บทที่ 3
สระมรณะ
สเปิร์มสองตัวสุดท้ายว่ายแตะขอบสระอีกด้านหนึ่งท่ามกลางเสียงโห่ร้องต้อนรับของสเปิร์มที่ขณะนี้ย้ายฟากไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสระจนหมดแล้ว
คุณครูบาลเฮดปล่อยให้นักเรียนแสดงความยินดีให้กันและกันโดยไม่ขัดคอ ภาพของเด็กๆ กระโดดโลดเต้นและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มช่างเป็นภาพที่น่าจดจำเสียนี่กระไร ในชีวิตของสเปิร์มที่รับรู้กันว่าแทบจะไม่มีความหวังในการไปเกิดเป็นมนุษย์ไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่า การที่ได้ผ่านการคัดเลือกอันแสนหฤโหดมาได้พร้อมกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
เขาเองก็เคยอยู่ตรงจุดนั้นมาก่อน แม้ครั้งนี้จะกลับกันกลายมาเป็นครูฝึกที่ต้องเข้มงวดกับการผ่านด่านของนักเรียนบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความรู้สึกของอดีตสเปิร์มตัวหนึ่งที่เคยทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เป็นผู้นำของเพื่อนร่วมชั้นหาวิธีเอาชนะครูฝึกในสระน้ำได้สำเร็จ จนได้รับการยกย่องและสดุดีจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน
แต่วีรกรรมที่สเปิร์มปันและสเปิร์มพิณสร้างในครั้งนี้เกินกว่าจะยอมรับได้ในฐานะครูฝึก เพราะทำให้เป้าหมายในการคัดเลือกสเปิร์มที่มีคุณภาพของทางโรงเรียนคลาดเคลื่อนไปมาก การที่ไม่สามารถกำจัดสเปิร์มได้ตามเป้าส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตของสเปิร์มแต่เป็นผลร้ายต่ออาชีพการเป็นครูฝึกของเขา
คุณครูบาลเฮดค่อยๆ ว่ายน้ำกลับไปที่ริมฝั่งและดึงตัวเองขึ้นจากสระอย่างช้าๆ ที่ปลายหางของเขามีแผ่นวัสดุสีขาวที่มีลูกล้อติดอยู่ข้างใต้ด้วย
“นั่นอะไรน่ะ” สเปิร์มไข่มุกร้องเอะอะขึ้นมา ทำให้สายตาของสเปิร์มทุกคู่หันไปจ้องมองคุณครูบาลเฮดที่กำลังนั่งอยู่ที่ขอบสระและดึงหางออกจากสายรัดของวัสดุที่เป็นแป้นสี่เหลี่ยมนั้น
“เขาขี้โกง..ที่แท้เขายืนอยู่บนแป้นที่มีล้อเลื่อน” สเปิร์มปึงปังที่รอดมาได้ในความพยายามครั้งที่สองกล่าวอย่างมีอารมณ์
“มิน่า..ทำไมถึงได้ลอยคออยู่ในน้ำได้นานนัก”
“แถมยังเคลื่อนที่เร็วอีกต่างหาก”
เสียงสเปิร์มก่นว่ากันอย่างไม่พอใจดังกระหึ่ม แต่พอคุณครูบาลเฮดลุกขึ้นยืนแล้วหันมามอง เสียงเหล่านั้นก็เงียบหายไปราวกับปิดสวิตช์ไฟ
“มีกติกาบอกไว้หรือว่าครูห้ามยืนบนล้อเลื่อน”
เมื่อคุณครูบาลเฮดถามกลับไปก็ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมาอีก สเปิร์มทุกตัวชินชาแล้วกับคำแก้ตัวของเขาที่ยกเอากติกาขึ้นมาอ้าง
“เอาล่ะ..ทุกตัว ยืนตรง” คุณครูบาลเฮดที่หน้าตาดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังทำเสียงแข็งต่อหน้านักเรียนออกคำสั่ง
สเปิร์มจำนวน 3,102.220 ตัวที่รอดมาได้ยืนตัวตรงอย่างพร้อมเพรียงรอรับคำสั่งต่อไปซึ่งพวกเขาคาดหมายว่าคงเป็นการสั่งเรียงแถวแล้วพาเหรดกันออกจากห้องไปรับประทานอาหารอีกครั้ง
คุณครูบาลเฮดตรวจตราแถวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พบตัวไหนที่ยืนตัวงอ เขาจะเอาหางกระทุ้งที่พุงตัวนั้นทันที
“ช่วงเวลาของความหวานชื่นจบลงไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเป็นการคัดเลือกขั้นสุดท้ายเพื่อคัดสรรสเปิร์มที่จะได้ไปเรียนต่อในชั้นมัธยม” คุณครูบาลเฮดกล่าวในระหว่างที่เคลื่อนตัวตรวจแถวไปด้วย
