แง้ม Blueprint of Change สปช.ปั้นไทยเป็นชาติพัฒนาแล้วใน 17 ปี
Prev1 of 1Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 16 ส.ค. 2558 เวลา 07:00:12 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วิเคราะห์
อีกเพียง 23 วัน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ต้องสิ้นอายุขัย เป็นหนึ่งในแม่น้ำสายแรกที่ถึงต้องเหือดแห้งก่อนสายอื่น
ก่อนการถึงคราวสิ้นสุด สปช.นำโดย "เทียนฉาย กีระนันทน์" ได้ปั้นอีเวนต์ "เปลี่ยนประเทศไทยกับ สปช." เพื่อเสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปทั้งหมด ที่เรียกว่า Blueprint of Change ไปให้รัฐบาลเดินหน้าสานต่อ
แต่ถ้าถามว่าการปฏิรูปจะกลายเป็นได้รับการสานต่อ หรือคว้าน้ำเหลวเหมือนในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ "เทียนฉาย" ยอมรับตามตรงว่า ไม่มั่นใจ ตอบแบบไม่สงวนท่าที
"อีกสองอาทิตย์กว่าเราคงต้องไปนั่งดู แต่แผนปฏิรูปทั้งหมดไม่ได้ยืนโดดเดี่ยวมันถูกบรรจุในร่างรัฐธรรมนูญเป็นตัวคำมั่น รับรองข้อผูกพันต้องทำหน้าที่ ไฮไลต์ ไม่ใช่เรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่มันเป็นเรื่องของประชาชน"
เทียนฉายบอกว่า แม้ในอนาคตจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปอีกแล้ว แต่เรือลำนี้ลอยลำดูการปฏิรูปอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้มรรคผลปฏิรูปเกิดขึ้นจริง
ประเด็นการปฏิรูปที่อยู่ในหัวใจของ "เทียนฉาย" ซึ่งเขาบอกว่าเป็น "คานงัด" ที่จะทำให้ปฏิรูปเกิดความสำเร็จ มีอยู่ 2 ประการ
หนึ่ง การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะจะแก้ปัญหาอื่น ๆ เช่น บริหารราชการแผ่นดิน การทุจริตคอร์รัปชั่น การกระจายอำนาจ จัดซื้อจัดจ้าง กฎหมายกระบวนการยุติธรรม องคาพยพองค์กรภาครัฐ ถึงเวลาต้องลดขนาด อะไรก็ตามที่ซ้ำซ้อนกันอยู่ก็ต้องยุบไม่ให้ซ้ำซ้อน
สอง เรื่องการศึกษา เราเริ่มต้นวันนี้ เราจะเห็นคนที่มีคุณสมบัติที่เราต้องการใน 15 ปีข้างหน้า
"ประชาชนต้องช่วยกันมาเอาใจใส่เรื่องนี้และเป็นเจ้าของด้วยกัน อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ เมื่อคิดว่าเราเป็นเจ้าของการปฏิรูปแล้ว ท่านเป็นเจ้าของการปฏิรูป จะเป็นรัฐบาลนี้ รัฐบาลหน้า รัฐบาลไหน ประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมาทวงให้เขาทำ"
ขณะที่ "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สปช. ในฐานะผู้ร่วมร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ กล่าวว่า ขั้นตอนของการปฏิรูปแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะสั้นสองปีแรก วางระบบการวางโครงสร้างวางกลไกขับเคลื่อนเอากระบวนการขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นจริง สร้างกระแสมวลชนไปสู่การยอมรับของประชาชน
วันนี้ประเทศไทยลำบาก ฝ่ายที่ต้องช่วยกันเปลี่ยนประเทศคือประชาชน ถ้ามีแนวร่วมแบบนี้ก็จะเปลี่ยนประเทศได้ ระยะปานกลางภายใน 7 ปี ที่ทำได้สำเร็จคือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ เดินตามแผนปฏิรูปต่างๆระยะยาว 17 ปี บรรลุเป้าหมายแต่ละด้านและรักษาการเจริญเติบโต ในปี พ.ศ. 2575 ก็จะตรงกับร้อยปีประชาธิปไตยไทย
"กอบศักดิ์" กล่าวว่า คนไทยชอบบอกไทยเก่ง เศรษฐกิจขยายตัวดี 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไปเทียบกับเพื่อนบ้าน ทิ้งเราไม่เห็นฝุ่น
เราช้ากว่าสิงคโปร์ เกาหลี จีน คนอื่นเขาไปเกียร์ 4 เราไปเกียร์ 1 ขีดความสามารถในการแข่งขันเราตกลง 6 อันดับ เป็นสัญญาณว่าเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ นี่คือความจำเป็นในการปฏิรูปเศรษฐกิจ
