จากเหตุการณ์วางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์
ที่มีภาพวงจรปิดบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยสะพายเป้เข้ามาวางในจุดเกิดเหตุ
ที่บริเวณศาลพระพรหมเอราวัณนั้น
มีผู้ตั้งข้องสังเกตว่า คล้ายเหตุการณ์วางระเบิดบอสตัน ของสหรัฐอเมริกา
เมื่อมี 2556 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
เหตุวางระเบิดบอสตันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2556 เป็นการก่อเหตุด้วยระเบิด 2 ลูกซ้อน
ขึ้นในพื้นที่จัดมหกรรมแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งใหญ่ใจกลางนครบอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ตส์
เหยื่อเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บมากกว่า 264 คน
คนร้ายเป็นสองพี่น้องใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตอีก 1 นาย
ระหว่างการจับกุมในอีก 4 วันต่อมา
ลำดับเหตุการณ์
วันที่ 15 เม.ย. เวลา 14.49 น. ขณะที่นักวิ่งหลายพันคนวิ่งตรงไปยังจุดเส้นชัยบนถนนบอยล์สตัน
ระเบิดลูกแรกตูมสนั่นตามด้วยลูกที่สองในเวลาห่างกัน 12 วินาที ระยะห่างกัน 190 เมตร
15.30 น. ภาพข่าวจากเหตุการณ์เริ่มแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ระบุมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
16.12 น. ตำรวจรายงานพบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ใกล้ห้องสมุดเจเอฟเค ในแมสซาชูเส็ตส์
18.10 น. ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แถลงต่อชาวอเมริกัน แสดงความเสียใจต่อญาติและผู้เคราะห์ร้าย
พร้อมประกาศจะล่าตัวมือระเบิดมาดำเนินคดีให้ได้
22.20 น. ตำรวจพบระเบิด 2 ลูก เป็นลักษณะ cooker bombs
หรือระเบิดหม้ออัดความดันที่คนร้ายพกใส่เป้มาก่อเหตุ
วันที่ 17 เม.ย. ตำรวจเผยภาพคนร้ายที่บันทึกได้จากวงจรปิด
ทั้งสองแบกเป้ปะปนเข้าไปกับผู้ร่วมงานมาราธอน
วันที่ 18 เม.ย. สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ เข้ามารับผิดชอบคดี
22.20 น. ร้านเซเว่นในเคมบริดจ์ แมสซาชูเส็ตส์ถูกปล้น
โดยชายต้องสงสัย 2 คนที่เป็นมือระเบิดบอสตัน
22.20 น. ตำรวจประจำสถาบันเอ็มไอทีถูกยิงเสียชีวิตในเคมบริดจ์
23.30 น. คนร้ายปล้นรถยนต์ในถนนเธิร์ด สตรีต คนขับรถถูกจับไว้ในรถราวครึ่งชั่วโมง
วันที่ 19 เม.ย.
00.00 น. คนร้ายปล่อยเจ้าของรถที่ปั๊มน้ำมัน ตำรวจออกล่ารถยนต์คันดังกล่าว
01.00 น. ตำรวจปะทะคนร้ายในเมืองวอเตอร์ทาวน์ เสียงปืน ดังระคนเสียงระเบิด
คนร้าย 1 ใน 2 รายถูกจับในสภาพบาดเจ็บ อีกรายหนีไป
01.35 น. คนร้ายที่ถูกจับเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
02.00 น. ตำรวจแพร่ภาพใบหน้าคนร้ายอีกรายที่หนีไปได้ ก่อนแจ้งชื่อต่อมาระบุว่า
ทั้งสองเป็นชาวเชเชน จากแคว้นเชชเนียในรัสเซีย
ผู้ตายชื่อนายเทอร์มาแลน ซานาเอฟ เป็นพี่ชาย
และนายโจคาร์ ซานาเอฟ อายุ 19 ปี (ขณะก่อเหตุ)
สองพี่น้องเป็นผู้อพยพเชื้อสายมุสลิมเชเชน นายโจคาร์ที่ให้การว่า
ตนและพี่ต่อสู้เพื่อล้างแค้นให้พี่น้องมุสลิมทั่วโลกที่ถูกกดขี่
จากการที่สหรัฐก่อสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน
โดยอ่านและฟังเนื้อหาเกี่ยวกับญิฮาด หรือสงครามศักดิ์สิทธิ์
และเขียนบันทึกบนเรือในระหว่างที่หลบซ่อนตัวจากตำรวจ
ทั้งสองไม่ได้เป็นสมาชิกโดยตรงกับเครือข่าย อัล ไคด้า หรือขบวนการในเชชเนีย
และไม่ได้ไปฝึกฝนในค่ายที่ประเทศไหน หรือรับเงินและอาวุธมาจากเครือข่ายใดๆ
เพียงแค่มองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการก่อการร้าย
เพื่อปลดแอกหรือแสดงความสามัคคีกับชาวมุสลิมที่ถูกกดขี่ แล้วก็ลงมือก่อเหตุโจมตีด้วยตนเอง