“อ้าว..ยังมีอีกเหรอ นึกว่าเรียนจบแล้วซะอีก”
“นั่นน่ะสิ..ตายไปตั้งเยอะยังไม่สาแก่ใจอีก”
สเปิร์มส่งเสียงบ่นด้วยความผิดหวังกันเกรียวกราว
“คุณครูขา ปล่อยพวกเราไปทานอาหารกันเถอะค่ะ หนูหิวแล้ว” สเปิร์มจิงเปลี่ยนจากเสียงเสียดแก้วหูมาทำเสียงออดอ้อน
แต่คุณครูบาลเฮดไม่หลงกล เขาหันมาทำตาขวางใส่นักเรียนพร้อมกับกล่าวราวกับยังผูกใจเจ็บ
“เรามีสเปิร์มที่เกินความต้องการอยู่อีกจำนวนหนึ่งต้องคัดออกให้ได้”
“นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเรานี่คะ” เสียงสเปิร์มจิงดังขึ้นหลังจากคุณครูบาลเฮดเลื้อยลับหลังไปแล้ว แม้ไม่หันไปมองคุณครูบาลเฮดก็จดจำเสียงนั้นได้ดี
“แล้วเธอคิดว่าเป็นความผิดของใครล่ะ ครูรึ?..หรือว่า..” คุณครูบาลเฮดย้อนถามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับพยายามสาดสายตามองหาสเปิร์มปันกับสเปิร์มพิณที่เขาคิดว่าเป็นสาเหตุ
“ก็ไม่น่าจะเป็นความผิดของใคร แต่แสดงว่าพวกเรามีคุณภาพพอที่จะผ่านไปได้ทั้งหมดนี่” สเปิร์มไข่มุกที่ยืนอยู่แถวหน้าทำหน้าที่โต้แทนเพื่อนๆ ได้อย่างน่ายกย่อง แต่พอกล่าวจบคุณครูบาลเฮดก็ย่างสามขุมเข้ามาหาทันที เขาหยุดเพื่อจะสบตาเธอแวบหนึ่งก่อนจะเลื้อยผ่านเลยไป สเปิร์มไข่มุกเป่าลมออกจากปากดังฟู่
“ไม่เคยมีครั้งไหนที่สเปิร์มสามารถผ่านห้องเรียนนี้ไปได้เกินกว่า 2 ล้าน 5 แสนตัว แต่ตอนนี้ครูกำลังเผชิญความท้าทายจากพวกเธอเพราะมีจำนวนเกินมาถึง 602,220 ตัว ทำไมเราต้องคัดเลือกให้อยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 2 ล้าน 5 แสนตัวน่ะรึ..” คุณครูบาลเฮดตั้งคำถามที่เขาจะต้องเป็นผู้ให้คำตอบเองขึ้นมา เขาหยุดนิดนึงเพื่อหยั่งดูสีหน้าและแววตาที่หวาดวิตกของนักเรียนทั้งหลายก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วกล่าวต่อ
“ปริมาณสารอาหารและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดของโรงเรียนคือคำตอบ มนุษย์ผู้นี้ไม่ได้กินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทุกมื้อ และไม่มีเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาของเขาในเวลานี้ แต่เป็นปัญหาของโรงเรียนมาระยะหนึ่งแล้วเพราะอัตราการผลิตสเปิร์มของเขามิได้ลดลงเลย” คุณครูบาลเฮดเหมือนกำลังร้องทุกข์ให้ใครสักผู้หนึ่งที่ไม่ใช่นักเรียนสเปิร์มรับรู้มากกว่า
“พวกเราเลยต้องรับผิดชอบยังงั้นหรือคะ” สเปิร์มไข่มุกยังกังขาอยู่
“ครูไม่ได้ต้องการให้พวกเธอรับผิดชอบ ครูกำลังขอความเห็นใจอยากให้ผู้บริหารโรงเรียนรับนักเรียนเพิ่มขึ้นในแต่ละชั้นต่างหากล่ะ” คุณครูบาลเฮดเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ เหมือนไม่ต้องการให้ใครสักผู้หนึ่งที่ไม่อยู่ในห้องนี้ได้ยินเข้า
“อะแอ้ม..อย่างไรก็ตาม..ครูสัญญาว่า บทเรียนนี้จะเป็นด่านสุดท้าย หากใครผ่านไปได้ก็จะได้ไปเรียนชั้นมัธยมทั้งหมด” คุณครูบาลเฮดก็กลับมายืดอกอย่างผึ่งผายแล้วตะเบ็งเสียงดังเหมือนเคยอีกครั้ง
“แม้ว่า..เอ่อ..จะมีมากกว่า 2 ล้าน 5 แสนตัวหรือคะ” สเปิร์มไข่มุกต้องการคำตอบที่เป็นคำมั่นสัญญา แต่คุณครูบาลเฮดเลือกที่จะผงกศีรษะเร็วๆ ทีหนึ่งแทนคำตอบ
