เรื่องของเรื่อง มันเกิดขึ้นเมื่อ เดือน 6 เดือนที่แล้ว มันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรกับเรามากมายมาจนถึงตอนนี้ก็ยังคงวุ่นวายใจอยู่ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนๆเดียว
มีเพื่อนในคณะเราคนนึง เป็นคนที่อินดี้ โลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบร่วมกิจกรรม ชอบอยู่เฉยๆ นี่คือสิ่งที่เราได้ยินมาตั้งแต่ปี1 เรา2คนไม่เคยจะได้คุยกัน เพราะเราค่อนข้างจะเป็นเด็กกิจกรรม ทำทุกอย่างสารพัดตั้งแต่ปี 1 ยันปัจจุบันก็ยังรับงานคณะสารพัด (เราค่อนข้างจะดังในคณะเป็นที่รู้จักของรุ่นพี่รุ่นน้องและอาจารย์) จึงทำให้เรากับเพื่อนคนนี้ไม่ค่อยได้สนทนาพาทีกันเท่าไหร่นัก และด้วยความที่เราเด็กกิจกรรม ได้ยินสรรพคุณของนายนี่เข้าไป ก็แอบอคติอยู่เล็กน้อยทำไมถึงชอบทำตัวแปลกแยก ทั้งที่ไม่เคยคุยไม่เคยสัมผัสมาก่อน ต่อไปขอแทนเพื่อนคนนี้เป็น T ส่วนตัวเราเป็น N นะ
วันนึงมีเพื่อนสนิทเราคนนึงมาชวนไปร้องเพลงด้วย เป็นวงดนตรี สากล จะไปเล่นในงานของคณะ ซึ่งมี T เป็นมือกลอง เป็นการ่วมงานกันครั้งแรกเลย วันแรกที่ซ้อม ที่เราเห็น T เล่นกลอง มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อ T มาช่วยปรับคีย์เพลงสารพัด พูดคุยกันในเรื่องของเพลงกลับรู้สึกดีและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน รู้สึกดีที่ T ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ได้ยินมาและ รู้สึกผิดคือเรามองTผิดไป หลังจากวันนั้นรู้มะเราพยายามที่จะมาทางทักเฟส T ไป เกิดอะไรขึ้นกับเราไม่รู้ พอจะไปส่องเฟส เหมือนว่าเรากับทีเป็นเพื่อนในเฟสกันตั้งแต่ปี1 แต่ไม่เคยคุย เราเริ่มทักเค้าไปก่อนด้วยเรื่องงาน หาเรื่องานเรื่องเพลงคุยกับเค้าทุกวัน มันรู้สึกปลื้ม อาจเป็นเพราะเราชอบกลองอยากตีกลองด้วย พอมาเห็นมือกลองเลยปลื้มมั้ง พยายามคิดแบบนั้น พอใกล้ถึงวันแสดงดนตรี ก็รู้สึกแบบได้ยินสรรพคุณเรื่องผู้หญิงของ T มาพอสมควร เค้าพึ่งเลิกกับแฟน และเหมือนจะมายุ่งๆกับเพื่อนๆเราอยู่ แค่ได้ยินแค่นี้ก็ อืมนะเพื่อนใกล้ตัว เราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับ T รึป่าว คือช่วงแรกๆตัว Tเองก็คุยบ้างไม่คุยบ้าง แบบคุยดนตรีล้วนๆ อารมณ์หาเรื่องคุยอ่ะ ก็เลยคิดไว้ว่าหลังจากแสดงคอนเสิร์ตเสร็จจะเลิกคุยละ ตัดๆความรู้สึกไป ไม่รู้ทำไมนะ ยิ่งตัดยิ่งคิดว่าไม่อย่กยุ่ง กลับยิ่งรู้สึกว่าคนคนนี้น่าสนใจดึงดูดเรามาก พอแสดงคอนเสิร์ตเสร็จ คืนนั้นเราตัดสินใจบอกชอบ T ไปแล้วกะจะตัดใจ แต่พอเราบอกชอบไป กลับกลายเป็นเรื่องมันดำเนินไปเหมือนจะดี เราเลยตัดสินใจถามเรื่องข่าวเม้าทั้งหลายที่เกี่ยวกับสาสๆของ Tปรากฏว่าส่วนนึงไม่จริง T ขอบคุณเราที่มาถามเจ้าตัวก่อนตัดสิน คืนนั้นคุยดึกมาก แต่ก็ไม่ได้อะไร แต่รู้สึกสบายใจที่ได้บอก และเคลียร์ที่ว่า เพื่อนเรากับT เค้าไม่ได้อะไรกัน แค่สนิทคุยงานกันเพราะเรียนภาคเดียวกัน (เรากับTเรียนกันคนละภาคนะแต่คณะเดียวกัน)
เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ เราคุยกันแค่ตอนกลางคืน เพราะ T ใช้โทรศัพท์รุ่นโบราณ กลับบ้านเล่นคอมถึงจะได้คุยกัน Tไม่ชอบส่งข้อความตอบกลับใคร ชอบนอนเร็ว เรากับเค้าคุยกันทุกวันแต่คนที่ชวนคุยเป็นเราตลอด รู้มั้ยว่าลุ้นตลอดว่าเค้าจะตอบมาว่าอะไร จะหัวเราะมั้ย จะหายไปรึยัง เค้าทำให้เรากังวลได้ตลอดเวลา หลังเลิกเรียนเราชอบวนเวียนไปตีกลอง ให้เค้าสอนเรา. ความสัมพันธ์เริ่มจะดีขึ้น เราต้องคุยกันแบบแอบๆกลัวตลอด เพราะกลัวคนอื่นจะเม้า เนื่องจากในสายตาทุกคน เรากับ T ไม่ค่อยจะมาบรรจบกัน Tนางก็อินดี้ จะทักดันทีก็กลัวคนอื่นสงสัย ทั้งที่จริงๆแล้ว คงไม่มีอะไร แต่เรากลัวไปเอง T บอกว่าแค่ T ไปเดินกับสาวคนไหนก็โดนจับตามองละ โดนหาว่าหม้อเค้าไปทั่วตลอด (T ค่นข้างจะหน้าตาดีคนนึงในคณะเลย+กับเล่นดนตรี เลยยิ่งดูเท่ไปอีก แต่คนส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่ค่อยชอบความอินดี้ของนางนัก) นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เรา2คนเจอกันต่อหน้าเพื่อนๆจะไม่ค่อยคุยกัน หรืออจทักบ้างแต่ไม่แสดงอาการว่าค่อนข้าจะรมสนิทนะคุยแชทกันทุกวันนะ อะไรประมาณนั้น ดูลำบากเนอะแต่พออยู่กันสองคนในห้องซ้อมก็จะคุยกันปกติ เหมือนเพื่อนสนิทๆกันทั่วไป เค้ายอมสอนกลองให้เรา T ไม่เคยสอนกลองให้ใคร แต่โดนเราอ้อนจนต้องสอน 555 คือTนางอินดี้มากจริงๆ เราไม่เคยเจอคนแบบนี้เลย ไม่เคยคุยกับคนแบบนี้ไม่รู้จะรับมือยังไงเหมือนกัน เหมือนต้องค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ เราก็เพิ่งเลิกกับแฟนมาเหมือนกัน มีคนเข้ามาจีบเยอะแยะ แต่เราก็ไม่ค่อยคุย ปฏิเสธบ้าง ทำเป็นมึนไม่เห็นแชทบ้าง เพราะนายมือกลองคนนี้นี่ล่ะที่ทำให้เราไม่เปิดใจให้ใครเลย เรารู้สึกว่ากับคนนี้ไม่มีทางจะไปต่อหรือไปรอด คงได้แค่เพื่อนที่ดี แต่ข้างในมันเริ่มจะรู้สึกชอบขึ้นเรื่อยๆ เลยทรมารแต่ต้องคอยห้ามใจตัวเองว่าแค่เพื่อนนะ ชอบยังไงก็แค่เพื่อน เพราะเราเองก็อยากอยู่คนเดียว