Southpaw : เปลี่ยนสไตล์พลิกชีวิต
Creative Review
ตามธรรมเนียม ก่อนเข้าไปสู่การวิเคราะห์หนัง ขอเปิดด้วยความรู้สึกส่วนตัวเสียก่อน ต้องขอบอกว่าประทับใจกับหนังเรื่องนี้มาก ทั้งเรื่องบท Screenplay ตัวละคร Character การคัดนักแสดง Casting การแสดง Acting และการกำกับการถ่ายทำโดยรวม Directing ทุกอย่างอยู่ในมาตรฐานที่สูง หนังเรื่องนี้ทำให้ผมเสียน้ำตาถึง 4 ครั้ง และมันเป็นผลมาจากส่วนประกอบที่ลงตัวทั้งหมดนี้
หนังเล่าเรื่องของแชมเปี้ยนนักมวย Billy Hope (แสดงโดย Jake Gyllenhaal) ที่กำลังอยู่ในช่วงสูงสุดของอาชีพ ได้แชมป์โลกทั้ง 4 สถาบัน (WBC, WBA, WBO, และ IBF) มาด้วยสไตล์การชกที่ดุเดือด มุทะลุ ใช้อารมณ์ความโกรธและความเกรี้ยวกราด เป็นแรงผลักดันในการเอาชนะคู่ต่อสู้เรื่อยมา หลังจากนั้นชีวิตที่เหมือนจะอยู่จุดสูงสุด กลับเกิดพลิกผันขึ้น นำไปสู่ช่วงตกต่ำของชีวิต หนังจะพาเราติดตามและเอาใจช่วยว่า Billy จะสามารถพลิกชีวิตจากต่ำสุดกลับขึ้นมาได้หรือไม่
ขอชมอย่างแรกคือเรื่องของ Casting บวกกับการแสดงของ นักแสดงหลักๆ เริ่มตั้งแต่ Jake Gyllenhaal ที่ฟิตซ้อมเพื่อรับบทนี้อย่างหนักหน่วง เอาแค่การเตรียมร่างกายที่เห็นก็ทำให้เชื่อได้แล้ว ยังไม่รวมถึงสเตปมวยบนเวที ที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งต้องผ่านการทำการบ้านมาอย่างหนักหน่วง ในส่วนของการแสดงอารมณ์ Drama ต่างๆนั้น คงไม่มีคำถามอีกแล้วกับนักแสดงคนนี้ โดยเฉพาะหลังๆที่รับบทดีๆในการแสดงมาตลอด จนทำให้ได้รับการยอมรับเป็นนักแสดงยอดฝีมือคนหนึ่งไปแล้วตอนนี้ อีกคนคือ Rachel McAdams ที่มารับบทเป็น Maureen ภรรยาของ Billy นั้นถือเป็นการพลิกบทบาทจากที่มักจะคุ้นตาเธอกับหนังหวานๆ เพราะบทนี้เธอต้องเป็นผู้หญิงที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับ Billy ดังนั้นทั้งวิธีการพูดจาท่าทางที่ต้องให้อารมณ์เป็นสาวที่เติบโตมาจากข้างถนน ซึ่ง Rachel ก็สวมบทนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในเรื่องของการแสดงก็คือหนูน้อย Oona Laurence ที่มารับบท Leila ลูกสาวของ Billy และ Rachel ที่แสดงพลังออกมาในบางซีนได้อย่างน่าทึ่ง และสุดท้ายก็ Forest Whitaker ที่มารับบท Tick Wills ก็มาสร้างสีสันให้กับหนังได้อย่างสมศักดิ์ศรี
อีกเรื่องที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ คือตัวละครเรื่องนี้ที่มีมิติ ชัดเจน และการเชื่อมโยงของบทที่เติมเต็มกันและกัน Billy นั้นถึงแม้จะเป็นแชมป์โลก แต่รูปแบบสไตล์การชกนั้น ใช้ความเกรี้ยวกราดดุดันเข้าแลก ผลที่ตามมาคือการทำลายตัวเองทั้งภายนอกและภายใน เรื่องการทำลายตัวเองทางร่างกายนั้นชัดเจนอยู่แล้วจากความบอบช้ำที่เห็น แต่อารมณ์เกรี้ยวกราดภายในที่ Billy นำมาใช้ในสังเวียนจนได้ดีนั้น กลับ spoiled ให้ Billy ยึดติดกับการใช้อารมณ์ จนเป็นที่มาของความสูญเสียสิ่งต่างๆมากมายในชีวิตไป ด้าน Maureen ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ห่วงใยในชีวิตของ Billy อย่างจริงจัง จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและดูแล Billy จากความกราดเกรี้ยวของ Billy เอง ถ้าเปรียบ Billy เป็นดาบ Maureen ก็เหมือนฝักดาบที่ทำให้จิตใจของ Billy สงบลงได้ ส่วน Leila ก็เป็นเหมือนสิ่งสำคัญสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตที่ Billy ต้องรักษาและดูแล และ Tick Wills ที่เป็นเหมือนผู้ช่วยนำทางให้ Billy ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
ในส่วนของ Production เรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างสมจริงสมจังมาก โดยเฉพาะคนที่คุ้นเคยกับแวดวงกีฬามวยจะรับรู้ได้เลยว่า หนังเรื่องนี้ทำได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมาก ทั้งพิธีกร กรรมการ สนามมวย ทุกสิ่งอย่างแทบจะถอดมาจากของจริงไม่ผิดเพี้ยน ส่วนการต่อยบนเวทีก็ทำได้อย่างดุเดือด ดูแล้วเหมือนลุ้นมวยจริงๆอย่างไงอย่างนั้น (แม้ react การโดนชกจะดู overact ไปหน่อย แต่เข้าใจว่าเป็นสไตล์ของหนังมาตั้งแต่ rocky แล้ว)
เรื่องที่ดีงามที่สุดของเรื่องนี้ สำหรับผมคือการถ่ายทอด Drama Scene ซึ่งหนักหน่วงอย่างตรงไปตรงมา ผู้กำกับใช้พลังในการแสดงของนักแสดง แล้วคอยจับอารมณ์ออกมาได้อย่างจริงจัง น่าเชื่อถือ (แทบไม่มีการใช้ music score หรือ mood & tone เพื่อจะบีบเค้นให้เหตุการณ์นั้นดู Drama ขึ้นมา) ทำให้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ดู Real เกิด Impact สะเทือนอารมณ์มาก จนยากที่จะห้ามน้ำตาได้ ต้องชื่นชมฝีมือการกำกับของ Antoine Fuqua ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามและมีสไตล์ชัดเจนของตัวเอง
หนังเรื่องนี้ยังแฝงประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายๆอย่าง ที่ชอบมากที่สุดคงเป็นคำถามที่ Tick Wills ถาม Billy ว่า
'อะไรทำให้แกต้องมานั่งอยู่ตรงนี้'
คำถามนี้เป็นคำถามที่ทุกคนควรถาม เวลาที่เกิดปัญหาหรืออุปสรรคกับชีวิตขึ้น อะไรทำให้แกต้องมานั่งตกต่ำอยู่ตรงนี้ ปฏิกริยาแรกของคนเรามักจะโทษนู่นโทษนี้ เพราะคนนู้นเพราะคนนี้ พยายามจะไปแก้ที่คนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่นอกเหนือการควบคุมของเรา และคงยากที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ สุดท้ายก็มองเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แต่คำตอบที่แท้จริงของคำถามนี้ คือเรามีส่วนผิดอะไรบ้างที่ทำให้มาถึงจุดนี้ อย่าง Billy ถ้ามองให้เห็นจริงๆก็จะรู้ว่าส่วนหนึ่งของปัญหาคือการใช้อารมณ์ของเขา และเมื่อเขายอมรับความจริงข้อนี้ได้แล้ว การปรับปรุง การพัฒนาก็จะตามมา เรื่องต่างๆที่เคยผิดพลาดก็สามารถเปลี่ยนแปลงและไม่เกิดขึ้นได้ในอนาคต และนี่ถือเป็นประเด็นที่สำคัญและดีมากๆของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว
หนังยังสะท้อนความน่ารังเกียจของสังคมทุนนิยมได้อย่างเจ็บปวด คนที่อยู่กันด้วยผลประโยชน์เป็นหลัก พอหมดผลประโยชน์ต่อกันก็แทบหมดค่าหมดความสำคัญกันไป เหลือแต่คนที่รักและห่วงใยจริงๆเท่านั้น นอกจากนั้นยังสะท้อนให้เราเห็นว่าสิ่งสำคัญในชีวิตแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่บ้านใหญ่โตกับสิ่งของหรูหรามากมายรายล้อม แต่เป็นครอบครัวที่อยู่ในบ้านกับเราต่างหาก ตอนที่นางเอกจากไป บ้านที่เคยมีชีวิตกลับไร้ชีวิต และสุดท้ายสิ่งที่พระเอกคิดถึงเมื่อเสียบ้านไปก็เป็นแค่ภรรยากับลูกเท่านั้น ที่อยากได้กลับคืนมา
คนเราเมื่ออยู่สูงก็อาจมีวันล้มลง แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน แต่เมื่อล้มแล้วก็ต้องหาทางลุกขึ้นใหม่เพื่อปกป้องสิ่งที่เรายังเหลืออยู่ แต่การจะยืนขึ้นโดยไม่ล้มลงอีกไม่ใช่แค่การพยายาม แต่ต้องรู้ว่า
อะไร(ของเรา)ที่ทำให้เราล้มลงมาที่จุดนี้
แล้วจงเปลี่ยนมันเพื่อพลิกชีวิต
That's Southpaw, my friends
........................................................................................................................
ใครชอบ Review ที่ลงไว้ ฝากติดตามเพจ
FB : Creative Review : สิ่งดีๆ ที่อยู่ในหนัง
https://www.facebook.com/Movie.Creative.Review
[CR] Southpaw : เปลี่ยนสไตล์พลิกชีวิต
Creative Review
ตามธรรมเนียม ก่อนเข้าไปสู่การวิเคราะห์หนัง ขอเปิดด้วยความรู้สึกส่วนตัวเสียก่อน ต้องขอบอกว่าประทับใจกับหนังเรื่องนี้มาก ทั้งเรื่องบท Screenplay ตัวละคร Character การคัดนักแสดง Casting การแสดง Acting และการกำกับการถ่ายทำโดยรวม Directing ทุกอย่างอยู่ในมาตรฐานที่สูง หนังเรื่องนี้ทำให้ผมเสียน้ำตาถึง 4 ครั้ง และมันเป็นผลมาจากส่วนประกอบที่ลงตัวทั้งหมดนี้
หนังเล่าเรื่องของแชมเปี้ยนนักมวย Billy Hope (แสดงโดย Jake Gyllenhaal) ที่กำลังอยู่ในช่วงสูงสุดของอาชีพ ได้แชมป์โลกทั้ง 4 สถาบัน (WBC, WBA, WBO, และ IBF) มาด้วยสไตล์การชกที่ดุเดือด มุทะลุ ใช้อารมณ์ความโกรธและความเกรี้ยวกราด เป็นแรงผลักดันในการเอาชนะคู่ต่อสู้เรื่อยมา หลังจากนั้นชีวิตที่เหมือนจะอยู่จุดสูงสุด กลับเกิดพลิกผันขึ้น นำไปสู่ช่วงตกต่ำของชีวิต หนังจะพาเราติดตามและเอาใจช่วยว่า Billy จะสามารถพลิกชีวิตจากต่ำสุดกลับขึ้นมาได้หรือไม่