สัญญาณตอบรับของคุณครูบาลเฮดทำให้นักเรียนสเปิร์มพากันหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่าเขารับปากหรือว่าบังเอิญเส้นคอกระตุกกันแน่
“ต่อไป ครูจะให้ทุกตัวกระโดดลงไปในสระพร้อมๆ กัน ผู้ชายจะลอยคออยู่ในส่วนที่เป็นด่าง ส่วนผู้หญิงจะอยู่ในส่วนที่เป็นกรด พวกเธอจะลอยคออยู่ในนั้นจนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีด จึงให้ทยอยกันขึ้นมาจากสระได้”
“พวกเราต้องลอยคอกันนานแค่ไหนคะ” คราวนี้สเปิร์มเพลงเป็นผู้ถามบ้าง
“นานตราบเท่าที่เธอไม่อยากให้เป็นเลยล่ะ” คำพูดอันเป็นปริศนาของคุณครูบาลเฮดนอกจากไม่ได้ไขข้อข้องใจแล้วยังทำให้เหล่าสเปิร์มใจคอไม่ดีกันไปใหญ่
“ก็แล้วมันนานแค่ไหนล่ะ” สเปิร์มเพลงบ่นอุบเบาๆ ไม่ให้เสียงได้ยินไปถึงคุณครูบาลเฮดทั้งๆ ที่อยากให้เป็นเสียงตะโกนใจจะขาด
คุณครูบาลเฮดเคลื่อนตัวไปที่ผนังห้องตรงกึ่งกลางของสระซึ่งมีแผงควบคุมไฟฟ้าติดอยู่ เขาใช้หางแตะปุ่มสีแดงบนแผงไฟทีหนึ่งส่งผลให้มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นที่กึ่งกลางสระน้ำและทำให้น้ำแยกตัวออกเป็นแนวเส้นตรงยาวจากขอบสระด้านหนึ่งไปจรดขอบสระอีกด้านหนึ่ง เมื่อแรงสั่นสะเทือนหยุดลงน้ำในสระก็ถูกแบ่งเป็นสองตอนโดยมีขอบผนังโผล่จากใต้น้ำขึ้นมากั้นสภาพน้ำทั้งสองให้ขาดจากกัน
บนขอบผนังมีรางเล็กๆ ฝังอยู่ข้างใน รางนี้เองที่คุณครูบาลเฮดเคยใช้วางล้อเลื่อนในบทเรียนแรกที่ผ่านมา
“ให้นักเรียนชายทุกตัวมายืนเรียงแถวหน้ากระดานรอบๆ ขอบสระทางขวามือของครู ส่วนนักเรียนหญิงให้แยกมาอยู่ทางด้านซ้ายมือของครูให้หมด..เร็ว” คุณครูบาลเฮดที่ยืนอยู่กึ่งกลางสระพอดีออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด
นักเรียนสเปิร์มที่ยังยืนปะปนเพศกันอยู่ต่างเลื้อยไปยังตำแหน่งที่สังกัดเพศของตัวเองทันที
“เราต้องแยกจากกันแล้วนะปัน ดูแลรักษาตัวด้วยนะ” สเปิร์มพิณหันมาแสดงความเป็นห่วง
“เธอก็เช่นกัน” สเปิร์มปันตอบเบาๆ มีความรู้สึกใหม่เกิดขึ้นภายในใจของเขา นั่นคือ รู้สึกเป็นห่วงสเปิร์มพิณมากกว่าห่วงตัวเองเสียอีก เขาเฝ้าถามตัวเองขณะมองดูเธอเลื้อยจากไปว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อก่อนหน้านี้เขาอยู่ตัวเดียวมาได้ตลอดโดยไม่เคยต้องห่วงอะไร
การแบ่งเพศเกือบจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย หากแต่มีสเปิร์มอยู่ตัวหนึ่งที่ยังคงสับสนอยู่
“แล้วชั้นจะอยู่ด้านไหนดีล่ะเนี่ย” สเปิร์มดีดี้รีๆ รอๆ อยู่ระหว่างสระที่เป็นด่างกับสระที่เป็นกรด เขารู้สึกตะขิดตะขวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกหากจะต้องลงไปแช่น้ำในสระร่วมกับเพศชายตัวอื่นๆ ในที่สุดจึงตัดสินใจเหยียดหางไปยืนทางฝั่งของสตรีเพศเป็นตัวสุดท้ายพอดี
“คิดดีแล้วเหรอจ๊ะ” คุณครูบาลเฮดแอบมาจากด้านหลังของสเปิร์มดีดี้แล้วกระซิบเสียงแผ่วๆ ที่ข้างๆ หู ทำให้เขาตกใจกระโดดตัวลอยไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“ว๊าย..!ตาเถรหล่น” สเปิร์มดีดี้อุทานออกมาด้วยสัญชาตญาณ เป็นคำอุทานที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนและไม่มีใครรู้จักตาเถรตัวนี้ด้วย
คำอุทานของสเปิร์มดีดี้ทำให้คุณครูบาลเฮดสะดุ้งไปด้วยเช่นกัน
“ตกลงเธอเป็นเพศไหนกันแน่เนี่ย..”