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "ผู้ก่อการร้ายที่เพาะพันธุ์ในบ้าน" (homegrown terrorists)
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2558 คณะลูกขุนสหรัฐอเมริกาใช้เวลาหารือนาน 14 ชั่วโมง
ก่อนตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิตนานโจคาร์ ซานาเอฟ หนุ่มเชื้อสายเชเชน อายุ 21 ปี
ด้วยวิธีฉีดยาพิษในความผิดร่วมก่อการร้ายด้วยการวางระเบิด
ในงานแข่งขันวิ่งมาราธอนที่นครบอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ตส์ ในปี 2556
ข้อถกเถียงที่สำคัญของคณะลูกขุนที่มีผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 7 คนในคดีนี้
คือเรื่องอายุของนายโจคาร์ ซึ่งก่อเหตุขณะอายุเพียง 19 ปี
แต่สุดท้ายคณะลูกขุนเห็นตรงกันว่า สมควรตัดสินโทษประหารด้วยเหตุผล 12 ข้อ
และการที่ศาลตัดสินให้นายโจคาร์มีความผิด 7 จาก 30 ข้อหาที่ถูกฟ้อง ถือว่าใช้โทษประหาร
ทันทีที่ศาลอ่านคำตัดสิน ญาติเหยื่อในเหตุการณ์ร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้รับความยุติธรรม
ส่วนนายโซคาร์ก้มหน้า ไม่แสดงอาการหรือสีหน้าใดๆ
ขอขอบคุณที่มาจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1439894091
แฟ้มคดีวางระเบิดที่บอสตัน ลักษณะคล้ายกับที่ราชประสงค์มาก
ที่มีภาพวงจรปิดบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยสะพายเป้เข้ามาวางในจุดเกิดเหตุ
ที่บริเวณศาลพระพรหมเอราวัณนั้น
มีผู้ตั้งข้องสังเกตว่า คล้ายเหตุการณ์วางระเบิดบอสตัน ของสหรัฐอเมริกา
เมื่อมี 2556 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
เหตุวางระเบิดบอสตันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2556 เป็นการก่อเหตุด้วยระเบิด 2 ลูกซ้อน
ขึ้นในพื้นที่จัดมหกรรมแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งใหญ่ใจกลางนครบอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ตส์
เหยื่อเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บมากกว่า 264 คน
คนร้ายเป็นสองพี่น้องใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตอีก 1 นาย
ระหว่างการจับกุมในอีก 4 วันต่อมา
ลำดับเหตุการณ์
วันที่ 15 เม.ย. เวลา 14.49 น. ขณะที่นักวิ่งหลายพันคนวิ่งตรงไปยังจุดเส้นชัยบนถนนบอยล์สตัน
ระเบิดลูกแรกตูมสนั่นตามด้วยลูกที่สองในเวลาห่างกัน 12 วินาที ระยะห่างกัน 190 เมตร
15.30 น. ภาพข่าวจากเหตุการณ์เริ่มแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ระบุมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
16.12 น. ตำรวจรายงานพบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ใกล้ห้องสมุดเจเอฟเค ในแมสซาชูเส็ตส์
18.10 น. ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แถลงต่อชาวอเมริกัน แสดงความเสียใจต่อญาติและผู้เคราะห์ร้าย
พร้อมประกาศจะล่าตัวมือระเบิดมาดำเนินคดีให้ได้
22.20 น. ตำรวจพบระเบิด 2 ลูก เป็นลักษณะ cooker bombs
หรือระเบิดหม้ออัดความดันที่คนร้ายพกใส่เป้มาก่อเหตุ
วันที่ 17 เม.ย. ตำรวจเผยภาพคนร้ายที่บันทึกได้จากวงจรปิด
ทั้งสองแบกเป้ปะปนเข้าไปกับผู้ร่วมงานมาราธอน
วันที่ 18 เม.ย. สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ เข้ามารับผิดชอบคดี
22.20 น. ร้านเซเว่นในเคมบริดจ์ แมสซาชูเส็ตส์ถูกปล้น
โดยชายต้องสงสัย 2 คนที่เป็นมือระเบิดบอสตัน
22.20 น. ตำรวจประจำสถาบันเอ็มไอทีถูกยิงเสียชีวิตในเคมบริดจ์
23.30 น. คนร้ายปล้นรถยนต์ในถนนเธิร์ด สตรีต คนขับรถถูกจับไว้ในรถราวครึ่งชั่วโมง
วันที่ 19 เม.ย.
