สวัสดีค่ะ
วันนี้จะนำภาพการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สยามมาแบ่งปันค่ะ

การเดินทางไม่เป็นไปตามที่เขาแนะนำเท่าไหร่ 555
นั่งรถเมล์สาย 80 จากหน้า The mall บางกะปิ ขึ้นรถประมาณบ่าย 2
(ขับอ้อมมากๆ แต่ก็เพลินๆแบบร้อนๆและเหม็นควันรถดีค่ะ)
รถเมล์ขับผ่านเส้นลาดพร้าว ไปตัดเข้าพหลโยธิน
และวิ่งตามทางจตุจักร สะพานควาย ไปจนถึงอนุสาวรีย์
เลี้ยวเข้าเส้นผ่านหน้า รพ.รามา ตัดเข้าถนนเส้นไหนไม่ทราบ
รู้ตัวอีกทีเจอ คลองถม สำเพ็ง สะพานพุทธ จอดเลย
เมื่อลงจากรถเมล์ เราก็เดินไปตามทางที่ไปสะพานพุทธค่ะ
เดินไปเรื่อยๆจะเจอท่าราชินี ที่นี่เดี๋ยวนี้สวยงามไฮโซมากเลยค่ะ
ไม่เคยมามาก่อน เดินต่อไปจนเจอสถานีตำรวจพระราชวัง เป็นอาคารทรงโบราณสวยเก๋
ตอนนี้บริเวณนี้กำลังทำทางรถไฟใต้ดินอยู่ เดินตรงไปจะเจอป้ายทางเข้า
(รอบๆอาจดูไม่สวยงามนิดนึง เพราะบริเวณรอบข้างกำลังก่อสร้าง)
ขวามือเป็นปากคลองตลาด ก็ถือว่ามาถึงแล้ว เย้!!!!

เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์ก็เป็นเวลาเกือบบ่าย 4 โมง ซึ่งจะเป็นเวลาที่เข้าชมได้ฟรีพอดี (นั่งรถเมล์เกือบ 2 ชั่วโมง จะเป็นลม 555)
แต่เราจะมีเวลาเที่ยวชมได้เพียง 2 ชั่วโมงเนื่องจาก พิพิธภัณฑ์ปิด 6 โมงเย็น

คราวนี้เมื่อถึงเวลา 16.00 น. เราก็ไปรับสายข้อมือ เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรีกันได้เลย

อาคารที่ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์มีความสวยงามมาก เป็นอาคารที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 4 มี 3 ชั้น

ชั้นที่ 1 เมื่อเข้าไปถึงจะเป็นห้องรับชมวิดีทัศน์เกริ่นเบาๆผ่านตัวละครทั้งเจ็ด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
พอออกมาจากห้องที่ 1 ก็จะมาเจอ....คำถามที่ว่า "ไทยคืออะไร" สร้างความอยากรู้อยากเห็นสู่ชั้นถัดไป
จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 เพื่อไปดูนิทรรศการห้องถัดไป แต่ระหว่างเดินขึ้นบันได เราก็จะได้เห็นท่าทางต่างๆของคนกบแดงไปด้วย
อยากรู้คนกบแดงคืออะไรต้องไปดูกันเอาเองนะคะ
พอขึ้นมาถึงชั้น 3 ห้องแรกที่เราจะได้เจอ ย้อนไปถึงยุคดึกดำบรรพ์ของพื้นที่ๆเราอาศัยอยู่ ที่เรียกว่า "ดินแดนสุวรรณภูมิ"
เพราะอะไรถึงมีชื่อเรียกแบบนี้ ที่นี่มีคำตอบ
ห้องถัดมาเราจะได้รู้จักสยามกันมากขึ้น ทั้งเรื่องบรรพชนของเรา การเกษตร การค้าขาย และความเชื่อ
จากนั้นก็มาเรียนรู้เรื่องของพระพุทธศาสตนาในห้อง 5 เสา นำเสนอหัวใจของพระพุทธศาสนาที่อยู่คู่กับเรามาอย่างยาวนาน
ใครยังไม่รู้ว่าหัวใจของศาสนาพุทธคืออะไร ห้ามพลาดเด็ดขาด
เดินมายังห้องต่อมา สุวรรณภูมิก็เปลี่ยนผ่านมาเป็นกรุงศรีอยุธยา เมืองที่มีศิลปะวัฒนธรรมมายาวนาน และเจริญรุ่งเรืองสุดขีด
จนกระทั่งกรุงศรีฯได้สูญสลายไปจากภัยสงคราม
ที่พิพิธภัณฑ์สยาม มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนอกจากความรู้ที่ได้รับกับไป
ยังมีความสนุกสนาน จากเกมส์ต่างๆที่มีให้เล่นตลอดทางที่เยี่ยมชม หนึ่งในเกมส์นั้นคือ เกมส์ยิงปืนใหญ่
เมื่อเล่นเกมส์เสร็จก็เดินต่อลงมาที่ชั้น 2 จะเจอห้องที่มีแผนที่สยามในอดีต
ปล.แต่ละห้องจะมีแนะนำหนังสือให้เราอ่านค้นคว้าเพิ่มเติมด้วย
หลังจากเสียกรุงศรีฯ เราก็มาช่วยกันสร้างบ้านเมืองใหม่ กลายเป็นกรุงเทพฯ
ถึงกรุงเทพจะกลายเป็นเมืองหลวง แต่ในอดีตชีวิตของผู้คนในชนบทกับในเมืองก็ไม่ต่างกันมาก
การเกษตรยังคงเป็นงานหลักของคนในชาติ
แต่เมื่อมาถึงยุคหนึ่งสยามก็เริ่มมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น
ในช่วงนี้สยามได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่การแต่งกาย
ชอบห้องนี้อย่างหนึ่งตรงที่มีเสื้อผ้าในยุคอดีตให้เราได้ลองใส่ถ่ายภาพเล่นกันด้วย
และแล้วก็มาถึงยุคเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชสู่ระบอบประชาธิปไตย
โดยมีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสารต่างๆมาช่วยในการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ในห้องนี้จะมีการจำลองฉากห้องส่งสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ในอดีต ให้เราได้ลองไปยืนหน้ากล้องเป็นผู้ประกาศข่าวกันด้วย
จากนั้นจะเป็นห้องที่เล่าถึงการการหลั่งไหลของวัฒนธรรมตะวันตก
ที่เข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ห้องนี้สนุกสนานมาก มีตู้เพลงดิสโก้สุดฮิตในยุคนั้นให้เราได้ลองแดนส์กันกระจายด้วย
จวบจนกระทั่งเมืองไทยในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิงในแง่ภายลักษณ์ภายนอก
แต่สิ่งสำคัญกว่าภายนอกนั้นทั้งหมด คือ
ความเป็นไทยที่มีมาอย่างยาวนานฝั่งตัวอยู่ใน DNA
ที่ทำให้คนไทย เมืองไทย เป็นประเทศที่น่ารัก เป็นคนที่น่ารัก มาจวบเช่นทุกวันนี้
และสิ่งใดที่หล่อหลอมให้ เราคนไทยกลายเป็นคนเช่นนี้ได้นั่น
หากทุกท่านอยากทราบขอเชิญไปร่วมค้นหาด้วยตัวเองกันที่ พิพิธภัณฑ์สยามนะคะ
เปิด อังคาร - อาทิตย์ ปิดวันจันทร์ค่ะ
ทั้งนี้ เราได้ทำนิตยสารออนไลน์รวบรวมเรื่องราวโดยละเอียดให้กับทุกคนได้ดูเป็นเวอร์ชั่น 2 ภาษา
ใครสนใจเข้าไปดูกันได้ตามลิงค์ข้างล้างนี้เลยนะจ๊ะ
http://issuu.com/doremedut/docs/museum_siam/1
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ ไบบายยยยยยย
ปล. ไปเที่ยวที่ไหนจะมาเล่าให้ฟังอีก ปีนี้ตั้งใจเที่ยว พิพิธภัณฑ์ทั่ว กทม. ในราคาประหยัด
จะเป็นที่ไหนต่อไปติดตามให้กำลังใจกันได้นะคะ