“เอ่อ..เพศ..เพศชายจ้ะ” สเปิร์มดีดี้ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนก่อนจะค่อยๆ ย่างหางก้าวไปยืนอยู่ในฟากของเพศชายด้วยความจำใจ
“เพศชายเหรอ..อืม..แล้วเมื่อกี้นี้อุทานอะไรออกมา” คุณครูบาลเฮดกล่าวอย่างเอาเรื่องแล้วก้าวเข้าไปประชิดตัวสเปิร์มดีดี้จนจมูกเกือบจะไปชนหน้าผากของเขา สเปิร์มดีดี้ไม่กล้าถอยหลังอีกเพราะกลัวว่าจะตกลงไปในน้ำจึงได้แต่หลบสายตาไปทางอื่นแล้วกลืนน้ำลายลงคอติดๆ กันหลายครั้ง คุณครูบาลเฮดแสยะยิ้มออกมาแล้วใช้ปลายหางสะกิดที่เอวของสเปิร์มดีดี้เบาๆ สองครั้ง สเปิร์มดีดี้ไม่คิดว่าจะถูกจี้เอวก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาพร้อมกับกระโดดตัวลอยทันทีทำให้ปลายหางร่นไปแตะอยู่บนขอบสระขณะที่ส่วนบนของร่างแอ่นเลยไปในสระน้ำแล้ว
“เหวอ..อ..อ..!” สเปิร์มดีดี้พยายามที่จะเหวี่ยงตัวให้กลับมายืนได้อีกแต่ร่างที่เสียสมดุลไปแล้วไม่อาจรั้งกลับมาได้ ทำให้เขาหล่นลงไปในน้ำในสภาพหงายหลังลง
โครม..ม..!
เมื่อมีสเปิร์มหล่นลงไปในน้ำก็ถือเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นบททดสอบที่สอง คุณครูบาลเฮดหยิบนกหวีดที่คล้องอยู่ที่คอออกมาเป่าทันที
ปรี๊ด..ด.ด.!
“เอ้า..กระโดด..กระโดด..กระโดด” เมื่อเสียงนกหวีดสิ้นสุดลง คุณครูบาลเฮดก็ออกไล่ต้อนให้นักเรียนทุกตัวกระโดดลงไปในน้ำทันที ตัวไหนที่ชักช้าก็จะถูกคุณครูบาลเฮดเอาหางไล่จิ้มเอวให้ต้องสะดุ้งโหยงๆ
เหล่าสเปิร์มเฮโลกันกระโดดลงไปในน้ำราวกับกำลังหนีตาย ตัวที่อยู่ข้างหลังก็กระโจนเข้ามาทับตัวที่อยู่ข้างหน้าจนกลิ้งคะมำไปกับพื้นด้วยกัน พอจะลุกขึ้นก็ถูกตัวที่มาจากข้างหลังอีกชั้นหนึ่งล้มมาทับอีก ชุลมุนชุลเกกันอยู่นาน กว่าที่เหตุการณ์จะสงบและทุกตัวลงไปอยู่ในสระกันครบถ้วนก็เล่นเอาหลายตัวบอบช้ำจนเกือบว่ายน้ำไม่ไหวแล้ว
แต่นั่นดูเหมือนเป็นสถานการณ์ที่สมใจอยากของคุณครูบาลเฮดที่ยืนผงกศีรษะหงึกๆ พร้อมกับยิ้มคลอไปด้วยตลอดเวลา ยิ่งมีสเปิร์มบอบช้ำจากอุบัติเหตุมากเท่าไร งานของเขาก็จะง่ายยิ่งขึ้นเท่านั้น
เมื่อสเปิร์มทั้ง 3,102,220 ตัวลงไปอยู่ในสระว่ายน้ำจนหมด สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ก็เนืองแน่นจนเกือบจะหาที่ว่างไม่ได้ หัวกลมๆ ของสเปิร์มจำนวนมหาศาลที่ผลุบขึ้นผลุบลงตลอดเวลามองดูจากด้านบนที่คุณครูบาลเฮดยืนอยู่เหมือนน้ำในสระกำลังเดือดปุดๆ
“ตอนนี้..พวกเธอจะทำอะไรกันก็ได้ในสระน้ำ เว้นแต่การปีนขึ้นมาบนฝั่งก่อนได้ยินเสียงนกหวีด มิฉะนั้นจะต้องถูกทำโทษ จำไว้นะ..ต้องได้ยินเสียงนกหวีดก่อนเท่านั้น” คุณครูบาลเฮดย้ำหนักแน่น ก่อนที่จะเลื้อยกลับไปที่ผนังตรงกึ่งกลางสระ เปิดตู้เก็บของแล้วหยิบเก้าอี้ผ้าใบแบบพับได้ออกมากางไว้ที่ริมสระน้ำแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ผ้าใบในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างสบายใจเฉิบ และอยู่ในท่านั้นเป็นเวลาเนิ่นนานจนสเปิร์มในสระที่เฝ้ามองอยู่ด้วยความกระวนกระวายคิดว่าเขาหลับไปแล้ว
**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่ 3..สระมรณะ**
สระมรณะ
สเปิร์มสองตัวสุดท้ายว่ายแตะขอบสระอีกด้านหนึ่งท่ามกลางเสียงโห่ร้องต้อนรับของสเปิร์มที่ขณะนี้ย้ายฟากไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสระจนหมดแล้ว