ขอชมอย่างแรกคือเรื่องของ Casting บวกกับการแสดงของ นักแสดงหลักๆ เริ่มตั้งแต่ Jake Gyllenhaal ที่ฟิตซ้อมเพื่อรับบทนี้อย่างหนักหน่วง เอาแค่การเตรียมร่างกายที่เห็นก็ทำให้เชื่อได้แล้ว ยังไม่รวมถึงสเตปมวยบนเวที ที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งต้องผ่านการทำการบ้านมาอย่างหนักหน่วง ในส่วนของการแสดงอารมณ์ Drama ต่างๆนั้น คงไม่มีคำถามอีกแล้วกับนักแสดงคนนี้ โดยเฉพาะหลังๆที่รับบทดีๆในการแสดงมาตลอด จนทำให้ได้รับการยอมรับเป็นนักแสดงยอดฝีมือคนหนึ่งไปแล้วตอนนี้ อีกคนคือ Rachel McAdams ที่มารับบทเป็น Maureen ภรรยาของ Billy นั้นถือเป็นการพลิกบทบาทจากที่มักจะคุ้นตาเธอกับหนังหวานๆ เพราะบทนี้เธอต้องเป็นผู้หญิงที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับ Billy ดังนั้นทั้งวิธีการพูดจาท่าทางที่ต้องให้อารมณ์เป็นสาวที่เติบโตมาจากข้างถนน ซึ่ง Rachel ก็สวมบทนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในเรื่องของการแสดงก็คือหนูน้อย Oona Laurence ที่มารับบท Leila ลูกสาวของ Billy และ Rachel ที่แสดงพลังออกมาในบางซีนได้อย่างน่าทึ่ง และสุดท้ายก็ Forest Whitaker ที่มารับบท Tick Wills ก็มาสร้างสีสันให้กับหนังได้อย่างสมศักดิ์ศรี
อีกเรื่องที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ คือตัวละครเรื่องนี้ที่มีมิติ ชัดเจน และการเชื่อมโยงของบทที่เติมเต็มกันและกัน Billy นั้นถึงแม้จะเป็นแชมป์โลก แต่รูปแบบสไตล์การชกนั้น ใช้ความเกรี้ยวกราดดุดันเข้าแลก ผลที่ตามมาคือการทำลายตัวเองทั้งภายนอกและภายใน เรื่องการทำลายตัวเองทางร่างกายนั้นชัดเจนอยู่แล้วจากความบอบช้ำที่เห็น แต่อารมณ์เกรี้ยวกราดภายในที่ Billy นำมาใช้ในสังเวียนจนได้ดีนั้น กลับ spoiled ให้ Billy ยึดติดกับการใช้อารมณ์ จนเป็นที่มาของความสูญเสียสิ่งต่างๆมากมายในชีวิตไป ด้าน Maureen ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ห่วงใยในชีวิตของ Billy อย่างจริงจัง จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและดูแล Billy จากความกราดเกรี้ยวของ Billy เอง ถ้าเปรียบ Billy เป็นดาบ Maureen ก็เหมือนฝักดาบที่ทำให้จิตใจของ Billy สงบลงได้ ส่วน Leila ก็เป็นเหมือนสิ่งสำคัญสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตที่ Billy ต้องรักษาและดูแล และ Tick Wills ที่เป็นเหมือนผู้ช่วยนำทางให้ Billy ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
ในส่วนของ Production เรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างสมจริงสมจังมาก โดยเฉพาะคนที่คุ้นเคยกับแวดวงกีฬามวยจะรับรู้ได้เลยว่า หนังเรื่องนี้ทำได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมาก ทั้งพิธีกร กรรมการ สนามมวย ทุกสิ่งอย่างแทบจะถอดมาจากของจริงไม่ผิดเพี้ยน ส่วนการต่อยบนเวทีก็ทำได้อย่างดุเดือด ดูแล้วเหมือนลุ้นมวยจริงๆอย่างไงอย่างนั้น (แม้ react การโดนชกจะดู overact ไปหน่อย แต่เข้าใจว่าเป็นสไตล์ของหนังมาตั้งแต่ rocky แล้ว)
