สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ไม่มีกฏหมายข้อไหนกำหนดไว้ค่ะ ว่าจบปริญญาตรีแล้วต้องมาเป็นมนุษย์เงินเดือน
จริงๆ แล้วถ้าน้องจบมาแล้วอยากทำธุรกิจส่วนตัวน้องก็ทำได้ค่ะ ถ้าน้องมีความสามารถ มีทุน และไม่เดือนร้อนครอบครัว
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองค่ะ การเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด และการทำธุรกิจส่วนตัวก็ไม่ได้ดีเสมอไป
เหรียญมีสองด้านเสมอ
ส่วนตัวเราเองตอนนี้เป็นทั้งมนุษย์เงินเดือน ทำธุรกิจส่วนตัว และเล่นหุ้น เลยได้เห็นว่าไม่มีแบบไหนดีกว่าแบบไหน
อยู่ที่เราถนัดที่จะทำแบบไหนและเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเราได้
สุดท้ายอยากฝากน้องๆ จบใหม่ค่ะ
ความฝันมีได้ แต่ต้องกินได้ด้วย ถ้าจะเอาแต่ทำตามความฝันแต่ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ไปเรื่อยๆ
เราว่ามันไม่ใช่ความฝันแต่มันคือ ภาระ ค่ะ
จริงๆ แล้วถ้าน้องจบมาแล้วอยากทำธุรกิจส่วนตัวน้องก็ทำได้ค่ะ ถ้าน้องมีความสามารถ มีทุน และไม่เดือนร้อนครอบครัว
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองค่ะ การเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด และการทำธุรกิจส่วนตัวก็ไม่ได้ดีเสมอไป
เหรียญมีสองด้านเสมอ
ส่วนตัวเราเองตอนนี้เป็นทั้งมนุษย์เงินเดือน ทำธุรกิจส่วนตัว และเล่นหุ้น เลยได้เห็นว่าไม่มีแบบไหนดีกว่าแบบไหน
อยู่ที่เราถนัดที่จะทำแบบไหนและเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเราได้
สุดท้ายอยากฝากน้องๆ จบใหม่ค่ะ
ความฝันมีได้ แต่ต้องกินได้ด้วย ถ้าจะเอาแต่ทำตามความฝันแต่ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ไปเรื่อยๆ
เราว่ามันไม่ใช่ความฝันแต่มันคือ ภาระ ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
ก็ทำที่ตัวเองอยากทำสิครับ
ถ้าคิดว่าตัวเราเองทำแบบไหนดี ก็ทำแบบนั้น
ส่วนใหญ่ผมเห็นเด็กๆเดี๋ยวนี้จบมาคิดแต่จะเป็นเจ้าของกิจการ
แต่ไม่ว่าจะอะไร มันมีข้อดีข้อเสียในตัวเองทั้งนั้นแหละครับ
หากคุณมีทักษะหรือความสามารถในการเป็นพนักงานบริษัท คุณทำงานบริษัทก็ย่อมจะดีกว่า
หากคุณมีทักษะหรือความสามารถในด้านที่เหมาะจะเป็นเจ้าของกิจการ คุณเปิดกิจการของตัวเองก็ย่อมจะดีกว่า
ผมมองว่า "เด็กเพิ่งจบ ประสบการณ์ยังไม่ค่อยมี" โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไปเปิดทำธุรกิจเอง โอกาสอยู่รอดมันต่ำมากครับ
แต่บางที การได้ "เจ๊ง" ด้วยตัวเอง ก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งเหมือนกันนะ มันทำให้เราต้องมองย้อนไป ว่าทำไม
เราถึงเจ๊ง เราทำผิดอะไรตรงไหน ถ้าคิดว่าเจ๋งพอ ไม่ต้องทำงานบริษัทครับ ออกมาทำเองเลยครับ
ความเห็น "ส่วนตัว" ของผม ผมว่าการไปเป็นลูกจ้างเขา อย่างน้อย 4-5 ปี จะทำให้คุณเข้าใจ
ถึงความเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และขั้นตอนการทำงานต่างๆ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
รวมถึงได้สะสมเงินทุนไประหว่างทางด้วย ถ้าคุณไม่เหลวไหลทำงานเช้าชามเย็นชาม ประสบการณ์มีให้เก็บเพียบ
เมื่อถึงจุดนึง ประสบการณ์ที่ได้ + เงินทุนที่มี คุณก็ออกมาดำเนินกิจการด้วยตัวเองได้เลย
