เอเอฟพี - สหภาพยุโรป และเวียดนามในวันนี้ (4) ได้ประกาศบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่จะยกเลิกภาษีศุลกากรสินค้าเกือบทั้งหมด ซึ่งสหภาพยุโรประบุว่า เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่เป็นหนทางนำไปสู่ข้อตกลงกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งภูมิภาค
สหภาพยุโรประบุว่า ข้อตกลงในหลักการมีขึ้นหลังเจรจาหารืออย่างเข้มข้นนานถึง 2 ปี 6 เดือน ระหว่างสหภาพยุโรป และเวียดนาม ที่การค้าสองทางได้ขยายตัวขึ้น 3 เท่า ที่ 28,000 ล้านยูโร (มากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
“เราบรรลุข้อตกลง และข้อตกลงที่มีความสมดุลอย่างดีนี้จะช่วยกระตุ้นการค้ากับประเทศที่เศรษฐกิจมีพลวัตมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย” เซซิเลีย มาล์มสตรอม กรรมาธิการการค้าประจำสหภาพยุโรป ประกาศในกรุงบรัสเซลส์ หลังโทรศัพท์กับ หวู ฮวี ฮว่าง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม
ในกรุงฮานอย ฮว่าง กล่าวว่า ข้อตกลงจะช่วยบูรณาการเวียดนามเข้าสู่เศรษฐกิจโลก และช่วยให้กิจการต่างๆ ของเวียดนามได้มาตรฐานสากล และเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ และประชาชนของทั้งสองฝ่าย
มาล์มสตรอม กล่าวในการแถลงข่าวที่เมืองหลวงของเบลเยียมว่า สองฝ่ายเห็นชอบต่อทุกประเด็นปัญหาทางการเมือง แต่ยังจำเป็นต้องดำเนินงานด้านกฎหมายอีกมากเพื่อให้เนื้อหาเสร็จสมบูรณ์ และหวังให้ข้อตกลงสามารถบังคับใช้ได้ในปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561
กรรมาธิการการค้าประจำสหภาพยุโรป ยังเรียกข้อตกลงนี้ที่มีขึ้นเช่นเดียวกับสิงคโปร์เมื่อปีก่อน ว่า เป็นเหตุการณ์สำคัญในความสัมพันธ์ของสหภาพยุโรปกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่รวมทั้งเวียดนาม และสิงคโปร์
“เป้าหมายสูงสุดของเราคือ การมีข้อตกลงระหว่างภูมิภาคต่อภูมิภาค” มาล์มสตรอม กล่าว
สหภาพยุโรปกำลังหารือกับอีกสองประเทศสมาชิกอาเซียน คือ มาเลเซีย และไทย ในความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรีเช่นเดียวกันนี้
เฟเดริกา โมเกรินี ประธานด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ประกาศว่า จะเดินทางเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในระหว่างวันที่ 5-6 ส.ค. ที่เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนของสหภาพยุโรปในการเพิ่มการมีส่วนร่วมกับอาเซียน ที่จะรวมถึงการหารือด้านความมั่นคง
มาล์มสตรอม ยังระบุว่า ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สหภาพยุโรปให้ความสำคัญในข้อตกลง และในความสัมพันธ์โดยทั่วไป และเตือนว่าข้อตกลงจะถูกระงับหากเวียดนามล้มเหลวที่จะเคารพต่อพันธกรณี
ข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงฉบับแรกที่สหภาพยุโรปได้บรรลุกับประเทศกำลังพัฒนาที่จะยกเลิกภาษีศุลกากรสินค้ามากกว่า 99% ระหว่างสองเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลานาน 7 ปี
“ข้อตกลงจะสร้างโอกาสการเข้าถึงตลาดใหม่ในภาคบริการ และการลงทุน เวียดนามได้ตกลงที่จะเปิดเสรีการค้าในการบริการทางการเงิน โทรคมนาคม คมนาคมขนส่ง ไปรษณีย์และบริการจัดส่ง” คำแถลง ระบุ
เวียดนามจะเปิดตลาดของตัวเองต่อการลงทุนของสหภาพยุโรป ด้วยการยกเลิก หรือผ่อนคลายข้อจำกัดในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งภาคส่วนที่ไม่ใช่อาหาร
ข้อตกลงจะรับรองการเคารพสิทธิของคนงาน เช่นเดียวกับการจัดการอย่างยั่งยืนต่อทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งสัตว์ป่า ป่าไม้ และประมง
มาล์มสตรอม กล่าวว่า งานมากกว่า 31 ล้านตำแหน่งในยุโรปที่กำลังประสบปัญหาการว่างงานสูงพึ่งพาการส่งออก และการเข้าถึงตลาดที่มีผู้บริโภคกว่า 90 ล้านคน ที่กำลังเติบโตได้ง่ายขึ้นนี้นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง
เวียดนาม ส่งออกโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รองเท้าและเสื้อผ้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น กาแฟ ข้าว และอาหารทะเล ไปยังสหภาพยุโรป ขณะที่สหภาพยุโรป ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงมายังเวียดนามเป็นส่วนใหญ่ เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องบิน ยานยนต์ และยา.