"ตั้งเป้าหมายปี 2575 คนไทยจะต้องมีรายได้ต่อหัวต่อปี 15,000 ดอลลาร์ แปลว่าใน 17 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว"
ปัจจัยที่จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ก้าวที่หนึ่ง ทำอย่างไรให้ไทยเป็นศูนย์รวมแห่งความเป็นเลิศ แล้วเอาความเป็นเลิศเชื่อมโยงไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน โดยต้องมีนวัตกรรมของตัวเอง ที่สำคัญต้องแก้ไขปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ก้าวที่สอง ต้องเป็นผู้นำบางด้าน เช่น ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยว เราจะเป็นท็อปไฟฟ์ในการท่องเที่ยว ต้องแซงอิตาลี มาเก๊า นี่จะเป็นตัวนำรายได้มาให้เรา นอกจากนี้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของอาเซียน โดยต้องมีการวางแผนจะเกิดการเชื่อมโยง หมายความว่าต่อไปมีการผลิตในภูมิภาคเขาจะใช้ไทยเป็นเซ็นเตอร์ แม้มีบางบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตจากเราไป แล้วใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขาย แต่เราต้องกลับมากำหนดยุทธศาสตร์จะเป็นศูนย์กลางทุกด้านอย่างไร
"ก้าวสุดท้าย ถ้าอยากจะรวยจริง ๆ ต้องเป็นเจ้าของนวัตกรรม ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย เราต้องยกระดับนวัตกรรมของประเทศ ต้องวางรากฐานผู้ประกอบการรายใหม่ สนับสนุนคนคิดนวัตกรรม เราต้องมีกฎหมายส่งเสริมสังคมผู้ประกอบการ ต้องเพิ่มงบฯลงทุนในการวิจัยพัฒนา เราต้องทำให้ระบบวิจัยของเราสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ"
แม้ว่า สปช.มีเวลาทำงานแค่ 10 เดือน แต่ปรับทิศ ปรับยุทธศาสตร์ชาติ ตั้งเป้าให้ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1439646140 
อีก 17 ปี ประมาณ 1 ชั่วอายุ รุ่นลูกเราจะรวย เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ชัยโย
Prev1 of 1Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 16 ส.ค. 2558 เวลา 07:00:12 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วิเคราะห์
อีกเพียง 23 วัน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ต้องสิ้นอายุขัย เป็นหนึ่งในแม่น้ำสายแรกที่ถึงต้องเหือดแห้งก่อนสายอื่น
ก่อนการถึงคราวสิ้นสุด สปช.นำโดย "เทียนฉาย กีระนันทน์" ได้ปั้นอีเวนต์ "เปลี่ยนประเทศไทยกับ สปช." เพื่อเสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปทั้งหมด ที่เรียกว่า Blueprint of Change ไปให้รัฐบาลเดินหน้าสานต่อ
แต่ถ้าถามว่าการปฏิรูปจะกลายเป็นได้รับการสานต่อ หรือคว้าน้ำเหลวเหมือนในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ "เทียนฉาย" ยอมรับตามตรงว่า ไม่มั่นใจ ตอบแบบไม่สงวนท่าที
"อีกสองอาทิตย์กว่าเราคงต้องไปนั่งดู แต่แผนปฏิรูปทั้งหมดไม่ได้ยืนโดดเดี่ยวมันถูกบรรจุในร่างรัฐธรรมนูญเป็นตัวคำมั่น รับรองข้อผูกพันต้องทำหน้าที่ ไฮไลต์ ไม่ใช่เรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่มันเป็นเรื่องของประชาชน"
เทียนฉายบอกว่า แม้ในอนาคตจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปอีกแล้ว แต่เรือลำนี้ลอยลำดูการปฏิรูปอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้มรรคผลปฏิรูปเกิดขึ้นจริง
ประเด็นการปฏิรูปที่อยู่ในหัวใจของ "เทียนฉาย" ซึ่งเขาบอกว่าเป็น "คานงัด" ที่จะทำให้ปฏิรูปเกิดความสำเร็จ มีอยู่ 2 ประการ
หนึ่ง การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะจะแก้ปัญหาอื่น ๆ เช่น บริหารราชการแผ่นดิน การทุจริตคอร์รัปชั่น การกระจายอำนาจ จัดซื้อจัดจ้าง กฎหมายกระบวนการยุติธรรม องคาพยพองค์กรภาครัฐ ถึงเวลาต้องลดขนาด อะไรก็ตามที่ซ้ำซ้อนกันอยู่ก็ต้องยุบไม่ให้ซ้ำซ้อน
