บทที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ 1 http://pantip.com/topic/33996870
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/33998010
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/34014437
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/34031448
บทที่ 5
ชายหนุ่มที่ฟ้างามสงสัยมาตลอดว่าเขาเป็นใครตอนนี้เธอได้รู้กระจ่างใจแล้ว ใจหนึ่งฟ้างามรู้สึกโล่งกับความคิดที่ติดอยู่ในหัวมานาน และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนที่เธอรู้จักมาก่อนก็ยิ่งทำให้ฟ้างามรู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยก็คงไม่ใช่พวกถ้ำมองตามที่ฟ้างามคิด
กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกับเขา ฟ้างามคิดในใจ ตั้งแต่เธอเรียนจบม.3ที่โรงเรียนโคกมะขามหวานพ่อมารับตัวเธอกลับมา แล้วเธอก็ไม่เคยได้กลับไปที่นั่นอีกเลย เว้นเสียจะไปเยี่ยมยายบ้างครั้งแต่ก็ไม่เคยได้เจอกับบู๊ลิ้ม เธอแทบจะจำเขาไม่ได้เมื่อเขาโตกลายเป็นหนุ่มหล่อมาดเซอร์ที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“ทำไมนายไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่านายเป็นใคร” ฟ้างามพูดเสียงแข็งใส่เขาใบหน้าบึ้งตึง แต่เธอก็ยังดูสวยงามภายใต้แววตาที่สุกสกาวแลเหมือนจะมีอาการดีใจอยู่บ้างในน้ำเสียงที่ดุดันนั้น
“ก็ว่าจะบอกอยู่ ก็นึกว่าจะจำกันได้ซะอีก” บู๊ลิ้มตอบเสียงอู้อี้มือยังคงลูบเท้าตัวเอง
“ใครจะไปจำได้หน้านายตอนนี้กับตอนนั้นมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ”
“ตอนนี้หล่อกว่าตอนนั้นใช่ป่ะ” บู๊ลิ้มตอบเสียงยียวนกวนประสาทคนพูด
ฟ้างามเม้นปากใส่เขาก่อนจะเดินย้ำเท้าออกจากห้องไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด กับพฤติกรรมกวนประสาทของชายหนุ่มที่ชื่อบู๊ลิ้ม
“คุณบู๊ลิ้มกับคุณฟ้างามหรือจักกันมาก่อนหรือค่ะ” ทีมงานที่ยืนฟังอยู่เอ่ยขึ้นทันทีเมื่อฟ้างามเดินพ้นห้องแต่งตัวไปไกล
“เคยเรียนที่เดียวกันมาก่อนน่ะ” บู๊ลิ้มตอบเรียบๆก่อนจะเดินตามฟ้างามมา
ปล่อยให้ทีมงานที่ได้ยินได้ฟังทุกอย่างยืน เลิกคิ้วด้วยความฉงนสงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี้
ฟ้างามยืนโพสท่าท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่ถูกเปลี่ยนฉากใหม่ ดอกไม้ถูกนำมาประดับตกแต่งรอบประตูไม้เก่า เธออยู่ในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงสุดเริดหรู ผมถูกเกล้าขึ้นหลวมๆ เผยให้เห็นเนิ่นอกอวบอิ่มเพียงเล็กน้อยและผิวกายขาวนวลเนียนดุจแพรไหม
“น้องฟ้าเผยปากออกนิดหนึ่งครับ ให้ดูเซ็กซี่เอาแบบว่ากำลังเย้ายั่วชายหนุ่มอยู่นะครับ เอาแบบนิดๆไม่ต้องมากให้ดูเหมือนไม่ตั้งใจยั่วเข้าใจนะครับ” พี่มาร์คพูดแนะถึงท่าทางและการแสดงสีหน้าให้ฟ้างามรับทราบ โดยเธอก็ตอบรับอย่างเข้าใจ
“มองมาที่กล้องนะครับ โอเคครับ อย่างนั่นล่ะ สวยมากครับ” ช่างภาพใหญ่กดซัตเตอร์อย่างชำนาญ และการถ่ายแบบก็เป็นไปอย่างราบรื่น
