เสือร้ายซ่อนเล็บ (๔) ๑๙ ส.ค.๕๘

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

ซ้องกั๋ง.....เสือร้ายซ่อนเล็บ

ตอนที่ ๔ เป็นกบฏเพราะพู่กัน

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อ ซ้องกั๋ง อ้างชื่อโงวหยง ว่าเป็นคนรู้จักกัน ไตจงถึงกับสดุ้งวางกระบองแล้วถามว่าเหตุใดจึงรู้จักพวกเขาเนียซัวเปาะ ซ้องกั๋งว่ารู้จักกับโงวหยงแล้วจะทำไมหรือ ไตจงจึงเข้ามาจับมือถามชื่อแซ่ ซ่องกั๋งก็บอกให้รู้โดยดี ไตจงตกใจพูดว่า

".....ข้าพเจ้านี้ไม่รู้จัก เชิญพี่ไปที่อื่นเถิด จะได้คุกเข่าคำนับขออภัย....."

ซ้องกั๋งตอบขอบใจ แล้วหยิบเอาหนังสือของโงวหยงกับเงินทองอีกเล็กน้อย ชวนกันออกไปนั่งที่โรงสุราในเมือง

เมื่อนั่งโต๊ะบนเหลาสูงเรียบร้อยแล้ว ซ้องกั๋งก็ส่งหนังสือของโงวหยงให้ไตจงอ่าน พออ่านจบไตจง ก็คุกเข่าลงคำนับ แล้วขอโทษที่ได้ทวงเงินค่าธรรมเนียม และว่ากล่าวล่วงเกินไป ซ้องกั๋งก็ว่ารู้แล้วแต่ต้องการจะให้ตัวมาพบเองจะได้สนทนากัน จึงได้แกล้งพูดจาดังนั้น วันนี้ได้พบกันก็มีความยินดีนัก แล้วก็ให้ทางร้านจัดสุราอาหารมาเลี้ยงฉลองกันตามธรรมเนียม

ขณะที่ทั้งสองเสพสุราสนทนากันอยู่ ก็มีเสียงวิวาทอื้ออึงข้างล่าง ไตจงจึงขอตัวไปห้ามปราม ครู่หนึ่งก็พาตัวชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดุร้ายเข้ามา แนะนำว่าชื่อ ลีขุย เป็นชาวเมืองกิจิว มีโทษตีคนตายมาติดคุกอยู่ที่นี่ ครั้นพ้นโทษแล้วก็ไม่กลับบ้าน คงสมัครเป็นทหารผู้น้อยอยู่ด้วยกัน เป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็ง ถือขวานสองมือเป็นอาวุธ ถ้าเสพสุราแล้วเมาดุร้ายนัก

แล้วแนะนำให้รู้จักกับซ้องกั๋ง ว่าเป็นคนสัตย์ซื่อใจคอโอบอ้อมอารี มีชื่อเสียงเลื่องลือ ลีขุยก็คุกเข่าลงคำนับ ซ้องกั๋งถามว่าเกิดเรื่องอะไรจึงวิวาทกัน ลีขุยบอกว่ามีเงินเหรียญหนักสิบตำลึง เอาไปจำนำไว้ที่โรงเตี๊ยมเป็นเงินเล็กน้อย พอจะไปขอขึ้นเงิน เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่ให้จึงวิวาทกัน

ซ้องกั๋งก็ให้เงินเอาไปถ่ายออกมาเสีย ลีขุยดีใจรับเงินแล้วรีบออกไปทันที ไตจงก็ว่าห้ามไม่ทัน ซึ่งลีขุยเอาเงินไปถ่ายของที่จำนำไว้นั้นไม่จริง คงจะเอาไปซื้อสุราและเล่นเบี้ยตามเคย ซ้องกั๋งก็หัวเราะว่าเงินเล็กน้อยไม่เป็นไร ลีขุยนี้เห็นว่าพอจะคบกันได้

ไตจงก็ว่าลีขุยมีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญไม่เกรงกลัวผู้ใด แต่เมาแล้วเกะกะเกเร ชอบวิวาทกับคนทั้งปวง ภายหน้าอาจจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เป็นแน่ ซ้องกั๋งว่าเอาไว้ใช้เมื่อเวลาอับจนก็แล้วกัน

เมื่อซ้องกั๋งกับไตจงเสพสุราพอแล้ว ก็คิดเงินให้เจ้าของร้าน แล้วพากันออกไปเดินเล่นในตลาด ก็เจอลีขุยวิวาทกับพวกในบ่อนเบี้ยอีก ซ้องกั๋งช่วยไกล่เกลี่ยให้เลิกแล้วต่อกันไปอีก รายหนึ่ง จากนั้นก็ชวนกันไปเสพสุราต่อที่เก๋งปีแป๋เต็ง ริมแม่น้ำชิมเอียงกัง สั่งให้จัดโต๊ะอาหารและเอาสุราอย่างดีมาดื่ม