สอง เรื่องการศึกษา เราเริ่มต้นวันนี้ เราจะเห็นคนที่มีคุณสมบัติที่เราต้องการใน 15 ปีข้างหน้า
"ประชาชนต้องช่วยกันมาเอาใจใส่เรื่องนี้และเป็นเจ้าของด้วยกัน อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ เมื่อคิดว่าเราเป็นเจ้าของการปฏิรูปแล้ว ท่านเป็นเจ้าของการปฏิรูป จะเป็นรัฐบาลนี้ รัฐบาลหน้า รัฐบาลไหน ประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมาทวงให้เขาทำ"
ขณะที่ "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สปช. ในฐานะผู้ร่วมร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ กล่าวว่า ขั้นตอนของการปฏิรูปแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะสั้นสองปีแรก วางระบบการวางโครงสร้างวางกลไกขับเคลื่อนเอากระบวนการขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นจริง สร้างกระแสมวลชนไปสู่การยอมรับของประชาชน
วันนี้ประเทศไทยลำบาก ฝ่ายที่ต้องช่วยกันเปลี่ยนประเทศคือประชาชน ถ้ามีแนวร่วมแบบนี้ก็จะเปลี่ยนประเทศได้ ระยะปานกลางภายใน 7 ปี ที่ทำได้สำเร็จคือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ เดินตามแผนปฏิรูปต่างๆระยะยาว 17 ปี บรรลุเป้าหมายแต่ละด้านและรักษาการเจริญเติบโต ในปี พ.ศ. 2575 ก็จะตรงกับร้อยปีประชาธิปไตยไทย
"กอบศักดิ์" กล่าวว่า คนไทยชอบบอกไทยเก่ง เศรษฐกิจขยายตัวดี 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไปเทียบกับเพื่อนบ้าน ทิ้งเราไม่เห็นฝุ่น
เราช้ากว่าสิงคโปร์ เกาหลี จีน คนอื่นเขาไปเกียร์ 4 เราไปเกียร์ 1 ขีดความสามารถในการแข่งขันเราตกลง 6 อันดับ เป็นสัญญาณว่าเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ นี่คือความจำเป็นในการปฏิรูปเศรษฐกิจ
"ตั้งเป้าหมายปี 2575 คนไทยจะต้องมีรายได้ต่อหัวต่อปี 15,000 ดอลลาร์ แปลว่าใน 17 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว"
ปัจจัยที่จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ก้าวที่หนึ่ง ทำอย่างไรให้ไทยเป็นศูนย์รวมแห่งความเป็นเลิศ แล้วเอาความเป็นเลิศเชื่อมโยงไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน โดยต้องมีนวัตกรรมของตัวเอง ที่สำคัญต้องแก้ไขปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ก้าวที่สอง ต้องเป็นผู้นำบางด้าน เช่น ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยว เราจะเป็นท็อปไฟฟ์ในการท่องเที่ยว ต้องแซงอิตาลี มาเก๊า นี่จะเป็นตัวนำรายได้มาให้เรา นอกจากนี้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของอาเซียน โดยต้องมีการวางแผนจะเกิดการเชื่อมโยง หมายความว่าต่อไปมีการผลิตในภูมิภาคเขาจะใช้ไทยเป็นเซ็นเตอร์ แม้มีบางบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตจากเราไป แล้วใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขาย แต่เราต้องกลับมากำหนดยุทธศาสตร์จะเป็นศูนย์กลางทุกด้านอย่างไร
"ก้าวสุดท้าย ถ้าอยากจะรวยจริง ๆ ต้องเป็นเจ้าของนวัตกรรม ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย เราต้องยกระดับนวัตกรรมของประเทศ ต้องวางรากฐานผู้ประกอบการรายใหม่ สนับสนุนคนคิดนวัตกรรม เราต้องมีกฎหมายส่งเสริมสังคมผู้ประกอบการ ต้องเพิ่มงบฯลงทุนในการวิจัยพัฒนา เราต้องทำให้ระบบวิจัยของเราสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ"
แม้ว่า สปช.มีเวลาทำงานแค่ 10 เดือน แต่ปรับทิศ ปรับยุทธศาสตร์ชาติ ตั้งเป้าให้ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1439646140