แต่ที่ดูจะไม่ราบรื่นคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่อยู่ภายในใจของบู๊ลิ้ม ซึ่งตอนนี้เขาได้มายืนอยู่ข้างๆพี่มาร์ค เขาจ้องมองเธอทุกท่วงท่าโดยเฉพาะริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มของเธอที่ดูเหมือนกำลังจะยั่วยวนเขาอยู่ และเขาก็อดคิดที่จะเป็นเจ้าของริมฝีปากนั่นไม่ได้ นั่นไม่ใช่ความผิดเขาเป็นความผิดของเธอต่างหากที่จะทำให้เขาแทบจะระเบิดได้ทุกเวลา
เขาโทษเธอที่สวยบาดใจเหลือเกิน โทษเธอที่หุ่นของเธอมันน่ากอดยิ่งนักและโทษคนที่เอาชุดราตรีเกาะอกสีแดงนี้มาให้เธอใส่ทำให้หน้าอกเธออวบอิ่มดูดีจนไม่มีที่ติ เขาอยากให้เธอเป็นของเขาเพียงคนเดียวนี้แหละสิ่งที่หัวใจของเขาเรียกร้องมาตลอดสิบสองปี
การถ่ายแบบยังคงเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอุปสรรคใดฟ้างามกับเบลล่าสลับกันเปลี่ยนชุด และสองคนนี้ทำงานงานกันเข้าขาดีจนไม่ต้องกังวลคิว ตัวฟ้างามเองก็อดที่จะชื่นชมนางแบบรุ่นน้องคนนี้ไม่ได้ เพราะเบลล่าไม่เรื่องมากและทำงานอย่างมืออาชีพ เป็นกันเองกับทุกคนทำให้บรรยากาศที่สตูดิโอกลับมาครื้นเครงอีกครั้ง หลังจากที่ซันนี่ฝากได้ผลงานเอาไว้
“เอาล่ะชุดสุดท้ายแล้ว สองสาวประจำที่เลยจร้า” พี่แนนซี่ ปรบมือเรียกนางแบบสองสาวให้มายืนที่ตำแหน่งของตัวเอง อาการคนเรียกออกจะดีอกดีใจเป็นพิเศษเพราะจะได้เลิกงานแล้ว
“สวยสดทั้งคู่เลย” พี่แนนซี่แซวสองสาว ที่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในชุดราตรีสีขาวกระโปรงยาวเฟื้อยลากพื้นตัวกระโปรงปักด้วยลูกไม้อย่างสวย แขนเสื้อขุด ตัวเสื้อปิดจนถึงลำคอ ด้านหลังผ่าแหวกขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนของคนทั้งสอง
สองสาวประจำที่พร้อมถ่ายแบบ แต่ตอนนี้ช่างภาพมือหนึ่งอย่างพี่มาร์คได้หายไป เหลือเพียงบู๊ลิ้มที่ยืนประจำอยู่ด้านหลังกล้องถ่ายรูป
“พร้อมนะ” บู๊ลิ้มให้สัญญาณสองสาว เขาพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนพี่มาร์ค
“พี่มาร์คไปไหน” เสียงฟ้างามถามขึ้น เธอไม่ยอมให้คนที่ไม่มีฝีมือมาถ่ายรูปให้แน่นอน
“เข้าห้องน้ำ” บู๊ลิ้มตอบกลับ
“งั้นก็รอพี่มาร์คกลับมาก่อนซิ นายจะมาถ่ายรูปแทนพี่มาร์คได้ไง” นางแบบจอมเหวี่ยงเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
“ไม่ต้องรอหรอก นานกว่าจะกลับมา” บู๊ลิ้มตอบเรียบๆ
“ไหนนายบอกว่าเข้าห้องน้ำไง” นางแบบจอมเหวี่ยงยังคงไม่ลดละ
“นี่ๆรีบถ่ายให้มันเสร็จๆจะได้มั้ย ทุกคนเขาอยากกลับบ้านกันหมดแล้ว จะเรื่องมากไปไหนยัย….”
บู๊ลิ้มหยุดคำว่ายัยไว้ก่อนที่จะพูดยาวไปมากกว่านี้ ฟ้างามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความโมโห เธอทั้งลากทั้งดึงชายกระโปรงอันแสนยาวนั่นมาด้วย มือทั้งสองจับกระโปรงยกขึ้นเพื่อความสะดวกในการเดิน
“นี่นาย คิดว่าตัวเองเป็นใครจะมาเป็นช่างภาพแทนพี่มาร์คได้ ถ่ายรูปออกมาไม่สวยแล้วทำให้นิตยสารของคนอื่นเสียหาย เฮ้อ ฉันไม่ถ่ายรูปกับช่างภาพกระจอกโนเมนอย่างนายหรอกนะ” ฟ้างามพล่ามชุดใหญ่ใส่เขา
“ไปยืนประจำที่” บู๊ลิ้มบอกเรียบๆ
ส่วนฟ้างามได้แต่ยืนเชิดหน้าชูคอใส่เขาและทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