รักอิสระ Tเองก็เหมือนกัน เรา2คนนิสัยค่อนข้างเหมือนกันหลายๆอย่าง ทำให้จับไต๋แต่ละคนได้ เราชอบกวนตีนเค้า เค้าชอบว่าเราเกรียน กวนตีน แต่น่ารักดี เค้าบอกว่าไม่คิดเหมือนกันว่าคนอย่างเราจะมาคุยกับเค้า เพราะสำหรับเค้า เค้ามองว่าเราอยู่สูงไปสำหรับเค้า เค้ามองว่าเราดีทุกอย่างเป็นที่หมายปองของทุกคน เค้าเปรียบเราเป็นคณบดี และเปรียบตัวเองเป็นลุงยาม คือแบบนั้นแบบ อะไรจะขนาดนั้นนนน ชั้นก็คนธรรมดา ทำไมถึงดูถูกตัวเองจัง
เริ่มผ่านไป 1-2 เดือนเราก็เริ่มถามเค้าว่าเคยชอบเราบ้างมั้ย คำตอบที่ได้คือเค้าไม่กล้าตอบ แค่บอกว่า ใครอยู่ใกล้เราแล้วไม่คิดอะไรก็ไม่ใช่ผู้ชายละ คำตอบไม่ชัดเจน แต่มันโคตรฟินเลย เราเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน แบบนานๆทีครั้ง และแบบหลบๆซ่อนๆ เป็นอะไรที่น่ากลัวและตื่นเต้นตามๆกัน การชวน Tไปไหนเป็นอะไรที่ลุ้นมากว่าอารมณ์วันนี้นางอยากไปไหม เป็นช่วงอาทิตที่มีความสุข แต่และแล้วความทุกข์กังวลเริ่มมาก เมื่อเราเริ่มถามเค้าว่าคิดยังไงกับเรากันแน่แล้วเค้าไม่ตอบ มันค่อนข้างจะเฟลๆ คุยโทรศัพท์กันไม่ค่อยรู้เรื่อง Tเลยนัดมาคุยกันที่ห้องดนตรีตอนเช้า ก็มองหน้าไปมา สุดท้ายนางก็บอกว่า ก็ชอบเธอนะ แต่ แบบนี้ก็ดีแล้ว อีกอย่างไม่อยากทำให้คนรอบข้างเทอเสียใจ คนที่มาจีบเทอสียใจ ( มีเพื่อนเราสองคนมาจีบ เรา) รวมถึงแฟนเก่าเรา ที่เลิกไปก้อยู่คณะเดียวกัน พี่เค้าไม่ชอบ T เอามากๆ เรากับแฟนเก่าเราตกลงเลิกกันเพราะที่บ้านไม่โอเคเลยยังเป้นพี่น้องกันได้ นั่นละเค้าไม่ค่อยชอบ T มานานแล้ว นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ T บอกว่าทำไมถึงไม่อยากจะบอกว่าชอบ เพราะจะเป็นให่ความหวังเรา ซึ่งหัวใจสำคัญคือ T คบกับใครได้ไม่นานละจะหายไป จะเบื่อง่าย เลยกลัวเราจะเสียใจ วันนั้นเป็นอัไรที่เคลียกันยากมาก เพราะตัวเราเอง แค่หวังว่า เราจะเป็นเพื่อนที่แอบรู้สึกดีต่อกัน คงไม่ต้องบอกใคร และคงไม่เดินต่อ เพราะเราก็อยากจะรู้สึกยาวๆ ซึ่งแบบนี้คงจะยาวกว่าการไปต่อ และนิสัยT. หลายๆอย่างที่เราคิดว่ายังไงก็ได้แค่เพื่อน แต่Tเค้าก็พยายามจะห่างๆอย่างเดียวเพราะกลัวให้ความหวังเรา จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่ เรารู้สึกทรมารที่เป็นแบบนี้ ที่ชอบเค้า แต่เค้าไม่เคยชัดเจนกับความรู้สึกแม้แต่บอก เราจึงตัดสินใจ จะไปคือหายไปกลับไปใช้ชีวิตปกติก่อนหน้าจะมีทีเข้ามา เขียนจดหมายลา ร้องไห้ ลากัน ทีก็ไม่รั้งอะไรซักคำ ร้องไห้เช่นกัน พอวันนั้นผ่านไป