คุณครูบาลเฮดปล่อยให้นักเรียนแสดงความยินดีให้กันและกันโดยไม่ขัดคอ ภาพของเด็กๆ กระโดดโลดเต้นและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มช่างเป็นภาพที่น่าจดจำเสียนี่กระไร ในชีวิตของสเปิร์มที่รับรู้กันว่าแทบจะไม่มีความหวังในการไปเกิดเป็นมนุษย์ไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่า การที่ได้ผ่านการคัดเลือกอันแสนหฤโหดมาได้พร้อมกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
เขาเองก็เคยอยู่ตรงจุดนั้นมาก่อน แม้ครั้งนี้จะกลับกันกลายมาเป็นครูฝึกที่ต้องเข้มงวดกับการผ่านด่านของนักเรียนบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความรู้สึกของอดีตสเปิร์มตัวหนึ่งที่เคยทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เป็นผู้นำของเพื่อนร่วมชั้นหาวิธีเอาชนะครูฝึกในสระน้ำได้สำเร็จ จนได้รับการยกย่องและสดุดีจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน
แต่วีรกรรมที่สเปิร์มปันและสเปิร์มพิณสร้างในครั้งนี้เกินกว่าจะยอมรับได้ในฐานะครูฝึก เพราะทำให้เป้าหมายในการคัดเลือกสเปิร์มที่มีคุณภาพของทางโรงเรียนคลาดเคลื่อนไปมาก การที่ไม่สามารถกำจัดสเปิร์มได้ตามเป้าส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตของสเปิร์มแต่เป็นผลร้ายต่ออาชีพการเป็นครูฝึกของเขา
คุณครูบาลเฮดค่อยๆ ว่ายน้ำกลับไปที่ริมฝั่งและดึงตัวเองขึ้นจากสระอย่างช้าๆ ที่ปลายหางของเขามีแผ่นวัสดุสีขาวที่มีลูกล้อติดอยู่ข้างใต้ด้วย
“นั่นอะไรน่ะ” สเปิร์มไข่มุกร้องเอะอะขึ้นมา ทำให้สายตาของสเปิร์มทุกคู่หันไปจ้องมองคุณครูบาลเฮดที่กำลังนั่งอยู่ที่ขอบสระและดึงหางออกจากสายรัดของวัสดุที่เป็นแป้นสี่เหลี่ยมนั้น
“เขาขี้โกง..ที่แท้เขายืนอยู่บนแป้นที่มีล้อเลื่อน” สเปิร์มปึงปังที่รอดมาได้ในความพยายามครั้งที่สองกล่าวอย่างมีอารมณ์
“มิน่า..ทำไมถึงได้ลอยคออยู่ในน้ำได้นานนัก”
“แถมยังเคลื่อนที่เร็วอีกต่างหาก”
เสียงสเปิร์มก่นว่ากันอย่างไม่พอใจดังกระหึ่ม แต่พอคุณครูบาลเฮดลุกขึ้นยืนแล้วหันมามอง เสียงเหล่านั้นก็เงียบหายไปราวกับปิดสวิตช์ไฟ
“มีกติกาบอกไว้หรือว่าครูห้ามยืนบนล้อเลื่อน”
เมื่อคุณครูบาลเฮดถามกลับไปก็ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมาอีก สเปิร์มทุกตัวชินชาแล้วกับคำแก้ตัวของเขาที่ยกเอากติกาขึ้นมาอ้าง
“เอาล่ะ..ทุกตัว ยืนตรง” คุณครูบาลเฮดที่หน้าตาดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังทำเสียงแข็งต่อหน้านักเรียนออกคำสั่ง
สเปิร์มจำนวน 3,102.220 ตัวที่รอดมาได้ยืนตัวตรงอย่างพร้อมเพรียงรอรับคำสั่งต่อไปซึ่งพวกเขาคาดหมายว่าคงเป็นการสั่งเรียงแถวแล้วพาเหรดกันออกจากห้องไปรับประทานอาหารอีกครั้ง
คุณครูบาลเฮดตรวจตราแถวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พบตัวไหนที่ยืนตัวงอ เขาจะเอาหางกระทุ้งที่พุงตัวนั้นทันที
“ช่วงเวลาของความหวานชื่นจบลงไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเป็นการคัดเลือกขั้นสุดท้ายเพื่อคัดสรรสเปิร์มที่จะได้ไปเรียนต่อในชั้นมัธยม” คุณครูบาลเฮดกล่าวในระหว่างที่เคลื่อนตัวตรวจแถวไปด้วย