“น้องฟ้าค่ะ บังเอิญที่พี่มาร์คแกติดธุระด่วนนะคะ เลยต้องให้คุณลิ้มมาเป็นตากล้องแทน คุณบู๊ลิ้มไม่ใช่ช่างภาพกระจอกอย่างที่น้องฟ้าเข้าใจหรอกนะคะ คุณบู๊ลิ้มเป็นช่างภาพลำดับต้นๆของเมืองไทยเลยนะแต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเพราะคุณบู๊ลิ้มเพิ่งกลับจากอเมริกา และยังเคยดกซัคเตอร์ถ่ายภาพให้ดาราฮอลลิวู้ดมาหลายคนแล้วค่ะ”
ทีมงานหน้าตาจริงจังที่ยืนอยู่ข้างๆบู๊ลิ้มได้พูดแทรกขึ้นมา รู้สึกไม่พอใจนางแบบจอมเหวี่ยงคนนี้ขึ้นมาแต่อีกใจเธอก็เข้าใจนางแบบที่อยากจะได้ช่างภาพฝีมือดีเท่านั้นมาเป็นคนถ่ายรูปให้มันเป็นการเพิ่มเครดิตให้กับตัวนางแบบไปด้วย เธอจึงจำเป็นต้องชี้แจ้งสรรพคุณของช่างภาพมือใหม่คนนี้ให้นางแบบได้ทราบ
ฟ้างามมีท่าทีอ่อนลง เธอได้แต่ยืนนิ่งมองช่างภาพมือใหม่ที่ตอนนี้แอบยิ้มที่มุมปากให้เธอ พลางกับเลิกคิ้วใส่เธออย่างน่าหมั่นไส้ ฟ้างามจึงแต่เดินกระทืบเท้าหอบกระโปรงตัวยาวเดินกลับไปประจำที่ด้วยอาการเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก
การถ่ายแบบจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยช่างภาพที่ชื่อบู๊ลิ้ม ฟ้างามมาเช็คภาพทุกรูปที่เขาเป็นคนถ่ายเพื่อความแน่ใจว่ามันจะออกมาดูดีและสวยตามที่เธอต้องการ และเมื่อได้เห็นก็ทำให้เธอต้องเงียบเพราะภาพที่เขาถ่ายออกมาสวยทุกรูปแบบไร้ที่ติ
“นางแบบสวยนะ” บู๊ลิ้มกระซิบบอกนางแบบจอมเหวี่ยงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เธอก้มลงมามองรูปตัวเองผ่านหน้าจอคอม โดยมีบู๊ลิ้มเป็นคนนั่งประจำการอยู่หน้าคอม
“ขอเบลล่าดูด้วยคนค่ะ” เบลล่านางแบบสาวหน้าใหม่ หน้าตาสะสวยน่ารักเดินมาสมทบอีกคน เธอยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบู๊ลิ้ม
“พี่ฟ้าสวยจังเลยค่ะ” เบลล่าพูดขึ้นเมื่อมองดูรูปในจอคอม
“น้องเบลล่าก็สวยจ๊ะ” ฟ้างามตอบกลับ
“สองทั้งสองคนนั่นล่ะ” บู๊ลิ้มที่นั่งอยู่ตรงกลางพูดขึ้น เบลล่าได้แต่หัวเราะคิกด้วยความพอใจ ส่วนฟ้างามหน้านิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
รูปถ่ายของสองสาวถูกบู๊ลิ้มคลิกตรวจสอบไล่เรียงไปทีละรูป ในขณะที่ทีมงานเริ่มเก็บอุปกรณ์ประกอบฉากกันอย่างแข็งขัน เพราะทุกคนต่างก็อยากจะกลับบ้านกันเต็มทีตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปหกโมงเย็นพอดีเลยเวลาที่ตั้งใจว่าจะเลิกต้องห้าโมง ทุกคนจึงดูเร่งรีบในการเก็บกวาดอุปกรณ์
“เย็นนี้พี่บู๊ลิ้มไปกินข้าวด้วยกันไหมค่ะ” เบลล่าเอ่ยปากชวนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“น้องเบลล่าจะเลี้ยงข้าวพี่เหรอ งั้นโอเคเลยครับ” บู๊ลิ้มพูดตอบกลับติดตลก แต่คนที่ยืนอยู่ด้วยอีกคนไม่ตลกไปด้วย ฟ้างามเบ้ปากอย่างไม่พอใจและอดที่จะหมั่นไส้สองคนนี้อย่างไม่รู้ตัว
“ก็ได้ เบลล่าเลี้ยงพี่ก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ วันหน้าพี่บู๊ลิ้มก็ต้องเลี้ยงเบลล่ากลับด้วยล่ะ เสมอกัน เค้ายิ่งจนอยู่” เบลล่าพูดเสียงใสแจ๋ว น้ำเสียงขี้เล่นตามแบบเด็กน้อยอยากอ้อนผู้ใหญ่
“ถ้าน้องเบลล่าจนสงสัยคนในประเทศนี้จะไม่มีใแล้วล่ะ” บู๊ลิ้มตอบกลับแล้วคนทั้งสองก็หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
ไม่มีใครสนใจอีกคนที่ยืนทำหน้าบูดบึ้ง ฟ้างามรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่รู้ว่าสองคนนี้สนิทสนมกันแค่ไหน แต่ดูจากการพูดคุยก็น่าจะสนิทกันอยู่ไม่น้อย นึกแล้วฟ้างามก็อดที่จะหมั่นไส้สองคนนี้ขึ้นมาทันที