สุดท้ายจากที่ตั้งใจจะไม่เจอ ไม่ทักแชท กลายเป็นพังหมด เราทำไม่ได้เราไปหาTที่ห้องซ้อมทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ทักทายเหมือนเพื่อนทั่วไป ณ ตอนนั้น ไม่คิดแล้วว่าเค้าจะรู้สึกยังไง แค่ขอมีเค้าเป็นเพื่อนที่ดีอีกคนก็พอ ซึ่งเราต้องคอยเตือนตัวเองตลอดว่าอย่าคาดหวัง การได้รับความเฉยชาอยู่ช่วงระยะนึงมันทรมารมาก คุยกันทุกวัน แต่ถามคำตอบคำ เราจะพยายามหาเรื่องคุยและพยายามฝืนใจฟอร์ม ไม่ทักก่อน คือไม่เคยพยายามจะชนะใจใครมากแบบนี้มาก่อน จนปิดเทอม เราต้องแยกกันไปฝึกงาน ก่อนจะเริ่มฝึก เราขอไปเที่ยวกับ T อีกครั้ง แล้วบอกว่าหลังจากนี้จะตัดใจ เปิดเทอมมาจะตัดใจให้ได้เป็นเพื่อนที่แค่เพื่อนจริงๆ T ตอบกำกวม ลังเล จนวันสุดท้ายที่นัดก็ยังตอบไม่ได้ สุดท้าย T ก็ไม่ไป เค้าบอกว่าถ้าไปก็จะกลายเป็นให้ความหวังเรา เราขอร้องแค่ไหน เค้าก็ไม่ไป รู้สึกตัวเองไร้ค่ามาก ไม่เคยต้องมาขอร้องอะไรขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอคนแบบนี้ สุดท้ายเราเขียนจดหมายจะแยกทางกันไปอยากเจอมากลงทุนนั่งรถไปแถวๆบ้าน T ( บ้านทีไม่ไกลมาก) เพื่อเอาจดหมายไปให้และเพื่อจะได้อยู่กับเค้าอีกครั้ง วันนั้นก็คุยกันดีนะ เราบอกเปิดเทอมมาตัดใจได้แน่นอน เราถ่ายรูปโพลาลอย ให้เก็บกันคนละใบ วันนั้นก็ถือว่าอื้มสุดท้ายละนะ พอไปฝึกงานวันแรก พยายามจะไม่ทักแชท ไม่ส่งข้อความ ไม่โทรหา แต่ตะบะแตกตลอด ทั้งโทร ทั้งแชท แต่เวลาคุยโทรสับเหมือน T ไม่ค่อยอยากคุย เราเลยตัดสินอย่างจริง เวลาคิดถึงหรืออยากคุยอะไรก็บันทึกลงไปในสมุดบันทึก เป็นวิธนึงที่ข่วยให้Tไม่ต้องมารับรู้ว่าเรายังอะไรกับ T อยู่
ผ่านไป1เดือน กลับมาจากฝึกงานวันแรกอยู่ๆTก็ทักแชทมา บอกว่า โทรมากลับหน่อยมีเรื่องจะคุย ซึ่งตนนั้นโทรศัพท์กำลังเสียพอดี พอตอนเย็นได้โทรศัพของเก่ามาเลยโทรไป Tชวนไปดูหนังเดินเล่น บอกว่าเบื่อๆ ไม่อยากกลับบ้าน(Tยังฝึกงานต่ออีกอ1เดือน) แต่ตอนนั้นเราไปหาแม่ที่คอนโด แต่วันนั้นเป็นอะไรที่ฟินมาก แต่ว่าก็ทำใจได้ระดับนึงเลยเฉยๆมากกว่า เลยบอกTว่าพรุ่งนี้ได้มั้ย แต่Tบอกว่าดูก่อน ดูอารมณ์ก่อน ชพอเช้าวันนั้นทักไป ถามสนใจไปดูหนังมั้ย สรุปนางมาตอบว่าไป
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เพื่อนกันมันดี ที่ทุกวันนี้ก็ยังดำเนินไปอยู่ หลังจากวันที่ดูหนังกัน มีเรื่องราวมากมายอีก ทั้งน่ารัก ทั้งร้องไห้ ทั้งสับสน สารพัดจะรู้สึก แต่มันเป็นช่วงความทรงจำที่ดีช่วงนึง ไว้มาเล่าต่อน้า ง่วงมาก เหตุการณ์หลังจากนี้ ทำให้เราตั้งกระทู้มาในวันนี้
ไว้พรุ่งนี้มาพิมพ์ให้น้าาา
ความสัมพันธ์แบบนี้ ควรเดินออกมา หรือควรพอใจกับสิ่งที่เป็น
มีเพื่อนในคณะเราคนนึง เป็นคนที่อินดี้ โลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบร่วมกิจกรรม ชอบอยู่เฉยๆ นี่คือสิ่งที่เราได้ยินมาตั้งแต่ปี1 เรา2คนไม่เคยจะได้คุยกัน เพราะเราค่อนข้างจะเป็นเด็กกิจกรรม ทำทุกอย่างสารพัดตั้งแต่ปี 1 ยันปัจจุบันก็ยังรับงานคณะสารพัด (เราค่อนข้างจะดังในคณะเป็นที่รู้จักของรุ่นพี่รุ่นน้องและอาจารย์) จึงทำให้เรากับเพื่อนคนนี้ไม่ค่อยได้สนทนาพาทีกันเท่าไหร่นัก และด้วยความที่เราเด็กกิจกรรม ได้ยินสรรพคุณของนายนี่เข้าไป ก็แอบอคติอยู่เล็กน้อยทำไมถึงชอบทำตัวแปลกแยก ทั้งที่ไม่เคยคุยไม่เคยสัมผัสมาก่อน ต่อไปขอแทนเพื่อนคนนี้เป็น T ส่วนตัวเราเป็น N นะ
วันนึงมีเพื่อนสนิทเราคนนึงมาชวนไปร้องเพลงด้วย เป็นวงดนตรี สากล จะไปเล่นในงานของคณะ ซึ่งมี T เป็นมือกลอง เป็นการ่วมงานกันครั้งแรกเลย วันแรกที่ซ้อม ที่เราเห็น T เล่นกลอง มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อ T มาช่วยปรับคีย์เพลงสารพัด พูดคุยกันในเรื่องของเพลงกลับรู้สึกดีและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน รู้สึกดีที่ T ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ได้ยินมาและ รู้สึกผิดคือเรามองTผิดไป หลังจากวันนั้นรู้มะเราพยายามที่จะมาทางทักเฟส T ไป เกิดอะไรขึ้นกับเราไม่รู้ พอจะไปส่องเฟส เหมือนว่าเรากับทีเป็นเพื่อนในเฟสกันตั้งแต่ปี1 แต่ไม่เคยคุย เราเริ่มทักเค้าไปก่อนด้วยเรื่องงาน หาเรื่องานเรื่องเพลงคุยกับเค้าทุกวัน มันรู้สึกปลื้ม อาจเป็นเพราะเราชอบกลองอยากตีกลองด้วย พอมาเห็นมือกลองเลยปลื้มมั้ง พยายามคิดแบบนั้น พอใกล้ถึงวันแสดงดนตรี ก็รู้สึกแบบได้ยินสรรพคุณเรื่องผู้หญิงของ T มาพอสมควร เค้าพึ่งเลิกกับแฟน และเหมือนจะมายุ่งๆกับเพื่อนๆเราอยู่ แค่ได้ยินแค่นี้ก็ อืมนะเพื่อนใกล้ตัว เราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับ T รึป่าว คือช่วงแรกๆตัว Tเองก็คุยบ้างไม่คุยบ้าง แบบคุยดนตรีล้วนๆ อารมณ์หาเรื่องคุยอ่ะ ก็เลยคิดไว้ว่าหลังจากแสดงคอนเสิร์ตเสร็จจะเลิกคุยละ ตัดๆความรู้สึกไป ไม่รู้ทำไมนะ ยิ่งตัดยิ่งคิดว่าไม่อย่กยุ่ง กลับยิ่งรู้สึกว่าคนคนนี้น่าสนใจดึงดูดเรามาก พอแสดงคอนเสิร์ตเสร็จ คืนนั้นเราตัดสินใจบอกชอบ T ไปแล้วกะจะตัดใจ แต่พอเราบอกชอบไป กลับกลายเป็นเรื่องมันดำเนินไปเหมือนจะดี