอบผมว่า
‘’ ใช่เราชอบเธอ ชอบมานานแล้ว ชอบมาตั้งแต่สมัยที่เราฟังเรื่องเธอกับ P (แฟนเก่า) แล้ว เราประทับใจที่เธอเอาใจใส่คนที่เธอรักมากขนาดนั้น เราเคยฝันว่าถ้าวันนึง มันเป็นเรา มันคงจะดี เราจะไม่ทำให้เธอเสียใจ ตอนนี้เรายอมรับความรู้สึก ของเราแล้วนะ แล้วเธอล่ะ รู้สึกยังไง ‘’
*เธอบอกว่าความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อผม คือการที่ผมใส่ใจแฟนเก่า ขนาดที่ว่า จำวันที่ประจำเดือนมาได้ ด้วยความที่แฟนเก่าผม ประจำเดือนมาไม่เคยปกติสักวัน ผมเลยต้องคอยจำ เพื่อบอกให้นางคอยกินยา คอยดูแลตัวเอง เพราะว่าเราอยู่ไกลกันคนละซีกโลก ที่ผมทำ ก็ทำได้แค่คอยห่วงใยเรื่องพวกนี้
ผมเงียบไปครู่นึง แล้วตอบเธอกลับไปว่า
‘’ เราบอกเธอขนาดนี้แล้ว วันนี้เราจะไม่เอาความคิด ไม่เอาเหตุผล พูดกับเธอ แต่เราจะตอบเธอ จากทุกๆ ความรู้สึกในหัวใจเรา ‘’ ‘’ใช่เราชอบเธอ อาจจะชอบมานานแล้ว แต่มันมีหลายๆ อย่างกั้นไว้ บางทีเราก็คิดว่า ที่เราไปจีบคนอื่นเยอะแยะมากมาย แบบที่เราเล่าให้เธอฟังบ่อยๆ มันคือการที่เรา เดินหนีความรู้สึกของตัวเอง เราคงตกหลุมแล้วล่ะ หลุมที่เราจงใจจะตกลงมา แบบไม่มีวันอยากจะขึ้นไปอีกแล้ว ‘’
สรุปว่าตอนนั้นเราต่างยอมรับความรู้สึกของตัวเองครับ แต่ด้วยหลายๆ อย่างที่กั้นอยู่ ด้วยความที่เธอ เป็นแฟนของเพื่อนผม เราเลยเหมือน ต้องพับ ทุก ๆ อย่างตรงนั้นเก็บไว้ ในตอนแรก จนกระทั่งจุดนึง ที่มันไม่ไหว เราทั้งคู่ต่างโหยหากัน เราจึงตกลงว่า เราควรยอมรับความจริง เราควรบอกคนอื่น ว่าตอนนี้เราเป็นแบบไหน แล้วยอมรับผลของมันซะ
แน่นอนครับว่า มันมีปัญหาตามมามากมายเพราะอย่างที่รู้กันว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ตัวผมเองด้วยความเป็นผู้ชาย ผมพยายามรับเรื่องเอาไว้ทั้งหมดในตอนแรก ใครจะด่าจะว่าผม ก็เอาเลยครับ เรื่องนี้ผมผิด ในตอนนั้น ผมคิดแบบนั้น ด้วยความที่ C เป็นผู้หญิงด้วย ผมไม่อยากให้เธอมารับเรื่องอะไรแรงๆ แบบนี้ จนกระทั่ง จุดนึงมั้งครับ เธอเลือกที่จะเคลียเอง แต่ให้ตายเถอะ ปัญหามันยิ่งหนักกว่า สุดท้ายผมเลยขอให้เธออยู่นิ่งๆ แล้วผมก็จัดการปัญหาทุกอย่างทั้งหมดครับ … การจัดการปัญหาของผม คือการยอมรับผิด แต่ก็ยอมรับความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน