สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่น้องทุกคน
นี่เป็นครั้งของการตั้งกระทู้ของหนูค่ะ
"อยู่ที่เดิมกับชีวิตเดิมๆหรือเริ่มต้นใหม่นอกกรุงอโลน" หนูอายุระหว่าง 19-21 ปี
(ขอไม่เปิดเผยนะคะ)
หลังจากครอบครัวหนูเสียชีวิต
บ้าน รถ เงิน ทอง ของมีค่า ไปหมด...
ทั้งนี้ก็มีแต่ญาติๆมุ่งหวังเข้ามาเพื่อผลประโยชน์กันทั้งนั้น หนูเลยเลือกเดินหนีออกมาอยู่คนเดียวค่ะ หนูสู้คนเดียวไม่ไหว
จากคนที่หนูรักและเคารพ ตอนนี้หน้าเขาหนูยังไม่อยากนึกถึงเลยค่ะ หนูไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายจิตใจเด็กผู้หญิงที่เพิ่งสูญเสียครอบครัว ไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายหนูถึงขนาดที่จะไม่ให้ที่ซุกหัวนอน..
ไม่ใช่แค่คนเดียวนะคะ คือญาติไม่มีใครหวังดีเลยสักคน ทั้งเอาเปรียบ ทั้งเหยียดหยาม ทั้งขี้โกง ทั้งขโมยของคนตาย หลายคนมากค่ะ ปากพูดดี ตอนครอบครัวหนูอยู่เขาก็ดีกับครอบครัวหนู พอหนูสูญเสียครอบครัวไปวันเดียว อีกวันแบ่งสมบัติเลยค่ะ ซึ่งก็โดนโกงค่ะ ต่อมาด้วยบ้าน รถ และนาฬิกาที่รักมากของคนตายก็มีชู้เก่ามาขโมยไป สักพักก็หายไปหลายเรือน หนูพยายามปกป้องแล้ว แต่ทุกคนต่อต้านหนู ไม่มีใครยืนข้างหนูเลยสักคน หนูมีทนายส่วนตัวสองคน หนูอยากทำลายพวกเขาที่ทำลายหนู หนูสามารถเอาผิดพวกเขาได้หลายคน แต่หนูก็ไม่ได้ทำ ได้แค่คิด ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บใจค่ะ แต่หนูคิดว่า เวรกรรมมีจริง หนูกลัวบาปติดตัว และสุดท้ายก็ปล่อยผ่านไป เพียงแค่หนูเอาตัวเองออกห่างมาให้มากที่สุด ก็มีคนเอาเรื่องการกระทำของหนูไปเม้าท์นะคะ แต่หนูคิดว่า คงเติมสีใส่ไข่ลงไปบ้าง ญาติผู้ใหญ่ถึงได้อินจัด พากันมองหนูไม่ดี แต่ตอนนี้หนูไม่เหลืออะไรแล้ว หนูไม่สนใจหรอกค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนอื่จะปล่อยให้เรื่องมันจบง่ายๆแบบนี้รึเปล่า ยังเสียดายและเสียใจ
ต่อมาชีวิตหนูก็เคว้งคว้างมากขึ้น
ใช้ชีวิตตัวคนเดียว
มีคนหวังดีก็มาก หวังร้ายก็ไม่น้อย. . .
