เชื่อในความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกกันไหมคะ

สวัสดีคะ เราขอแทนตัวเองว่า "บี" นะคะ เราเชื่อในความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แฟน แต่เกินกว่าคำว่าเพื่อน และที่สำคัญเราพอใจ และ โอเครกับความสัมพันธ์นี้มากๆ ถึงจะไม่สุขใจที่สุด แต่มันก็ไม่ได้ทุกข์ที่สุดเหมือนกัน อยู่กับสถานะที่ไม่มีชื่อเรียก แต่สุขใจอยู่ในใจรู้กันแค่เราสองคน ทำไมเราถึงเชื่อในความสัมพันธ์ที่ไม่มีบัญญัติในพจนานุกรม ทำไมเราถึงได้เชื่อและศรัทธากับความรักในรูปแบบนี้ ก็เพราะว่าเรา....เจอผู้ชายคนนึง คนที่มาเปลี่ยนความคิด ทรรศนะคติกับความสัมพันธ์ลับๆ ที่ไม่ใช่แค่เราคิดไปเอง และไม่ได้เข้าข่ายคำว่าชู้แต่อย่างใด อยากให้ทุกคน เปิดใจลองอ่านมุมมองความรัก และ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกดูนะคะ บางครั้งเราอาจจะมีเพื่อน หรือ คนที่ประสบอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ก็เป็นได้  
          ขอเกริ่นก่อนนะคะว่า....ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับเราจริงๆ ไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาแต่อย่างใด ขอให้ทุกคนอ่านอย่างมีวิจารญาณ และ เราขอให้ทุกคน กรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพด้วยนะคะ เราจะพยายามไม่ใช้คำหยาบใดๆทั้งสิ้นนะคะ เราถือว่าเราให้เกียติซึ่งกันและกันเนอะ  โอเคร...เริ่ม!!!
          ตอนนี้เราเรียนอยู่ม.6 แล้วน้าาาา เราแอบชอบผู้ชายคนนึง ขอใช้นามสมมุติว่า "ทิน" ละกันนะคะ เราแอบชอบทินมาตั้งแต่ม.4 ทินเป็นผู้ชายที่ ดูก็รู้ว่าทินเป็นคนดูแลตัวเอง ทินขาว หน้าใส ไม่มีสิว ผิวดี เรายังแอบอายเลย นี่ขนาดเราเป็นผญ.แท้ๆนะเนี่ย ผิวหน้าเค้ายังดีกว่าเรามาก ทินดูแลตัวเองดีเกินไปจนทำให้เราเผลอ แอบคิดว่าทินเป็นเกย์ พอสงสัยก็ตามสืบว่า ชายจริงหรือเป็นเกย์ กันแน่ ตามสืบอยู่ 1-2 วันก็รู้มาว่า ชายแท้แน่นอนนนนจ้าาาา ดีใจและโล่งใจมาก แต่ก็ดีใจได้ไม่นานหรอก นางมีแฟนแล้วนะสิ น่ารักซะด้วย เราก็แอบเซงๆนะ แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย ทำลายข้าวของ อย่างมากก็แค่แอบร้องไห้ แต่ก็ร้องได้แค่แปปเดียว คือตอนนั้น คิดจะตัดใจซะด้วยซ้ำ แต่ด้วยความบ้าบิ่นของเรา ก็กลับมามีแรงฮึดที่จะแอบรักต่อไป เชื่อไหม เราแอบชอบทินก็จริง แต่เราไม่เคยคุยกับทินเลยแม้แต่คำเดียว เบอร์ก็ไม่เคยขอ ไลน์ก็ไม่เคยมี จะมีก็แต่เฟสบุ๊คนี่แหละ แต่เฟสบุ๊คก็ช่วยอะไรเราไม่ได้เลย คนอะไรมีเฟสบุ๊คไว้เล่นเกมส์ ไม่เคยโพส ไม่เคยมีความคืบหน้าในเฟสบุ๊คเลย เราก็เลยทำได้แค่มองห่างๆ แอบเก็บข้อมูลทีละนิดตามคำบอกเล่าของคนโน่นทีคนนี้ที เป็นชะนีที่ลำบากมากจริงๆ แต่ในความโชคร้ายของชะนีตัวน้อยๆคนนี้ ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ขอเล่าย้อนไปตอนม.5 นะคะ วันนั้น รร.เรามีนโยบายใหม่มาว่า ถ้านักเรียนคนใดมีผลการเรียนเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์จะถูกดำเนินการย้ายห้องเรียน โอเคร..เราก็ทำใจบ้างแล้วแหละว่าคงต้องเป็นเรา ที่จะต้องโดนย้ายห้องเรียน เกรดเฉลี่ยเรานี่เน่าเฟะ ไม่อยากจะพูดถึง T_T เราอยู่ห้อง 2 สายวิทย์คณิต ส่วนทินอยู่ห้อง 3 วิทย์คณิตเหมือนกัน ขอบอกก่อนนะคะว่า การย้ายห้องเรียนจะย้ายในสายเดียวกัน อย่างรร.เรามีสายวิทย์คณิต 4 ห้อง ก็จะโดนย้ายภายใน 4 ห้องนี้เท่านั้น ใครเรียนเก่งก็โดนย้ายไปห้องต้นๆ ใครเรียนแย่หน่อยก็โดนย้ายไปห้อง 3 และ 4 ซึ่งแน่นอนว่าเกรดเฉลี่ยแบบนี้ หน้าตาดูโง่เขลาเบาปัญญาแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ โดนย้ายคะ!! รายชื่อเรานี่ขึ้นหราเลย โดนย้ายไปห้อง 3 จ้าาาาา บังเอิญกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว กรี๊ดลั่นบ้านสิคะรอไร ดีใจมากกกก ฟินเฟ่อร์ แบบ...ทุกอย่างในชีวิตดีหมด แต่...เราย้ายได้เค้าก็ย้ายได้นะ คือตอนนั้นยังไม่รู้ว่าทินโดนย้ายห้องหรือเปล่า ก็ภาวนาว่าอย่าโดนย้ายเพราะ ฉันกำลังจะย้ายไปหาเธอออ เราก็สืบคะ สิบว่าทินโดนย้ายไหม ปรากฎว่า....นางไม่โดนย้ายจ้า นางอยู่ห้องเดิม เราส๊องโค๊นนอยู๋ห๊องงเดี๋ยวกานนนน ~~ กรี๊ดอย่างบ้าคลั่ง ดีใจยิ่งกว่าถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่1 ขอบคุณพรหมลิขิตมากพะยะคะ คือตอนที่รร.ประกาศรายชื่อคนที่โดนย้ายห้องคือ 2 อาทิตย์ก่อนจะเปิดเทอมขึ้นม.6 เราก็จัดเตรียมมาร์กหน้าขาวใส กินกลูต้า ทาครีมกันแดด ทำสารพัดที่ชะนีน้อยคนนี้ไม่เคยทำ ทำทุกวันจนมันก็พอจะดูดีเหมือนชาวบ้านเค้าขึ้นมาบ้าง ฉันทำทุกอย่างเพื่อนายเลยจริงๆ สองอาทิตย์ที่รอคอยก็มาถึงงงง เรารีบตื่น อาบน้ำแต่งตัว ไปโรงเรียนแต่เช้า ถึงเวลาเข้าแถว เราก็เข้าแถวหน้าสุดเลย เรามองหาทินตั้งแต่เช้าตอนมารร.จนป่านนี้เข้าแถวก็ยังไม่เจอ เราจำได้ว่าแอบสกิดเพื่อนข้างๆ ถามหานางด้วย เริ่มจะหน้าด้านกล้าขึ้นมาเพราะอยากเจอ สักพักเรารู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดไหล่ "เธอๆ นี่ห้องสามใช่ป่ะ" นางมาสะกิดไหล่เรา คือจำได้ว่า เราไม่ได้ตอบนางเพราะมัวแต่อึ้ง จนเพื่อนที่นั่งข้างๆตอบแทน แอบเซงเพื่อนข้างๆนิดนึง แต่เมื่อเราสองคนได้อยู่ห้องเดียวกัน มันก็ทำให้เรากับทินมีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น
.....เดี๋ยวมาต่อนะคะ ตอนนี้มันดึกมากแล้ววว.....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่