ไปขอโทษเพื่อน ขอโทษทุกคน แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากรับไหว้ ทุกคนเลิกคบผม ซึ่งก็ไม่แปลก มันเป็นผลที่ผมควรจะรับในเมื่อ ผมเลือกเธอ มากกว่าทุกอย่างในโลก ตอนนั้นคิดว่า ถ้าโดนเพื่อน เอาปืนมายิง หรือกระทืบจนตาย ก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อย ก็ได้บอกความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว ถึงจะเป็นรักที่เหมือนรักต้องห้าม ก็ตาม
จนกระทั่ง เราผ่านทุกเรื่องมาด้วยกันครับ ซึ่งแน่นอนในมุมของคนที่รักกัน เรามองว่า เราฝ่าฟันอุปสรรคมาจนเราได้คบกัน
จนเธอบอกกับผมว่า
‘’ เรื่องในวันนี้ขอให้จำไว้ อย่าลืมนะ นี่เป็นอุปสรรคแรก ที่ใหญ่มากๆ จนไม่คิดว่า เราจะผ่านมันมาได้ แต่เราทั้งคู่ก็จับมือประคับประครองกันจนผ่านมันมาได้ ต่อไปจะไม่มีอะไรที่ทำให้เราผ่านมันไปไม่ได้อีก ถ้าทะเลาะกัน ก็ขอให้นึกถึงเรื่องนี้ไว้นะ ‘’
ผมบอกเธอว่า
‘’ ความรักก็เหมือนตะเกียง คนที่รักกัน เหมือนคนที่คอยเติมน้ำมันให้ตะเกียง ถ้าวันนึง น้ำมันมันเริ่มหมด เราก็ต้องช่วยกันเติม เพื่อให้ตะเกียงนั้น ยังคงมีแสง ถ้าวันใดวันนึง คนนึงเหนื่อย หมดแรง อยากพัก อีกคนนึง จะเป็นคนที่ เติมตะเกียงนั้น ไม่วันปล่อยให้มันดับ เราจะจับมือกัน และไม่ว่า อนาคตปัญหามันจะรุนแรง หนักหนา หรืออุปสรรค มันมากมายแค่ไหน แต่เราจะไม่ปล่อยมือกัน เราจะไม่ทิ้งกัน เราจะช่วยกันเติมน้ำมันให้ตะเกียงดวงนี้ โชตช่วงอยู่ตลอดเวลา ‘’
‘’ สัญญากับเค้านะ ‘’
‘’ อื้ม เราสัญญา ‘’
** ขอดราม่านิดนึงครับ :: ระหว่างที่ผมพิมพ์อยู่ ผมรู้สึกเจ็บหน้าอก จนกระทั่ง น้ำตาไหลออกมาเองนี่เป็นอีกครั้ง หลังกจากที่ผมตั้งใจจะไม่เสียใจเรื่องนี้อีก ผมกลับต้องน้ำตาไหลอีกแล้ว........
EDIT : เพิ่มเว้นวรรค ให้อ่านง่ายครับ >''<
เมื่อผมเอาเพื่อน ที่รักที่สุดคนนึง มาเป็นคนรัก .....
นี่เป็นกระทู้แรกของผม (เห็นขึ้นกันงี้ทุกคน แต่นี่เป็นกระทู้แรกของเราจริงๆนะ)
ก่อนอ่าน ขอเตือนก่อนว่า
- ถ้าคุณหวังว่าอยากได้เรื่องที่ เป็น Happy Ending ให้ข้ามเรื่องนี้ไป
- ถ้าคุณคิดว่า จขกท จะมาพูดเพื่อให้ตัวเองดูดี หรืออาจจะรุ้สึกได้ว่า จขกท เป็นคนดีให้ผ่านไป เพราะผมจะเล่าทุกด้าน และผมไม่ใช่คนดี
ถามว่าทำไมถึงต้องมาเล่า ?
ผมรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่ผมเก็บไว้มาตลอดระยะเวลา 3-4 เดือน เลยอยากระบายมันออกมา จะพยายามเล่าให้ละเอียดที่สุด โดยจะพยายามรวบรัดให้ตรงประเด็น ส่วนนึงตัวผมเป็นคนที่ ถ้าคิดมาก แล้วจะเสียดหน้าอก เข้าใจว่าเกิดจากอาการของโรคเกี่ยวกับความดัน
ผมยินดี ที่จะรับ คำแนะนำ คำติเตียน คำด่า ข้อเสนอแนะ ทุกๆ อย่าง เกี่ยวกับชีวิตผม ด้วยเหตุและผล
ผมยินดี ที่จะตอบคำถาม ของทุกๆ ข้อซักถาม ด้วยความสัจจริงทุกประการ
ปล 1 : ผมพิมพ์ใน Word ก่อนเอามาโพส ยังไงถ้าโพสแล้ว ห่วยแตก อ่านยาก หรืออย่างไรก็ดี แนะนำได้นะครับ ผมจะได้แก้ไข
ปล 2 : คำพูดบางคำ อาจจะไม่ใช่แบบนี้ 100 % เพราะผมคงไม่สามารถจำได้หมด แต่รูปแบบของประโยค จะประมาณนี้
ปล 3 : ผมเป็นคน เลือกแฟน เลือกคนรัก เลือกครอบครัว เลือกเพื่อน ตามลำดับ (ผมเลือกแฟนมากกว่าเพื่อน)
ปล 4 : ผมเข้าใจว่า ผมไม่ควรมาระบาย เรื่องบ้าๆ แบบนี้ในช่วยที่สถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ แต่ผมแย่จริงๆ ครับ
พอดีผมย้อน feed ของ FB ตัวเองเมื่อคืนนี้ ย้อนไปจนกระทั่ง ก่อนเราจะตกลงคบกัน ตั้งแต่เราเป็นเพื่อน ประมาณช่วง April ผมรู้สึกมีความสุข มากๆ
จุดเริ่มต้น .....
ผมขอเรียกตัวเองว่า F (มันมาจากคำย่อที่เป็นภาษาไทยคำนึง เมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ จะย่อเป็นตัวนี้ได้) และเรียกเธอว่า C (เช่นกันกับตัวผม) มันเริ่มจากการที่ เธอเป็นแฟนของเพื่อนผมคนนึง และผมก็เป็นเพื่อนกับเธอ ระยะแรกๆ เราคุยกันในหลายๆ เรื่อง ตอนนั้นผมอกหักจากแฟนเก่าคนนึง ที่คุยกันมาได้ราวๆ 2 ปี แล้วเธอก็หนีไปมีคนใหม่ (แฟนเก่าผมคนนี้อยู่ต่างประเทศ) ผมได้ C นี่แหล่ะ ที่คุยกับผมในทุกๆ เรื่อง ผมระบายทุกอย่างให้เธอฟัง จนกระทั่ง วันนึง ผมเริ่มเข็มแข็ง เริ่มเดินไปจีบคนอื่นได้ ผมก็ยังคงเล่า ในหลายๆปัญหา ปรึกษาเธอ ทุกๆ เรื่อง ทั้งความรัก เรื่องงาน เรื่องที่บ้าน เรื่องชีวิต เราคุยกันมาเป็นปีๆ โดยที่ยังอยู่ในสถานะของคำว่า ‘’ เพื่อนสนิท ‘’ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ผม ที่จะระบายเรื่องผมให้เธอฟัง แต่เธอระบายบางเรื่องของเธอให้ผมฟังเช่นกัน
จนกระทั่ง วันนึงเธอมาบอก ’’ชอบ ‘’ ผม ตอนนั้นผมช๊อคครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วผมก็ ‘’ ชอบ ‘’ เธอเช่นกัน ติดอยู่ที่ว่า เธอ เป็นเพื่อน เป็นแฟนเพื่อน แถมยังเป็นคนที่ไม่ ตรง สเปคผมเอาซะเลย คือผมจะอธิบายคร่าวๆ ก่อนละกันครับ
