ผมอายุ 25 ปีครับ ผมเคยตั้งกระทู้ไป ถามว่าขลิบดีไหม เจ็บไหม แล้วสุดท้าย ผมก็ตัดสินใจทำครับ เลยอยากมาเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับ ว่า ของผมหัวรูดเปิดได้ สบาย แต่เส้นสลึงตึงเลยจะไปเอาออกแต่ ด้วยความ งก ผมจึง จัดการตัดสินใจขลิบมันสะเลย
เริ่มกันเลยครับ เริ่มที่วันตรวจกันก่อนเลย
ตอนแรกเลย ความรู้สึกจริงๆ แค่อยากเอาเส้นสองสลึงออก ผมเลยไปหาหมอปรึกษาหมอที่ รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น พอไป ก็ไปเวชระเบียน แล้วก็เขียนว่า มาทำ เกี่ยวกับ ทางเดินปัสสาวะ เขาก็ออกเอกสารมาให้ แล้วให้ไปยื่นต่อ ที่ ห้องทางเดินปัสสาวะครับ ตอนไปยื่นเขาก็บอกว่าให้มาวัดความดันครับ ผมก็วัดได้ 140/เท่าไหร่ไม่รู้จำไม่ได้ครับ(ผมเป็นความดันสูงครับ) แล้ววัดเสดก็รอเรียกชื่อรอเข้าห้องตรวจ นั่งรออยู่นานเหมือนกันครับ และแล้วก็ได้ยินชื่อผมครับ ผมก็เดินไป เลย พยาบาลก็ถาม ว่า วันนี้มาทำไร ค่ะ ผมก็บอกว่ามาทำเกี่ยวกับทางเดินปัสสวะครับ(อายไม่กล้าบอกตรงๆ) พยาบาลก็ถามอีก ว่า ทำอะไร ผมเลย พูดด้วยเสียงเบ๊าๆ ว่ามาเอาเส้นสองสลึงออกครับ พยาบาลไม่ได้ยินก็ถามซ้ำอีก ผมเลย พูดอีก รอบ แล้วพยาบาลก็ชี้ให้ไปนั่งรอ เหมือนเดินครับ นั่งรออยู่นานเลย ดูโน่นนี่ไปเรื่อย ก็ได้เวลาเข้าห้อตรวจครับ ในใจผมคิดว่าขออย่าเป็นหมอ ญ. เลย เพราะอาย แต่พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหล่ะครับ มีแต่หมอ ญ. ไม่มีหมอชายสักคน หมอ ญ. คนนั้นก็เรียกผมนั่ง(สวยมากด้วย) สอบถามว่าเป็นมานานยังผมก็ตอบไป แล้วหมอก็บอกว่า ถอดางเกง ใส่สโหร่ง เตรียมไว้รอเลย เดี๋ยวให้หมอ ช. มาดูให้ ปรากฏว่าไม่หมอ ช. ไม่ว่างครับ เลยได้หมอ ญ. คนนั้น(ที่สวยมาก) มาตรวจให้ผมก็อายสิครับ เขาก็ถามว่าต้องการเอาออกจริงๆหรอ ผมก็ว่าใช่คับ เขาเลยบอกว่าถ้าจะเอาออกจริงๆ ไม่ได้ทำวันนี้นะ ต้องนัดมาทำวันหลังที่ห้องผ่าตัด(ผมนึกว่าจะแบบตัดฉับทายาแล้วเสดเลย) ผมก็บอกว่าได้คับ ขอวันที่ใกล้ที่สุด แล้วหมอก็ออกใบนัดมา แล้วบอกว่าวันนัดให้ไปที่ไหน ทำยังไง
ต่อมา เป็นช่วง ระหว่างรอถึงวันนัดครับ ผมเรียก ช่วงทำใจ