00.00 น. คนร้ายปล่อยเจ้าของรถที่ปั๊มน้ำมัน ตำรวจออกล่ารถยนต์คันดังกล่าว
01.00 น. ตำรวจปะทะคนร้ายในเมืองวอเตอร์ทาวน์ เสียงปืน ดังระคนเสียงระเบิด
คนร้าย 1 ใน 2 รายถูกจับในสภาพบาดเจ็บ อีกรายหนีไป
01.35 น. คนร้ายที่ถูกจับเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
02.00 น. ตำรวจแพร่ภาพใบหน้าคนร้ายอีกรายที่หนีไปได้ ก่อนแจ้งชื่อต่อมาระบุว่า
ทั้งสองเป็นชาวเชเชน จากแคว้นเชชเนียในรัสเซีย
ผู้ตายชื่อนายเทอร์มาแลน ซานาเอฟ เป็นพี่ชาย
และนายโจคาร์ ซานาเอฟ อายุ 19 ปี (ขณะก่อเหตุ)
สองพี่น้องเป็นผู้อพยพเชื้อสายมุสลิมเชเชน นายโจคาร์ที่ให้การว่า
ตนและพี่ต่อสู้เพื่อล้างแค้นให้พี่น้องมุสลิมทั่วโลกที่ถูกกดขี่
จากการที่สหรัฐก่อสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน
โดยอ่านและฟังเนื้อหาเกี่ยวกับญิฮาด หรือสงครามศักดิ์สิทธิ์
และเขียนบันทึกบนเรือในระหว่างที่หลบซ่อนตัวจากตำรวจ
ทั้งสองไม่ได้เป็นสมาชิกโดยตรงกับเครือข่าย อัล ไคด้า หรือขบวนการในเชชเนีย
และไม่ได้ไปฝึกฝนในค่ายที่ประเทศไหน หรือรับเงินและอาวุธมาจากเครือข่ายใดๆ
เพียงแค่มองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการก่อการร้าย
เพื่อปลดแอกหรือแสดงความสามัคคีกับชาวมุสลิมที่ถูกกดขี่ แล้วก็ลงมือก่อเหตุโจมตีด้วยตนเอง
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "ผู้ก่อการร้ายที่เพาะพันธุ์ในบ้าน" (homegrown terrorists)
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2558 คณะลูกขุนสหรัฐอเมริกาใช้เวลาหารือนาน 14 ชั่วโมง
ก่อนตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิตนานโจคาร์ ซานาเอฟ หนุ่มเชื้อสายเชเชน อายุ 21 ปี
ด้วยวิธีฉีดยาพิษในความผิดร่วมก่อการร้ายด้วยการวางระเบิด
ในงานแข่งขันวิ่งมาราธอนที่นครบอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ตส์ ในปี 2556
ข้อถกเถียงที่สำคัญของคณะลูกขุนที่มีผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 7 คนในคดีนี้
คือเรื่องอายุของนายโจคาร์ ซึ่งก่อเหตุขณะอายุเพียง 19 ปี
แต่สุดท้ายคณะลูกขุนเห็นตรงกันว่า สมควรตัดสินโทษประหารด้วยเหตุผล 12 ข้อ
และการที่ศาลตัดสินให้นายโจคาร์มีความผิด 7 จาก 30 ข้อหาที่ถูกฟ้อง ถือว่าใช้โทษประหาร
ทันทีที่ศาลอ่านคำตัดสิน ญาติเหยื่อในเหตุการณ์ร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้รับความยุติธรรม
ส่วนนายโซคาร์ก้มหน้า ไม่แสดงอาการหรือสีหน้าใดๆ
ขอขอบคุณที่มาจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1439894091