เจ้าของก็เอาสุราชื่อ เง็กหูชุนมาตั้งให้ ลีขุยเห็นถ้วยสุราเล็กนักก็บ่นว่าดื่มไม่สบาย ไตจงว่าจะดื่มให้เมาสักเพียงไหน ซ้องกั๋งก็ตามใจให้เอาชามใหญ่มารินสุราให้ลีขุย แล้วว่าถ้ามีปลาสดมาแกล้มเหล้าก็จะดี ไตจงจึงให้เงินเจ้าของร้านไปหาปลาสดมาทำอาหารให้กินกัน

ลีขุยก็กินปลาจนหมด แล้วกินเนื้อกระบือต่อไปอีก ลงท้ายก็ออกไปหาปลา ว่าจะเอาอย่างดี มาให้ซ้องกั๋ง ไตจงจึงว่า

".....ลีขุยนี้ว่ากล่าวห้ามปรามสิ่งใดก็ไม่เชื่อฟัง ทำให้พี่อับอายแก่ผู้คนเป็นหนักหนา พี่อย่าถือโทษข้าพเจ้าเลย....."

ซ้องกั๋งก็ว่า

".....ด้วยสันดานเกิดมาเช่นนั้นแล้ว จะทำอย่างไรได้....."

ทั้งสองนั่งพูดจาสนทนากันอยู่นาน ไม่เห็นลีขุยกลับมา ก็ลงจากเก๋งตามไปเจอลีขุยกำลังต่อสู้อยู่กับคนขายปลา หน้าตาดุร้ายรูปร่างขาวสูงใหญ่พอกัน อายุประมาณสามสิบปีเศษ มีหนวดเล็กน้อย พอไตจงตวาดลีขุย คนขายปลาก็วิ่งหนีไป

ไตจงว่าถ้าคนผู้นั้นตายมิต้องไปติดโทษหรือ ลีขุยเถียงว่ากลัวโทษจะถึงพี่ ถ้าไม่กระนั้นก็ตีตายเสียแล้ว ซ้องกั๋งว่าอย่าวุ่นวายนักเลย ไปเสพสุราต่อดีกว่า แล้วก็ชวนลีขุยเดินเลียบแม่น้ำกลับไปที่เก๋งเดิม

คนขายปลากลับไปถึงเรือ ก็ถอดเครื่องแต่งกายเหลือแต่กางเกงขาก๊วย รีบลงเรือแจวตามมาอย่างรวดเร็ว พอทันก็ร้องท้าทายลีขุยว่า วันนี้เราจะต่อสู้ให้เห็นฝีมือกัน ลีขุยเดินอยู่ รั้งท้ายจึงหยุดรอริมฝั่ง แล้วบอกให้ขึ้นมาสู้กันบันบก ชายผู้ท้าว่ากล้าดีลงมาในเรือซิ ลีขุยก็โกรธโดดลงไปในเรือ คนขายปลาก็ค้ำถ่อเรือออกไปกลางแม่น้ำแล้วว่า

".....เวลาวันนี้คงจะเห็นดี แต่เราจะให้เจ้ากินน้ำเสียก่อน จึงค่อยต่อสู้กัน....."

ว่าแล้วก็คว่ำเรือให้ล่ม ลีขุยตกลงไปในน้ำ คนขายปลาเข้ามากดคอลีขุยจมลงไปใต้น้ำ พอจะสิ้นหายใจก็ปล่อยให้ผุดขึ้นมา แล้วก็กดจมลงไปอีก จนลีขุยแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว ไตจงกับซ้องกั๋งจึงย้อนกลับมาถึง

ไตจงถามชาวบ้านก็ได้ความว่า คนขายปลาชื่อเตียสุน ซ้องกั๋งก็รำลึกได้ว่าเป็นน้องชายของเตียหวย จึงบอกไตจงว่า พี่ชายของเตียสุนฝากหนังสือมาให้ จงคิดแก้ไขช่วยลีขุยโดยเร็วเถิด

ไตจงจึงร้องห้ามเตียสุนแล้วขอเชิญขึ้นมาพูดจากันก่อนด้วยมีหนังสือมาจากพี่ชาย

เตียสุนจำไตจงได้จึงปล่อยมือจากลีขุย แล้วว่ายน้ำขึ้นมาบนฝั่ง คำนับไตจงในฐานะขุนนางผู้คุมคุก ไตจงว่าคนที่วิวาทด้วยนั้นเป็นพี่น้องกันเอง ช่วยพยุงขึ้นจากน้ำด้วย เตียสุน ก็โดดลงน้ำว่ายไปฉุดลีขุยขึ้นมาบนฝั่งได้อย่างง่ายดายเหมือนเดินในน้ำ แล้วก็ชวนกันไปเสพสุราที่เก๋งอย่างเดิม

เตียสุนเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บเรือเข้าที่แล้ว ก็มาร่วมสนทนากับไตจงบนเก๋งด้วย ไตจงก็แนะนำให้รู้จักซ้องกั๋ง เตียสุนเคยได้ยินชื่อเสียงก็คุกเข่าคำนับ ซ้องกั๋งเล่าความที่ได้รู้จักกับเตียหวย แล้วเอาหนังสือที่รับฝากมาให้เตียสุน

ไตจงถามเตียสุนว่าไม่รู้จักลีขุยหรือ เตียสุนบอกว่าเคยเห็นแต่ยังไม่ได้ลองฝีมือกัน ไตจงว่าถ้าไม่วิวาทกันก็คงไม่รู้จักกัน ลีขุยว่าดีแล้วมากดกันจมน้ำเกือบขาดใจตาย ถ้าไม่พบกันบนบกบ้างก็แล้วไป เตียสุนจึงว่าท่านก็ตีเราเจียนตายมิไช่หรือ เราจะไปคอย อยู่ทางน้ำแม้นได้พบกันก็คงเห็นฝีมืออีก แล้วทั้งหมดก็หัวเราะ เลิกโกรธเคืองกันต่อไป

หลังจากที่ ซ้องกั๋ง ได้รู้จักกับ ไตจง ลีขุย และ เตียสุน แล้ว กลับมาถึงคุกก็ป่วยไข้ไม่สบายต้องกินยารักษาตัว เตียสุนกลับไปบ้านอ่านหนังสือของพี่ชาย ที่ฝากฝังซ้องกั๋งแล้ว ก็แวะเวียนเข้าไปดูแล เมื่อเห็นว่าป่วยไข้จะไปหาหมอมารักษา ซ้องกั๋งก็ห้ามไว้ว่า เพียงแต่เจียดยามากินสักห่อหนึ่งก็คงหาย ส่วนปลาที่เอามาฝาก ก็เอาไปให้กวนเอีย กับผู้คุมเสีย

เมื่อได้ยามาแล้วซ้องกั๋งก็ให้คนคุกที่เฝ้าดูแลอยู่ ต้มยาให้กินเพียงหกเจ็ดวันก็หาย จึงออกไปเที่ยวเตร่ในเมือง ไปหาไตจงที่บ้านใกล้ศาลเจ้ากวนอิมไม่พบ เลยไปหาเตียสุนแถวหมู่บ้านใกล้แม่น้ำก็ไม่เจออีก จึงเข้าไปในเหลาสูงชื่อชิมเอียงเหลา เที่ยวชมรูปภาพต่าง ๆ ที่เขียนไว้บนฝาผนัง แล้วก็นั่งโต๊ะ สั่งสุราอาหารมานั่งกินอยู่คนเดียว

เมื่อเสพสุราอย่างดีเข้าไปมาจนมึนเมา ก็นั่งรำพึงคิดถึงชีวิตของตนเองว่า

"....ตัวเรานี้เกิดมาก็ได้ร่ำเรียนหนังสือ คบพวกพ้องที่มีฝีมือเข้มแข็งไว้เป็นอันมาก ชื่อเสียงปรากฎทั้งแผ่นดิน ปรารถนาจะให้ได้ดีก็ไม่เหมือนคิด ตัวซ้ำต้องโทษเนรเทศมาอยู่ที่เมืองนี้ บิดากับพี่น้องอยู่ที่บ้าน เมื่อครั้งไรจะได้เห็นหน้ากัน...."

ยิ่งคิดก็ยิ่งกินสุราก็ยิ่งเมามากขึ้น เห็นที่ฝาผนังมีคำโคลงต่าง ๆ เขียนไว้หลายสำนวน จึงขอยืมพู่กันและหมึกจากเจ้าของเหลา มาเขียนเพิ่มเติมไว้ว่า

"..ตัวเราเรียนหนังสือลึกซึ้ง อาจล่วงรู้การทั้งสิ้น เปรียบเหมือนเสือร้ายอดใจไว้ จะฆ่าฟันให้โลหิตไหลนอง ทั้งแม่น้ำชิมเอียงกัง....."