พอตรวจเสดกลับมาถึงบ้าน สองสามวันแรกผมก็ปรกติครับ เฉยๆ แต่วันสี่-ห้า ผมก็เริ่มเปิดเนตดูเกี่ยวกับการเอาเส้นสองสลึงออกว่ามันจะตายด้านไหม ยังไง ผมก็เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เขาทำขลิบราคา ก็เท่าๆ กับเราเอาเส้นสองสลึงออกเลย ทำไมเราไม่ขลิบไปเลย หล่ะเนี่ย เมื่อคิดได้แล้วจึงถามเพื่อนครับ เพื่อนผมมันก็เพิ่งขลิบมาไม่กี่ปี แล้วก็มาตั้งกระทู้ถามในพันทิปนี่แหล่ะครับ ก็ได้ คุณ สาลิกา โบยบิน มาตอบ ผมจึงได้ไปอ่านบล๊อกของเขา แล้วตัดสินใจว่าจะทำ ก็ได้คุยกับคุณหมอ สาลิกา ว่าจะทำยังไง เอาออกเยอะไหม ทำได้ไหม ทำนองนี้อ่ะครับ คือตอนนั้นคุยไลน์ ผมบอกตามตรงเลยว่าคุยกับ หมอ สาลิกา ตอนแรก ผมคิดว่าหมอเป็นเกย์ มาขอดูรูปเรา เพราะหมอบอกให้ถ่ายรูปไปให้ดูหลายรูป อยู่ ผมถึงกับต้องเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ไลน์กันเลยทีเดียว กลัวจะโดนแบล็คเม 5555 (อันนี้ก็ต้องขอโทษหมอด้วยนะคับ ที่คิดไม่ดี ทั้งที่หมออุตส่าห์ช่วยให้คำปรึกษาแท้ๆ ) เมื่อตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วว่าจะทำ ผมจึงโทรไปครับ จะขอเปลี่ยนนัด จากที่เอาแค่เส้นสลึงออกเป็น ขลิปไปเลย พยาบาลเลยบอกไว้ค่อยมาคุยกับหมอวันนัดเลย เมื่อยิ่งใกลัวันนัด เท่าไหร่ ผมยิ่งกังวล ครับ นอนไม่หลับ คิดมาก แบบ มันจะเจ็บไหม มันจะใช้งานได้ไหม แต่ก็แบบปลอบตัวเอง ว่าเอาน่ามันจะเจ็บสักแค่ไหน กัน ลองดูน่าอะไรประมาณนี้ครับ ก็แบบคนมันมีอยู่อันเดียว มันก็ต้องคิดเป็นธรรมดาใช่ไหมหล่ะครับ
ต่อไปตอนสุดท้ายครับ ตอนทำ ครับ ตอนนี้พีคเลย
พอถึงวันนัด ผมก็ไปรับบัตรคิดตอนเช้าครับ แล้วก็บอกพยาบาลว่าเด๋ยวผมมาตอนเย็นเพราะขี้เกียจรอคนเยอะผมก็ไป ดูหนังชอบปิ้ง รอครับ เวลา 15.00 ผมก็มาครับ ใจนี่เต้นตุบๆ เลย ไปก็ไปยื่นใบนัดครับ พยาบาลก็ไม่รีรอครับให้ชุด ผ่าตัดมาเปลี่ยน ให้เราถอดหมดเลย ถอดเครื่องประดับ แล้วใส่ชุด เก็บของมีค่าไว้ในล๊อคเกอร์ แล้วพยาบาลก็ ตามเดิมครับ พาไปวัดความดันคราวนี้ ความดันผมสูงครับ ด้วยความที่ผมตื่นเต้น บวกกับนอนไม่ค่อยหลับช่วงวันก่อนจะมา ทำให้ความดัน ผมขึ้น 161/101 พยาบาลวัดอยู่ 3 ทีได้ใกล้เคียงกัน 3 ที สุดท้ายพาผมไปรอที่หน้าห้องผ่าตัดครับ ผมนั่งรอหมอจะมานานมากจนจะหลับอ่ะครับ อ๋อลืมบอกครับ หมอที่มาทำให้ผมท่านเป็นอาจารย์หมออยู่ที่นั้นครับ พอมาถึง ก็มีน่าจะเป็นหมอจบใหม่ มาถามครับ เขาก็คุย กันว่าผมเป็น Old Miner Young อะไรสักอย่างทำนองนี้ ซึ่งว่าง่ายๆคือความดันสูงเขาก็บอกให้นั่งพักก่อน เดี๋ยวจะเอาไปนอนบนเตียงผ่าตัดแล้ววัดความดันอีกที ถ้ายังสูงอยู่ ก็จะไม่ทำต้องไปคงบคุมความดันมาก่อน ช่วงนี้ผมก็พยายามทำใจให้นิ่งที่สุดครับ จนถึงเวลาเข้าห้องครับ หมอก็ให้นอนบนเตียงครับ แล้ววัดความดัน สรุปสูงครับ หมอบอกความดันอันหน้า ต้องได้เท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้ แต่ อันหลังต้องต่ำกว่า 100 ครับ ผมเริ่มเครียดครับ อยากทำให้จบๆ อารมณ์ตอนนั้น เพราะกว่าเราจะทำใจมาได้ก็นาน แล้วก็มีพยาบาล คนนึงบอกว่าให้หายใจเข้าลึกๆ หายใจช้าๆ ฝึกทำแล้วความดันเราจะลดโดยไม่ต้องกินยา ผมก็ทำตามครับ คราวนี้ ลดครับ ผมดีใจมาก พยาบาลบอกดีมากคนไข้ สุดยอดเลย ความดันผมเหลือ 138/80กว่าอ่ะครับ ผมดีใจมากเลย พยาบาลรีบไปบอกหมอครับ พอหมอมาถึงครับ หมอก็พูด เอ้าลดแล้ว แบบนี้ทำได้ หมอก็ไม่รีรอครับ ถอดกางเกงเราออก ตามด้วยเอาผ้าปิดตา แล้ว ก็เอาอะไรไม่รู้เย็นๆ มาทาซึ่งหมอจะทำอะไรหมอจะบอกตลอด แล้วก็ตรวจดู พอตรวจเสด หมอก็บอก ว่าจะฉีดยาชา ผมเลยถามหมอว่าหมอจะทำแล้วหรอครับ หมอบอก ใช่ ผมเลยเข้าเรื่องบอกหมอว่า จะขลิบ หมอก็ห้ามผมครับ บอกว่าจะทำไปทำไมของเรารูดได้ปรกติ ไม่มีความจำเป็นเลย หมอถามผมอยู่สามรอบ ผมตอบหมอว่าทำเลย สุดท้ายหมอบอกมาทำก็ทำ แล้วหมอก็ไม่รีรอครับ เอายาชามาฉีดครับ ตอนฉีดยาชาหลายคนบอกว่าเจ็บแต่สำหรับผมไม่เจ็บเลยครับ สะดุ้งจี๊ดๆ ตอนเข็มแทง ถ้าให้เทียบก็เท่าๆ กับเข็มแทงที่ แขนอ่ะครับ เจ็บเท่ากัน พอมาเข็มต่อมาผมไม่รู้สึกละครับแล้วจากนั้น หมอก็เริ่มบันเลงครับ ความรู้สึกไม่เจ็บเลยหลังจากฉีดยาชา เราจะไม่เจ็บเลย รู้สึกหนักๆ หน่วงๆ รู้สึกแค่เหมือนมีอะไรมาโดนแค่นั้น แล้วระหว่างทำหมอก็จะถามเรา หมอจับตรงนี้รู้สึกไหม แต่ในหูได้ยินเสียงกรรไกร ฉับๆ ไปเรื่อยๆ ครับ จนถึง ตอนนึง หมอพูดเอา จี้มา แล้วก็มีอะไรไม่รู้ครับ อุ่นๆมาจี้ เรารู้สึกแค่อุ่นๆ ก็บอกตามตรงว่าตอนนั้นรู้สึกดีครับ อุ่นดี จนเสรจ ก็มาถึงตอนเย็บ ครับ พอมาตอนเย็บ ยาชาเริ่มจะหมดฤทธิ์ครับ หมอจะถามว่าเจ็บไหม ถ้าเจ็บบอกหมอนะ ผมก็เจ็บนะ แต่ทนได้ก็บอกหมอไปอย่างงี้ เย็บอยู่นานพอดู อ่ะ จนสุดท้ายมาเย็บ ตรงเส้นสองสลึง ตรงนี้เจ็บกว่าทุกที่ครับ แต่ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้เจ็บจนทนไม่ได่นะครับ แบบไม่ได้ถึงกับน้ำตาซึมร้องไห้อะไร ความรู้สึกเหมือน สักลายตอนลงเส้น อ่ะครับ ถ้าใครเคยสักลายนะจะรู้ ตอนนี้ ปากผมเริ่ม บิดเบี้ยวๆ ออกอาการ เพราะเราเจบ หมอก็ถามอีกว่าเจ็บมากหรอ ผมก็เลยว่าเจบกว่าปรกติแต่ทนไหว และถามหมอว่าใกล้เสดยัง หมอก็ว่าใกล้แล้วเดี๋ยวหมอจะรีบเย็บให้นะ ผ่านไปไม่นานครับ หมอบอกเสดแล้วนะคนไข้ ผมนี่โล่งอก เลย เปิดผ้าปิดตาออก เห็นผ้าพันแผล พันน้องชายเราไว้ ก็ดูแปลกน่าดู ผมก็ลุกนั่ง รับคำ แนะนำจากหมอ ของผมนี่รู้สึกจะแปลกหน่อยเพราะหมอบอกห้ามแกะผ้าพันแผลก่อนวันนัด ไม่ต้องล้างแผลไม่ต้องทำไรเลย หมอนัดผมดูแผล 7 วันครับ ก็เสดก็เดินมาจ่ายตังค์ รับยา ยาที่ได้ คือยาแก้อักเบ และ ยาแก้ปวด และที่พีค คือ การเดินมาที่รถ ครับ อย่างที่รู้กันดี รพ. หาที่จอดรถยากมาก จอดทีโคตรไกล ผมก็เดินครับ เดินไกลมากตอนนี้เริ่มปวดๆ ละครับ ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์แต่ก็ทนได้ ไม่ได้ปวดมากมาย ก็ขับรถกลับมาบ้านปรกติ คับ กลับมาถึง ก็กินข้าว กินยาแก้อักเสบ และ ยาแก้ปวดอย่างละเม็ดแล้วก็เข้านอน พอตอนเช้า มันแข็งตัวคับ แสบๆ แผลเย็บอยู่เหมือนกัน แต่ดีใจคับ อย่างน้อยๆเราก็ได้รู้ว่า มันก็ไม่ตายละ ใช้การได้พอตื่นผมชิวมากครับ ไม่เจบไม่ปวด เลยสักนิด จนผมสงสัยว่า เอ หมอขลิบให้เราจริงป่าวเนี่ย ทำไมไม่เห็นเจบเลย ผมจึงตดสินใจเปิดผ้าดูครับ(ทั้งที่หมอห้าม)ในคืนที่สองปรากฏว่าทำขลิบให้จริงครับ แต่ไม่เจ็บเลย ไม่เห็นเหมือนที่เพื่อนบอกเลย เดินเหิน สบายมาก หมอทำดีมากอ่ะคับ แต่จะมีปวดหน่อยๆ ตอนยืนนานๆ
ทั้งหมดนี่ผมเพิ่งผ่านมา 1 คืน กับ 1 วันเท่านั้นนะคับ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ เผื่อใครที่คิดอยากจะทำแต่กลัวเจ็บ กลัวต่างๆ ผมบอกเลยไม่เจ็บอย่างที่คิดครับ สรุปค่าใช้จ่ายก็ 2180 บาทคับ รวมค่ายา และ ค่าทำแล้ว ตอนนี้ผมก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง
เพิ่งขลิบมาครับ มาเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับ ว่า ของผมหัวรูดเปิดได้ สบาย แต่เส้นสลึงตึงเลยจะไปเอาออกแต่ ด้วยความ งก ผมจึง จัดการตัดสินใจขลิบมันสะเลย
เริ่มกันเลยครับ เริ่มที่วันตรวจกันก่อนเลย
ตอนแรกเลย ความรู้สึกจริงๆ แค่อยากเอาเส้นสองสลึงออก ผมเลยไปหาหมอปรึกษาหมอที่ รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น พอไป ก็ไปเวชระเบียน แล้วก็เขียนว่า มาทำ เกี่ยวกับ ทางเดินปัสสาวะ เขาก็ออกเอกสารมาให้ แล้วให้ไปยื่นต่อ ที่ ห้องทางเดินปัสสาวะครับ ตอนไปยื่นเขาก็บอกว่าให้มาวัดความดันครับ ผมก็วัดได้ 140/เท่าไหร่ไม่รู้จำไม่ได้ครับ(ผมเป็นความดันสูงครับ) แล้ววัดเสดก็รอเรียกชื่อรอเข้าห้องตรวจ นั่งรออยู่นานเหมือนกันครับ และแล้วก็ได้ยินชื่อผมครับ ผมก็เดินไป เลย พยาบาลก็ถาม ว่า วันนี้มาทำไร ค่ะ ผมก็บอกว่ามาทำเกี่ยวกับทางเดินปัสสวะครับ(อายไม่กล้าบอกตรงๆ) พยาบาลก็ถามอีก ว่า ทำอะไร ผมเลย พูดด้วยเสียงเบ๊าๆ ว่ามาเอาเส้นสองสลึงออกครับ พยาบาลไม่ได้ยินก็ถามซ้ำอีก ผมเลย พูดอีก รอบ แล้วพยาบาลก็ชี้ให้ไปนั่งรอ เหมือนเดินครับ นั่งรออยู่นานเลย ดูโน่นนี่ไปเรื่อย ก็ได้เวลาเข้าห้อตรวจครับ ในใจผมคิดว่าขออย่าเป็นหมอ ญ. เลย เพราะอาย แต่พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหล่ะครับ มีแต่หมอ ญ. ไม่มีหมอชายสักคน หมอ ญ. คนนั้นก็เรียกผมนั่ง(สวยมากด้วย) สอบถามว่าเป็นมานานยังผมก็ตอบไป แล้วหมอก็บอกว่า ถอดางเกง ใส่สโหร่ง เตรียมไว้รอเลย เดี๋ยวให้หมอ ช. มาดูให้ ปรากฏว่าไม่หมอ ช. ไม่ว่างครับ เลยได้หมอ ญ. คนนั้น(ที่สวยมาก) มาตรวจให้ผมก็อายสิครับ เขาก็ถามว่าต้องการเอาออกจริงๆหรอ ผมก็ว่าใช่คับ เขาเลยบอกว่าถ้าจะเอาออกจริงๆ ไม่ได้ทำวันนี้นะ ต้องนัดมาทำวันหลังที่ห้องผ่าตัด(ผมนึกว่าจะแบบตัดฉับทายาแล้วเสดเลย) ผมก็บอกว่าได้คับ ขอวันที่ใกล้ที่สุด แล้วหมอก็ออกใบนัดมา แล้วบอกว่าวันนัดให้ไปที่ไหน ทำยังไง
ต่อมา เป็นช่วง ระหว่างรอถึงวันนัดครับ ผมเรียก ช่วงทำใจ