“พี่ฟ้าไปทานข้าวกับพวกเราไหมค่ะ” เบลล่าหันมาทางฟ้างามพร้อมเอ่ยชวน
“ไม่ล่ะจ๊ะ ขอบคุณ พี่มีนัดกับคุณพ่อแล้ว” ฟ้างามบอกปัด
“อืม เหรอค่ะไว้โอกาสหน้าเราไปทานข้าวด้วยกันนะคะพี่ฟ้า พี่ฟ้าเป็นคนน่ารักเบลล่าอยากรู้จักพี่ฟ้าให้มากขึ้น เบลล่าไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยเลยค่ะ เบลล่าเพิ่งกลับจากอเมริกา เบลล่าไม่มีเพื่อนเลย” เบลล่าพูดเสียงสดใสร่าเริงและก็เริ่มอ่อยลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่มีเพื่อนสักคนเลยที่เมืองไทย
“ก็พี่นี้ไง ไม่นับพี่เป็นเพื่อนเลยนะ” บู๊ลิ้มพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงแสดงความน้อยใจนิดๆ
“พี่บู๊ลิ้มเป็นพี่ชาย และเป็นเพื่อนด้วยค่ะ แต่เค้าก็อยากมีเพื่อนเพิ่มขึ้นนี่น่าจะให้มีพี่เป็นเพื่อนคนเดียวหรือไง เซ็งแย่เลยนะซิค่ะ”
“เจอหน้าพี่ทุกวันถึงขนาดเซ็งกันเลยทีเดียว ก็ได้เดี๋ยวจะหายไปหลายๆวันให้ดู” บู๊ลิ้มทำเสียงน้อยใจ
คนฟังถึงกับหัวเราะคิกพลางกับใช้มือตีที่ไหล่คนพูดด้วยความหมั่นไส้แกมหยอกล้อ
“พี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ฟ้างามเอ่ยตัดบทสนทนา เธอทนฟังต่อไปไม่ไหวถ้านานกว่านี้เธอคงได้อ้วกใส่หัวคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เบลล่าไปเปลี่ยนชุดด้วยค่ะ” เบลล่าเดินตามฟ้างามมุ่งหน้าสู่ห้องเปลี่ยนชุดที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
พี่จันท์ทีมงานจัดเตรียมชุดให้นางแบบรอพวกเขาสองคนอยู่ในห้องเปลี่ยนชุดแล้ว พี่จันท์จะคอยทำหน้าที่ช่วยผลัดเปลี่ยนชุดให้กับนางแบบทั้งสอง และเก็บชุดที่นางแบบใส่แล้วเข้าที่เขาทางให้เรียบร้อย
ฟ้างามกับเบลล่าที่ตอนนี้อยู่ในชุดปรกติที่พวกเขาใส่มาตอนแรก ชุดราตรีหรูถูกนำไปแขวนไว้อย่างเรียบร้อย โดยพี่จันท์ผู้เป็นทีมงานจัดแจงชุดเสื้อผ้า
“หิวข้าวกันหรือสาวๆ” พี่จันท์ที่ง่วนอยู่กับการจัดเก็บชุด หันมาถามสองสาวที่นั่งจัดแต่งทรงผมตัวเอง
“หิวมากเลยค่ะพี่จันท์ หิวจนท้องเบลล่าจะแตกอยู่แล้ว” เบลล่าตอบเสียงใสแจ๋ว ทำเอาคนฟังทั้งสองต้องอมยิ้มออกมา
“สงสัยคนนี้จะกินช้างได้ทั้งตัวล่ะมั้งค่ะ เห็นบ่นว่าหิวตั้งแต่ยืนโพสท่าแล้ว” ฟ้างามเสริมต่อด้วยความเอ็นดูในเด็กสาวคนนี้
“ฮ่า ฮ่า ระวังจะไม่ได้เป็นนางแบบนะคะคุณเบลล่า” พี่จันท์แซวสาวน้อยหลานสาวคนเดียวของเจ้าของห้องเสื้อเนรมิต
“เบลล่าไม่อยากเป็นนางแบบซักหน่อยก็คุณป้านั่นล่ะคะ บังคับเบลล่ามาถ่ายแบบ” เบลล่าบ่นเสียงเขียว การมาถ่ายครั้งนี้เป็นเพราะคุณเนรมิตป้าแท้ๆของเธอเป็นคนบังคับให้มา เธอเข้าใจจุดประสงค์ของป้าที่ต้องการโปรโมทหลานสาวตัวเองให้คนอื่นได้รู้จัก
“เอ่อนี่ น้องเบลล่าไปรู้จักอิตากล้องคนนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ”
ฟ้างามถามขึ้นทันทีที่พี่จันท์เดินถือชุดออกจากห้องไป ทิ้งพวกเขาไว้สองคน ในใจเธออยากรู้เหลือเกินว่าสองคนนี้รู้จักกันมากน้อยแค่ไหน ปรกติเธอไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครแต่ของนายบู๊ลิ้มนี่ กลับทำให้เธออดใจไม่ไหวที่จะอยากรู้เรื่องราวของเขา ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจนายคนนี้ด้วย