“อ้าว..ยังมีอีกเหรอ นึกว่าเรียนจบแล้วซะอีก”
“นั่นน่ะสิ..ตายไปตั้งเยอะยังไม่สาแก่ใจอีก”
สเปิร์มส่งเสียงบ่นด้วยความผิดหวังกันเกรียวกราว
“คุณครูขา ปล่อยพวกเราไปทานอาหารกันเถอะค่ะ หนูหิวแล้ว” สเปิร์มจิงเปลี่ยนจากเสียงเสียดแก้วหูมาทำเสียงออดอ้อน
แต่คุณครูบาลเฮดไม่หลงกล เขาหันมาทำตาขวางใส่นักเรียนพร้อมกับกล่าวราวกับยังผูกใจเจ็บ
“เรามีสเปิร์มที่เกินความต้องการอยู่อีกจำนวนหนึ่งต้องคัดออกให้ได้”
“นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเรานี่คะ” เสียงสเปิร์มจิงดังขึ้นหลังจากคุณครูบาลเฮดเลื้อยลับหลังไปแล้ว แม้ไม่หันไปมองคุณครูบาลเฮดก็จดจำเสียงนั้นได้ดี
“แล้วเธอคิดว่าเป็นความผิดของใครล่ะ ครูรึ?..หรือว่า..” คุณครูบาลเฮดย้อนถามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับพยายามสาดสายตามองหาสเปิร์มปันกับสเปิร์มพิณที่เขาคิดว่าเป็นสาเหตุ
“ก็ไม่น่าจะเป็นความผิดของใคร แต่แสดงว่าพวกเรามีคุณภาพพอที่จะผ่านไปได้ทั้งหมดนี่” สเปิร์มไข่มุกที่ยืนอยู่แถวหน้าทำหน้าที่โต้แทนเพื่อนๆ ได้อย่างน่ายกย่อง แต่พอกล่าวจบคุณครูบาลเฮดก็ย่างสามขุมเข้ามาหาทันที เขาหยุดเพื่อจะสบตาเธอแวบหนึ่งก่อนจะเลื้อยผ่านเลยไป สเปิร์มไข่มุกเป่าลมออกจากปากดังฟู่
“ไม่เคยมีครั้งไหนที่สเปิร์มสามารถผ่านห้องเรียนนี้ไปได้เกินกว่า 2 ล้าน 5 แสนตัว แต่ตอนนี้ครูกำลังเผชิญความท้าทายจากพวกเธอเพราะมีจำนวนเกินมาถึง 602,220 ตัว ทำไมเราต้องคัดเลือกให้อยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 2 ล้าน 5 แสนตัวน่ะรึ..” คุณครูบาลเฮดตั้งคำถามที่เขาจะต้องเป็นผู้ให้คำตอบเองขึ้นมา เขาหยุดนิดนึงเพื่อหยั่งดูสีหน้าและแววตาที่หวาดวิตกของนักเรียนทั้งหลายก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วกล่าวต่อ
“ปริมาณสารอาหารและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดของโรงเรียนคือคำตอบ มนุษย์ผู้นี้ไม่ได้กินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทุกมื้อ และไม่มีเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาของเขาในเวลานี้ แต่เป็นปัญหาของโรงเรียนมาระยะหนึ่งแล้วเพราะอัตราการผลิตสเปิร์มของเขามิได้ลดลงเลย” คุณครูบาลเฮดเหมือนกำลังร้องทุกข์ให้ใครสักผู้หนึ่งที่ไม่ใช่นักเรียนสเปิร์มรับรู้มากกว่า
“พวกเราเลยต้องรับผิดชอบยังงั้นหรือคะ” สเปิร์มไข่มุกยังกังขาอยู่
“ครูไม่ได้ต้องการให้พวกเธอรับผิดชอบ ครูกำลังขอความเห็นใจอยากให้ผู้บริหารโรงเรียนรับนักเรียนเพิ่มขึ้นในแต่ละชั้นต่างหากล่ะ” คุณครูบาลเฮดเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ เหมือนไม่ต้องการให้ใครสักผู้หนึ่งที่ไม่อยู่ในห้องนี้ได้ยินเข้า
“อะแอ้ม..อย่างไรก็ตาม..ครูสัญญาว่า บทเรียนนี้จะเป็นด่านสุดท้าย หากใครผ่านไปได้ก็จะได้ไปเรียนชั้นมัธยมทั้งหมด” คุณครูบาลเฮดก็กลับมายืดอกอย่างผึ่งผายแล้วตะเบ็งเสียงดังเหมือนเคยอีกครั้ง
“แม้ว่า..เอ่อ..จะมีมากกว่า 2 ล้าน 5 แสนตัวหรือคะ” สเปิร์มไข่มุกต้องการคำตอบที่เป็นคำมั่นสัญญา แต่คุณครูบาลเฮดเลือกที่จะผงกศีรษะเร็วๆ ทีหนึ่งแทนคำตอบ