พอตรวจเสดกลับมาถึงบ้าน สองสามวันแรกผมก็ปรกติครับ เฉยๆ แต่วันสี่-ห้า ผมก็เริ่มเปิดเนตดูเกี่ยวกับการเอาเส้นสองสลึงออกว่ามันจะตายด้านไหม ยังไง ผมก็เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เขาทำขลิบราคา ก็เท่าๆ กับเราเอาเส้นสองสลึงออกเลย ทำไมเราไม่ขลิบไปเลย หล่ะเนี่ย เมื่อคิดได้แล้วจึงถามเพื่อนครับ เพื่อนผมมันก็เพิ่งขลิบมาไม่กี่ปี แล้วก็มาตั้งกระทู้ถามในพันทิปนี่แหล่ะครับ ก็ได้ คุณ สาลิกา โบยบิน มาตอบ ผมจึงได้ไปอ่านบล๊อกของเขา แล้วตัดสินใจว่าจะทำ ก็ได้คุยกับคุณหมอ สาลิกา ว่าจะทำยังไง เอาออกเยอะไหม ทำได้ไหม ทำนองนี้อ่ะครับ คือตอนนั้นคุยไลน์ ผมบอกตามตรงเลยว่าคุยกับ หมอ สาลิกา ตอนแรก ผมคิดว่าหมอเป็นเกย์ มาขอดูรูปเรา เพราะหมอบอกให้ถ่ายรูปไปให้ดูหลายรูป อยู่ ผมถึงกับต้องเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ไลน์กันเลยทีเดียว กลัวจะโดนแบล็คเม 5555 (อันนี้ก็ต้องขอโทษหมอด้วยนะคับ ที่คิดไม่ดี ทั้งที่หมออุตส่าห์ช่วยให้คำปรึกษาแท้ๆ ) เมื่อตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วว่าจะทำ ผมจึงโทรไปครับ จะขอเปลี่ยนนัด จากที่เอาแค่เส้นสลึงออกเป็น ขลิปไปเลย พยาบาลเลยบอกไว้ค่อยมาคุยกับหมอวันนัดเลย เมื่อยิ่งใกลัวันนัด เท่าไหร่ ผมยิ่งกังวล ครับ นอนไม่หลับ คิดมาก แบบ มันจะเจ็บไหม มันจะใช้งานได้ไหม แต่ก็แบบปลอบตัวเอง ว่าเอาน่ามันจะเจ็บสักแค่ไหน กัน ลองดูน่าอะไรประมาณนี้ครับ ก็แบบคนมันมีอยู่อันเดียว มันก็ต้องคิดเป็นธรรมดาใช่ไหมหล่ะครับ
ต่อไปตอนสุดท้ายครับ ตอนทำ ครับ ตอนนี้พีคเลย
พอถึงวันนัด ผมก็ไปรับบัตรคิดตอนเช้าครับ แล้วก็บอกพยาบาลว่าเด๋ยวผมมาตอนเย็นเพราะขี้เกียจรอคนเยอะผมก็ไป ดูหนังชอบปิ้ง รอครับ เวลา 15.00 ผมก็มาครับ ใจนี่เต้นตุบๆ เลย ไปก็ไปยื่นใบนัดครับ พยาบาลก็ไม่รีรอครับให้ชุด ผ่าตัดมาเปลี่ยน ให้เราถอดหมดเลย ถอดเครื่องประดับ แล้วใส่ชุด เก็บของมีค่าไว้ในล๊อคเกอร์ แล้วพยาบาลก็ ตามเดิมครับ พาไปวัดความดันคราวนี้ ความดันผมสูงครับ ด้วยความที่ผมตื่นเต้น บวกกับนอนไม่ค่อยหลับช่วงวันก่อนจะมา ทำให้ความดัน ผมขึ้น 161/101 พยาบาลวัดอยู่ 3 ทีได้ใกล้เคียงกัน 3 ที สุดท้ายพาผมไปรอที่หน้าห้องผ่าตัดครับ ผมนั่งรอหมอจะมานานมากจนจะหลับอ่ะครับ อ๋อลืมบอกครับ หมอที่มาทำให้ผมท่านเป็นอาจารย์หมออยู่ที่นั้นครับ พอมาถึง ก็มีน่าจะเป็นหมอจบใหม่ มาถามครับ เขาก็คุย กันว่าผมเป็น Old Miner Young อะไรสักอย่างทำนองนี้ ซึ่งว่าง่ายๆคือความดันสูงเขาก็บอกให้นั่งพักก่อน เดี๋ยวจะเอาไปนอนบนเตียงผ่าตัดแล้ววัดความดันอีกที ถ้ายังสูงอยู่ ก็จะไม่ทำต้องไปคงบคุมความดันมาก่อน ช่วงนี้ผมก็พยายามทำใจให้นิ่งที่สุดครับ จนถึงเวลาเข้าห้องครับ หมอก็ให้นอนบนเตียงครับ แล้ววัดความดัน สรุปสูงครับ หมอบอกความดันอันหน้า ต้องได้เท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้ แต่ อันหลังต้องต่ำกว่า 100 ครับ ผมเริ่มเครียดครับ อยากทำให้จบๆ อารมณ์ตอนนั้น เพราะกว่าเราจะทำใจมาได้ก็นาน แล้วก็มีพยาบาล คนนึงบอกว่าให้หายใจเข้าลึกๆ หายใจช้าๆ ฝึกทำแล้วความดันเราจะลดโดยไม่ต้องกินยา ผมก็ทำตามครับ คราวนี้ ลดครับ ผมดีใจมาก พยาบาลบอกดีมากคนไข้ สุดยอดเลย ความดันผมเหลือ 138/80กว่าอ่ะครับ ผมดีใจมากเลย พยาบาลรีบไปบอกหมอครับ พอหมอมาถึงครับ หมอก็พูด เอ้าลดแล้ว แบบนี้ทำได้ หมอก็ไม่รีรอครับ ถอดกางเกงเราออก ตามด้วยเอาผ้าปิดตา แล้ว ก็เอาอะไรไม่รู้เย็นๆ มาทาซึ่งหมอจะทำอะไรหมอจะบอกตลอด แล้วก็ตรวจดู พอตรวจเสด หมอก็บอก ว่าจะฉีดยาชา ผมเลยถามหมอว่าหมอจะทำแล้วหรอครับ หมอบอก ใช่ ผมเลยเข้าเรื่องบอกหมอว่า จะขลิบ หมอก็ห้ามผมครับ บอกว่าจะทำไปทำไมของเรารูดได้ปรกติ ไม่มีความจำเป็นเลย หมอถามผมอยู่สามรอบ ผมตอบหมอว่าทำเลย สุดท้ายหมอบอกมาทำก็ทำ แล้วหมอก็ไม่รีรอครับ เอายาชามาฉีดครับ ตอนฉีดยาชาหลายคนบอกว่าเจ็บแต่สำหรับผมไม่เจ็บเลยครับ สะดุ้งจี๊ดๆ ตอนเข็มแทง ถ้าให้เทียบก็เท่าๆ กับเข็มแทงที่ แขนอ่ะครับ เจ็บเท่ากัน พอมาเข็มต่อมาผมไม่รู้สึกละครับแล้วจากนั้น หมอก็เริ่มบันเลงครับ ความรู้สึกไม่เจ็บเลยหลังจากฉีดยาชา เราจะไม่เจ็บเลย รู้สึกหนักๆ หน่วงๆ รู้สึกแค่เหมือนมีอะไรมาโดนแค่นั้น แล้วระหว่างทำหมอก็จะถามเรา หมอจับตรงนี้รู้สึกไหม แต่ในหูได้ยินเสียงกรรไกร ฉับๆ ไปเรื่อยๆ ครับ จนถึง ตอนนึง หมอพูดเอา จี้มา แล้วก็มีอะไรไม่รู้ครับ อุ่นๆมาจี้ เรารู้สึกแค่อุ่นๆ ก็บอกตามตรงว่าตอนนั้นรู้สึกดีครับ อุ่นดี จนเสรจ ก็มาถึงตอนเย็บ ครับ พอมาตอนเย็บ ยาชาเริ่มจะหมดฤทธิ์ครับ หมอจะถามว่าเจ็บไหม ถ้าเจ็บบอกหมอนะ ผมก็เจ็บนะ แต่ทนได้ก็บอกหมอไปอย่างงี้ เย็บอยู่นานพอดู อ่ะ จนสุดท้ายมาเย็บ ตรงเส้นสองสลึง ตรงนี้เจ็บกว่าทุกที่ครับ แต่ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้เจ็บจนทนไม่ได่นะครับ แบบไม่ได้ถึงกับน้ำตาซึมร้องไห้อะไร ความรู้สึกเหมือน สักลายตอนลงเส้น อ่ะครับ ถ้าใครเคยสักลายนะจะรู้ ตอนนี้ ปากผมเริ่ม บิดเบี้ยวๆ ออกอาการ เพราะเราเจบ หมอก็ถามอีกว่าเจ็บมากหรอ ผมก็เลยว่าเจบกว่าปรกติแต่ทนไหว และถามหมอว่าใกล้เสดยัง หมอก็ว่าใกล้แล้วเดี๋ยวหมอจะรีบเย็บให้นะ ผ่านไปไม่นานครับ หมอบอกเสดแล้วนะคนไข้ ผมนี่โล่งอก เลย เปิดผ้าปิดตาออก เห็นผ้าพันแผล พันน้องชายเราไว้ ก็ดูแปลกน่าดู ผมก็ลุกนั่ง รับคำ แนะนำจากหมอ ของผมนี่รู้สึกจะแปลกหน่อยเพราะหมอบอกห้ามแกะผ้าพันแผลก่อนวันนัด ไม่ต้องล้างแผลไม่ต้องทำไรเลย หมอนัดผมดูแผล 7 วันครับ ก็เสดก็เดินมาจ่ายตังค์ รับยา ยาที่ได้ คือยาแก้อักเบ และ ยาแก้ปวด และที่พีค คือ การเดินมาที่รถ ครับ อย่างที่รู้กันดี รพ. หาที่จอดรถยากมาก จอดทีโคตรไกล ผมก็เดินครับ เดินไกลมากตอนนี้เริ่มปวดๆ ละครับ ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์แต่ก็ทนได้ ไม่ได้ปวดมากมาย ก็ขับรถกลับมาบ้านปรกติ คับ กลับมาถึง ก็กินข้าว กินยาแก้อักเสบ และ ยาแก้ปวดอย่างละเม็ดแล้วก็เข้านอน พอตอนเช้า มันแข็งตัวคับ แสบๆ แผลเย็บอยู่เหมือนกัน แต่ดีใจคับ อย่างน้อยๆเราก็ได้รู้ว่า มันก็ไม่ตายละ ใช้การได้พอตื่นผมชิวมากครับ ไม่เจบไม่ปวด เลยสักนิด จนผมสงสัยว่า เอ หมอขลิบให้เราจริงป่าวเนี่ย ทำไมไม่เห็นเจบเลย ผมจึงตดสินใจเปิดผ้าดูครับ(ทั้งที่หมอห้าม)ในคืนที่สองปรากฏว่าทำขลิบให้จริงครับ แต่ไม่เจ็บเลย ไม่เห็นเหมือนที่เพื่อนบอกเลย เดินเหิน สบายมาก หมอทำดีมากอ่ะคับ แต่จะมีปวดหน่อยๆ ตอนยืนนานๆ
ทั้งหมดนี่ผมเพิ่งผ่านมา 1 คืน กับ 1 วันเท่านั้นนะคับ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ เผื่อใครที่คิดอยากจะทำแต่กลัวเจ็บ กลัวต่างๆ ผมบอกเลยไม่เจ็บอย่างที่คิดครับ สรุปค่าใช้จ่ายก็ 2180 บาทคับ รวมค่ายา และ ค่าทำแล้ว ตอนนี้ผมก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง