หวัดดีครับมาถึงเรื่องสยองขวัญ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรื่องสุดท้ายครับ การพิมพ์ของผมอาจจะอ่านยากสักหน่อย แน่นอนครับผมไม่ใช่นักเขียน แค่คนธรรมดาที่มีเรื่องราวน่ากลัวก็เล่าสู่กันฟัง
ครับเรื่องมีอยู่ว่าจากที่ผมไปบวชพระวัดบ้านอื่น แล้วขอกลับมาจำวัดวัดที่วัดบ้านตัวเอง ต้องอธิบายว่ามีกุฏิว่างในวัด แค่2กุฏิ ซึ่งกุฏิหลังนึงอยู่ในป่าช้า อีกหลังอยู่ข้างสระน้ำ ผมเลยขอไปอยู่กุฏิข้างสระน้ำ เพราะกุฏินั้นดูรมรื่น อยู่ห่างจากกุฏิอื่นน่าอยู่แระน่าจะสงบด้วย ในวัดมีพระ 5 รูปรวมผมพระใหม่
มีเจ้าอาวาส 1 และที่เหลือพระลูกวัด กุฎิของเจ้าอาวาสอยู่ห่างจากกุฏิผมประมาณ 400 เมตร ซึ่งข้างกุฏิท่านมีอีก2กุฏิของพระลูกวัดโดยห่างกันประมาน 5 เมตร (อยู่ใกล้กันมาก) อีกกุฏิคือกุฏิ สมมุดว่าชื่อหลวงพี่ไท ซึ่งอยู่ห่างไปไกลจากกุฏิอื่นเหมือนกัน เป็นกุฏิใหญ่ครับ
(คือกุฏิที่ผมเข้านาคนั้นแหละ และคือกุฏิที่คนร่ำลือในเรื่องผีสาง แล้วพระที่อื่นที่มาจำวัดอยู่ที่นั้นก็โดนไปหลายรูป ผมฟังมาแต่ล่ะเรื่องคือน่ากลัวมาก ถ้าเล่าเรื่องกุฏินั้นจะยาวเอาแค่เรื่องผมดีกว่า ) ต่อคับ ก้าวแรกที่ผมเดินเข้ากุฏิคือเห็นเก้าอี้ตัวนึงของพระเก่าที่อยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีพวกจีวร สบง เยอะแยะม้วนๆแล้วทับกันบนเก้าอี้ ขวามือผมเป็นแท่นพระเล็กๆไว้บูชา
ผมก้อคิดจะเริ่มเก็บกวดโดยมี ลุงสมมุดว่าชื่อลุงหั้มนั้นแหละคับ (ถ้าคัยเคยอ่านเรื่องผมคับลุงหั้มคนเดียวกัน) ลุงหั้มถามผมว่า จะเอาเก้าอี้ออกไปไว้ศาลาให้ ก่อนที่ลุงหั้มจะเข้ามายกครับ ผมเดินไปหยิบจีวรที่ทับกันอยู่บนเก้าอี้ แล้วยกขึ้นผืนนึง
ปรากฏ ลูกตุ๊กแก จากที่ผมดูประมาณ 10กว่าตัว ตัวเล็กมากครับ ผมรีบบอกลุงหั้มว่าเดี๋ยวเอาไว้นี้แหละเดี๋ยวผมจัดการเอง ลุงหั้มก็ไม่เดินเข้ามา (คือผมไม่ได้รักสัตว์หรอกคับ คือไม่รู้ทำมัยตอนนั้นผมคิดสงสาร ถ้าเอาออกไปมันไม่รอดทุกตัวแน่ครับความรู้สึกตอนนั้น คือมันยังเล็กมาก) ครับสักพักลุงหั้มแกคงสงสัยเลยถามว่าทำมัย ไม่ให้ลุงเอาออกมันรกพวกงู พวกสัตว์มีพิษจะเข้าไปอยู่ ผมบอกว่ามีลูกตุ๊กแกอยู่เยอะสงสารมัน ให้มันอยู่ตงนี้แหละ ลุงหั้มก็ตอบอือๆแล้วแต่หม่อม (คือคนบ้านนอกเรียกพระที่มีอายุน้อยกว่าตนว่าหม่อม ไม่รู้ว่าคนในเมืองเรียกแบบไหน) ลุงหั้มถามต้องการอะไรอีกมั้ยเดี๋ยวลุงจะกลับแล้ว ผมบอกไม่มีแล้วครับ ลุงกับเถอะ (คืออีกอย่างผมไม่ค่อยชอบพูดคำว่าโยมนะครับ) แล้วลุงหั้มก็กลับไป