สัญญาณตอบรับของคุณครูบาลเฮดทำให้นักเรียนสเปิร์มพากันหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่าเขารับปากหรือว่าบังเอิญเส้นคอกระตุกกันแน่
“ต่อไป ครูจะให้ทุกตัวกระโดดลงไปในสระพร้อมๆ กัน ผู้ชายจะลอยคออยู่ในส่วนที่เป็นด่าง ส่วนผู้หญิงจะอยู่ในส่วนที่เป็นกรด พวกเธอจะลอยคออยู่ในนั้นจนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีด จึงให้ทยอยกันขึ้นมาจากสระได้”
“พวกเราต้องลอยคอกันนานแค่ไหนคะ” คราวนี้สเปิร์มเพลงเป็นผู้ถามบ้าง
“นานตราบเท่าที่เธอไม่อยากให้เป็นเลยล่ะ” คำพูดอันเป็นปริศนาของคุณครูบาลเฮดนอกจากไม่ได้ไขข้อข้องใจแล้วยังทำให้เหล่าสเปิร์มใจคอไม่ดีกันไปใหญ่
“ก็แล้วมันนานแค่ไหนล่ะ” สเปิร์มเพลงบ่นอุบเบาๆ ไม่ให้เสียงได้ยินไปถึงคุณครูบาลเฮดทั้งๆ ที่อยากให้เป็นเสียงตะโกนใจจะขาด
คุณครูบาลเฮดเคลื่อนตัวไปที่ผนังห้องตรงกึ่งกลางของสระซึ่งมีแผงควบคุมไฟฟ้าติดอยู่ เขาใช้หางแตะปุ่มสีแดงบนแผงไฟทีหนึ่งส่งผลให้มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นที่กึ่งกลางสระน้ำและทำให้น้ำแยกตัวออกเป็นแนวเส้นตรงยาวจากขอบสระด้านหนึ่งไปจรดขอบสระอีกด้านหนึ่ง เมื่อแรงสั่นสะเทือนหยุดลงน้ำในสระก็ถูกแบ่งเป็นสองตอนโดยมีขอบผนังโผล่จากใต้น้ำขึ้นมากั้นสภาพน้ำทั้งสองให้ขาดจากกัน
บนขอบผนังมีรางเล็กๆ ฝังอยู่ข้างใน รางนี้เองที่คุณครูบาลเฮดเคยใช้วางล้อเลื่อนในบทเรียนแรกที่ผ่านมา
“ให้นักเรียนชายทุกตัวมายืนเรียงแถวหน้ากระดานรอบๆ ขอบสระทางขวามือของครู ส่วนนักเรียนหญิงให้แยกมาอยู่ทางด้านซ้ายมือของครูให้หมด..เร็ว” คุณครูบาลเฮดที่ยืนอยู่กึ่งกลางสระพอดีออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด
นักเรียนสเปิร์มที่ยังยืนปะปนเพศกันอยู่ต่างเลื้อยไปยังตำแหน่งที่สังกัดเพศของตัวเองทันที
“เราต้องแยกจากกันแล้วนะปัน ดูแลรักษาตัวด้วยนะ” สเปิร์มพิณหันมาแสดงความเป็นห่วง
“เธอก็เช่นกัน” สเปิร์มปันตอบเบาๆ มีความรู้สึกใหม่เกิดขึ้นภายในใจของเขา นั่นคือ รู้สึกเป็นห่วงสเปิร์มพิณมากกว่าห่วงตัวเองเสียอีก เขาเฝ้าถามตัวเองขณะมองดูเธอเลื้อยจากไปว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อก่อนหน้านี้เขาอยู่ตัวเดียวมาได้ตลอดโดยไม่เคยต้องห่วงอะไร
การแบ่งเพศเกือบจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย หากแต่มีสเปิร์มอยู่ตัวหนึ่งที่ยังคงสับสนอยู่
“แล้วชั้นจะอยู่ด้านไหนดีล่ะเนี่ย” สเปิร์มดีดี้รีๆ รอๆ อยู่ระหว่างสระที่เป็นด่างกับสระที่เป็นกรด เขารู้สึกตะขิดตะขวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกหากจะต้องลงไปแช่น้ำในสระร่วมกับเพศชายตัวอื่นๆ ในที่สุดจึงตัดสินใจเหยียดหางไปยืนทางฝั่งของสตรีเพศเป็นตัวสุดท้ายพอดี
“คิดดีแล้วเหรอจ๊ะ” คุณครูบาลเฮดแอบมาจากด้านหลังของสเปิร์มดีดี้แล้วกระซิบเสียงแผ่วๆ ที่ข้างๆ หู ทำให้เขาตกใจกระโดดตัวลอยไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“ว๊าย..!ตาเถรหล่น” สเปิร์มดีดี้อุทานออกมาด้วยสัญชาตญาณ เป็นคำอุทานที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนและไม่มีใครรู้จักตาเถรตัวนี้ด้วย
คำอุทานของสเปิร์มดีดี้ทำให้คุณครูบาลเฮดสะดุ้งไปด้วยเช่นกัน
“ตกลงเธอเป็นเพศไหนกันแน่เนี่ย..”