เที่ยวพิพิธภัณฑ์กันเถอะ : 2 ชม. ที่พิพิธภัณฑ์สยาม
วันนี้จะนำภาพการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สยามมาแบ่งปันค่ะ
การเดินทางไม่เป็นไปตามที่เขาแนะนำเท่าไหร่ 555
นั่งรถเมล์สาย 80 จากหน้า The mall บางกะปิ ขึ้นรถประมาณบ่าย 2
(ขับอ้อมมากๆ แต่ก็เพลินๆแบบร้อนๆและเหม็นควันรถดีค่ะ)
รถเมล์ขับผ่านเส้นลาดพร้าว ไปตัดเข้าพหลโยธิน
และวิ่งตามทางจตุจักร สะพานควาย ไปจนถึงอนุสาวรีย์
เลี้ยวเข้าเส้นผ่านหน้า รพ.รามา ตัดเข้าถนนเส้นไหนไม่ทราบ
รู้ตัวอีกทีเจอ คลองถม สำเพ็ง สะพานพุทธ จอดเลย
เมื่อลงจากรถเมล์ เราก็เดินไปตามทางที่ไปสะพานพุทธค่ะ
เดินไปเรื่อยๆจะเจอท่าราชินี ที่นี่เดี๋ยวนี้สวยงามไฮโซมากเลยค่ะ
ไม่เคยมามาก่อน เดินต่อไปจนเจอสถานีตำรวจพระราชวัง เป็นอาคารทรงโบราณสวยเก๋
ตอนนี้บริเวณนี้กำลังทำทางรถไฟใต้ดินอยู่ เดินตรงไปจะเจอป้ายทางเข้า
(รอบๆอาจดูไม่สวยงามนิดนึง เพราะบริเวณรอบข้างกำลังก่อสร้าง)
ขวามือเป็นปากคลองตลาด ก็ถือว่ามาถึงแล้ว เย้!!!!
เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์ก็เป็นเวลาเกือบบ่าย 4 โมง ซึ่งจะเป็นเวลาที่เข้าชมได้ฟรีพอดี (นั่งรถเมล์เกือบ 2 ชั่วโมง จะเป็นลม 555)
แต่เราจะมีเวลาเที่ยวชมได้เพียง 2 ชั่วโมงเนื่องจาก พิพิธภัณฑ์ปิด 6 โมงเย็น
คราวนี้เมื่อถึงเวลา 16.00 น. เราก็ไปรับสายข้อมือ เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรีกันได้เลย
อาคารที่ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์มีความสวยงามมาก เป็นอาคารที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 4 มี 3 ชั้น
ชั้นที่ 1 เมื่อเข้าไปถึงจะเป็นห้องรับชมวิดีทัศน์เกริ่นเบาๆผ่านตัวละครทั้งเจ็ด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
พอออกมาจากห้องที่ 1 ก็จะมาเจอ....คำถามที่ว่า "ไทยคืออะไร" สร้างความอยากรู้อยากเห็นสู่ชั้นถัดไป
จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 เพื่อไปดูนิทรรศการห้องถัดไป แต่ระหว่างเดินขึ้นบันได เราก็จะได้เห็นท่าทางต่างๆของคนกบแดงไปด้วย
อยากรู้คนกบแดงคืออะไรต้องไปดูกันเอาเองนะคะ
พอขึ้นมาถึงชั้น 3 ห้องแรกที่เราจะได้เจอ ย้อนไปถึงยุคดึกดำบรรพ์ของพื้นที่ๆเราอาศัยอยู่ ที่เรียกว่า "ดินแดนสุวรรณภูมิ"
เพราะอะไรถึงมีชื่อเรียกแบบนี้ ที่นี่มีคำตอบ
ห้องถัดมาเราจะได้รู้จักสยามกันมากขึ้น ทั้งเรื่องบรรพชนของเรา การเกษตร การค้าขาย และความเชื่อ
จากนั้นก็มาเรียนรู้เรื่องของพระพุทธศาสตนาในห้อง 5 เสา นำเสนอหัวใจของพระพุทธศาสนาที่อยู่คู่กับเรามาอย่างยาวนาน
ใครยังไม่รู้ว่าหัวใจของศาสนาพุทธคืออะไร ห้ามพลาดเด็ดขาด
เดินมายังห้องต่อมา สุวรรณภูมิก็เปลี่ยนผ่านมาเป็นกรุงศรีอยุธยา เมืองที่มีศิลปะวัฒนธรรมมายาวนาน และเจริญรุ่งเรืองสุดขีด