หนูก็เลยไม่กล้าที่จะเชื่อใจใครอีกเลย
อยู่คนเดียว รู้สึกปลอดภัยกว่า
ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมารื้อค้น ขโมยของในบ้านหรือทรัพย์สินของๆเรา
เข้าเรื่อง,,
หนูก็ต้องการคนให้คำปรึกษาอยู่ตลอด
ตัดสินใจเองไม่ค่อยแน่วแน่และอาจจะผิดพลาดไปบ้าง
มีคนที่หนูคุยมาเกือบสองปีค่ะ
เขาก็อยู่ข้างๆหนูเสมอมาไม่เคยทิ้ง
เขาหวังดีกับหนูมาตลอด
คอยให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือ
คอยอยู่ข้างๆหนู ทุกครั้งที่หนูรู้สึกอ่อนแอ
(อ่อนแอนี่ไม่ใช่อ่อนแอธรรมดานะบอกเลย
มันเคว้งมันคว้าง มันสามารถทำอะไรก็ได้ที่เคยคิดว่าชาตินี้ชั้นจะไม่ทำมันเด็ดขาด)
ภายนอก ใครๆก็บอกว่า หนูเข้มแข็งค่ะ
แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่มองออก ว่าจริงๆแล้วหนูอ่อนแอ.. ซึ่งหนูแค่รู้สึกต้องสู้กับชีวิต
ญาติ ที่หนูคิดว่าเขาน่าจะหวังดีกับเราเหมือนคำพูดที่เขาพูดออกมา แต่เปล่าค่ะ ตรงกันข้าม คว้าอะไรได้ ก็เอาหมด
เสียใจมากค่ะคนรอบข้างเป็นแบบนี้หมด
แต่ช่างมันเถอะค่ะ หนูพยายามไม่นึกถึงเรื่องอดีตที่แสนเจ็บปวดในวันนั้น
ตอนนี้หนูแค่ต้องคิดว่า จะเช่าห้องที่ไหน
เรียนที่ไหน อยู่ยังไง ไหวมั้ย ชัวรึเปล่า ไรงี้
คือหนูชอบอยู่กับเพื่อน รู้สึกสบายใจ
สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับคนที่สนิทใจ ที่รู้จักกันมาเป็นสิบปี
ชอบเที่ยวนั่งฟังเพลงตามร้านหรือนานๆทีก็จะเข้าผับบ้าง แต่หนูไม่ค่อยเข้าหรอกนะค่ะ ส่วนมากจะนั่งฟังเพลง เที่ยงคืนก็กลับ (นานๆ ทีเลยแหละ)
บางครั้งแถวบ้านก็โทรนัดหาไรกินกันดึกๆ หากิจกรรมอะไรทำด้วยกันอยู่ตลอด
จะเรียกว่าผูกพันก็ได้นะค่ะ เพราะเราต่างก็รู้ข้อเสียของกันและกัน มีปัญหาผิดใจกันหลายหนก็ยังตัดกันไม่ขาด
บางทีเราก็เริ่มห่างกันบ้าง
แค่เขาเที่ยว เราไม่เที่ยว แค่นั้น
ถึงใจอยากเที่ยว แต่อีกใจก็ต้องห้าม
เพราะเราเองมีค่าใช้จ่าย
แต่เขาไม่ต้องจ่ายค่าเช่าห้อง
ประเด็นที่ตั้งกระทู้คือ...
