อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ และจากการค้นคว้าในสงครามในยุคเรเนซองค์ จนถึง ยุคนโปเลียน
สิ่งที่ญี่ปุ่นทำยังไงก็ผิดครับ แต่ถึงขั้นที่ต้องขอโทษด้วยหรือ ?
ผมจะแสดงให้พวกที่โลกสวยได้เห็นว่า สงครามและเรื่อง Comfort woman เป็นเรื่องธรรมดาในสงคราม
สงคราม 30 ปี (1618-1648)
พูดตามตรง ผมไม่ชอบเรียกสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ว่า มหาสงครามเลย ผมชอบเรียกสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง รวมกันว่า "สงคราม 30 ปี ครั้งที่ 2" และ สเกลการทำลายล้างของสงครามโลกเล็กกว่า สงคราม 30 ปี มากครับ เพราะ สงคราม 30 ปี ไม่ได้ทำลายแค่บ้านเมืองเท่านั้น มันได้ทำลายรากฐานทางวัฒนธรรมของชาวเยอรมันอย่างรุนแรงจนกว่าที่ เยอรมันจะฟื้นขึ้นมาได้อีกโดยสมบูรณ์ ต้องรอถึง German Confederation ในช่วง ศตวรรษที่ 19 เลย ซึ่งไม่เหมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำลายเพียงแค่ ตึกรามบ้านช่อง แต่ไม่ได้ทำลายวัฒนธรรมของ ปรัสเซีย ที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมเยอรมันสมัยใหม่ สงคราม 30 ปี คือสงครามครั้งแรกที่มีหลักฐานเรื่อง Comfort Woman ชัดเจนมาก คือ ในช่วงกลางสงคราม (1625-1633)
มีหลักฐานจากการศึกษาวิจัยของนักประวัติศาสตร์เยอรมันในช่วง 1980-1990 ว่า กองทัพสวีเดน และ กองทัพ Holy Roman Empire นั้น มี Comfort Girl เป็นจำนวนมากครับ ตัวเลขที่ประมาณการก็คือ 50000 คน เพราะกองทัพสวีเดนภายใต้การนำของ พระเจ้ากุสตาฟ อดอล์ฟ และ กองทัพ Holy Roman Empire ที่นำโดย วอลเลนสไตน์ นั้น ได้นำหญิงสาวจากเมืองต่างๆในรัฐเยอรมันที่ตีมาได้ มาเป็นนางบำเรอกับทหาร แล้วบังคับให้เปลี่ยนศาสนา ไม่งั้นก็โดนฆ่าทิ้ง ซึ่งคุณนึกดูก็ได้ครับว่า ประชากรในดินแดนเยอรมันในช่วงปี 1615 นั้น มีประมาณ 16 ล้านคน แต่ในช่วงปี 1650 ที่สงคราม 30 ปี จบสิ้นแล้ว เหลือประชากรแค่ 6 ล้านคน และมีบันทึกทั่วไปจาก นักเดินทางชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในรัฐเยอรมันในช่วง สงคราม 30 ปีว่า ผู้หญิงกว่า 200000 คน เป็นนางบำเรอให้กับกองทัพต่างชาติที่มารบ ทั้ง ฝรั่งเศส Holy Roman Empire สเปน เดนมาร์ก สวีเดน Papal state และ ดัชต์ โดยเฉพาะหญิงสาวจากแคว้นพาลาทิเนต กับ โบฮีเมีย เดือดร้อนมากที่สุด เพราะเป็นดินแดนสนามรบโดยตรง และ จากรัฐอื่นๆก็จะเดือดร้อน มากบ้างน้อยบ้าง เช่น แซกโซนี บาวาเรีย และ เทรียร์ โดยสรุปแล้ว นางบำเรอทหารที่ญี่ปุ่นทำกับเกาหลี และ จีน มันเป็นเรื่องธรรมดามากในสงคราม
ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงอ้างได้ว่า นางบำเรอเป็นเรื่องธรรมดาในสงคราม ซึ่งผมเห็นจริงด้วย เพราะไม่ว่าเราศึกษาสงครามที่ใดในโลก นางบำเรอ หรือ Comfort Girl เป็นเรื่องธรรมดาในโลกของสงครามมาทุกยุคทุกสมัย
(จากประเด็นใน WW2) เรากลับมามองสงครามในยุคเก่าว่า การฆ่าโหดๆ หรือ Comfort Woman นั้นมีที่อื่นอีกหรือไม่
สิ่งที่ญี่ปุ่นทำยังไงก็ผิดครับ แต่ถึงขั้นที่ต้องขอโทษด้วยหรือ ?