“เอ่อ..เพศ..เพศชายจ้ะ” สเปิร์มดีดี้ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนก่อนจะค่อยๆ ย่างหางก้าวไปยืนอยู่ในฟากของเพศชายด้วยความจำใจ
“เพศชายเหรอ..อืม..แล้วเมื่อกี้นี้อุทานอะไรออกมา” คุณครูบาลเฮดกล่าวอย่างเอาเรื่องแล้วก้าวเข้าไปประชิดตัวสเปิร์มดีดี้จนจมูกเกือบจะไปชนหน้าผากของเขา สเปิร์มดีดี้ไม่กล้าถอยหลังอีกเพราะกลัวว่าจะตกลงไปในน้ำจึงได้แต่หลบสายตาไปทางอื่นแล้วกลืนน้ำลายลงคอติดๆ กันหลายครั้ง คุณครูบาลเฮดแสยะยิ้มออกมาแล้วใช้ปลายหางสะกิดที่เอวของสเปิร์มดีดี้เบาๆ สองครั้ง สเปิร์มดีดี้ไม่คิดว่าจะถูกจี้เอวก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาพร้อมกับกระโดดตัวลอยทันทีทำให้ปลายหางร่นไปแตะอยู่บนขอบสระขณะที่ส่วนบนของร่างแอ่นเลยไปในสระน้ำแล้ว
“เหวอ..อ..อ..!” สเปิร์มดีดี้พยายามที่จะเหวี่ยงตัวให้กลับมายืนได้อีกแต่ร่างที่เสียสมดุลไปแล้วไม่อาจรั้งกลับมาได้ ทำให้เขาหล่นลงไปในน้ำในสภาพหงายหลังลง
โครม..ม..!
เมื่อมีสเปิร์มหล่นลงไปในน้ำก็ถือเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นบททดสอบที่สอง คุณครูบาลเฮดหยิบนกหวีดที่คล้องอยู่ที่คอออกมาเป่าทันที
ปรี๊ด..ด.ด.!
“เอ้า..กระโดด..กระโดด..กระโดด” เมื่อเสียงนกหวีดสิ้นสุดลง คุณครูบาลเฮดก็ออกไล่ต้อนให้นักเรียนทุกตัวกระโดดลงไปในน้ำทันที ตัวไหนที่ชักช้าก็จะถูกคุณครูบาลเฮดเอาหางไล่จิ้มเอวให้ต้องสะดุ้งโหยงๆ
เหล่าสเปิร์มเฮโลกันกระโดดลงไปในน้ำราวกับกำลังหนีตาย ตัวที่อยู่ข้างหลังก็กระโจนเข้ามาทับตัวที่อยู่ข้างหน้าจนกลิ้งคะมำไปกับพื้นด้วยกัน พอจะลุกขึ้นก็ถูกตัวที่มาจากข้างหลังอีกชั้นหนึ่งล้มมาทับอีก ชุลมุนชุลเกกันอยู่นาน กว่าที่เหตุการณ์จะสงบและทุกตัวลงไปอยู่ในสระกันครบถ้วนก็เล่นเอาหลายตัวบอบช้ำจนเกือบว่ายน้ำไม่ไหวแล้ว
แต่นั่นดูเหมือนเป็นสถานการณ์ที่สมใจอยากของคุณครูบาลเฮดที่ยืนผงกศีรษะหงึกๆ พร้อมกับยิ้มคลอไปด้วยตลอดเวลา ยิ่งมีสเปิร์มบอบช้ำจากอุบัติเหตุมากเท่าไร งานของเขาก็จะง่ายยิ่งขึ้นเท่านั้น
เมื่อสเปิร์มทั้ง 3,102,220 ตัวลงไปอยู่ในสระว่ายน้ำจนหมด สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ก็เนืองแน่นจนเกือบจะหาที่ว่างไม่ได้ หัวกลมๆ ของสเปิร์มจำนวนมหาศาลที่ผลุบขึ้นผลุบลงตลอดเวลามองดูจากด้านบนที่คุณครูบาลเฮดยืนอยู่เหมือนน้ำในสระกำลังเดือดปุดๆ
“ตอนนี้..พวกเธอจะทำอะไรกันก็ได้ในสระน้ำ เว้นแต่การปีนขึ้นมาบนฝั่งก่อนได้ยินเสียงนกหวีด มิฉะนั้นจะต้องถูกทำโทษ จำไว้นะ..ต้องได้ยินเสียงนกหวีดก่อนเท่านั้น” คุณครูบาลเฮดย้ำหนักแน่น ก่อนที่จะเลื้อยกลับไปที่ผนังตรงกึ่งกลางสระ เปิดตู้เก็บของแล้วหยิบเก้าอี้ผ้าใบแบบพับได้ออกมากางไว้ที่ริมสระน้ำแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ผ้าใบในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างสบายใจเฉิบ และอยู่ในท่านั้นเป็นเวลาเนิ่นนานจนสเปิร์มในสระที่เฝ้ามองอยู่ด้วยความกระวนกระวายคิดว่าเขาหลับไปแล้ว