คือบ้านเธอ เป็นครอบครัวที่จัดได้ว่าอยู่ในระดับมีฐานะในสายตาของผม เธอเป็นคนตัวเล็กๆ ครับ ดูหมวยๆ หน่อย ผิวขาวๆ แถมเรายังอายุเท่ากัน ซึ่งโดยปกติตัวผมเองแล้ว จะมีกำแพงกั้น สำหรับคนแบบนี้ คือผมไม่ชอบคนมีฐานะครับ เพราะผมมองว่า ตัวผมเป็นคนจนครับ ผมพยายามจะสร้างชีวิตและอนาคต ผมอยากได้คนที่พร้อมจะจับมือ แล้วก้าวไปกับผมพร้อมๆ กัน ผมชอบผู้หญิงตัวสูง อาจจะไม่ต้องหุ่นนางแบบ มากกว่าคนตัวเล็กๆ ครับ ผมชอบคนผิวสีแทน มากกว่าสีขาว เพราะผมคิดเอาว่า เค้าดูสู้แดด สู้งาน มากกว่าสำอางอยู่ในล่ม ผมไม่ชอบคนอายุเท่ากัน หรือเด็กกว่า (แต่จริงๆ คนก่อนหน้า ก็เด็กกว่านะ
จริงๆ แล้วเธอเคยบอกผมว่า
‘’ คนแบบเธอน่ะ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนรับได้ หรือชอบหรอก เธอจู้จี้เกินไป จุกจิกเกินไป ใส่ใจเกินไป เรื่องเยอะ นิสัยเหมือนผู้หญิง จำไว้นะถ้ามีใคร เข้ามาอีก แล้วรับเธอได้ จับเค้าไว้แน่นๆ ‘’
แต่ว่าโอ้ววว ให้ตายสิ เธอหยอดผม หยอดอยู่ทุกวัน จนเธอมาบอกว่าชอบผม สุดท้ายแล้ว เขื่อนผมแตกครับ กำแพงที่วางไว้ทั้งหมดพัง ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ ผมหมายถึงเหตุผลด้านความรู้สึกนะครับ ผมจึงเลือกจะตอบเธอ ในวันที่ เธอบอกว่า
‘’ ไม่แน่ว่า ความสัมพันบางอย่างที่เธอเป็นกับใครบางคนใกล้ๆ ตัวอาจจะไม่ใช่แบบที่เธอคิดจากมุมมองของเค้า ‘’
ผมตอบกลับไปว่า
‘’ ก็ไม่แน่ว่า เราอาจจะคิดหรือรู้สึกเหมือนเหมือนคนที่เค้าคิดหรือรู้สึกกับเราก็ได้นะ แล้วเราก็รู้สึกได้ว่า คนที่คิดแบบนั้น มันคือเธอ.... เธอชอบเราใช่มั้ย ชอบมานานแค่ไหนแล้ว ‘’
เธอตอบอึ้งไปครับ แล้วตอบผมว่า
‘’ ใช่เราชอบเธอ ชอบมานานแล้ว ชอบมาตั้งแต่สมัยที่เราฟังเรื่องเธอกับ P (แฟนเก่า) แล้ว เราประทับใจที่เธอเอาใจใส่คนที่เธอรักมากขนาดนั้น เราเคยฝันว่าถ้าวันนึง มันเป็นเรา มันคงจะดี เราจะไม่ทำให้เธอเสียใจ ตอนนี้เรายอมรับความรู้สึก ของเราแล้วนะ แล้วเธอล่ะ รู้สึกยังไง ‘’
*เธอบอกว่าความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อผม คือการที่ผมใส่ใจแฟนเก่า ขนาดที่ว่า จำวันที่ประจำเดือนมาได้ ด้วยความที่แฟนเก่าผม ประจำเดือนมาไม่เคยปกติสักวัน ผมเลยต้องคอยจำ เพื่อบอกให้นางคอยกินยา คอยดูแลตัวเอง เพราะว่าเราอยู่ไกลกันคนละซีกโลก ที่ผมทำ ก็ทำได้แค่คอยห่วงใยเรื่องพวกนี้
ผมเงียบไปครู่นึง แล้วตอบเธอกลับไปว่า
‘’ เราบอกเธอขนาดนี้แล้ว วันนี้เราจะไม่เอาความคิด ไม่เอาเหตุผล พูดกับเธอ แต่เราจะตอบเธอ จากทุกๆ ความรู้สึกในหัวใจเรา ‘’ ‘’ใช่เราชอบเธอ อาจจะชอบมานานแล้ว แต่มันมีหลายๆ อย่างกั้นไว้ บางทีเราก็คิดว่า ที่เราไปจีบคนอื่นเยอะแยะมากมาย แบบที่เราเล่าให้เธอฟังบ่อยๆ มันคือการที่เรา เดินหนีความรู้สึกของตัวเอง เราคงตกหลุมแล้วล่ะ หลุมที่เราจงใจจะตกลงมา แบบไม่มีวันอยากจะขึ้นไปอีกแล้ว ‘’
