ละครชีวิตฉากสั้นๆ

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
วันนี้เราไปทำฟันที่มหิดล
เสร็จแล้วจะกลับงามวงศ์วาน แต่งกค่าทางด่วน เลยขับมาเส้นวิภาวดี
วนไปวนมา ออกแยกพงเพชร นึกได้ว่ามีร้านอาหารตามสั่งอร่อยๆ อยู่หน้าปากทางเข้าโรงหนังเก่า ที่ตอนนี้กลายเป็นโรงยิมสำหรับเล่นแบดไปแล้ว

ที่รู้เพราะเมื่อก่อนเคยมาหัดขับรถแถวนี้

อิ่มแล้ว ขณะกำลังก้มหน้างุดๆ เช็คข่าวราชประสงค์และรอเช็คบิล
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกหวานๆ เราเงยหน้าขึ้นมองเจอรอยยิ้มที่เป็นมิตร
"พี่ค๊า ซื้อดอกไม้มั๊ยคะ"

เหลือบตาไปมองดอกไม้แว่บนึง เจอดอกกุหลาบสีชมพู แต่ดูเหี่ยวๆ
สมองคนเรานี่ก็แปลกดีนะ
ชะแว่บเดียวคิดอะไรได้ตั้งร้อยแปดอย่าง ...

ดอกไม้เหี่ยวจัง กล้าเอามาขายได้ไงนะ
นี่มันร้านข้าวนะ ไม่ใช่ร้านเหล้า ไปเดินขายร้านเหล้ายังพอว่า เผื่อมีหนุ่มใจบุญทุ่มซื้อให้สาวๆ
แล้วเอ๊ ....นี่น้องมันไม่เห็นหรือฟะ  ว่าเรานั่งคนเดียว จะให้เราซื้อดอกไม้ไปให้ใคร ซื้อให้ตัวเอง? น่าอายตายชัก และซื้อทำไมดอกไม้เหี่ยวๆ
จะขายอะไร ทำไมไม่ดูตลาดเลยน๊า
เราไม่สนับสนุนหรอก อาชีพแบบนี้ พวกขอทาน พวกขายพวงมาลัยตามสี่แยกด้วย ทำไมต้องเอาชีวิตเสี่ยงบนท้องถนนอย่างนี้
เลิกอุดหนุน เลิกให้เงินขอทานซะดีกว่า เผื่อเค้าจะเลือกไปประกอบอาชีพอื่น
แค่เสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียงคำถาม สมองเราคิดอะไรเยอะแยะ แต่ร่างกายเราแสดงออกแค่ยิ้มพร้อมส่ายหัวน้อยๆ

น้องคนนั้นเดินถามอยู่สองสามโต๊ะ แต่ไม่เห็นขายใครได้ ส่วนเราก็เดินไปเอารถ
จังหวะลุกเดินไปที่รถ น้องเค้าก็เดินออกจากร้าน มาจูงมือเด็กน้อยอายุซักสองสามขวบคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ (เมื่อกี้กับเมื่อกี้ ทำไมเราไม่เห็นเด็กนะ)
ในใจตอนนี้รู้สึกผิด น้องคงทำเพื่อครอบครัว และน้องไม่ได้เอาเด็กมาบังหน้า มาเรียกคะแนนสงสารตอนขายของเลย

สมองทำงานอีกแล้ว ถึงปกติจะแอนตี้งานเร่ขายพวงมาลัย ขายของอะไรแบบนี้ แต่วันนี้อยากอุดหนุนซักหน่อย
ทว่าน้องก็เดินออกจากซอยไปแล้ว ส่วนเราก็ขึ้นรถแล้ว เลยขับช้าๆ กะจะบีบแตรเรียกตอนขับไปใกล้ๆ

จังหวะเลี้ยวออกมาถึงถนนใหญ่ รถเมล์สาย 24 มาพอดี สายนี้ยังนั่งฟรีนี่ เราจำได้
แล้วก็เห็นน้องผู้หญิงจับมือเด็กน้อยวิ่งขึ้นรถไป
วันนี้เราบ้ามาก อารมณ์อยากช่วยซื้อดอกไม้มาแล้วต้องทำให้สำเร็จ
คนเราจะมีพลังจิตที่เข้มแข็งได้ถ้าตั้งใจทำอะไรไว้แล้ว ต้องทำให้สำเร็จ ช่ายป่ะ?
เราเลยขับตามรถเมล์ไป
ไม่กลัวหรอก รู้น่าว่ารถสายนี้สิ้นสุดที่ตรงไหน

แต่ขับเลี้ยวเข้าเส้นประชาชื่นแค่สองป้าย รถเมล์ก็จอด เห็นน้องผู้หญิงกับเด็กน้อยลงจากรถ บ้านน้องคงอยู่ไม่ไกลแล้ว
เราก็เลยเลี้ยวรถเข้าซอย ปากซอยมีร้านอาหารกึ่งผับอยู่ร้านนึง เห็นน้องผู้หญิงเดินถือดอกไม้เข้าไปขายต่อในร้าน

คนเราก็นะ บอกไม่ถูกเลย สงสารปนสงสัย น้องเค้าต้องดิ้นรนอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่านะ
สามทุ่มกว่าแล้ว เด็กก็ควรได้พักผ่อน แต่เหมือนแม่เพิ่งเลิกจากงานอื่น บวกอยากหารายได้พิเศษระหว่างทางกลับบ้านหรือเปล่า
เอ๊ หรือนี่คืองานหลัก

เรายังไม่เลิกล้มความตั้งใจ เลยพยายามหาที่จอดรถ ซึ่งวันนี้ อารมณ์รีบๆ อยากจะไปซื้อดอกไม้จากน้องคนนี้ ทำให้เราจอดรถไม่สวยเลย
เด็กโบกรถก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน ซ้ายที ขวาที ถอยหลัง ถอยหน้ากันอยู่นั่นแหละ
(พอดีที่จอดรถหน้าร้านเป็นเนินสูง รถเราโหลดต่ำ และต้องจอดชิดๆ กันมากๆ เพื่อให้จอดได้หลายๆ คัน)
จนเห็นน้องผู้หญิงเดินจูงเด็กออกมาจากร้าน เราก็ยังจอดรถไม่เสร็จ
กว่าจะจอดได้ เดินลงมาหา แต่หาไม่เจอ น้องคนนั้นหายไปซะแล้ว
เจ็บใจตัวเองที่จอดรถได้งี่เง่าเสียเวลามาก

แต่เราก็ยังไม่ละความพยายามนะ กลับไปขับรถออกมา วนหาตามร้านอาหารแถวนั้น เผื่อจะเจอ
แต่ก็ไม่เจอค่ะ

สุดท้ายเลยทำได้แค่ส่งความปรารถนาดีไปให้ ขอให้น้องเค้ามีความสุข ทำมาค้าขึ้น พ้นจากความทุกข์ยากไปเร็วๆ

ใครจะคิดเนอะ แว่บนึง ที่เห็นคนๆ นึงทำอาชีพที่ตัวเองต่อต้านอยู่ในใจ
แล้วอีกแว่บนึง จะคิดได้ว่า บางที เค้าอาจจำเป็นต้องทำ ต้องทำทุกวิถีทางที่สุจริตกว่าจะได้เงินมาหนึ่งบาท

แท็กอาหาร เพราะเกิดเหตุตอนนั่งที่ร้านอาหาร และน้องเค้าขายดอกไม้ตามร้านอาหาร
แท็กไกลบ้าน งงอ่ะดิ เพราะเราย้อนกลับมาที่ร้านแรกที่เรานั่ง เพื่อถามว่าผู้หญิงคนนี้มาขายทุกวันหรือเปล่า จะสั่งซื้อดอกไม้ พร้อมฝากเบอร์โทรไว้ให้
คนในร้านบอกว่า น้องผู้หญิงคุยกับเราไม่รู้เรื่องหรอก เหมือนไม่ใช่คนแถวนี้  เราถามย้ำ เค้าบอก เหมือนไม่ใช่คนไทย (= ทำงานต่างประเทศ หุหุ)
แท็กดอกไม้ เพราะน้องเค้าขายดอกไม้ อันนี้ชัดมาก
แท็กสังคมคุณแม่ เพราะน้องจูงลูกมาด้วยหนึ่งคน
สุดท้าย แท็กหนังสั้น เพราะนี่คือละครชีวิต แต่เป็นชีวิตจริงฉากสั้นๆ สำหรับเรา
ใครอย่าว่าเราแท็กผิดอีกน๊า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่