ผมก็จัดแจงห้องต่อ (คือเก้าอี้กับลูกตุ๊กแกพวกนั้นอยู่ในกุฏิผมจนถึงวันผมสึก) ไม่มีรัยแล้วผมก็นอนอ่านหนังสือท่องบทสวดมนต์ให้ได้เพราะพึ่งบวช หกโมงเย็นก็ทำวัดเย็นครับ เสร็จกี่โมงตอบไม่ได้ บางวันช้าบางวันเร็ว แล้วแต่เจ้าอาวาสครับ เพราะทำวัดเสร็จ ท่านจะพานั่งสมาธิไม่ต่ำกว่า 40 นาที บางวันอย่างนานคับ (นั่งหลับรึป่าวไม่รู้)
กลับมาวันแรกที่ทำวัดเสร็จ คือเดินออกจากศาลา ประมาณ ทึ่มกว่า อย่าหาว่าผมโม้คือผมมองไม่เห็นบรรยากาศรอบนอก วัดมืดมาก ใช้คำว่ามืดตึบ ในวัดต้นไม้ก็เยอะอยู่แล้ว ผมรีบเดินกลับไปหาเจ้าอาวาสขอไปฉายครับ
พอได้ไฟฉายจะเดินกลับกุฏิ พอเดินมาได้ครึ่งทางครับ มองไปรอบไฟกุฏิหลังอื่นไม่เปิดครับ (เจ้าอาวาสแกดุเรื่องไฟส่วนมากพระลูกวัดจะจุดเทียนครับ ) นะจุดที่ผมยืนอยู่จะมีไฟ ก็เพียงจากไฟฉายเท่านั้นเองครับ คือผีนี่ผมไม่กลัวเท่าความมืดนะครับ คือคุณคูณ2ไปเลยครับความกลัวในจิตของคนเรา ผมก็เดินต่อไปจนถึงกุฏิ เปิดไฟจนถึงเกือบเที่ยงคืน
ผมไม่สนอ่ะตอนนั้นเรื่องค่าไฟ ผมบวชใหม่ (ผมกลัวนั่นแหละ) สวดมนต์ แผ่เมตตา เสร็จ ปิดไฟล้มตัวลงนอนแค่นั้นโหเสียงมาเลย
บนหลังคาเลย เสียงดังยังไงผมพิมพ์บอกไม่ถูก เอาเป็นว่าเหมือนเสียงอะไรสักอย่างเหยียบบนหลังคา โดดข้ามไปข้ามมาอีกด้วย นะตอนนั้นสั่นเลยคับ คือตอนเปิดไฟทำไมเสียงไม่มีว่ะ ว่าจะลุกขึ้นไปเปิดไฟแต่สวิตไฟ อยู่ห่างจากที่นอนประมานครึ่งช่วงตัว(ขี้เกียจนั้นแหละ) แล้วสักพักบนหลังคาเหมือนจะเงียบไป แต่จู่ๆครับเสียงคนเหยียบใบไม้แห้ง ย้ำเสียงคนใบไม้แห้งอือหือ สเต็ปเดิมกับตอนที่ผมเข้านาคเลย เดินเหยียบใบ้ไม้แต่รอบนี้ เดินเหยียบรอบกุฏิเลยคับ อือหือ ไม่รอช้าลุกขึ้นเปิดไฟ ปรากฏว่าเสียง
เงียบ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในความมืดเงียบไปพร้อมกับแสงไฟไม่ต้องสงสัย วันนั้นเปิดไฟยืนตี 03:30 ส่วนผมน่าจะหลับช่วงตีหนึ่งกว่า 555 ตื่นเพราะนาฬิกา ลุกมานั่งคือมึนแหละคับคนนอนไม่เต็มอิ่ม แล้วก็นั่งเหมือนจะเคลิ้ม แต่เอ๊ะไหวตัวทัน หันไปดูนาฬิกา 03:53 ลุกขึ้นห่มจีวรฟันไม่แปรงน่าไม่ล้าง น้ำไม่อาบไม่สักอย่าง เปิดประตู เห็นไฟเปิดอยู่กุฏิเดียวคือกุฏิ หลวงพี่ไท อีกสามกุฏิมองไม่เห็นไฟ ศาลาบังมืดตึบ555ลำบากจิงกลับความมืด