คนที่หนูคุยเกือบสองปี(หนูไม่กล้าเรียกใครว่าแฟนถ้ายังไม่มั่นใจน่ะค่ะ)เขาต้องการให้หนูห่างจากสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่ขับรถหาไรกินดึกๆ มันเป็นเวลาที่ควรจะนอน (ก็ถูกของเขา) คนเราเคยทำมาแล้ว จะมาพูดว่า ไม่ทำแล้ว เขาก็ไม่มั่นใจกันหรอกเนอะ
เดี๋ยววันเกิดเพื่อน ก็ไปนั่งดื่มกันอีก
เดี๋ยวเพื่อนมาห้องบ่อย ของหายอีก ผิดใจกันอีก คือคนที่คุยเขาไม่พอใจที่หนูจะเช่าแถวนี้และทำงานแถวนี้ มันเป็นที่ๆหนูคุ้นเคยดี อยู่มาตั้งแต่เด็กอ่า
หนูก็เข้าใจเขา แต่บางครั้งหนูอ่อนแอ
บางครั้งหนูต้องการให้ใครบางคนอยู่ใกล้ๆ คือหนูเจอปัญหาเยอะ ชอบระบายด้วยการ เสียน้ำตา ออกมาค่ะ รู้สึกดีขึ้น เขาจะให้หนูไปอยู่ห่างไกลความเจริญ ห่างไกลเพื่อน พี่น้อง คนรู้จักทั้งหลาย ก็ดีนะค่ะ ได้งดเที่ยวเก็บเงินได้เยอะ(ฮ่า) แต่ก็เคว้งๆหน่อย หันไปก็ไม่เจอใคร เดินออกมาข้างนอก ก็ไม่รู้จักใคร เป็นสถานที่ใหม่ๆที่ต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด แต่แถวนั้นของกินเยอะนะค่ะ แต่หนูก็ต้องใช้ชีวิตคนเดียวแบบเต็มตัวเลย ไม่สามารถที่จะแบบโทรหาเพื่อนสนิทว่า "เห้ยแก ชั้นว่าง มากินข้าวกัน" หรือ "เห้ยแก มาหาหน่อยดิ ชั้นไม่ไหวแล้ว...." คือจะไม่มีโมเม้นนี้ คือต่อไปคงต้องแบบ หันหน้ากอดตุ๊กตาแล้วระบายใส่มัน คือหนูรู้สึกไม่พร้อมที่จะต้องเผชิญโลกคนเดียวที่ไกลแบบนั้น
หนูไม่รู้จะเอายังไงอะพี่
แต่ที่หนูจะไปอยู่ไกลๆอะ มันใกล้มหาลัย
แต่หนูไม่ได้ไปเรียนทุกวันนะคะ
ทำงานไปด้วยค่ะ
ตอนนี้หนูกำลังได้งานที่ใกล้บ้านตอนเด็กๆ
ที่ที่เขาไม่อยากให้หนูอยู่อ่า
เงินก็เงินหนู
ชีวิตก็เป็นของหนู
แต่ความคิดหนูมันสับสน
ไปไกลแบบนั้นได้เรียนรู้สิ่งใหม่
พบเพื่อนใหม่ พบร้านอาหารใหม่ๆ
แต่ตอนนี้หนูยังเคว้งเลยค่ะพี่
บางทีก็คิดนะ นี่ชั้นอายุเท่าไหร่
ทำไมต้องแบกรับเรื่องเยอะขนาดนี้
แต่ก็มีคนให้กำลังใจหนูเยอะ
หนูก็รู้สึกดีและซึ้งกับพวกเขามากๆ
แต่บางทีหนูก็ยังรู้สึกขาด...
หนูคิดถึงครอบครัว
บางทีหนูก็คิดอยากจะตามไปบ้าง
แต่หนูยังอยากมีชีวิต.. แฮร่
อยากสร้างครอบครัวให้ดีตามแบบที่ผู้นำครอบครัวหนูสร้างมา
,,ไม่มีใครแทนที่เขาได้เลย ผู้ชายที่รักที่สุด
หนูเวิ่นเยอะ อย่าว่าหนูเลยนะ
ปกติหนูไม่เคยระบายออกสื่อ
อาจจะผิดไปบ้างบางประการ
ขอโทษด้วยนะคะ
ขอคำตอบด้วยน้าา ว่าหนูจะอยู่ไหนดี
ห่างไกลความเจริญ = เคว้งคว้าง = มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น ไม่ต้องมีใครมาวุ่นวาย (แต่เวลาเมิงเสียใจไม่มีใครกอดเลยนะเหวย)
หรือ
ใจกลางเมืองกรุง = อบอุ่นใจ (เสี่ยงเที่ยว กินดึกถี่ เพื่อนเยอะ ใครชวนกินไรก็ไป พยายามปฏิเสธ แต่เรื่องกินเรื่องใหญ่ ปฏิเสธเธอไม่ลง)
อยู่ที่เดิมกับชีวิตเดิมๆหรือเริ่มต้นใหม่นอกเมืองอโลน...