http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000088169
เวียดนาม-สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงการค้าเสรียกเลิกภาษีสินค้าเกือบทั้งหมด แต่ 7 องค์กรธุรกิจไทยขอให้ปฏิรูปประเทศก่อน
สหภาพยุโรประบุว่า ข้อตกลงในหลักการมีขึ้นหลังเจรจาหารืออย่างเข้มข้นนานถึง 2 ปี 6 เดือน ระหว่างสหภาพยุโรป และเวียดนาม ที่การค้าสองทางได้ขยายตัวขึ้น 3 เท่า ที่ 28,000 ล้านยูโร (มากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
“เราบรรลุข้อตกลง และข้อตกลงที่มีความสมดุลอย่างดีนี้จะช่วยกระตุ้นการค้ากับประเทศที่เศรษฐกิจมีพลวัตมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย” เซซิเลีย มาล์มสตรอม กรรมาธิการการค้าประจำสหภาพยุโรป ประกาศในกรุงบรัสเซลส์ หลังโทรศัพท์กับ หวู ฮวี ฮว่าง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม
ในกรุงฮานอย ฮว่าง กล่าวว่า ข้อตกลงจะช่วยบูรณาการเวียดนามเข้าสู่เศรษฐกิจโลก และช่วยให้กิจการต่างๆ ของเวียดนามได้มาตรฐานสากล และเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ และประชาชนของทั้งสองฝ่าย
มาล์มสตรอม กล่าวในการแถลงข่าวที่เมืองหลวงของเบลเยียมว่า สองฝ่ายเห็นชอบต่อทุกประเด็นปัญหาทางการเมือง แต่ยังจำเป็นต้องดำเนินงานด้านกฎหมายอีกมากเพื่อให้เนื้อหาเสร็จสมบูรณ์ และหวังให้ข้อตกลงสามารถบังคับใช้ได้ในปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561
กรรมาธิการการค้าประจำสหภาพยุโรป ยังเรียกข้อตกลงนี้ที่มีขึ้นเช่นเดียวกับสิงคโปร์เมื่อปีก่อน ว่า เป็นเหตุการณ์สำคัญในความสัมพันธ์ของสหภาพยุโรปกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่รวมทั้งเวียดนาม และสิงคโปร์
“เป้าหมายสูงสุดของเราคือ การมีข้อตกลงระหว่างภูมิภาคต่อภูมิภาค” มาล์มสตรอม กล่าว
สหภาพยุโรปกำลังหารือกับอีกสองประเทศสมาชิกอาเซียน คือ มาเลเซีย และไทย ในความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรีเช่นเดียวกันนี้
เฟเดริกา โมเกรินี ประธานด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ประกาศว่า จะเดินทางเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในระหว่างวันที่ 5-6 ส.ค. ที่เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนของสหภาพยุโรปในการเพิ่มการมีส่วนร่วมกับอาเซียน ที่จะรวมถึงการหารือด้านความมั่นคง
มาล์มสตรอม ยังระบุว่า ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สหภาพยุโรปให้ความสำคัญในข้อตกลง และในความสัมพันธ์โดยทั่วไป และเตือนว่าข้อตกลงจะถูกระงับหากเวียดนามล้มเหลวที่จะเคารพต่อพันธกรณี
ข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงฉบับแรกที่สหภาพยุโรปได้บรรลุกับประเทศกำลังพัฒนาที่จะยกเลิกภาษีศุลกากรสินค้ามากกว่า 99% ระหว่างสองเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลานาน 7 ปี
“ข้อตกลงจะสร้างโอกาสการเข้าถึงตลาดใหม่ในภาคบริการ และการลงทุน เวียดนามได้ตกลงที่จะเปิดเสรีการค้าในการบริการทางการเงิน โทรคมนาคม คมนาคมขนส่ง ไปรษณีย์และบริการจัดส่ง” คำแถลง ระบุ
เวียดนามจะเปิดตลาดของตัวเองต่อการลงทุนของสหภาพยุโรป ด้วยการยกเลิก หรือผ่อนคลายข้อจำกัดในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งภาคส่วนที่ไม่ใช่อาหาร
ข้อตกลงจะรับรองการเคารพสิทธิของคนงาน เช่นเดียวกับการจัดการอย่างยั่งยืนต่อทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งสัตว์ป่า ป่าไม้ และประมง
มาล์มสตรอม กล่าวว่า งานมากกว่า 31 ล้านตำแหน่งในยุโรปที่กำลังประสบปัญหาการว่างงานสูงพึ่งพาการส่งออก และการเข้าถึงตลาดที่มีผู้บริโภคกว่า 90 ล้านคน ที่กำลังเติบโตได้ง่ายขึ้นนี้นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง
เวียดนาม ส่งออกโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รองเท้าและเสื้อผ้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น กาแฟ ข้าว และอาหารทะเล ไปยังสหภาพยุโรป ขณะที่สหภาพยุโรป ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงมายังเวียดนามเป็นส่วนใหญ่ เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องบิน ยานยนต์ และยา.
http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000088169