เรื่องที่ดีงามที่สุดของเรื่องนี้ สำหรับผมคือการถ่ายทอด Drama Scene ซึ่งหนักหน่วงอย่างตรงไปตรงมา ผู้กำกับใช้พลังในการแสดงของนักแสดง แล้วคอยจับอารมณ์ออกมาได้อย่างจริงจัง น่าเชื่อถือ (แทบไม่มีการใช้ music score หรือ mood & tone เพื่อจะบีบเค้นให้เหตุการณ์นั้นดู Drama ขึ้นมา) ทำให้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ดู Real เกิด Impact สะเทือนอารมณ์มาก จนยากที่จะห้ามน้ำตาได้ ต้องชื่นชมฝีมือการกำกับของ Antoine Fuqua ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามและมีสไตล์ชัดเจนของตัวเอง
หนังเรื่องนี้ยังแฝงประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายๆอย่าง ที่ชอบมากที่สุดคงเป็นคำถามที่ Tick Wills ถาม Billy ว่า
'อะไรทำให้แกต้องมานั่งอยู่ตรงนี้'
คำถามนี้เป็นคำถามที่ทุกคนควรถาม เวลาที่เกิดปัญหาหรืออุปสรรคกับชีวิตขึ้น อะไรทำให้แกต้องมานั่งตกต่ำอยู่ตรงนี้ ปฏิกริยาแรกของคนเรามักจะโทษนู่นโทษนี้ เพราะคนนู้นเพราะคนนี้ พยายามจะไปแก้ที่คนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่นอกเหนือการควบคุมของเรา และคงยากที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ สุดท้ายก็มองเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แต่คำตอบที่แท้จริงของคำถามนี้ คือเรามีส่วนผิดอะไรบ้างที่ทำให้มาถึงจุดนี้ อย่าง Billy ถ้ามองให้เห็นจริงๆก็จะรู้ว่าส่วนหนึ่งของปัญหาคือการใช้อารมณ์ของเขา และเมื่อเขายอมรับความจริงข้อนี้ได้แล้ว การปรับปรุง การพัฒนาก็จะตามมา เรื่องต่างๆที่เคยผิดพลาดก็สามารถเปลี่ยนแปลงและไม่เกิดขึ้นได้ในอนาคต และนี่ถือเป็นประเด็นที่สำคัญและดีมากๆของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว
หนังยังสะท้อนความน่ารังเกียจของสังคมทุนนิยมได้อย่างเจ็บปวด คนที่อยู่กันด้วยผลประโยชน์เป็นหลัก พอหมดผลประโยชน์ต่อกันก็แทบหมดค่าหมดความสำคัญกันไป เหลือแต่คนที่รักและห่วงใยจริงๆเท่านั้น นอกจากนั้นยังสะท้อนให้เราเห็นว่าสิ่งสำคัญในชีวิตแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่บ้านใหญ่โตกับสิ่งของหรูหรามากมายรายล้อม แต่เป็นครอบครัวที่อยู่ในบ้านกับเราต่างหาก ตอนที่นางเอกจากไป บ้านที่เคยมีชีวิตกลับไร้ชีวิต และสุดท้ายสิ่งที่พระเอกคิดถึงเมื่อเสียบ้านไปก็เป็นแค่ภรรยากับลูกเท่านั้น ที่อยากได้กลับคืนมา
คนเราเมื่ออยู่สูงก็อาจมีวันล้มลง แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน แต่เมื่อล้มแล้วก็ต้องหาทางลุกขึ้นใหม่เพื่อปกป้องสิ่งที่เรายังเหลืออยู่ แต่การจะยืนขึ้นโดยไม่ล้มลงอีกไม่ใช่แค่การพยายาม แต่ต้องรู้ว่า
อะไร(ของเรา)ที่ทำให้เราล้มลงมาที่จุดนี้
แล้วจงเปลี่ยนมันเพื่อพลิกชีวิต
That's Southpaw, my friends
........................................................................................................................
ใครชอบ Review ที่ลงไว้ ฝากติดตามเพจ
FB : Creative Review : สิ่งดีๆ ที่อยู่ในหนัง
https://www.facebook.com/Movie.Creative.Review