เรื่องเล่าจากพระบวชใหม่
ครับเรื่องมีอยู่ว่าจากที่ผมไปบวชพระวัดบ้านอื่น แล้วขอกลับมาจำวัดวัดที่วัดบ้านตัวเอง ต้องอธิบายว่ามีกุฏิว่างในวัด แค่2กุฏิ ซึ่งกุฏิหลังนึงอยู่ในป่าช้า อีกหลังอยู่ข้างสระน้ำ ผมเลยขอไปอยู่กุฏิข้างสระน้ำ เพราะกุฏินั้นดูรมรื่น อยู่ห่างจากกุฏิอื่นน่าอยู่แระน่าจะสงบด้วย ในวัดมีพระ 5 รูปรวมผมพระใหม่
มีเจ้าอาวาส 1 และที่เหลือพระลูกวัด กุฎิของเจ้าอาวาสอยู่ห่างจากกุฏิผมประมาณ 400 เมตร ซึ่งข้างกุฏิท่านมีอีก2กุฏิของพระลูกวัดโดยห่างกันประมาน 5 เมตร (อยู่ใกล้กันมาก) อีกกุฏิคือกุฏิ สมมุดว่าชื่อหลวงพี่ไท ซึ่งอยู่ห่างไปไกลจากกุฏิอื่นเหมือนกัน เป็นกุฏิใหญ่ครับ
(คือกุฏิที่ผมเข้านาคนั้นแหละ และคือกุฏิที่คนร่ำลือในเรื่องผีสาง แล้วพระที่อื่นที่มาจำวัดอยู่ที่นั้นก็โดนไปหลายรูป ผมฟังมาแต่ล่ะเรื่องคือน่ากลัวมาก ถ้าเล่าเรื่องกุฏินั้นจะยาวเอาแค่เรื่องผมดีกว่า ) ต่อคับ ก้าวแรกที่ผมเดินเข้ากุฏิคือเห็นเก้าอี้ตัวนึงของพระเก่าที่อยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีพวกจีวร สบง เยอะแยะม้วนๆแล้วทับกันบนเก้าอี้ ขวามือผมเป็นแท่นพระเล็กๆไว้บูชา
ผมก้อคิดจะเริ่มเก็บกวดโดยมี ลุงสมมุดว่าชื่อลุงหั้มนั้นแหละคับ (ถ้าคัยเคยอ่านเรื่องผมคับลุงหั้มคนเดียวกัน) ลุงหั้มถามผมว่า จะเอาเก้าอี้ออกไปไว้ศาลาให้ ก่อนที่ลุงหั้มจะเข้ามายกครับ ผมเดินไปหยิบจีวรที่ทับกันอยู่บนเก้าอี้ แล้วยกขึ้นผืนนึง
ปรากฏ ลูกตุ๊กแก จากที่ผมดูประมาณ 10กว่าตัว ตัวเล็กมากครับ ผมรีบบอกลุงหั้มว่าเดี๋ยวเอาไว้นี้แหละเดี๋ยวผมจัดการเอง ลุงหั้มก็ไม่เดินเข้ามา (คือผมไม่ได้รักสัตว์หรอกคับ คือไม่รู้ทำมัยตอนนั้นผมคิดสงสาร ถ้าเอาออกไปมันไม่รอดทุกตัวแน่ครับความรู้สึกตอนนั้น คือมันยังเล็กมาก) ครับสักพักลุงหั้มแกคงสงสัยเลยถามว่าทำมัย ไม่ให้ลุงเอาออกมันรกพวกงู พวกสัตว์มีพิษจะเข้าไปอยู่ ผมบอกว่ามีลูกตุ๊กแกอยู่เยอะสงสารมัน ให้มันอยู่ตงนี้แหละ ลุงหั้มก็ตอบอือๆแล้วแต่หม่อม (คือคนบ้านนอกเรียกพระที่มีอายุน้อยกว่าตนว่าหม่อม ไม่รู้ว่าคนในเมืองเรียกแบบไหน) ลุงหั้มถามต้องการอะไรอีกมั้ยเดี๋ยวลุงจะกลับแล้ว ผมบอกไม่มีแล้วครับ ลุงกับเถอะ (คืออีกอย่างผมไม่ค่อยชอบพูดคำว่าโยมนะครับ) แล้วลุงหั้มก็กลับไป