จะทำให้ธุรกิจที่คุณตั้งขึ้นมานั้น มีโอกาสอยู่รอดด้วย และประสบการณ์ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
จะทำให้คุณมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและรู้ว่า ควรจะปฎิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชายังไง
ทำยังไงจะซื้อใจเขาได้
ทุกวันนี้ผมทำงานประจำมา ก็จะเข้าปีที่ 9 แล้ว ได้เห็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง
ทั้งประสบการณ์ การตัดสินใจ การรับแรงกดดันในการทำงาน หลายอย่าง
แต่ผมก็ยังไม่คิดว่าเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการเปิดกิจการเอง เห็นสมควรทำงานประจำไปด้วย
ลงทุนเป็นเจ้าของกิจการด้วยการถือหุ้นบริษัทมหาชนต่างๆไปด้วย น่าจะดีกว่า
ฝากไว้นิด "เจ๊ง" สะกดแบบนี้ครับ พิมพ์ผิดความหมายเปลี่ยนครับ
ถ้าคิดว่าตัวเราเองทำแบบไหนดี ก็ทำแบบนั้น
ส่วนใหญ่ผมเห็นเด็กๆเดี๋ยวนี้จบมาคิดแต่จะเป็นเจ้าของกิจการ
แต่ไม่ว่าจะอะไร มันมีข้อดีข้อเสียในตัวเองทั้งนั้นแหละครับ
หากคุณมีทักษะหรือความสามารถในการเป็นพนักงานบริษัท คุณทำงานบริษัทก็ย่อมจะดีกว่า
หากคุณมีทักษะหรือความสามารถในด้านที่เหมาะจะเป็นเจ้าของกิจการ คุณเปิดกิจการของตัวเองก็ย่อมจะดีกว่า
ผมมองว่า "เด็กเพิ่งจบ ประสบการณ์ยังไม่ค่อยมี" โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไปเปิดทำธุรกิจเอง โอกาสอยู่รอดมันต่ำมากครับ
แต่บางที การได้ "เจ๊ง" ด้วยตัวเอง ก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งเหมือนกันนะ มันทำให้เราต้องมองย้อนไป ว่าทำไม
เราถึงเจ๊ง เราทำผิดอะไรตรงไหน ถ้าคิดว่าเจ๋งพอ ไม่ต้องทำงานบริษัทครับ ออกมาทำเองเลยครับ
ความเห็น "ส่วนตัว" ของผม ผมว่าการไปเป็นลูกจ้างเขา อย่างน้อย 4-5 ปี จะทำให้คุณเข้าใจ
ถึงความเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และขั้นตอนการทำงานต่างๆ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
รวมถึงได้สะสมเงินทุนไประหว่างทางด้วย ถ้าคุณไม่เหลวไหลทำงานเช้าชามเย็นชาม ประสบการณ์มีให้เก็บเพียบ
เมื่อถึงจุดนึง ประสบการณ์ที่ได้ + เงินทุนที่มี คุณก็ออกมาดำเนินกิจการด้วยตัวเองได้เลย
จะทำให้ธุรกิจที่คุณตั้งขึ้นมานั้น มีโอกาสอยู่รอดด้วย และประสบการณ์ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
จะทำให้คุณมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและรู้ว่า ควรจะปฎิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชายังไง
ทำยังไงจะซื้อใจเขาได้
ทุกวันนี้ผมทำงานประจำมา ก็จะเข้าปีที่ 9 แล้ว ได้เห็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง
ทั้งประสบการณ์ การตัดสินใจ การรับแรงกดดันในการทำงาน หลายอย่าง
แต่ผมก็ยังไม่คิดว่าเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการเปิดกิจการเอง เห็นสมควรทำงานประจำไปด้วย
ลงทุนเป็นเจ้าของกิจการด้วยการถือหุ้นบริษัทมหาชนต่างๆไปด้วย น่าจะดีกว่า
ฝากไว้นิด "เจ๊ง" สะกดแบบนี้ครับ พิมพ์ผิดความหมายเปลี่ยนครับ
แสดงความคิดเห็น
มนุษย์ที่จบ ป.ตรีมา ทำไมต้องมาเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วย มีกฎหมายข้อไหนกำหนดไว้คะ