ผมจะแสดงให้พวกที่โลกสวยได้เห็นว่า สงครามและเรื่อง Comfort woman เป็นเรื่องธรรมดาในสงคราม
สงคราม 30 ปี (1618-1648)
พูดตามตรง ผมไม่ชอบเรียกสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ว่า มหาสงครามเลย ผมชอบเรียกสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง รวมกันว่า "สงคราม 30 ปี ครั้งที่ 2" และ สเกลการทำลายล้างของสงครามโลกเล็กกว่า สงคราม 30 ปี มากครับ เพราะ สงคราม 30 ปี ไม่ได้ทำลายแค่บ้านเมืองเท่านั้น มันได้ทำลายรากฐานทางวัฒนธรรมของชาวเยอรมันอย่างรุนแรงจนกว่าที่ เยอรมันจะฟื้นขึ้นมาได้อีกโดยสมบูรณ์ ต้องรอถึง German Confederation ในช่วง ศตวรรษที่ 19 เลย ซึ่งไม่เหมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำลายเพียงแค่ ตึกรามบ้านช่อง แต่ไม่ได้ทำลายวัฒนธรรมของ ปรัสเซีย ที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมเยอรมันสมัยใหม่ สงคราม 30 ปี คือสงครามครั้งแรกที่มีหลักฐานเรื่อง Comfort Woman ชัดเจนมาก คือ ในช่วงกลางสงคราม (1625-1633)
มีหลักฐานจากการศึกษาวิจัยของนักประวัติศาสตร์เยอรมันในช่วง 1980-1990 ว่า กองทัพสวีเดน และ กองทัพ Holy Roman Empire นั้น มี Comfort Girl เป็นจำนวนมากครับ ตัวเลขที่ประมาณการก็คือ 50000 คน เพราะกองทัพสวีเดนภายใต้การนำของ พระเจ้ากุสตาฟ อดอล์ฟ และ กองทัพ Holy Roman Empire ที่นำโดย วอลเลนสไตน์ นั้น ได้นำหญิงสาวจากเมืองต่างๆในรัฐเยอรมันที่ตีมาได้ มาเป็นนางบำเรอกับทหาร แล้วบังคับให้เปลี่ยนศาสนา ไม่งั้นก็โดนฆ่าทิ้ง ซึ่งคุณนึกดูก็ได้ครับว่า ประชากรในดินแดนเยอรมันในช่วงปี 1615 นั้น มีประมาณ 16 ล้านคน แต่ในช่วงปี 1650 ที่สงคราม 30 ปี จบสิ้นแล้ว เหลือประชากรแค่ 6 ล้านคน และมีบันทึกทั่วไปจาก นักเดินทางชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในรัฐเยอรมันในช่วง สงคราม 30 ปีว่า ผู้หญิงกว่า 200000 คน เป็นนางบำเรอให้กับกองทัพต่างชาติที่มารบ ทั้ง ฝรั่งเศส Holy Roman Empire สเปน เดนมาร์ก สวีเดน Papal state และ ดัชต์ โดยเฉพาะหญิงสาวจากแคว้นพาลาทิเนต กับ โบฮีเมีย เดือดร้อนมากที่สุด เพราะเป็นดินแดนสนามรบโดยตรง และ จากรัฐอื่นๆก็จะเดือดร้อน มากบ้างน้อยบ้าง เช่น แซกโซนี บาวาเรีย และ เทรียร์ โดยสรุปแล้ว นางบำเรอทหารที่ญี่ปุ่นทำกับเกาหลี และ จีน มันเป็นเรื่องธรรมดามากในสงคราม
ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงอ้างได้ว่า นางบำเรอเป็นเรื่องธรรมดาในสงคราม ซึ่งผมเห็นจริงด้วย เพราะไม่ว่าเราศึกษาสงครามที่ใดในโลก นางบำเรอ หรือ Comfort Girl เป็นเรื่องธรรมดาในโลกของสงครามมาทุกยุคทุกสมัย