จนกระทั่งกรุงศรีฯได้สูญสลายไปจากภัยสงคราม
ที่พิพิธภัณฑ์สยาม มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนอกจากความรู้ที่ได้รับกับไป
ยังมีความสนุกสนาน จากเกมส์ต่างๆที่มีให้เล่นตลอดทางที่เยี่ยมชม หนึ่งในเกมส์นั้นคือ เกมส์ยิงปืนใหญ่
เมื่อเล่นเกมส์เสร็จก็เดินต่อลงมาที่ชั้น 2 จะเจอห้องที่มีแผนที่สยามในอดีต
ปล.แต่ละห้องจะมีแนะนำหนังสือให้เราอ่านค้นคว้าเพิ่มเติมด้วย
หลังจากเสียกรุงศรีฯ เราก็มาช่วยกันสร้างบ้านเมืองใหม่ กลายเป็นกรุงเทพฯ
ถึงกรุงเทพจะกลายเป็นเมืองหลวง แต่ในอดีตชีวิตของผู้คนในชนบทกับในเมืองก็ไม่ต่างกันมาก
การเกษตรยังคงเป็นงานหลักของคนในชาติ
แต่เมื่อมาถึงยุคหนึ่งสยามก็เริ่มมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น
ในช่วงนี้สยามได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่การแต่งกาย
ชอบห้องนี้อย่างหนึ่งตรงที่มีเสื้อผ้าในยุคอดีตให้เราได้ลองใส่ถ่ายภาพเล่นกันด้วย
และแล้วก็มาถึงยุคเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชสู่ระบอบประชาธิปไตย
โดยมีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสารต่างๆมาช่วยในการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ในห้องนี้จะมีการจำลองฉากห้องส่งสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ในอดีต ให้เราได้ลองไปยืนหน้ากล้องเป็นผู้ประกาศข่าวกันด้วย
จากนั้นจะเป็นห้องที่เล่าถึงการการหลั่งไหลของวัฒนธรรมตะวันตก
ที่เข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ห้องนี้สนุกสนานมาก มีตู้เพลงดิสโก้สุดฮิตในยุคนั้นให้เราได้ลองแดนส์กันกระจายด้วย
จวบจนกระทั่งเมืองไทยในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิงในแง่ภายลักษณ์ภายนอก
แต่สิ่งสำคัญกว่าภายนอกนั้นทั้งหมด คือ
ความเป็นไทยที่มีมาอย่างยาวนานฝั่งตัวอยู่ใน DNA
ที่ทำให้คนไทย เมืองไทย เป็นประเทศที่น่ารัก เป็นคนที่น่ารัก มาจวบเช่นทุกวันนี้
และสิ่งใดที่หล่อหลอมให้ เราคนไทยกลายเป็นคนเช่นนี้ได้นั่น
หากทุกท่านอยากทราบขอเชิญไปร่วมค้นหาด้วยตัวเองกันที่ พิพิธภัณฑ์สยามนะคะ
เปิด อังคาร - อาทิตย์ ปิดวันจันทร์ค่ะ
ทั้งนี้ เราได้ทำนิตยสารออนไลน์รวบรวมเรื่องราวโดยละเอียดให้กับทุกคนได้ดูเป็นเวอร์ชั่น 2 ภาษา
ใครสนใจเข้าไปดูกันได้ตามลิงค์ข้างล้างนี้เลยนะจ๊ะ
http://issuu.com/doremedut/docs/museum_siam/1
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ ไบบายยยยยยย
ปล. ไปเที่ยวที่ไหนจะมาเล่าให้ฟังอีก ปีนี้ตั้งใจเที่ยว พิพิธภัณฑ์ทั่ว กทม. ในราคาประหยัด
จะเป็นที่ไหนต่อไปติดตามให้กำลังใจกันได้นะคะ