เราเลยตัดสินใจถามเรื่องข่าวเม้าทั้งหลายที่เกี่ยวกับสาสๆของ Tปรากฏว่าส่วนนึงไม่จริง T ขอบคุณเราที่มาถามเจ้าตัวก่อนตัดสิน คืนนั้นคุยดึกมาก แต่ก็ไม่ได้อะไร แต่รู้สึกสบายใจที่ได้บอก และเคลียร์ที่ว่า เพื่อนเรากับT เค้าไม่ได้อะไรกัน แค่สนิทคุยงานกันเพราะเรียนภาคเดียวกัน (เรากับTเรียนกันคนละภาคนะแต่คณะเดียวกัน)
เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ เราคุยกันแค่ตอนกลางคืน เพราะ T ใช้โทรศัพท์รุ่นโบราณ กลับบ้านเล่นคอมถึงจะได้คุยกัน Tไม่ชอบส่งข้อความตอบกลับใคร ชอบนอนเร็ว เรากับเค้าคุยกันทุกวันแต่คนที่ชวนคุยเป็นเราตลอด รู้มั้ยว่าลุ้นตลอดว่าเค้าจะตอบมาว่าอะไร จะหัวเราะมั้ย จะหายไปรึยัง เค้าทำให้เรากังวลได้ตลอดเวลา หลังเลิกเรียนเราชอบวนเวียนไปตีกลอง ให้เค้าสอนเรา. ความสัมพันธ์เริ่มจะดีขึ้น เราต้องคุยกันแบบแอบๆกลัวตลอด เพราะกลัวคนอื่นจะเม้า เนื่องจากในสายตาทุกคน เรากับ T ไม่ค่อยจะมาบรรจบกัน Tนางก็อินดี้ จะทักดันทีก็กลัวคนอื่นสงสัย ทั้งที่จริงๆแล้ว คงไม่มีอะไร แต่เรากลัวไปเอง T บอกว่าแค่ T ไปเดินกับสาวคนไหนก็โดนจับตามองละ โดนหาว่าหม้อเค้าไปทั่วตลอด (T ค่นข้างจะหน้าตาดีคนนึงในคณะเลย+กับเล่นดนตรี เลยยิ่งดูเท่ไปอีก แต่คนส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่ค่อยชอบความอินดี้ของนางนัก) นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เรา2คนเจอกันต่อหน้าเพื่อนๆจะไม่ค่อยคุยกัน หรืออจทักบ้างแต่ไม่แสดงอาการว่าค่อนข้าจะรมสนิทนะคุยแชทกันทุกวันนะ อะไรประมาณนั้น ดูลำบากเนอะแต่พออยู่กันสองคนในห้องซ้อมก็จะคุยกันปกติ เหมือนเพื่อนสนิทๆกันทั่วไป เค้ายอมสอนกลองให้เรา T ไม่เคยสอนกลองให้ใคร แต่โดนเราอ้อนจนต้องสอน 555 คือTนางอินดี้มากจริงๆ เราไม่เคยเจอคนแบบนี้เลย ไม่เคยคุยกับคนแบบนี้ไม่รู้จะรับมือยังไงเหมือนกัน เหมือนต้องค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ เราก็เพิ่งเลิกกับแฟนมาเหมือนกัน มีคนเข้ามาจีบเยอะแยะ แต่เราก็ไม่ค่อยคุย ปฏิเสธบ้าง ทำเป็นมึนไม่เห็นแชทบ้าง เพราะนายมือกลองคนนี้นี่ล่ะที่ทำให้เราไม่เปิดใจให้ใครเลย เรารู้สึกว่ากับคนนี้ไม่มีทางจะไปต่อหรือไปรอด คงได้แค่เพื่อนที่ดี แต่ข้างในมันเริ่มจะรู้สึกชอบขึ้นเรื่อยๆ เลยทรมารแต่ต้องคอยห้ามใจตัวเองว่าแค่เพื่อนนะ ชอบยังไงก็แค่เพื่อน เพราะเราเองก็อยากอยู่คนเดียว รักอิสระ Tเองก็เหมือนกัน เรา2คนนิสัยค่อนข้างเหมือนกันหลายๆอย่าง ทำให้จับไต๋แต่ละคนได้ เราชอบกวนตีนเค้า เค้าชอบว่าเราเกรียน กวนตีน แต่น่ารักดี เค้าบอกว่าไม่คิดเหมือนกันว่าคนอย่างเราจะมาคุยกับเค้า เพราะสำหรับเค้า เค้ามองว่าเราอยู่สูงไปสำหรับเค้า เค้ามองว่าเราดีทุกอย่างเป็นที่หมายปองของทุกคน เค้าเปรียบเราเป็นคณบดี และเปรียบตัวเองเป็นลุงยาม คือแบบนั้นแบบ อะไรจะขนาดนั้นนนน ชั้นก็คนธรรมดา ทำไมถึงดูถูกตัวเองจัง
เริ่มผ่านไป 1-2 เดือนเราก็เริ่มถามเค้าว่าเคยชอบเราบ้างมั้ย คำตอบที่ได้คือเค้าไม่กล้าตอบ แค่บอกว่า ใครอยู่ใกล้เราแล้วไม่คิดอะไรก็ไม่ใช่ผู้ชายละ คำตอบไม่ชัดเจน แต่มันโคตรฟินเลย เราเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน แบบนานๆทีครั้ง และแบบหลบๆซ่อนๆ เป็นอะไรที่น่ากลัวและตื่นเต้นตามๆกัน การชวน Tไปไหนเป็นอะไรที่ลุ้นมากว่าอารมณ์วันนี้นางอยากไปไหม เป็นช่วงอาทิตที่มีความสุข แต่และแล้วความทุกข์กังวลเริ่มมาก เมื่อเราเริ่มถามเค้าว่าคิดยังไงกับเรากันแน่แล้วเค้าไม่ตอบ มันค่อนข้างจะเฟลๆ คุยโทรศัพท์กันไม่ค่อยรู้เรื่อง Tเลยนัดมาคุยกันที่ห้องดนตรีตอนเช้า ก็มองหน้าไปมา สุดท้ายนางก็บอกว่า ก็ชอบเธอนะ แต่ แบบนี้ก็ดีแล้ว อีกอย่างไม่อยากทำให้คนรอบข้างเทอเสียใจ คนที่มาจีบเทอสียใจ ( มีเพื่อนเราสองคนมาจีบ เรา) รวมถึงแฟนเก่าเรา ที่เลิกไปก้อยู่คณะเดียวกัน พี่เค้าไม่ชอบ T เอามากๆ เรากับแฟนเก่าเราตกลงเลิกกันเพราะที่บ้านไม่โอเคเลยยังเป้นพี่น้องกันได้ นั่นละเค้าไม่ค่อยชอบ T มานานแล้ว นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ T บอกว่าทำไมถึงไม่อยากจะบอกว่าชอบ เพราะจะเป็นให่ความหวังเรา ซึ่งหัวใจสำคัญคือ T คบกับใครได้ไม่นานละจะหายไป จะเบื่อง่าย เลยกลัวเราจะเสียใจ วันนั้นเป็นอัไรที่เคลียกันยากมาก เพราะตัวเราเอง แค่หวังว่า เราจะเป็นเพื่อนที่แอบรู้สึกดีต่อกัน คงไม่ต้องบอกใคร และคงไม่เดินต่อ เพราะเราก็อยากจะรู้สึกยาวๆ ซึ่งแบบนี้คงจะยาวกว่าการไปต่อ และนิสัยT. หลายๆอย่างที่เราคิดว่ายังไงก็ได้แค่เพื่อน แต่Tเค้าก็พยายามจะห่างๆอย่างเดียวเพราะกลัวให้ความหวังเรา จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่ เรารู้สึกทรมารที่เป็นแบบนี้ ที่ชอบเค้า แต่เค้าไม่เคยชัดเจนกับความรู้สึกแม้แต่บอก เราจึงตัดสินใจ จะไปคือหายไปกลับไปใช้ชีวิตปกติก่อนหน้าจะมีทีเข้ามา เขียนจดหมายลา ร้องไห้ ลากัน ทีก็ไม่รั้งอะไรซักคำ ร้องไห้เช่นกัน พอวันนั้นผ่านไป สุดท้ายจากที่ตั้งใจจะไม่เจอ ไม่ทักแชท กลายเป็นพังหมด