พลิกร้ายให้รักลงล็อก บทที่ 5
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชายหนุ่มที่ฟ้างามสงสัยมาตลอดว่าเขาเป็นใครตอนนี้เธอได้รู้กระจ่างใจแล้ว ใจหนึ่งฟ้างามรู้สึกโล่งกับความคิดที่ติดอยู่ในหัวมานาน และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนที่เธอรู้จักมาก่อนก็ยิ่งทำให้ฟ้างามรู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยก็คงไม่ใช่พวกถ้ำมองตามที่ฟ้างามคิด
กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกับเขา ฟ้างามคิดในใจ ตั้งแต่เธอเรียนจบม.3ที่โรงเรียนโคกมะขามหวานพ่อมารับตัวเธอกลับมา แล้วเธอก็ไม่เคยได้กลับไปที่นั่นอีกเลย เว้นเสียจะไปเยี่ยมยายบ้างครั้งแต่ก็ไม่เคยได้เจอกับบู๊ลิ้ม เธอแทบจะจำเขาไม่ได้เมื่อเขาโตกลายเป็นหนุ่มหล่อมาดเซอร์ที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“ทำไมนายไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่านายเป็นใคร” ฟ้างามพูดเสียงแข็งใส่เขาใบหน้าบึ้งตึง แต่เธอก็ยังดูสวยงามภายใต้แววตาที่สุกสกาวแลเหมือนจะมีอาการดีใจอยู่บ้างในน้ำเสียงที่ดุดันนั้น
“ก็ว่าจะบอกอยู่ ก็นึกว่าจะจำกันได้ซะอีก” บู๊ลิ้มตอบเสียงอู้อี้มือยังคงลูบเท้าตัวเอง
“ใครจะไปจำได้หน้านายตอนนี้กับตอนนั้นมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ”
“ตอนนี้หล่อกว่าตอนนั้นใช่ป่ะ” บู๊ลิ้มตอบเสียงยียวนกวนประสาทคนพูด
ฟ้างามเม้นปากใส่เขาก่อนจะเดินย้ำเท้าออกจากห้องไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด กับพฤติกรรมกวนประสาทของชายหนุ่มที่ชื่อบู๊ลิ้ม
“คุณบู๊ลิ้มกับคุณฟ้างามหรือจักกันมาก่อนหรือค่ะ” ทีมงานที่ยืนฟังอยู่เอ่ยขึ้นทันทีเมื่อฟ้างามเดินพ้นห้องแต่งตัวไปไกล
“เคยเรียนที่เดียวกันมาก่อนน่ะ” บู๊ลิ้มตอบเรียบๆก่อนจะเดินตามฟ้างามมา
ปล่อยให้ทีมงานที่ได้ยินได้ฟังทุกอย่างยืน เลิกคิ้วด้วยความฉงนสงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี้
ฟ้างามยืนโพสท่าท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่ถูกเปลี่ยนฉากใหม่ ดอกไม้ถูกนำมาประดับตกแต่งรอบประตูไม้เก่า เธออยู่ในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงสุดเริดหรู ผมถูกเกล้าขึ้นหลวมๆ เผยให้เห็นเนิ่นอกอวบอิ่มเพียงเล็กน้อยและผิวกายขาวนวลเนียนดุจแพรไหม
“น้องฟ้าเผยปากออกนิดหนึ่งครับ ให้ดูเซ็กซี่เอาแบบว่ากำลังเย้ายั่วชายหนุ่มอยู่นะครับ เอาแบบนิดๆไม่ต้องมากให้ดูเหมือนไม่ตั้งใจยั่วเข้าใจนะครับ” พี่มาร์คพูดแนะถึงท่าทางและการแสดงสีหน้าให้ฟ้างามรับทราบ โดยเธอก็ตอบรับอย่างเข้าใจ
“มองมาที่กล้องนะครับ โอเคครับ อย่างนั่นล่ะ สวยมากครับ” ช่างภาพใหญ่กดซัตเตอร์อย่างชำนาญ และการถ่ายแบบก็เป็นไปอย่างราบรื่น
แต่ที่ดูจะไม่ราบรื่นคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่อยู่ภายในใจของบู๊ลิ้ม ซึ่งตอนนี้เขาได้มายืนอยู่ข้างๆพี่มาร์ค เขาจ้องมองเธอทุกท่วงท่าโดยเฉพาะริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มของเธอที่ดูเหมือนกำลังจะยั่วยวนเขาอยู่ และเขาก็อดคิดที่จะเป็นเจ้าของริมฝีปากนั่นไม่ได้ นั่นไม่ใช่ความผิดเขาเป็นความผิดของเธอต่างหากที่จะทำให้เขาแทบจะระเบิดได้ทุกเวลา