สรุปว่าตอนนั้นเราต่างยอมรับความรู้สึกของตัวเองครับ แต่ด้วยหลายๆ อย่างที่กั้นอยู่ ด้วยความที่เธอ เป็นแฟนของเพื่อนผม เราเลยเหมือน ต้องพับ ทุก ๆ อย่างตรงนั้นเก็บไว้ ในตอนแรก จนกระทั่งจุดนึง ที่มันไม่ไหว เราทั้งคู่ต่างโหยหากัน เราจึงตกลงว่า เราควรยอมรับความจริง เราควรบอกคนอื่น ว่าตอนนี้เราเป็นแบบไหน แล้วยอมรับผลของมันซะ
แน่นอนครับว่า มันมีปัญหาตามมามากมายเพราะอย่างที่รู้กันว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ตัวผมเองด้วยความเป็นผู้ชาย ผมพยายามรับเรื่องเอาไว้ทั้งหมดในตอนแรก ใครจะด่าจะว่าผม ก็เอาเลยครับ เรื่องนี้ผมผิด ในตอนนั้น ผมคิดแบบนั้น ด้วยความที่ C เป็นผู้หญิงด้วย ผมไม่อยากให้เธอมารับเรื่องอะไรแรงๆ แบบนี้ จนกระทั่ง จุดนึงมั้งครับ เธอเลือกที่จะเคลียเอง แต่ให้ตายเถอะ ปัญหามันยิ่งหนักกว่า สุดท้ายผมเลยขอให้เธออยู่นิ่งๆ แล้วผมก็จัดการปัญหาทุกอย่างทั้งหมดครับ … การจัดการปัญหาของผม คือการยอมรับผิด แต่ก็ยอมรับความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน ไปขอโทษเพื่อน ขอโทษทุกคน แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากรับไหว้ ทุกคนเลิกคบผม ซึ่งก็ไม่แปลก มันเป็นผลที่ผมควรจะรับในเมื่อ ผมเลือกเธอ มากกว่าทุกอย่างในโลก ตอนนั้นคิดว่า ถ้าโดนเพื่อน เอาปืนมายิง หรือกระทืบจนตาย ก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อย ก็ได้บอกความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว ถึงจะเป็นรักที่เหมือนรักต้องห้าม ก็ตาม
จนกระทั่ง เราผ่านทุกเรื่องมาด้วยกันครับ ซึ่งแน่นอนในมุมของคนที่รักกัน เรามองว่า เราฝ่าฟันอุปสรรคมาจนเราได้คบกัน
จนเธอบอกกับผมว่า
‘’ เรื่องในวันนี้ขอให้จำไว้ อย่าลืมนะ นี่เป็นอุปสรรคแรก ที่ใหญ่มากๆ จนไม่คิดว่า เราจะผ่านมันมาได้ แต่เราทั้งคู่ก็จับมือประคับประครองกันจนผ่านมันมาได้ ต่อไปจะไม่มีอะไรที่ทำให้เราผ่านมันไปไม่ได้อีก ถ้าทะเลาะกัน ก็ขอให้นึกถึงเรื่องนี้ไว้นะ ‘’
ผมบอกเธอว่า
‘’ ความรักก็เหมือนตะเกียง คนที่รักกัน เหมือนคนที่คอยเติมน้ำมันให้ตะเกียง ถ้าวันนึง น้ำมันมันเริ่มหมด เราก็ต้องช่วยกันเติม เพื่อให้ตะเกียงนั้น ยังคงมีแสง ถ้าวันใดวันนึง คนนึงเหนื่อย หมดแรง อยากพัก อีกคนนึง จะเป็นคนที่ เติมตะเกียงนั้น ไม่วันปล่อยให้มันดับ เราจะจับมือกัน และไม่ว่า อนาคตปัญหามันจะรุนแรง หนักหนา หรืออุปสรรค มันมากมายแค่ไหน แต่เราจะไม่ปล่อยมือกัน เราจะไม่ทิ้งกัน เราจะช่วยกันเติมน้ำมันให้ตะเกียงดวงนี้ โชตช่วงอยู่ตลอดเวลา ‘’
‘’ สัญญากับเค้านะ ‘’
‘’ อื้ม เราสัญญา ‘’
** ขอดราม่านิดนึงครับ :: ระหว่างที่ผมพิมพ์อยู่ ผมรู้สึกเจ็บหน้าอก จนกระทั่ง น้ำตาไหลออกมาเองนี่เป็นอีกครั้ง หลังกจากที่ผมตั้งใจจะไม่เสียใจเรื่องนี้อีก ผมกลับต้องน้ำตาไหลอีกแล้ว........
EDIT : เพิ่มเว้นวรรค ให้อ่านง่ายครับ >''<