นี่เป็นครั้งของการตั้งกระทู้ของหนูค่ะ
"อยู่ที่เดิมกับชีวิตเดิมๆหรือเริ่มต้นใหม่นอกกรุงอโลน" หนูอายุระหว่าง 19-21 ปี
(ขอไม่เปิดเผยนะคะ)
หลังจากครอบครัวหนูเสียชีวิต
บ้าน รถ เงิน ทอง ของมีค่า ไปหมด...
ทั้งนี้ก็มีแต่ญาติๆมุ่งหวังเข้ามาเพื่อผลประโยชน์กันทั้งนั้น หนูเลยเลือกเดินหนีออกมาอยู่คนเดียวค่ะ หนูสู้คนเดียวไม่ไหว
จากคนที่หนูรักและเคารพ ตอนนี้หน้าเขาหนูยังไม่อยากนึกถึงเลยค่ะ หนูไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายจิตใจเด็กผู้หญิงที่เพิ่งสูญเสียครอบครัว ไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายหนูถึงขนาดที่จะไม่ให้ที่ซุกหัวนอน..
ไม่ใช่แค่คนเดียวนะคะ คือญาติไม่มีใครหวังดีเลยสักคน ทั้งเอาเปรียบ ทั้งเหยียดหยาม ทั้งขี้โกง ทั้งขโมยของคนตาย หลายคนมากค่ะ ปากพูดดี ตอนครอบครัวหนูอยู่เขาก็ดีกับครอบครัวหนู พอหนูสูญเสียครอบครัวไปวันเดียว อีกวันแบ่งสมบัติเลยค่ะ ซึ่งก็โดนโกงค่ะ ต่อมาด้วยบ้าน รถ และนาฬิกาที่รักมากของคนตายก็มีชู้เก่ามาขโมยไป สักพักก็หายไปหลายเรือน หนูพยายามปกป้องแล้ว แต่ทุกคนต่อต้านหนู ไม่มีใครยืนข้างหนูเลยสักคน หนูมีทนายส่วนตัวสองคน หนูอยากทำลายพวกเขาที่ทำลายหนู หนูสามารถเอาผิดพวกเขาได้หลายคน แต่หนูก็ไม่ได้ทำ ได้แค่คิด ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บใจค่ะ แต่หนูคิดว่า เวรกรรมมีจริง หนูกลัวบาปติดตัว และสุดท้ายก็ปล่อยผ่านไป เพียงแค่หนูเอาตัวเองออกห่างมาให้มากที่สุด ก็มีคนเอาเรื่องการกระทำของหนูไปเม้าท์นะคะ แต่หนูคิดว่า คงเติมสีใส่ไข่ลงไปบ้าง ญาติผู้ใหญ่ถึงได้อินจัด พากันมองหนูไม่ดี แต่ตอนนี้หนูไม่เหลืออะไรแล้ว หนูไม่สนใจหรอกค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนอื่จะปล่อยให้เรื่องมันจบง่ายๆแบบนี้รึเปล่า ยังเสียดายและเสียใจ
ต่อมาชีวิตหนูก็เคว้งคว้างมากขึ้น
ใช้ชีวิตตัวคนเดียว
มีคนหวังดีก็มาก หวังร้ายก็ไม่น้อย. . .