เขาโทษเธอที่สวยบาดใจเหลือเกิน โทษเธอที่หุ่นของเธอมันน่ากอดยิ่งนักและโทษคนที่เอาชุดราตรีเกาะอกสีแดงนี้มาให้เธอใส่ทำให้หน้าอกเธออวบอิ่มดูดีจนไม่มีที่ติ เขาอยากให้เธอเป็นของเขาเพียงคนเดียวนี้แหละสิ่งที่หัวใจของเขาเรียกร้องมาตลอดสิบสองปี
การถ่ายแบบยังคงเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอุปสรรคใดฟ้างามกับเบลล่าสลับกันเปลี่ยนชุด และสองคนนี้ทำงานงานกันเข้าขาดีจนไม่ต้องกังวลคิว ตัวฟ้างามเองก็อดที่จะชื่นชมนางแบบรุ่นน้องคนนี้ไม่ได้ เพราะเบลล่าไม่เรื่องมากและทำงานอย่างมืออาชีพ เป็นกันเองกับทุกคนทำให้บรรยากาศที่สตูดิโอกลับมาครื้นเครงอีกครั้ง หลังจากที่ซันนี่ฝากได้ผลงานเอาไว้
“เอาล่ะชุดสุดท้ายแล้ว สองสาวประจำที่เลยจร้า” พี่แนนซี่ ปรบมือเรียกนางแบบสองสาวให้มายืนที่ตำแหน่งของตัวเอง อาการคนเรียกออกจะดีอกดีใจเป็นพิเศษเพราะจะได้เลิกงานแล้ว
“สวยสดทั้งคู่เลย” พี่แนนซี่แซวสองสาว ที่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในชุดราตรีสีขาวกระโปรงยาวเฟื้อยลากพื้นตัวกระโปรงปักด้วยลูกไม้อย่างสวย แขนเสื้อขุด ตัวเสื้อปิดจนถึงลำคอ ด้านหลังผ่าแหวกขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนของคนทั้งสอง
สองสาวประจำที่พร้อมถ่ายแบบ แต่ตอนนี้ช่างภาพมือหนึ่งอย่างพี่มาร์คได้หายไป เหลือเพียงบู๊ลิ้มที่ยืนประจำอยู่ด้านหลังกล้องถ่ายรูป
“พร้อมนะ” บู๊ลิ้มให้สัญญาณสองสาว เขาพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนพี่มาร์ค
“พี่มาร์คไปไหน” เสียงฟ้างามถามขึ้น เธอไม่ยอมให้คนที่ไม่มีฝีมือมาถ่ายรูปให้แน่นอน
“เข้าห้องน้ำ” บู๊ลิ้มตอบกลับ
“งั้นก็รอพี่มาร์คกลับมาก่อนซิ นายจะมาถ่ายรูปแทนพี่มาร์คได้ไง” นางแบบจอมเหวี่ยงเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
“ไม่ต้องรอหรอก นานกว่าจะกลับมา” บู๊ลิ้มตอบเรียบๆ
“ไหนนายบอกว่าเข้าห้องน้ำไง” นางแบบจอมเหวี่ยงยังคงไม่ลดละ
“นี่ๆรีบถ่ายให้มันเสร็จๆจะได้มั้ย ทุกคนเขาอยากกลับบ้านกันหมดแล้ว จะเรื่องมากไปไหนยัย….”
บู๊ลิ้มหยุดคำว่ายัยไว้ก่อนที่จะพูดยาวไปมากกว่านี้ ฟ้างามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความโมโห เธอทั้งลากทั้งดึงชายกระโปรงอันแสนยาวนั่นมาด้วย มือทั้งสองจับกระโปรงยกขึ้นเพื่อความสะดวกในการเดิน
“นี่นาย คิดว่าตัวเองเป็นใครจะมาเป็นช่างภาพแทนพี่มาร์คได้ ถ่ายรูปออกมาไม่สวยแล้วทำให้นิตยสารของคนอื่นเสียหาย เฮ้อ ฉันไม่ถ่ายรูปกับช่างภาพกระจอกโนเมนอย่างนายหรอกนะ” ฟ้างามพล่ามชุดใหญ่ใส่เขา
“ไปยืนประจำที่” บู๊ลิ้มบอกเรียบๆ
ส่วนฟ้างามได้แต่ยืนเชิดหน้าชูคอใส่เขาและทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
“น้องฟ้าค่ะ บังเอิญที่พี่มาร์คแกติดธุระด่วนนะคะ เลยต้องให้คุณลิ้มมาเป็นตากล้องแทน คุณบู๊ลิ้มไม่ใช่ช่างภาพกระจอกอย่างที่น้องฟ้าเข้าใจหรอกนะคะ คุณบู๊ลิ้มเป็นช่างภาพลำดับต้นๆของเมืองไทยเลยนะแต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเพราะคุณบู๊ลิ้มเพิ่งกลับจากอเมริกา และยังเคยดกซัคเตอร์ถ่ายภาพให้ดาราฮอลลิวู้ดมาหลายคนแล้วค่ะ”
ทีมงานหน้าตาจริงจังที่ยืนอยู่ข้างๆบู๊ลิ้มได้พูดแทรกขึ้นมา รู้สึกไม่พอใจนางแบบจอมเหวี่ยงคนนี้ขึ้นมาแต่อีกใจเธอก็เข้าใจนางแบบที่อยากจะได้ช่างภาพฝีมือดีเท่านั้นมาเป็นคนถ่ายรูปให้มันเป็นการเพิ่มเครดิตให้กับตัวนางแบบไปด้วย เธอจึงจำเป็นต้องชี้แจ้งสรรพคุณของช่างภาพมือใหม่คนนี้ให้นางแบบได้ทราบ
ฟ้างามมีท่าทีอ่อนลง เธอได้แต่ยืนนิ่งมองช่างภาพมือใหม่ที่ตอนนี้แอบยิ้มที่มุมปากให้เธอ พลางกับเลิกคิ้วใส่เธออย่างน่าหมั่นไส้ ฟ้างามจึงแต่เดินกระทืบเท้าหอบกระโปรงตัวยาวเดินกลับไปประจำที่ด้วยอาการเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก
การถ่ายแบบจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยช่างภาพที่ชื่อบู๊ลิ้ม ฟ้างามมาเช็คภาพทุกรูปที่เขาเป็นคนถ่ายเพื่อความแน่ใจว่ามันจะออกมาดูดีและสวยตามที่เธอต้องการ และเมื่อได้เห็นก็ทำให้เธอต้องเงียบเพราะภาพที่เขาถ่ายออกมาสวยทุกรูปแบบไร้ที่ติ
“นางแบบสวยนะ” บู๊ลิ้มกระซิบบอกนางแบบจอมเหวี่ยงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เธอก้มลงมามองรูปตัวเองผ่านหน้าจอคอม โดยมีบู๊ลิ้มเป็นคนนั่งประจำการอยู่หน้าคอม
“ขอเบลล่าดูด้วยคนค่ะ” เบลล่านางแบบสาวหน้าใหม่ หน้าตาสะสวยน่ารักเดินมาสมทบอีกคน เธอยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบู๊ลิ้ม
“พี่ฟ้าสวยจังเลยค่ะ” เบลล่าพูดขึ้นเมื่อมองดูรูปในจอคอม
“น้องเบลล่าก็สวยจ๊ะ” ฟ้างามตอบกลับ
“สองทั้งสองคนนั่นล่ะ” บู๊ลิ้มที่นั่งอยู่ตรงกลางพูดขึ้น เบลล่าได้แต่หัวเราะคิกด้วยความพอใจ ส่วนฟ้างามหน้านิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
รูปถ่ายของสองสาวถูกบู๊ลิ้มคลิกตรวจสอบไล่เรียงไปทีละรูป ในขณะที่ทีมงานเริ่มเก็บอุปกรณ์ประกอบฉากกันอย่างแข็งขัน เพราะทุกคนต่างก็อยากจะกลับบ้านกันเต็มทีตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปหกโมงเย็นพอดีเลยเวลาที่ตั้งใจว่าจะเลิกต้องห้าโมง ทุกคนจึงดูเร่งรีบในการเก็บกวาดอุปกรณ์
“เย็นนี้พี่บู๊ลิ้มไปกินข้าวด้วยกันไหมค่ะ” เบลล่าเอ่ยปากชวนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“น้องเบลล่าจะเลี้ยงข้าวพี่เหรอ งั้นโอเคเลยครับ” บู๊ลิ้มพูดตอบกลับติดตลก แต่คนที่ยืนอยู่ด้วยอีกคนไม่ตลกไปด้วย ฟ้างามเบ้ปากอย่างไม่พอใจและอดที่จะหมั่นไส้สองคนนี้อย่างไม่รู้ตัว
“ก็ได้ เบลล่าเลี้ยงพี่ก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ วันหน้าพี่บู๊ลิ้มก็ต้องเลี้ยงเบลล่ากลับด้วยล่ะ เสมอกัน เค้ายิ่งจนอยู่” เบลล่าพูดเสียงใสแจ๋ว น้ำเสียงขี้เล่นตามแบบเด็กน้อยอยากอ้อนผู้ใหญ่
“ถ้าน้องเบลล่าจนสงสัยคนในประเทศนี้จะไม่มีใแล้วล่ะ” บู๊ลิ้มตอบกลับแล้วคนทั้งสองก็หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
ไม่มีใครสนใจอีกคนที่ยืนทำหน้าบูดบึ้ง ฟ้างามรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่รู้ว่าสองคนนี้สนิทสนมกันแค่ไหน แต่ดูจากการพูดคุยก็น่าจะสนิทกันอยู่ไม่น้อย นึกแล้วฟ้างามก็อดที่จะหมั่นไส้สองคนนี้ขึ้นมาทันที