เราทำไม่ได้เราไปหาTที่ห้องซ้อมทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ทักทายเหมือนเพื่อนทั่วไป ณ ตอนนั้น ไม่คิดแล้วว่าเค้าจะรู้สึกยังไง แค่ขอมีเค้าเป็นเพื่อนที่ดีอีกคนก็พอ ซึ่งเราต้องคอยเตือนตัวเองตลอดว่าอย่าคาดหวัง การได้รับความเฉยชาอยู่ช่วงระยะนึงมันทรมารมาก คุยกันทุกวัน แต่ถามคำตอบคำ เราจะพยายามหาเรื่องคุยและพยายามฝืนใจฟอร์ม ไม่ทักก่อน คือไม่เคยพยายามจะชนะใจใครมากแบบนี้มาก่อน จนปิดเทอม เราต้องแยกกันไปฝึกงาน ก่อนจะเริ่มฝึก เราขอไปเที่ยวกับ T อีกครั้ง แล้วบอกว่าหลังจากนี้จะตัดใจ เปิดเทอมมาจะตัดใจให้ได้เป็นเพื่อนที่แค่เพื่อนจริงๆ T ตอบกำกวม ลังเล จนวันสุดท้ายที่นัดก็ยังตอบไม่ได้ สุดท้าย T ก็ไม่ไป เค้าบอกว่าถ้าไปก็จะกลายเป็นให้ความหวังเรา เราขอร้องแค่ไหน เค้าก็ไม่ไป รู้สึกตัวเองไร้ค่ามาก ไม่เคยต้องมาขอร้องอะไรขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอคนแบบนี้ สุดท้ายเราเขียนจดหมายจะแยกทางกันไปอยากเจอมากลงทุนนั่งรถไปแถวๆบ้าน T ( บ้านทีไม่ไกลมาก) เพื่อเอาจดหมายไปให้และเพื่อจะได้อยู่กับเค้าอีกครั้ง วันนั้นก็คุยกันดีนะ เราบอกเปิดเทอมมาตัดใจได้แน่นอน เราถ่ายรูปโพลาลอย ให้เก็บกันคนละใบ วันนั้นก็ถือว่าอื้มสุดท้ายละนะ พอไปฝึกงานวันแรก พยายามจะไม่ทักแชท ไม่ส่งข้อความ ไม่โทรหา แต่ตะบะแตกตลอด ทั้งโทร ทั้งแชท แต่เวลาคุยโทรสับเหมือน T ไม่ค่อยอยากคุย เราเลยตัดสินอย่างจริง เวลาคิดถึงหรืออยากคุยอะไรก็บันทึกลงไปในสมุดบันทึก เป็นวิธนึงที่ข่วยให้Tไม่ต้องมารับรู้ว่าเรายังอะไรกับ T อยู่
ผ่านไป1เดือน กลับมาจากฝึกงานวันแรกอยู่ๆTก็ทักแชทมา บอกว่า โทรมากลับหน่อยมีเรื่องจะคุย ซึ่งตนนั้นโทรศัพท์กำลังเสียพอดี พอตอนเย็นได้โทรศัพของเก่ามาเลยโทรไป Tชวนไปดูหนังเดินเล่น บอกว่าเบื่อๆ ไม่อยากกลับบ้าน(Tยังฝึกงานต่ออีกอ1เดือน) แต่ตอนนั้นเราไปหาแม่ที่คอนโด แต่วันนั้นเป็นอะไรที่ฟินมาก แต่ว่าก็ทำใจได้ระดับนึงเลยเฉยๆมากกว่า เลยบอกTว่าพรุ่งนี้ได้มั้ย แต่Tบอกว่าดูก่อน ดูอารมณ์ก่อน ชพอเช้าวันนั้นทักไป ถามสนใจไปดูหนังมั้ย สรุปนางมาตอบว่าไป
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เพื่อนกันมันดี ที่ทุกวันนี้ก็ยังดำเนินไปอยู่ หลังจากวันที่ดูหนังกัน มีเรื่องราวมากมายอีก ทั้งน่ารัก ทั้งร้องไห้ ทั้งสับสน สารพัดจะรู้สึก แต่มันเป็นช่วงความทรงจำที่ดีช่วงนึง ไว้มาเล่าต่อน้า ง่วงมาก เหตุการณ์หลังจากนี้ ทำให้เราตั้งกระทู้มาในวันนี้
ไว้พรุ่งนี้มาพิมพ์ให้น้าาา