หนูก็เลยไม่กล้าที่จะเชื่อใจใครอีกเลย
อยู่คนเดียว รู้สึกปลอดภัยกว่า
ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมารื้อค้น ขโมยของในบ้านหรือทรัพย์สินของๆเรา
เข้าเรื่อง,,
หนูก็ต้องการคนให้คำปรึกษาอยู่ตลอด
ตัดสินใจเองไม่ค่อยแน่วแน่และอาจจะผิดพลาดไปบ้าง
มีคนที่หนูคุยมาเกือบสองปีค่ะ
เขาก็อยู่ข้างๆหนูเสมอมาไม่เคยทิ้ง
เขาหวังดีกับหนูมาตลอด
คอยให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือ
คอยอยู่ข้างๆหนู ทุกครั้งที่หนูรู้สึกอ่อนแอ
(อ่อนแอนี่ไม่ใช่อ่อนแอธรรมดานะบอกเลย
มันเคว้งมันคว้าง มันสามารถทำอะไรก็ได้ที่เคยคิดว่าชาตินี้ชั้นจะไม่ทำมันเด็ดขาด)
ภายนอก ใครๆก็บอกว่า หนูเข้มแข็งค่ะ
แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่มองออก ว่าจริงๆแล้วหนูอ่อนแอ.. ซึ่งหนูแค่รู้สึกต้องสู้กับชีวิต
ญาติ ที่หนูคิดว่าเขาน่าจะหวังดีกับเราเหมือนคำพูดที่เขาพูดออกมา แต่เปล่าค่ะ ตรงกันข้าม คว้าอะไรได้ ก็เอาหมด
เสียใจมากค่ะคนรอบข้างเป็นแบบนี้หมด
แต่ช่างมันเถอะค่ะ หนูพยายามไม่นึกถึงเรื่องอดีตที่แสนเจ็บปวดในวันนั้น
ตอนนี้หนูแค่ต้องคิดว่า จะเช่าห้องที่ไหน
เรียนที่ไหน อยู่ยังไง ไหวมั้ย ชัวรึเปล่า ไรงี้
คือหนูชอบอยู่กับเพื่อน รู้สึกสบายใจ
สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับคนที่สนิทใจ ที่รู้จักกันมาเป็นสิบปี
ชอบเที่ยวนั่งฟังเพลงตามร้านหรือนานๆทีก็จะเข้าผับบ้าง แต่หนูไม่ค่อยเข้าหรอกนะค่ะ ส่วนมากจะนั่งฟังเพลง เที่ยงคืนก็กลับ (นานๆ ทีเลยแหละ)
บางครั้งแถวบ้านก็โทรนัดหาไรกินกันดึกๆ หากิจกรรมอะไรทำด้วยกันอยู่ตลอด
จะเรียกว่าผูกพันก็ได้นะค่ะ เพราะเราต่างก็รู้ข้อเสียของกันและกัน มีปัญหาผิดใจกันหลายหนก็ยังตัดกันไม่ขาด
บางทีเราก็เริ่มห่างกันบ้าง
แค่เขาเที่ยว เราไม่เที่ยว แค่นั้น
ถึงใจอยากเที่ยว แต่อีกใจก็ต้องห้าม
เพราะเราเองมีค่าใช้จ่าย
แต่เขาไม่ต้องจ่ายค่าเช่าห้อง
ประเด็นที่ตั้งกระทู้คือ...