“พี่ฟ้าไปทานข้าวกับพวกเราไหมค่ะ” เบลล่าหันมาทางฟ้างามพร้อมเอ่ยชวน
“ไม่ล่ะจ๊ะ ขอบคุณ พี่มีนัดกับคุณพ่อแล้ว” ฟ้างามบอกปัด
“อืม เหรอค่ะไว้โอกาสหน้าเราไปทานข้าวด้วยกันนะคะพี่ฟ้า พี่ฟ้าเป็นคนน่ารักเบลล่าอยากรู้จักพี่ฟ้าให้มากขึ้น เบลล่าไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยเลยค่ะ เบลล่าเพิ่งกลับจากอเมริกา เบลล่าไม่มีเพื่อนเลย” เบลล่าพูดเสียงสดใสร่าเริงและก็เริ่มอ่อยลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่มีเพื่อนสักคนเลยที่เมืองไทย
“ก็พี่นี้ไง ไม่นับพี่เป็นเพื่อนเลยนะ” บู๊ลิ้มพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงแสดงความน้อยใจนิดๆ
“พี่บู๊ลิ้มเป็นพี่ชาย และเป็นเพื่อนด้วยค่ะ แต่เค้าก็อยากมีเพื่อนเพิ่มขึ้นนี่น่าจะให้มีพี่เป็นเพื่อนคนเดียวหรือไง เซ็งแย่เลยนะซิค่ะ”
“เจอหน้าพี่ทุกวันถึงขนาดเซ็งกันเลยทีเดียว ก็ได้เดี๋ยวจะหายไปหลายๆวันให้ดู” บู๊ลิ้มทำเสียงน้อยใจ
คนฟังถึงกับหัวเราะคิกพลางกับใช้มือตีที่ไหล่คนพูดด้วยความหมั่นไส้แกมหยอกล้อ
“พี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ฟ้างามเอ่ยตัดบทสนทนา เธอทนฟังต่อไปไม่ไหวถ้านานกว่านี้เธอคงได้อ้วกใส่หัวคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เบลล่าไปเปลี่ยนชุดด้วยค่ะ” เบลล่าเดินตามฟ้างามมุ่งหน้าสู่ห้องเปลี่ยนชุดที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
พี่จันท์ทีมงานจัดเตรียมชุดให้นางแบบรอพวกเขาสองคนอยู่ในห้องเปลี่ยนชุดแล้ว พี่จันท์จะคอยทำหน้าที่ช่วยผลัดเปลี่ยนชุดให้กับนางแบบทั้งสอง และเก็บชุดที่นางแบบใส่แล้วเข้าที่เขาทางให้เรียบร้อย
ฟ้างามกับเบลล่าที่ตอนนี้อยู่ในชุดปรกติที่พวกเขาใส่มาตอนแรก ชุดราตรีหรูถูกนำไปแขวนไว้อย่างเรียบร้อย โดยพี่จันท์ผู้เป็นทีมงานจัดแจงชุดเสื้อผ้า
“หิวข้าวกันหรือสาวๆ” พี่จันท์ที่ง่วนอยู่กับการจัดเก็บชุด หันมาถามสองสาวที่นั่งจัดแต่งทรงผมตัวเอง
“หิวมากเลยค่ะพี่จันท์ หิวจนท้องเบลล่าจะแตกอยู่แล้ว” เบลล่าตอบเสียงใสแจ๋ว ทำเอาคนฟังทั้งสองต้องอมยิ้มออกมา
“สงสัยคนนี้จะกินช้างได้ทั้งตัวล่ะมั้งค่ะ เห็นบ่นว่าหิวตั้งแต่ยืนโพสท่าแล้ว” ฟ้างามเสริมต่อด้วยความเอ็นดูในเด็กสาวคนนี้
“ฮ่า ฮ่า ระวังจะไม่ได้เป็นนางแบบนะคะคุณเบลล่า” พี่จันท์แซวสาวน้อยหลานสาวคนเดียวของเจ้าของห้องเสื้อเนรมิต
“เบลล่าไม่อยากเป็นนางแบบซักหน่อยก็คุณป้านั่นล่ะคะ บังคับเบลล่ามาถ่ายแบบ” เบลล่าบ่นเสียงเขียว การมาถ่ายครั้งนี้เป็นเพราะคุณเนรมิตป้าแท้ๆของเธอเป็นคนบังคับให้มา เธอเข้าใจจุดประสงค์ของป้าที่ต้องการโปรโมทหลานสาวตัวเองให้คนอื่นได้รู้จัก
“เอ่อนี่ น้องเบลล่าไปรู้จักอิตากล้องคนนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ”
ฟ้างามถามขึ้นทันทีที่พี่จันท์เดินถือชุดออกจากห้องไป ทิ้งพวกเขาไว้สองคน ในใจเธออยากรู้เหลือเกินว่าสองคนนี้รู้จักกันมากน้อยแค่ไหน ปรกติเธอไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครแต่ของนายบู๊ลิ้มนี่ กลับทำให้เธออดใจไม่ไหวที่จะอยากรู้เรื่องราวของเขา ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจนายคนนี้ด้วย