แล้วก็กลับไปเขียนต่อไว้ทางผนังตรงข้ามอีกว่า

".....จิตใจอยู่ที่บ้านซัวตัง ตัวมาอยู่ที่เมืองกังจิว เที่ยวซัดเซไปได้ความลำบาก ถ้าแม้นพบยามมีวาสนาก็จะทำ ให้ยิ่งกว่า ฮวงเฉา เมื่อครั้งแผ่นดินเหงาโต้ว มิให้คนทั้งปวงหัวเราะได้จะให้สรรเสริญว่าชาติชายทหารแท้....."

และลงชื่อไว้เรียบร้อย ว่าซ้องกั๋งอยู่ที่หุนเสียกุ้ยเป็นผู้แต่ง แล้วนั่งเสพสุราต่อไปอีกไม่นาน ก็ชำระเงินแล้วกลับมานอนหลับในที่คุมขัง เมื่อตื่นขึ้นตอนเช้าก็จำไม่ได้ว่าไปทำอะไรที่ไหนมา

ต่อมา อึงบุนเปง ขุนนางตำแหน่งน้อยเมืองบออุยกุน ซึ่งขึ้นกับเมืองกังจิว อยู่ไม่ห่างไกลกันเพียงคนละฟากแม่น้ำ แจ้งว่า ชัวเกาตีฮู บุตรขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวง ออกมาเป็นเจ้าเมืองกังจิว ก็จัดหาสิ่งของต่าง ๆ มาคำนับ และพูดจาประจบประแจง หวังจะใคร่ได้เป็นขุนนางใหญ่โตขึ้น ทั้ง ๆ ที่เป็นคนคดโกงข่มเหงราษฎรชาวบ้านอยู่เสมอ

วันหนึ่งเอาข้าวของจะไปให้เจ้าเมือง เห็นมีคนมาหามาก ก็เลยแวะเข้าไปนั่งใน อิมเชียงเหลาเสียก่อน เที่ยวชมรูปสัตว์และดอกไม้ ตลอดจนคำโคลงบนฝาผนัง เรื่อยไปจนเจอคำโคลงที่ซ้องกั๋งเขียนไว้เมื่อวันก่อน เปรียบตนเองเหมือนเสือร้ายซ่อนเล็บ ก็รู้สึกแค้นเคืองว่า คนโทษนี้บังอาจนัก จะคิดกบฏให้ยิ่งกว่าเมื่อครั้งฮวงเฉาอีกด้วย

จึงยืมหมึกและพู่กันจากเจ้าของเหลา ลอกคำโคลงนั้นไว้ แล้วก็เอามาให้เจ้าเมืองกังจิว ในวันรุ่งขึ้น

ชัวเกาตีฮูเจ้าเมืองก็ต้อนรับอึงบุนเปงให้นั่งสนทนากัน ชัวเกาเล่าว่าเมื่อวันก่อนมีท้องตราจากเมืองหลวงกำชับว่า ขุนนางฝ่ายโหรได้ตรวจดู เห็นว่าดาวร้ายส่องสว่างอยู่ข้างเมืองหงอ เมืองฌ้อ จะเกิดโจรผู้ร้ายมาย่ำยีให้ระวังรักษาเมืองให้ดี มีเด็กร้องเพลงว่า

".....สืบไปภายหน้าบ้านเมืองจะเกิดจลาจล เสียทรัพย์สินเงินทองมาก ผู้ที่จะเป็นต้นเหตุนั้น คือคนที่แซ่ซ้องชื่อกั๋ง มีพวกพ้องสามสิบหกคน จะเกิดขึ้นที่บ้านซัวตังก่อน เหตุฉะนี้จะต้องรักษาเมืองให้กวดขัน คอยจับคนผู้นั้นเสียให้ได้....."

อึงบุนเปงก็ว่าความนี้สำคัญนักหนา แล้วหยิบเอาคำโคลงที่คัดลอกมาจากอินเชียงเหลาให้เจ้าเมืองดู ชัวเกาซักถามว่า คนเขียนคำโคลงว่าจะคิดกบฏนี่อยู่ที่ไหน อึงบุนเปงว่าเป็นนักโทษอยู่ในคุกเมืองกังจิว เจ้าเมืองว่าคนโทษจะคิดกบฏได้อย่างไร อึงบุนเปงว่าอย่าประมาทต้องสอบสวนดูก่อน

ชัวเกาจึงให้เจ้าหน้าที่เอาบัญชีคนคุกมาตรวจ ก็พบชื่อซ้องกั๋งต้องโทษเนรเทศมาเมื่อเดือนห้าข้างขึ้น อึงบุนเปงเลยยุว่า ซ้องกั๋งคนนี้แหละ อย่าวางใจจงจับเอามาขังไว้เสียโดยเร็ว ก่อนที่จะคิดกบฏอย่างที่เขียนไว้ที่ข้างฝา.

##########

นิตยสารโล่เงิน
สิงหาคม ๒๕๔๑
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่