ผมก็จัดแจงห้องต่อ (คือเก้าอี้กับลูกตุ๊กแกพวกนั้นอยู่ในกุฏิผมจนถึงวันผมสึก) ไม่มีรัยแล้วผมก็นอนอ่านหนังสือท่องบทสวดมนต์ให้ได้เพราะพึ่งบวช หกโมงเย็นก็ทำวัดเย็นครับ เสร็จกี่โมงตอบไม่ได้ บางวันช้าบางวันเร็ว แล้วแต่เจ้าอาวาสครับ เพราะทำวัดเสร็จ ท่านจะพานั่งสมาธิไม่ต่ำกว่า 40 นาที บางวันอย่างนานคับ (นั่งหลับรึป่าวไม่รู้)
กลับมาวันแรกที่ทำวัดเสร็จ คือเดินออกจากศาลา ประมาณ ทึ่มกว่า อย่าหาว่าผมโม้คือผมมองไม่เห็นบรรยากาศรอบนอก วัดมืดมาก ใช้คำว่ามืดตึบ ในวัดต้นไม้ก็เยอะอยู่แล้ว ผมรีบเดินกลับไปหาเจ้าอาวาสขอไปฉายครับ
พอได้ไฟฉายจะเดินกลับกุฏิ พอเดินมาได้ครึ่งทางครับ มองไปรอบไฟกุฏิหลังอื่นไม่เปิดครับ (เจ้าอาวาสแกดุเรื่องไฟส่วนมากพระลูกวัดจะจุดเทียนครับ ) นะจุดที่ผมยืนอยู่จะมีไฟ ก็เพียงจากไฟฉายเท่านั้นเองครับ คือผีนี่ผมไม่กลัวเท่าความมืดนะครับ คือคุณคูณ2ไปเลยครับความกลัวในจิตของคนเรา ผมก็เดินต่อไปจนถึงกุฏิ เปิดไฟจนถึงเกือบเที่ยงคืน
ผมไม่สนอ่ะตอนนั้นเรื่องค่าไฟ ผมบวชใหม่ (ผมกลัวนั่นแหละ) สวดมนต์ แผ่เมตตา เสร็จ ปิดไฟล้มตัวลงนอนแค่นั้นโหเสียงมาเลย
บนหลังคาเลย เสียงดังยังไงผมพิมพ์บอกไม่ถูก เอาเป็นว่าเหมือนเสียงอะไรสักอย่างเหยียบบนหลังคา โดดข้ามไปข้ามมาอีกด้วย นะตอนนั้นสั่นเลยคับ คือตอนเปิดไฟทำไมเสียงไม่มีว่ะ ว่าจะลุกขึ้นไปเปิดไฟแต่สวิตไฟ อยู่ห่างจากที่นอนประมานครึ่งช่วงตัว(ขี้เกียจนั้นแหละ) แล้วสักพักบนหลังคาเหมือนจะเงียบไป แต่จู่ๆครับเสียงคนเหยียบใบไม้แห้ง ย้ำเสียงคนใบไม้แห้งอือหือ สเต็ปเดิมกับตอนที่ผมเข้านาคเลย เดินเหยียบใบ้ไม้แต่รอบนี้ เดินเหยียบรอบกุฏิเลยคับ อือหือ ไม่รอช้าลุกขึ้นเปิดไฟ ปรากฏว่าเสียง
เงียบ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในความมืดเงียบไปพร้อมกับแสงไฟไม่ต้องสงสัย วันนั้นเปิดไฟยืนตี 03:30 ส่วนผมน่าจะหลับช่วงตีหนึ่งกว่า 555 ตื่นเพราะนาฬิกา ลุกมานั่งคือมึนแหละคับคนนอนไม่เต็มอิ่ม แล้วก็นั่งเหมือนจะเคลิ้ม แต่เอ๊ะไหวตัวทัน หันไปดูนาฬิกา 03:53 ลุกขึ้นห่มจีวรฟันไม่แปรงน่าไม่ล้าง น้ำไม่อาบไม่สักอย่าง เปิดประตู เห็นไฟเปิดอยู่กุฏิเดียวคือกุฏิ หลวงพี่ไท อีกสามกุฏิมองไม่เห็นไฟ ศาลาบังมืดตึบ555ลำบากจิงกลับความมืด