คนที่หนูคุยเกือบสองปี(หนูไม่กล้าเรียกใครว่าแฟนถ้ายังไม่มั่นใจน่ะค่ะ)เขาต้องการให้หนูห่างจากสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่ขับรถหาไรกินดึกๆ มันเป็นเวลาที่ควรจะนอน (ก็ถูกของเขา) คนเราเคยทำมาแล้ว จะมาพูดว่า ไม่ทำแล้ว เขาก็ไม่มั่นใจกันหรอกเนอะ
เดี๋ยววันเกิดเพื่อน ก็ไปนั่งดื่มกันอีก
เดี๋ยวเพื่อนมาห้องบ่อย ของหายอีก ผิดใจกันอีก คือคนที่คุยเขาไม่พอใจที่หนูจะเช่าแถวนี้และทำงานแถวนี้ มันเป็นที่ๆหนูคุ้นเคยดี อยู่มาตั้งแต่เด็กอ่า
หนูก็เข้าใจเขา แต่บางครั้งหนูอ่อนแอ
บางครั้งหนูต้องการให้ใครบางคนอยู่ใกล้ๆ คือหนูเจอปัญหาเยอะ ชอบระบายด้วยการ เสียน้ำตา ออกมาค่ะ รู้สึกดีขึ้น เขาจะให้หนูไปอยู่ห่างไกลความเจริญ ห่างไกลเพื่อน พี่น้อง คนรู้จักทั้งหลาย ก็ดีนะค่ะ ได้งดเที่ยวเก็บเงินได้เยอะ(ฮ่า) แต่ก็เคว้งๆหน่อย หันไปก็ไม่เจอใคร เดินออกมาข้างนอก ก็ไม่รู้จักใคร เป็นสถานที่ใหม่ๆที่ต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด แต่แถวนั้นของกินเยอะนะค่ะ แต่หนูก็ต้องใช้ชีวิตคนเดียวแบบเต็มตัวเลย ไม่สามารถที่จะแบบโทรหาเพื่อนสนิทว่า "เห้ยแก ชั้นว่าง มากินข้าวกัน" หรือ "เห้ยแก มาหาหน่อยดิ ชั้นไม่ไหวแล้ว...." คือจะไม่มีโมเม้นนี้ คือต่อไปคงต้องแบบ หันหน้ากอดตุ๊กตาแล้วระบายใส่มัน คือหนูรู้สึกไม่พร้อมที่จะต้องเผชิญโลกคนเดียวที่ไกลแบบนั้น
หนูไม่รู้จะเอายังไงอะพี่
แต่ที่หนูจะไปอยู่ไกลๆอะ มันใกล้มหาลัย
แต่หนูไม่ได้ไปเรียนทุกวันนะคะ
ทำงานไปด้วยค่ะ
ตอนนี้หนูกำลังได้งานที่ใกล้บ้านตอนเด็กๆ
ที่ที่เขาไม่อยากให้หนูอยู่อ่า
เงินก็เงินหนู
ชีวิตก็เป็นของหนู
แต่ความคิดหนูมันสับสน
ไปไกลแบบนั้นได้เรียนรู้สิ่งใหม่
พบเพื่อนใหม่ พบร้านอาหารใหม่ๆ
แต่ตอนนี้หนูยังเคว้งเลยค่ะพี่
บางทีก็คิดนะ นี่ชั้นอายุเท่าไหร่
ทำไมต้องแบกรับเรื่องเยอะขนาดนี้
แต่ก็มีคนให้กำลังใจหนูเยอะ
หนูก็รู้สึกดีและซึ้งกับพวกเขามากๆ
แต่บางทีหนูก็ยังรู้สึกขาด...
หนูคิดถึงครอบครัว
บางทีหนูก็คิดอยากจะตามไปบ้าง
แต่หนูยังอยากมีชีวิต.. แฮร่
อยากสร้างครอบครัวให้ดีตามแบบที่ผู้นำครอบครัวหนูสร้างมา
,,ไม่มีใครแทนที่เขาได้เลย ผู้ชายที่รักที่สุด
หนูเวิ่นเยอะ อย่าว่าหนูเลยนะ
ปกติหนูไม่เคยระบายออกสื่อ
อาจจะผิดไปบ้างบางประการ
ขอโทษด้วยนะคะ
ขอคำตอบด้วยน้าา ว่าหนูจะอยู่ไหนดี
ห่างไกลความเจริญ = เคว้งคว้าง = มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น ไม่ต้องมีใครมาวุ่นวาย (แต่เวลาเมิงเสียใจไม่มีใครกอดเลยนะเหวย)
หรือ
ใจกลางเมืองกรุง = อบอุ่นใจ (เสี่ยงเที่ยว กินดึกถี่ เพื่อนเยอะ ใครชวนกินไรก็ไป พยายามปฏิเสธ แต่เรื่องกินเรื่องใหญ่ ปฏิเสธเธอไม่ลง)